***ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ เมื่อกี้อัปข้ามไป 1 ตอน***
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปลูกรักปักใจ...บทนำ : https://ppantip.com/topic/36426083
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 1 : https://ppantip.com/topic/36428752
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 2 : https://ppantip.com/topic/36430950
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 3 : https://ppantip.com/topic/36435000
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 4 : https://ppantip.com/topic/36439032
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 5 : https://ppantip.com/topic/36443358
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 6 : https://ppantip.com/topic/36455681
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 7 : https://ppantip.com/topic/36508901
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 8 : https://ppantip.com/topic/36519497
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 9[1] : https://ppantip.com/topic/36532554
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 9[2] : https://ppantip.com/topic/36549085
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 10 : https://ppantip.com/topic/36554416
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 11[1] : https://ppantip.com/topic/36574754
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 11[2] : https://ppantip.com/topic/36588124
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 12[1] : https://ppantip.com/topic/36601405
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 12[2] : https://ppantip.com/topic/36614236
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 13[1] : https://ppantip.com/topic/36630339
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 13[2] : https://ppantip.com/topic/36649807
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14[1] : https://ppantip.com/topic/36673188
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14[2] : https://ppantip.com/topic/36696938
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15[1] : https://ppantip.com/topic/36710279
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15[2] : https://ppantip.com/topic/36725612
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15 : อดีตที่นำพาสู่ปัจจุบัน
สองเดือนต่อมา
เมื่อได้รับข่าวว่าเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงวันหยุดกรวีร์จึงถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนเพื่อนถึงกรุงเทพฯ ขณะกำลังเดินไปที่ลิฟต์ เขาก็ชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินมาอย่างเหม่อลอย ข้าวของในมือเธอร่วงหล่นกระจัดกระจาย
“ขอโทษ...” หญิงสาวตั้งใจจะขอโทษขอโพยเมื่อได้สติ แต่แล้วก็ต้องค้างคำพูดไว้แค่นั้น เมื่อได้เห็นหน้าของคนที่เธอเดินชน
“อ้าวคุณ” กรวีร์ร้องทัก พลางก้มลงหวังช่วยเก็บข้าวของที่เกลื่อนเต็มพื้น ซึ่งเป็นซองบรรจุยาเสียส่วนใหญ่
หญิงสาวเห็นดังนั้นก็ร้องห้ามเสียงหลง “ไม่ต้อง ฉันเก็บเองได้” พูดจบก็รีบก้มลงเก็บซองยาใส่ในถุงกระดาษอย่างไว เกรงว่าเขาจะเห็นว่ายาเหล่านี้คือยาอะไร
“คุณไม่สบายเหรอ แล้วคุณเป็นอะไรมากไหมคุณภัค สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย” กรวีร์ถามด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผืดของอีกฝ่าย ไหนจะอาการร้อนรนแปลกๆ นั่นอีก
“เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ปวดหัวนิดหน่อย ฉันไปละ” ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ซักต่อ เธอรีบลนลานออกไปทันทีที่พูดจบ
“เดี๋ยวก่อนคุณภัค” ชายหนุ่มร้องเรียกเมื่อเห็นยาซองหนึ่งวางอยู่ที่พื้น เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมาหวังเอาไปคืนเจ้าของ แล้วสายตาคมก็สะดุดกับชื่อยาบนสลาก ‘ยาบำรุงครรภ์’ ไวเท่าความคิด กรวีร์รีบวิ่งเข้าไปฉุดแขนหญิงสาวไว้ ก่อนที่เธอจะก้าวขาขึ้นรถแท็กซี่
“คุณท้องเหรอ” กรวีร์ถามออกไปตรงๆ จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างจับสังเกต แม้รายละเอียดบนสลากยาจะบอกทุกอย่างไว้ชัดเจนแล้ว แต่เขาก็อยากฟังจากปากเธอ
คนถูกถามถึงกับสะดุ้งโหยง ดวงตาเรียวเบิกกว้างขึ้น ตัวแข็งทื่อราวถูกสาป ส่วนสมองก็คิดหาสารพัดคำปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เมื่อชายหนุ่มยื่นซองยาในมือเขามาตรงหน้าเธอ
“ใช่ ฉันท้อง แต่คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เด็กในท้องฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก” ภคพรยอมจำนนต่อหลักฐาน ก่อนโกหกคำโตออกไป
“คุณแน่ใจเหรอ” เขากดเสียงต่ำ มองอีกฝ่ายอย่างคาดคั้นอยู่ในที
“แน่ แน่ใจสิ” ปากบอกว่าแน่ใจแต่กลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตา อย่างไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่าย
“แน่ใจแล้วทำไมต้องหลบตาผมด้วย” ถามพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างจับพิรุธ ก่อนจะยิงคำถามต่อ “คุณท้องกี่เดือนแล้ว”
“เอ่อ...” ภคพรติดอ่างขึ้นมาทันที สมองมันอื้ออึงจนคิดอะไรแทบไม่ออก คิดออกแต่เพียงว่าจะให้เขารับรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากเขารู้เข้า เขาต้องไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอคิดจะทำแน่
“ว่าไงคุณภัค สรุปว่าลูกในท้องคุณเป็นลูกผมใช่ไหม” ชายหนุ่มถามย้ำเมื่อเธอยังอึกอัก
“หนึ่งเดือน” เมื่อได้โกหกแล้วก็ต้องโกหกให้สุด หญิงสาวคิดแบบนั้น
“ใช่เหรอ ผมว่ากลับเข้าไปให้หมอตรวจอีกรอบดีกว่า เพื่อความชัวร์” ว่าจบคนตัวโตก็เข้าไปฉุดข้อมือของคนตัวเล็กกว่า หวังพากลับไปให้หมอตรวจอีกรอบตามที่พูด แต่หญิงสาวกลับขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินไปด้วย
“ปล่อยฉัน ฉันไม่ไป ฉันจะกลับบ้าน” ภคพรพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่ ทั้งยังใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระแกะมือหนาออกอย่างไม่ลดละ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อมันล็อกแน่นยิ่งกว่าคีมเหล็กเสียอีก
“ถ้าไม่ไปก็ต้องบอกความจริงผมมา” กรวีร์หยุดเดิน หันมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ
“โอเค ฉันยอมรับก็ได้ว่าเด็กในท้องฉันเป็นลูกของคุณ” หญิงสาวยอมรับในที่สุด ในเมื่อโกหกไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะเธอนั้นโกหกไม่เนียนเอาเสียเลย “แต่คุณไม่ต้องกังวลไปนะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวฉันเอง”
“จัดการ? คุณจัดการยังไง” คิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าคำว่าจัดการของเธอนั้นหมายถึงอะไร
“ฉันจะเอาเด็กออก” หญิงสาวพูดอย่างเด็ดเดี่ยว ดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่พูดเลยสักนิด ต่างจากอีกคนที่มีสีหน้าตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำคำนี้หลุดออกมาจากปากของคนที่กำลังจะเป็นแม่คน
“คุณจะบ้าเหรอ นี่คุณพูดอะไรออกมาคุณรู้ตัวหรือเปล่า” เขาสวนกลับเสียงดังอย่างลืมตัว จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามอง
กรวีร์ฉุดแขนหญิงสาวให้เดินตามไปที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล กดไหล่เธอให้นั่งลงบนม้านั่งที่ว่างอยู่
“ฉันยังไม่พร้อม ฉันไม่อยากมีลูก ฉัน...” หญิงสาวพร่ำออกมาอย่างเลื่อนลอย
“คุณไม่พร้อม แต่ผมพร้อม” กรวีร์พูดอย่างหนักแน่น “เด็กไม่ได้ผิดอะไร ทำไมคุณต้องคิดทำร้ายเขาด้วย คนที่คุณคิดจะทำลายเป็นลูกของคุณเองนะ แล้วไม่ใช่ลูกของคุณคนเดียวแต่เป็นลูกของผมด้วย และผมจะไม่มีวันยอมให้คุณทำร้ายลูกผมเป็นอันขาด”
“แต่ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเกิดมา ยังไงฉันก็ไม่มีวันเก็บมันไว้ให้เป็นมารความสุขฉันหรอกนะ” หญิงสาวตะโกนใส่คนตรงหน้าเสียงดังลั่น
“ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้หญิงหน้าสวยๆ อย่างคุณจะจิตใจโหดเหี้ยมได้ขนาดคิดฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ” กรวีร์มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความผิดหวัง ขนาดเขาเป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นคนอุ้มท้องด้วยตัวเอง แค่ได้รับรู้ว่ากำลังจะมีสายเลือดของตัวเองเกิดขึ้นมา แม้จะไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ เขายังดีใจละปลื้มใจขนาดนี้ ทั้งยังอยากจะเลี้ยงดูอุ้มชูให้เขาเติบใหญ่ในภายภาคหน้า แต่ดูคนเป็นแม่สิ กลับคิดแต่จะทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองซะอย่างนั้น
“มันไม่ใช่ลูกฉัน มันก็แค่ก้อนเลือดที่เกิดจากความผิดพลาด รีบกำจัดเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังดีกว่าปล่อยไว้ให้มันมาประจานตัวเอง” หญิงสาวพูดเสียงเย็น ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเฉยชา ราวกับไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่คิดจะทำเลยสักนิด
“ถ้าผมขอซื้อชีวิตเด็กคนนี้ไว้ล่ะ” กรวีร์ลองยื่นข้อเสนอ เมื่อคิดไม่เห็นทางไหนที่ดีกว่านี้แล้ว
“ยังไง?” ภคพรเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างต้องการคำอธิบาย
“ผมจะแต่งงานกับคุณ แล้ว...”
“ฉันไม่แต่ง นี่มันชีวิตจริงนะคุณไม่ใช่ละคร” เธอสวนทันควันโดยไม่รอให้เขาได้พูดจบ “วิธีของฉันง่ายกว่าวิธีของคุณเป็นไหนๆ ทำไมคุณต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากด้วย ในเมื่อเราสองคนต่างก็ไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันอยู่แล้ว แล้วทำไมเราต้องให้เด็กคนนี้มาผูกเราไว้ด้วยกัน ฉันยอมรับตรงนี้เลยว่าฉันคงทนอยู่กับคนที่ฉันไม่ได้รักไม่ได้ ฉันจะแต่งงานกับคนที่ฉันรักเท่านั้น” ภคพรยังคงยืนยันตามเจตนาเดิม
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15 [3]
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สองเดือนต่อมา
เมื่อได้รับข่าวว่าเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงวันหยุดกรวีร์จึงถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนเพื่อนถึงกรุงเทพฯ ขณะกำลังเดินไปที่ลิฟต์ เขาก็ชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินมาอย่างเหม่อลอย ข้าวของในมือเธอร่วงหล่นกระจัดกระจาย
“ขอโทษ...” หญิงสาวตั้งใจจะขอโทษขอโพยเมื่อได้สติ แต่แล้วก็ต้องค้างคำพูดไว้แค่นั้น เมื่อได้เห็นหน้าของคนที่เธอเดินชน
“อ้าวคุณ” กรวีร์ร้องทัก พลางก้มลงหวังช่วยเก็บข้าวของที่เกลื่อนเต็มพื้น ซึ่งเป็นซองบรรจุยาเสียส่วนใหญ่
หญิงสาวเห็นดังนั้นก็ร้องห้ามเสียงหลง “ไม่ต้อง ฉันเก็บเองได้” พูดจบก็รีบก้มลงเก็บซองยาใส่ในถุงกระดาษอย่างไว เกรงว่าเขาจะเห็นว่ายาเหล่านี้คือยาอะไร
“คุณไม่สบายเหรอ แล้วคุณเป็นอะไรมากไหมคุณภัค สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย” กรวีร์ถามด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผืดของอีกฝ่าย ไหนจะอาการร้อนรนแปลกๆ นั่นอีก
“เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ปวดหัวนิดหน่อย ฉันไปละ” ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ซักต่อ เธอรีบลนลานออกไปทันทีที่พูดจบ
“เดี๋ยวก่อนคุณภัค” ชายหนุ่มร้องเรียกเมื่อเห็นยาซองหนึ่งวางอยู่ที่พื้น เขาก้มลงหยิบมันขึ้นมาหวังเอาไปคืนเจ้าของ แล้วสายตาคมก็สะดุดกับชื่อยาบนสลาก ‘ยาบำรุงครรภ์’ ไวเท่าความคิด กรวีร์รีบวิ่งเข้าไปฉุดแขนหญิงสาวไว้ ก่อนที่เธอจะก้าวขาขึ้นรถแท็กซี่
“คุณท้องเหรอ” กรวีร์ถามออกไปตรงๆ จ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างจับสังเกต แม้รายละเอียดบนสลากยาจะบอกทุกอย่างไว้ชัดเจนแล้ว แต่เขาก็อยากฟังจากปากเธอ
คนถูกถามถึงกับสะดุ้งโหยง ดวงตาเรียวเบิกกว้างขึ้น ตัวแข็งทื่อราวถูกสาป ส่วนสมองก็คิดหาสารพัดคำปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เมื่อชายหนุ่มยื่นซองยาในมือเขามาตรงหน้าเธอ
“ใช่ ฉันท้อง แต่คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เด็กในท้องฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก” ภคพรยอมจำนนต่อหลักฐาน ก่อนโกหกคำโตออกไป
“คุณแน่ใจเหรอ” เขากดเสียงต่ำ มองอีกฝ่ายอย่างคาดคั้นอยู่ในที
“แน่ แน่ใจสิ” ปากบอกว่าแน่ใจแต่กลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตา อย่างไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่าย
“แน่ใจแล้วทำไมต้องหลบตาผมด้วย” ถามพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างจับพิรุธ ก่อนจะยิงคำถามต่อ “คุณท้องกี่เดือนแล้ว”
“เอ่อ...” ภคพรติดอ่างขึ้นมาทันที สมองมันอื้ออึงจนคิดอะไรแทบไม่ออก คิดออกแต่เพียงว่าจะให้เขารับรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากเขารู้เข้า เขาต้องไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอคิดจะทำแน่
“ว่าไงคุณภัค สรุปว่าลูกในท้องคุณเป็นลูกผมใช่ไหม” ชายหนุ่มถามย้ำเมื่อเธอยังอึกอัก
“หนึ่งเดือน” เมื่อได้โกหกแล้วก็ต้องโกหกให้สุด หญิงสาวคิดแบบนั้น
“ใช่เหรอ ผมว่ากลับเข้าไปให้หมอตรวจอีกรอบดีกว่า เพื่อความชัวร์” ว่าจบคนตัวโตก็เข้าไปฉุดข้อมือของคนตัวเล็กกว่า หวังพากลับไปให้หมอตรวจอีกรอบตามที่พูด แต่หญิงสาวกลับขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินไปด้วย
“ปล่อยฉัน ฉันไม่ไป ฉันจะกลับบ้าน” ภคพรพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของมือใหญ่ ทั้งยังใช้มืออีกข้างที่เป็นอิสระแกะมือหนาออกอย่างไม่ลดละ แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อมันล็อกแน่นยิ่งกว่าคีมเหล็กเสียอีก
“ถ้าไม่ไปก็ต้องบอกความจริงผมมา” กรวีร์หยุดเดิน หันมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ
“โอเค ฉันยอมรับก็ได้ว่าเด็กในท้องฉันเป็นลูกของคุณ” หญิงสาวยอมรับในที่สุด ในเมื่อโกหกไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะเธอนั้นโกหกไม่เนียนเอาเสียเลย “แต่คุณไม่ต้องกังวลไปนะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวฉันเอง”
“จัดการ? คุณจัดการยังไง” คิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าคำว่าจัดการของเธอนั้นหมายถึงอะไร
“ฉันจะเอาเด็กออก” หญิงสาวพูดอย่างเด็ดเดี่ยว ดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่พูดเลยสักนิด ต่างจากอีกคนที่มีสีหน้าตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำคำนี้หลุดออกมาจากปากของคนที่กำลังจะเป็นแม่คน
“คุณจะบ้าเหรอ นี่คุณพูดอะไรออกมาคุณรู้ตัวหรือเปล่า” เขาสวนกลับเสียงดังอย่างลืมตัว จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามอง
กรวีร์ฉุดแขนหญิงสาวให้เดินตามไปที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล กดไหล่เธอให้นั่งลงบนม้านั่งที่ว่างอยู่
“ฉันยังไม่พร้อม ฉันไม่อยากมีลูก ฉัน...” หญิงสาวพร่ำออกมาอย่างเลื่อนลอย
“คุณไม่พร้อม แต่ผมพร้อม” กรวีร์พูดอย่างหนักแน่น “เด็กไม่ได้ผิดอะไร ทำไมคุณต้องคิดทำร้ายเขาด้วย คนที่คุณคิดจะทำลายเป็นลูกของคุณเองนะ แล้วไม่ใช่ลูกของคุณคนเดียวแต่เป็นลูกของผมด้วย และผมจะไม่มีวันยอมให้คุณทำร้ายลูกผมเป็นอันขาด”
“แต่ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเกิดมา ยังไงฉันก็ไม่มีวันเก็บมันไว้ให้เป็นมารความสุขฉันหรอกนะ” หญิงสาวตะโกนใส่คนตรงหน้าเสียงดังลั่น
“ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้หญิงหน้าสวยๆ อย่างคุณจะจิตใจโหดเหี้ยมได้ขนาดคิดฆ่าลูกตัวเองได้ลงคอ” กรวีร์มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความผิดหวัง ขนาดเขาเป็นผู้ชาย ไม่ได้เป็นคนอุ้มท้องด้วยตัวเอง แค่ได้รับรู้ว่ากำลังจะมีสายเลือดของตัวเองเกิดขึ้นมา แม้จะไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ เขายังดีใจละปลื้มใจขนาดนี้ ทั้งยังอยากจะเลี้ยงดูอุ้มชูให้เขาเติบใหญ่ในภายภาคหน้า แต่ดูคนเป็นแม่สิ กลับคิดแต่จะทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองซะอย่างนั้น
“มันไม่ใช่ลูกฉัน มันก็แค่ก้อนเลือดที่เกิดจากความผิดพลาด รีบกำจัดเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังดีกว่าปล่อยไว้ให้มันมาประจานตัวเอง” หญิงสาวพูดเสียงเย็น ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความเฉยชา ราวกับไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่คิดจะทำเลยสักนิด
“ถ้าผมขอซื้อชีวิตเด็กคนนี้ไว้ล่ะ” กรวีร์ลองยื่นข้อเสนอ เมื่อคิดไม่เห็นทางไหนที่ดีกว่านี้แล้ว
“ยังไง?” ภคพรเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างต้องการคำอธิบาย
“ผมจะแต่งงานกับคุณ แล้ว...”
“ฉันไม่แต่ง นี่มันชีวิตจริงนะคุณไม่ใช่ละคร” เธอสวนทันควันโดยไม่รอให้เขาได้พูดจบ “วิธีของฉันง่ายกว่าวิธีของคุณเป็นไหนๆ ทำไมคุณต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากด้วย ในเมื่อเราสองคนต่างก็ไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันอยู่แล้ว แล้วทำไมเราต้องให้เด็กคนนี้มาผูกเราไว้ด้วยกัน ฉันยอมรับตรงนี้เลยว่าฉันคงทนอยู่กับคนที่ฉันไม่ได้รักไม่ได้ ฉันจะแต่งงานกับคนที่ฉันรักเท่านั้น” ภคพรยังคงยืนยันตามเจตนาเดิม