บทก่อนหน้า
บทนำ
http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒
http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/31377764
นับตั้งแต่กลับมาจากเมลเบิร์นคราวนั้น ณัฐญาณ์สังเกตว่าเจ้าของบ้านหนุ่มมักจะยุ่งอยู่ในพื้นที่การเกษตรด้านหลังสถานีแปรรูป เขาบอกกับเธอว่า นอกจากออกเรือล่าวาฬในช่วงฤดูหนาว และสกัดน้ำมันวาฬหลังจากกลับเข้าฝั่ง เขาก็มีงานการเกษตรทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์สำหรับเป็นอาหารและขายด้วย เธอก็รู้ว่าเขามีงานตรงนั้น แต่หญิงสาวรู้สึกว่าเขาดูยุ่งอยู่กับพื้นที่การเกษตรมากเป็นพิเศษนับแต่กลับมาจากเมลเบิร์น ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังเตรียมพื้นที่สำหรับลงพืชผลชนิดใหม่ แต่เมื่อเธอถามว่าเขากำลังจะปลูกอะไร ชายหนุ่มก็เอาแต่ยิ้มกริ่ม นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายระริก แต่ไม่เคยตอบคำถามของเธออย่างชัดเจนเลย
หนึ่งสัปดาห์หลังจากกลับจากเมลเบิร์น เรือส่งสินค้าจากเมลเบิร์นเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือหน้าสถานีแปรรูป เมื่อณัฐญาณ์ถามเอลานอร์หญิงรับใช้ ก็ได้ทราบว่า หนึ่งในสินค้าที่มาส่งคือต้นไม้ของเธอ หญิงสาวตื่นเต้นดีใจที่ในที่สุดก็จะได้ปลูกต้นไม้ที่ซื้อไว้เสียที ณัฐญาณ์อยากออกไปดูคนขนสินค้าขึ้นจากเรือ แต่รู้ดีว่าทำไม่ได้แน่นอน ด้วยเหตุผลเดิม ๆ ว่า ‘ไม่งาม’ ที่เธอจะไปยืนดูคนงานผู้ชายทำงาน จึงเพียงแต่รออยู่บนบ้าน เพราะมั่นใจว่า ชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะต้องมาพาเธอลงไปปลูกดอกไม้ด้วยตนเองแน่นอน
ณัฐญาณ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด เมื่อมองเห็นเจ้าของบ้านหนุ่มเดินมาแต่ไกล เขายิ้มกว้างเมื่อมองเห็นหญิงสาว พลางก้าวยาว ๆ เข้ามาหา
“มานี่เถอะแนท ผมมีอะไรจะให้ดู” ว่าพลางยื่นแขนให้เกาะ ก่อนจะพาเดินลงจากบ้าน ตรงเข้าไปยังพื้นที่เพาะปลูกด้านหลัง
ภาพตรงหน้าที่เห็นคือ พื้นดินที่ถูกเตรียมสำหรับเพาะปลูกขนาดกว้างใหญ่ มีคนงานจำนวนหนึ่งกำลังลงต้นไม้ ซึ่งต้นกล้าที่ยังไม่ถูกปลูก วางเรียงกันอยู่มุมหนึ่ง วิลเลียมพาหญิงสาวเดินตรงไปยังหมู่ต้นกล้าที่วางเรียงกันอยู่ พลางยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นหญิงสาวเบิกตากว้าง อุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อมองเห็นว่าต้นกล้าเหล่านั้นคืออะไร
“มะลิ การ์ดีเนีย แต่... ฉันเลือกไว้สี่ห้าต้นเองนี่คะ” เงยหน้าขึ้นถามคนข้างกาย เพราะต้นกล้าที่พร้อมลงดินตอนนี้มีมากกว่าร้อยต้นแน่ ๆ ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะอธิบาย
“ผมเห็นคุณดูท่าทางรักดอกไม้พวกนี้มาก แล้วที่ดินเราที่ยังว่างเปล่าก็มีเยอะแยะ เลยคิดว่าปลูกดอกไม้พวกนี้ให้คุณดีกว่า คุณจะได้มีอะไรทำเวลาที่ผมไม่อยู่”
“ขอบคุณมากค่ะวิล” เธอจะพูดอะไรได้มากไปกว่านั้นเล่า
“ชามะลิค่ะ” ณัฐญาณ์บอกกับเจ้าของบ้านหนุ่ม ขณะทั้งสองนั่งดื่มน้ำชายามบ่ายอยู่ด้วยกันในสวนในวันหยุดวันหนึ่ง หญิงสาวยกถ้วยชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ ให้ชายหนุ่ม น้ำชาร้อนจัดระเหยไอกรุ่นกลิ่นมะลิ ที่เรียกร้องให้เขายกถ้วยชาขึ้นจิบในทันที
“หอมมากทีเดียว คุณไปได้มาจากไหน”
“ฉันทำเองค่ะ” ตอบพร้อมยิ้มอาย ๆ คนได้ยินถึงกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“คุณทำชาเป็นด้วยหรือ”
“ฉันไม่เคยทำมาก่อนหรอกค่ะ แต่พยายามนึกถึงตอนที่แม่ทำ มะลิออกดอกมากจนฉันไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ก็เลยนึกถึงชามะลิของแม่” หญิงสาวอธิบาย ก่อนจะถามน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“คุณ... คิดว่าอย่างไรคะ”
“ใช้ได้เลย หอมสดชื่นดี รสชาติชาก็ยังคงเดิม” ชายหนุ่มนิ่งคิดไปนิดก่อนจะตอบ
“ชามะลิเป็นการใช้กลิ่นจากดอกมะลิให้ซึมเข้าไปในใบชาค่ะ เพื่อทำให้ชามีกลิ่นหอมของมะลิ แต่จะไม่มีผลต่อรสชาติของชา ฉันทดลองทำดูจำนวนน้อย ๆ อยากให้คุณลองชิมก่อน ถ้าคุณชอบ ฉันจะทำให้คุณเอาไปดื่มตอนออกเรือ” หญิงสาวว่า เปิดเผยถึงแผนการที่แอบคิดไว้ให้เขาฟัง ซึ่งคนได้ฟังถึงกับตาเป็นประกาย
“ขอบคุณมากครับแนท ผมชอบ ถ้าไม่ลำบาก ผมอยากได้ไปดื่มบนเรือ” ชายหนุ่มว่า รู้สึกอบอุ่นในหัวใจโดยไม่ทราบสาเหตุ
ณัฐญาณ์ยิ้มกว้างอย่างยินดีเมื่อทราบว่าชายหนุ่มชอบชาที่เธอตั้งใจทำ หญิงสาวไม่แน่ใจเลยว่าชามะลิที่ลงมือทำเองโดยอาศัยความทรงจำจากการนั่งมองมารดาทำอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนักนั้น จะออกมาใช้ได้ แต่เมื่อเขายืนยันว่าใช้ได้มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นสินะ เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกเธอนี่นา
“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอแรงคนงานให้ช่วยเก็บดอกมะลิให้หน่อยนะคะ สักสองสามวันหลังจากนี้”
“ได้สิครับแนท แล้วผมจะจัดการให้” ชายหนุ่มว่าอย่างใจดี
สองหนุ่มสาวนั่งดื่มชาและรับประทานของว่างพลางคุยกันสัพเพเหระ ในขณะที่ณัฐญาณ์ร้อยมาลัยดอกมะลิไปด้วย หญิงสาวเคยบอกเขาว่าเธอจะร้อยมาลัยให้เขา และมะลิในช่วงปลายฤดูร้อนก็ออกดอกมากมาย จนหญิงสาวพยายามสรรหาวิธีนำดอกมะลิเหล่านี้มาใช้งาน เพราะไม่อยากให้แห้งเหี่ยวคาต้นโดยเปล่าประโยชน์
บนบ้านหลังใหญ่หญิงสาวขอให้เอลานอร์จับช่อมะลิมัดรวมกันเป็นช่อใหญ่และวางไว้ในทุกมุมของบ้าน ส่งกลิ่นหอมหวานอวลไปทั่ว บางส่วนจัดการทำชามะลิอย่างที่เพิ่งให้เจ้าของบ้านหนุ่มลองชิม นอกจากนั้นก็เสียบประดับบนมวยผม ซึ่งเอลานอร์ชมแล้วชมอีกว่าเหมาะสมกับเธอเหลือเกิน แต่แม้จะทำทั้งหมดนั่น ณัฐญาณ์ก็ยังรู้สึกว่าเธอยังมีดอกมะลิเหลือเฟือ ซึ่งหญิงสาวยังคงพยายามมองหาวิธีนำดอกไม้กลิ่นหอมหวานนี้มาใช้งานให้ได้ แต่เมื่อยังนึกไม่ออก จึงทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน
เมื่อร้อยมาลัยเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวให้เอลานอร์นำใส่พานไปวางบนโต๊ะหัวเตียงของชายหนุ่ม
“ห้องคุณจะได้หอมกลิ่นมะลิ” เธอบอกเขาว่าอย่างนั้น ชายหนุ่มยิ้ม กล่าวน้ำเสียงยั่วเย้า
“ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะร้อยมาลัยเป็น”
“อ้าว คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยหรือคะ” ถามเสียงสูงราวกับไม่พอใจ หากใบหน้ายิ้มละไม บอกให้ชายหนุ่มทราบว่าเธอเพียงแต่ล้อเล่นเท่านั้น
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ดูจากที่คุณทำงานตัดเย็บไม่เป็น ผมก็เลยไม่คิดว่าคุณจะร้อยมาลัยเป็น เพราะนี่ดูเป็นงานของผู้หญิงมากทีเดียว”
“อย่างที่เคยบอกคุณ เราซื้อเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตัดเสื้อเป็น แต่สำหรับมาลัย แม่ชอบร้อยมาลัยถวายพระเอง และสอนให้ฉันฝึกทำตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงทำไม่เป็นหรอก” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ น่าแปลกที่ไม่รู้สึกปวดร้าวในอกเมื่อคิดถึงมารดาอย่างที่เคยเป็น มีเพียงความคิดถึงเพราะอยู่ห่างไกลกันเท่านั้น ซึ่งหญิงสาวรู้ว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปหามารดา และการพูดถึงท่านกับชายหนุ่ม ทำให้ณัฐญาณ์รู้สึกว่ามีมารดาอยู่ใกล้ ๆ
“อย่างไรก็ขอบคุณสำหรับมาลัยดอกมะลิ ผมว่ากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมะลิที่อ้อยอิ่งอยู่ในห้อง ทำให้ผมหลับดีขึ้น”
“ด้วยความยินดีค่ะวิลเลียม สิ่งที่ฉันทำให้คุณ เล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำให้ฉัน”
“ไม่หรอกนาทาย่าห์ คุณมีความหมายกับผ... เอ่อ... ที่นี่ มากกว่าที่คุณคิด” เมื่อเห็นคนฟังมองมาด้วยสายตาแสดงคำถาม วิลเลียม แคมพ์เบลล์ ที่เกือบเผลอพูดสิ่งที่อยู่ภายในใจออกไปให้หญิงสาวได้รู้ ก็อธิบาย
“คุณทำให้บ้านเป็นบ้าน คุณดูแลบ้านให้ผม ทำให้บ้านมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่อาคารสถานีแปรรูปที่เป็นแค่ที่ซุกหัวนอนอย่างเมื่อก่อน”
“ก็มันเป็น ‘บ้าน’ ของฉันเหมือนกันนี่คะ”
นัยน์ตาสองคู่มองสบกัน ฉายแววสะท้อนความรู้สึกภายในที่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา เพราะรู้แก่ใจดีว่า อุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้านั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
สุดปลายฝัน บทที่ ๑๐
บทนำ http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
นับตั้งแต่กลับมาจากเมลเบิร์นคราวนั้น ณัฐญาณ์สังเกตว่าเจ้าของบ้านหนุ่มมักจะยุ่งอยู่ในพื้นที่การเกษตรด้านหลังสถานีแปรรูป เขาบอกกับเธอว่า นอกจากออกเรือล่าวาฬในช่วงฤดูหนาว และสกัดน้ำมันวาฬหลังจากกลับเข้าฝั่ง เขาก็มีงานการเกษตรทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์สำหรับเป็นอาหารและขายด้วย เธอก็รู้ว่าเขามีงานตรงนั้น แต่หญิงสาวรู้สึกว่าเขาดูยุ่งอยู่กับพื้นที่การเกษตรมากเป็นพิเศษนับแต่กลับมาจากเมลเบิร์น ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังเตรียมพื้นที่สำหรับลงพืชผลชนิดใหม่ แต่เมื่อเธอถามว่าเขากำลังจะปลูกอะไร ชายหนุ่มก็เอาแต่ยิ้มกริ่ม นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายระริก แต่ไม่เคยตอบคำถามของเธออย่างชัดเจนเลย
หนึ่งสัปดาห์หลังจากกลับจากเมลเบิร์น เรือส่งสินค้าจากเมลเบิร์นเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือหน้าสถานีแปรรูป เมื่อณัฐญาณ์ถามเอลานอร์หญิงรับใช้ ก็ได้ทราบว่า หนึ่งในสินค้าที่มาส่งคือต้นไม้ของเธอ หญิงสาวตื่นเต้นดีใจที่ในที่สุดก็จะได้ปลูกต้นไม้ที่ซื้อไว้เสียที ณัฐญาณ์อยากออกไปดูคนขนสินค้าขึ้นจากเรือ แต่รู้ดีว่าทำไม่ได้แน่นอน ด้วยเหตุผลเดิม ๆ ว่า ‘ไม่งาม’ ที่เธอจะไปยืนดูคนงานผู้ชายทำงาน จึงเพียงแต่รออยู่บนบ้าน เพราะมั่นใจว่า ชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะต้องมาพาเธอลงไปปลูกดอกไม้ด้วยตนเองแน่นอน
ณัฐญาณ์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด เมื่อมองเห็นเจ้าของบ้านหนุ่มเดินมาแต่ไกล เขายิ้มกว้างเมื่อมองเห็นหญิงสาว พลางก้าวยาว ๆ เข้ามาหา
“มานี่เถอะแนท ผมมีอะไรจะให้ดู” ว่าพลางยื่นแขนให้เกาะ ก่อนจะพาเดินลงจากบ้าน ตรงเข้าไปยังพื้นที่เพาะปลูกด้านหลัง
ภาพตรงหน้าที่เห็นคือ พื้นดินที่ถูกเตรียมสำหรับเพาะปลูกขนาดกว้างใหญ่ มีคนงานจำนวนหนึ่งกำลังลงต้นไม้ ซึ่งต้นกล้าที่ยังไม่ถูกปลูก วางเรียงกันอยู่มุมหนึ่ง วิลเลียมพาหญิงสาวเดินตรงไปยังหมู่ต้นกล้าที่วางเรียงกันอยู่ พลางยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นหญิงสาวเบิกตากว้าง อุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อมองเห็นว่าต้นกล้าเหล่านั้นคืออะไร
“มะลิ การ์ดีเนีย แต่... ฉันเลือกไว้สี่ห้าต้นเองนี่คะ” เงยหน้าขึ้นถามคนข้างกาย เพราะต้นกล้าที่พร้อมลงดินตอนนี้มีมากกว่าร้อยต้นแน่ ๆ ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะอธิบาย
“ผมเห็นคุณดูท่าทางรักดอกไม้พวกนี้มาก แล้วที่ดินเราที่ยังว่างเปล่าก็มีเยอะแยะ เลยคิดว่าปลูกดอกไม้พวกนี้ให้คุณดีกว่า คุณจะได้มีอะไรทำเวลาที่ผมไม่อยู่”
“ขอบคุณมากค่ะวิล” เธอจะพูดอะไรได้มากไปกว่านั้นเล่า
“ชามะลิค่ะ” ณัฐญาณ์บอกกับเจ้าของบ้านหนุ่ม ขณะทั้งสองนั่งดื่มน้ำชายามบ่ายอยู่ด้วยกันในสวนในวันหยุดวันหนึ่ง หญิงสาวยกถ้วยชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ ๆ ให้ชายหนุ่ม น้ำชาร้อนจัดระเหยไอกรุ่นกลิ่นมะลิ ที่เรียกร้องให้เขายกถ้วยชาขึ้นจิบในทันที
“หอมมากทีเดียว คุณไปได้มาจากไหน”
“ฉันทำเองค่ะ” ตอบพร้อมยิ้มอาย ๆ คนได้ยินถึงกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“คุณทำชาเป็นด้วยหรือ”
“ฉันไม่เคยทำมาก่อนหรอกค่ะ แต่พยายามนึกถึงตอนที่แม่ทำ มะลิออกดอกมากจนฉันไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ก็เลยนึกถึงชามะลิของแม่” หญิงสาวอธิบาย ก่อนจะถามน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“คุณ... คิดว่าอย่างไรคะ”
“ใช้ได้เลย หอมสดชื่นดี รสชาติชาก็ยังคงเดิม” ชายหนุ่มนิ่งคิดไปนิดก่อนจะตอบ
“ชามะลิเป็นการใช้กลิ่นจากดอกมะลิให้ซึมเข้าไปในใบชาค่ะ เพื่อทำให้ชามีกลิ่นหอมของมะลิ แต่จะไม่มีผลต่อรสชาติของชา ฉันทดลองทำดูจำนวนน้อย ๆ อยากให้คุณลองชิมก่อน ถ้าคุณชอบ ฉันจะทำให้คุณเอาไปดื่มตอนออกเรือ” หญิงสาวว่า เปิดเผยถึงแผนการที่แอบคิดไว้ให้เขาฟัง ซึ่งคนได้ฟังถึงกับตาเป็นประกาย
“ขอบคุณมากครับแนท ผมชอบ ถ้าไม่ลำบาก ผมอยากได้ไปดื่มบนเรือ” ชายหนุ่มว่า รู้สึกอบอุ่นในหัวใจโดยไม่ทราบสาเหตุ
ณัฐญาณ์ยิ้มกว้างอย่างยินดีเมื่อทราบว่าชายหนุ่มชอบชาที่เธอตั้งใจทำ หญิงสาวไม่แน่ใจเลยว่าชามะลิที่ลงมือทำเองโดยอาศัยความทรงจำจากการนั่งมองมารดาทำอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนักนั้น จะออกมาใช้ได้ แต่เมื่อเขายืนยันว่าใช้ได้มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นสินะ เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกเธอนี่นา
“ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอแรงคนงานให้ช่วยเก็บดอกมะลิให้หน่อยนะคะ สักสองสามวันหลังจากนี้”
“ได้สิครับแนท แล้วผมจะจัดการให้” ชายหนุ่มว่าอย่างใจดี
สองหนุ่มสาวนั่งดื่มชาและรับประทานของว่างพลางคุยกันสัพเพเหระ ในขณะที่ณัฐญาณ์ร้อยมาลัยดอกมะลิไปด้วย หญิงสาวเคยบอกเขาว่าเธอจะร้อยมาลัยให้เขา และมะลิในช่วงปลายฤดูร้อนก็ออกดอกมากมาย จนหญิงสาวพยายามสรรหาวิธีนำดอกมะลิเหล่านี้มาใช้งาน เพราะไม่อยากให้แห้งเหี่ยวคาต้นโดยเปล่าประโยชน์
บนบ้านหลังใหญ่หญิงสาวขอให้เอลานอร์จับช่อมะลิมัดรวมกันเป็นช่อใหญ่และวางไว้ในทุกมุมของบ้าน ส่งกลิ่นหอมหวานอวลไปทั่ว บางส่วนจัดการทำชามะลิอย่างที่เพิ่งให้เจ้าของบ้านหนุ่มลองชิม นอกจากนั้นก็เสียบประดับบนมวยผม ซึ่งเอลานอร์ชมแล้วชมอีกว่าเหมาะสมกับเธอเหลือเกิน แต่แม้จะทำทั้งหมดนั่น ณัฐญาณ์ก็ยังรู้สึกว่าเธอยังมีดอกมะลิเหลือเฟือ ซึ่งหญิงสาวยังคงพยายามมองหาวิธีนำดอกไม้กลิ่นหอมหวานนี้มาใช้งานให้ได้ แต่เมื่อยังนึกไม่ออก จึงทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน
เมื่อร้อยมาลัยเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวให้เอลานอร์นำใส่พานไปวางบนโต๊ะหัวเตียงของชายหนุ่ม
“ห้องคุณจะได้หอมกลิ่นมะลิ” เธอบอกเขาว่าอย่างนั้น ชายหนุ่มยิ้ม กล่าวน้ำเสียงยั่วเย้า
“ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะร้อยมาลัยเป็น”
“อ้าว คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลยหรือคะ” ถามเสียงสูงราวกับไม่พอใจ หากใบหน้ายิ้มละไม บอกให้ชายหนุ่มทราบว่าเธอเพียงแต่ล้อเล่นเท่านั้น
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ดูจากที่คุณทำงานตัดเย็บไม่เป็น ผมก็เลยไม่คิดว่าคุณจะร้อยมาลัยเป็น เพราะนี่ดูเป็นงานของผู้หญิงมากทีเดียว”
“อย่างที่เคยบอกคุณ เราซื้อเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตัดเสื้อเป็น แต่สำหรับมาลัย แม่ชอบร้อยมาลัยถวายพระเอง และสอนให้ฉันฝึกทำตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงทำไม่เป็นหรอก” หญิงสาวว่ายิ้ม ๆ น่าแปลกที่ไม่รู้สึกปวดร้าวในอกเมื่อคิดถึงมารดาอย่างที่เคยเป็น มีเพียงความคิดถึงเพราะอยู่ห่างไกลกันเท่านั้น ซึ่งหญิงสาวรู้ว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปหามารดา และการพูดถึงท่านกับชายหนุ่ม ทำให้ณัฐญาณ์รู้สึกว่ามีมารดาอยู่ใกล้ ๆ
“อย่างไรก็ขอบคุณสำหรับมาลัยดอกมะลิ ผมว่ากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมะลิที่อ้อยอิ่งอยู่ในห้อง ทำให้ผมหลับดีขึ้น”
“ด้วยความยินดีค่ะวิลเลียม สิ่งที่ฉันทำให้คุณ เล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำให้ฉัน”
“ไม่หรอกนาทาย่าห์ คุณมีความหมายกับผ... เอ่อ... ที่นี่ มากกว่าที่คุณคิด” เมื่อเห็นคนฟังมองมาด้วยสายตาแสดงคำถาม วิลเลียม แคมพ์เบลล์ ที่เกือบเผลอพูดสิ่งที่อยู่ภายในใจออกไปให้หญิงสาวได้รู้ ก็อธิบาย
“คุณทำให้บ้านเป็นบ้าน คุณดูแลบ้านให้ผม ทำให้บ้านมีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่อาคารสถานีแปรรูปที่เป็นแค่ที่ซุกหัวนอนอย่างเมื่อก่อน”
“ก็มันเป็น ‘บ้าน’ ของฉันเหมือนกันนี่คะ”
นัยน์ตาสองคู่มองสบกัน ฉายแววสะท้อนความรู้สึกภายในที่ไม่มีใครกล้าพูดออกมา เพราะรู้แก่ใจดีว่า อุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้านั้นยิ่งใหญ่เพียงใด