สุดปลายฝัน บทที่ ๔

กระทู้สนทนา
บทก่อนหน้า
บทนำ http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981

ชีวิตในสถานีแปรรูปวาฬของหญิงสาวผู้มาจากอนาคตเริ่มต้น ดำเนินไป และจบลงเหมือนกันในทุก ๆ วัน ทุก ๆ เช้าหญิงสาวจะตื่นมาพบกับน้ำอุ่นที่เตรียมไว้พร้อมแล้วจากเอลานอร์ สาวใช้ประจำบ้าน เมื่อเธออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อย สาวใช้ชาวกูรีก็จะเข้ามาช่วยแต่งตัว แม้จะอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ณัฐญาณ์ก็ยังไม่สามารถใส่ชุดรุ่มร่ามนี้ได้ด้วยตัวเองเสียที เพราะแค่ชั้นในก่อนที่จะสวมใส่ชุดยาวกรอมเท้าที่เห็นอยู่ด้านนอก ก็มากชิ้นจนหญิงสาวงงว่าจะใส่อะไรก่อนอะไรหลัง แต่เอลานอร์กลับช่วยใส่ให้เธอได้อย่างคล่องแคล่วจนน่าทึ่ง

หญิงสาวผู้เคยชินกับการสวมใส่เพียงเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ พยายามจดจำลำดับขั้นในการสวมใส่ชุดของสุภาพสตรีในยุคนี้เพราะไม่อยากรบกวนสาวใช้ให้ต้องมาช่วยเธอแต่งตัวทุกวัน เพราะดูเหมือนเอลานอร์ยังมีงานอย่างอื่นในบ้านนี้ที่สำคัญกว่าช่วยเธอแต่งตัวมากนัก

หลังจากใส่กางเกงชั้นใน ซึ่งมีความยาวลงไปถึงครึ่งแข้ง มีกระดุมเปิดปิดแทนตะเข็บตรงกลางเลยไปด้านหลังเพื่อให้ง่ายต่อการทำธุระในห้องน้ำ จะต้องใส่ถุงเท้ายาวและสายรัดก่อน เอลานอร์บอกกับเธอว่าอย่างนั้น ถุงเท้ายาวเป็นถุงเท้าเนื้อหนาที่ยาวเลยเข่าขึ้นไป ถูกรัดไว้ด้วยสายรัดที่ทำจากลูกไม้ การแต่งตัวในตอนกลางวัน ถุงเท้ายาวจะเป็นสีดำ ในขณะที่จะใช้สีขาวสำหรับแต่งตัวในงานกลางคืน หญิงรับใช้อธิบายกับเธอ หลังจัดการกับท่อนล่างเสร็จ เอลานอร์ก็ยื่นฌิมีส ซึ่งเป็นเสื้อหลวม ๆ ไร้ทรง คอกว้าง ความยาวเลยเข่าเล็กน้อยให้เธอสวม เพื่อเป็นเสื้อชั้นในชั้นแรก ก่อนที่จะตามมาด้วยคอร์เซ็ต ซึ่งเป็นเสื้อชั้นในเต็มตัวคลุมเลยสะเอวลงมาเล็กน้อย ขึ้นโครงแข็งด้วยกระดูกวาฬหรือแท่งเหล็ก ร้อยเชือกด้านหลังเพื่อปรับระดับความคับแน่นของคอร์เซ็ต

“ต้องดึงให้แน่นจะได้เอวคอดสวย” เอลานอร์บอก

หลังจากปรับคอร์เซ็ตจนได้เอวคอดอย่างที่เอลานอร์ต้องการแล้ว หญิงสาวต้องสวมเสื้อทับคอร์เซ็ตอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นจึงใส่ปฏิโค้ด ซึ่งเป็นกระโปรงซับใน เมื่อมาถึงตรงนี้ ณัฐญาณ์ก็เริ่มโอดครวญ

“เอลานอร์ อีกนานไหม”

“ใกล้แล้วค่ะคุณ” เอลานอร์ตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย เพราะทุกครั้งที่แต่งตัว คุณผู้หญิงจะทำท่าราวกับกำลังทุกข์ทรมานเสมอ

“คุณไม่เคยแต่งตัวแบบนี้หรือคะ”

“ไม่หรอก ปกติฉันจะใส่เสื้อกับกางเกง” หญิงสาวตอบ ความคิดหวนกลับไปถึงชีวิตง่าย ๆ ในยุคสมัยที่เติบโตมา ก่อนที่จะรีบห้ามตนเอง เพราะเมื่อคิดถึงชีวิตที่จากมา หญิงสาวจะปวดหนึบในอกราวหัวใจถูกบีบเพราะความคิดถึงและโหยหามารดาเสมอ

เอลานอร์ตาเบิกโตเมื่อได้ยินคำตอบจากหญิงสาว

“กางเกงอย่างที่พวกผู้ชายใส่น่ะหรือคะ” ผู้หญิงกับกางเกง หญิงรับใช้นึกภาพไม่ออกเอาเสียเลย

“อย่างนั้นแหละ ใส่ง่าย สบายดีด้วย” หญิงสาวบอกพลางถอนหายใจ เมื่อเอลานอร์ช่วยใส่ประโปรงสุ่มซึ่งทำโครงให้กระโปรงทิ้งตัวไปด้านหลัง มากกว่าจะเป็นสุ่มกลมรอบตัว

“สุดท้ายแล้วค่ะ” เอลานอร์บอก เมื่อสวมชุดกระโปรงยาวทับลงไปบนกระโปรงสุ่ม

ชุดที่หญิงสาวใส่ตัดจากผ้ามัสลินย้อมสีเหลืองนวล ที่ได้มาจากตลาดที่เจ้าบ้านหนุ่มพาไปหาซื้อเมื่อไม่กี่วันก่อน

“ที่นี่เป็นตลาดเล็ก ๆ ของที่พอซื้อหาได้ก็จะไม่หรูหรามาก แต่ก็พอแก้ขัดได้” ชายหนุ่มบอกกับเธอ เมื่อช่วยหญิงสาวเลือกซื้อผ้าหลายชิ้น

“ที่พอร์ทแคมพ์เบลล์ไม่มีร้านตัดเสื้อ คุณต้องตัดเสื้อใส่เอง” ชายหนุ่มบอก ก่อนจะมองหญิงสาวด้วยสีหน้าประหลาดใจ กับท่าทางตาเหลือกของเธอ

“คุณว่าอะไรนะคะ” ตัดเสื้อใส่เองอย่างนั้นหรือ ในวิชาเย็บปักถักร้อยสมัยมัธยม เธอยังต้องให้มารดาทำงานส่งแทน แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาตัดชุดหรูหราแบบนี้ใส่เองได้

“คุณตัดเสื้อไม่เป็นหรือ” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ เดาเอาจากท่าทางตระหนกของหญิงสาวเมื่อเขาบอกว่าเธอต้องตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยตนเอง

“ไม่เป็นหรอกค่ะ ฉันไม่เคยทำ ที่บ้าน... เราซื้อเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวบอกชายหนุ่ม

“จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องตัดเย็บเสื้อผ้าเองหรอกนะ สุภาพสตรีที่อยู่ในครอบครัวมั่งมี จะใช้บริการร้านตัดเสื้อ แต่ร้านตัดเสื้อก็อยู่ถึงเมลเบิร์น ผมคงยังพาคุณไปไม่ได้ ช่วงนี้สถานีกำลังยุ่ง เพราะอยู่ในช่วงสิ้นสุดฤดูกาล เดี๋ยวพองานซาลงแล้วผมจะพาคุณไป ตอนนี้คงต้องขอให้เอลานอร์ตัดเสื้อให้คุณก่อน” ชายหนุ่มช่วยแก้ปัญหาให้กับเธอ แต่เขาไม่เพียงจัดการเรื่องคนตัดเสื้อให้เธอเท่านั้น เขายังไปขอให้เอลิซาเบธ ภรรยาของนายแพทย์เออร์เนสท์ สอนการเป็นกุลสตรีในยุคสมัยของเขาให้เธอด้วย อันหมายรวมไปถึง การบ้านการเรือนและกริยามารยาท อย่างที่หญิงสาวพึงมี

“ผู้หญิงควรจะเก่งการเรือนจึงจะมีคุณค่า” ชายหนุ่มบอกกับเธอ ณัฐญาณ์อ้าปากทำท่าจะเถียงว่าสมัยนี้แล้วผู้หญิงกับผู้ชายเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นต้องเก่งการบ้านการเรือนอีกต่อไป เพราะออกไปทำงานนอกบ้านเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ชายแล้ว แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะขี้คร้านจะเถียงกับคนโบราณอย่างเขา อย่างไรความคิดความเชื่อของเขาต้องต่างกันสุดขั้วกับเธออยู่แล้ว ด้วยเติบโตมาในยุคสมัยที่ต่างกัน และก็เพราะเขาต้องการให้เธอมีค่านี่ล่ะ วันนี้หญิงสาวจึงต้องไปพบกับเอลิซาเบธ เพื่อเรียนรู้การเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่าจากสุภาพสตรีผู้เพียบพร้อม ผู้เป็นภรรยาของนายแพทย์เออร์เนสท์

หลังจากใส่ชุดหลายชั้นเสร็จเรียบร้อย เอลานอร์จัดการทำผมให้หญิงสาว โดยการถักเปียเส้นใหญ่ทางด้านข้างศีรษะทั้งสองข้าง ก่อนจะขมวดผมด้านหลังเป็นมวยหลวม ๆ ยึดมวยไว้ให้ไม่หลุดรุ่ยด้วยปิ่นปักผม ที่เจ้าบ้านเป็นคนเลือกให้เธอในวันที่เขาพาไปตลาด

“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณงามมาก” เอลานอร์กล่าวด้วยสีหน้าชื่นชมอย่างจริงใจ

“ขอบใจมากนะเอลานอร์ ป่านนี้นายท่านรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วกระมัง” หญิงสาวกล่าวขอบคุณสาวใช้ ก่อนจะก้าวเร็ว ๆ ไปยังประตูห้อง เท่าที่กระโปรงหลายชั้นจะอำนวย

“เดี๋ยวค่ะคุณผู้หญิง” ได้ยินเสียงเอลานอร์เรียกมาจากด้านหลัง ณัฐญาณ์หันกลับไปมองพลางเลิกคิ้ว

“คุณลืมหมวกกับถุงมือค่ะ” สาวใช้ตอบพลางถือหมวกกับถุงมือมายื่นส่งให้ หญิงสาวผู้มาจากอนาคตถึงกับกลอกตากับความร่ำไรของคนโบราณ เพราะดูเหมือนว่าเหล่าสุภาพสตรีทั้งหลายจะออกจากบ้านโดยปราศจากหมวกและถุงมือไม่ได้เลย

เมื่อเดินมาถึงห้องรับประทานอาหาร ณัฐญาณ์เห็นชายหนุ่มเจ้าบ้านนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาลุกขึ้นมารับหมวกกับถุงมือในมือหญิงสาวไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะขยับเก้าอี้ให้

“ขอบคุณค่ะ” กล่าวเสียงเบา พยายามจะทำความคุ้นเคยกับความมีพิธีรีตองของเขา

ชายหนุ่มพิจารณาหญิงสาวในชุดเตรียมออกจากบ้านเต็มยศ นัยน์ตาฉายแววพอใจเปิดเผย และโดยไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ จากปากของเขา ก็ทำให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคนถูกมองเรื่อสีขึ้นได้ สายตาเสไปมองเอลานอร์ที่กำลังจัดการเสิร์ฟอาหารเช้าให้กับเจ้านายหนุ่มและหญิงสาวผู้เป็นแขก  

“คุณมีเรียนกับเอลิซาเบธวันนี้สินะ” ชายหนุ่มชวนคุย

“ค่ะ” ตอบรับสั้น ๆ

“เดี๋ยวผมจะเดินไปส่ง” ชายหนุ่มบอก ณัฐญาณ์หันหลับมามองชายหนุ่มเต็มตา พลางส่ายศีรษะ

“ฉันไม่รวบกวนคุณหรอกค่ะ ฉันไปคนเดียวได้ แค่นี้เอง”

“คุณจะเดินไปคนเดียวได้อย่างไร” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้มเจือแววตำหนิ

“คะ” ณัฐญาณ์ถามอย่างงงงวยกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปในทันทีทันใดของเขา เขาจะตำหนิเธอเรื่องอะไร ควรจะขอบคุณที่เธอไม่ทำตัวเป็นภาระของเขาสิจึงจะถูก

“สุภาพสตรีจะเดินไปไหนมาไหนคนเดียวได้อย่างไร” ชายหนุ่มว่า นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวงงหนักเข้าไปอีก ทำไมจะเดินไม่ไหนมาไหนไม่ได้เล่า เธอไม่ได้พิการเสียหน่อย

“ทำไมคะ” ในที่สุดก็ถามอย่างอดไม่ได้

“สุภาพสตรีที่ยังไม่แต่งงาน ไปไหนมาไหนจะต้องมีคนไปด้วยเสมอ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกครหาว่าแอบไปทำอะไรไม่ดีลับตาคนได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะไปไหนแล้วผมไม่ว่างพาไป ต้องให้เอลานอร์ไปด้วย” ชายหนุ่มบอก ฟังดูคล้าย ๆ คำสั่ง หญิงสาวกำลังจะอ้าปากโวยวายว่าเธอไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะไปไหนแล้วจะต้องมีพี่เลี้ยงไปด้วย ก่อนที่จะรำลึกได้ว่า เธอกำลังอยู่ในยุคสมัยใด จึงสงบปากสงบคำ และรับคำสั้น ๆ แทน

“ค่ะ”

คำตอบรับทำให้คนที่ตั้งท่ารับการโวยวายถึงกับเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เขามั่นใจว่าเธอกำลังจะโวยวายกับเขาแน่ ๆ แต่แล้วกลับรับคำง่าย ๆ เสียอย่างนั้น แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ เขาชอบที่เธอว่าง่าย ๆ มากกว่าจะดื้อดึงกับทุกเรื่องที่เขาพูด เพราะไม่ว่าอย่างไร ผู้หญิงก็ไม่ควรจะเอะอะโวยวายหรือเถียงคำไม่ตกฟากอยู่นั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่