สุดปลายฝัน บทที่ ๑๓

กระทู้สนทนา
บทก่อนหน้า
บทนำ   http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/31428977


ณัฐญาณ์รู้สึกตัวตื่นมาในตอนเช้าด้วยหัวใจที่โหวงหวิว เมื่อตระหนักว่าอ้อมกอดอุ่น จุมพิตอ่อนหวาน ที่เธอได้รับจากชายหนุ่ม เป็นเพียงความฝันของเธอเอง เธอคงจะคิดถึงเขามากจนถึงกับเอาไปฝันว่าเขากลับมาเร็วกว่ากำหนด ในขณะที่ความเป็นจริง ชายหนุ่มเพิ่งจะจากไปได้เพียงสามวันเท่านั้นเอง

หญิงสาวทำกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าอย่างที่ทำเป็นปกติ เธอจะอาบน้ำอุ่นที่เอลานอร์ต้มเตรียมไว้ให้ แต่งตัวโดยมีเอลานอร์เข้ามาช่วย และเข้าไปรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร ที่ปกติจะมีชายหนุ่มร่วมบ้านนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หากนับตั้งแต่เขาออกเรือไป ห้องอาหารที่เธอเคยตั้งตารอที่จะเดินเข้าไปเพราะรู้ว่ามีใครอีกคนรออยู่ บัดนี้กลับเงียบเหงา มีเพียงเธอที่ต้องรับประทานอาหารเช้าอยู่อย่างเดียวดาย ยิ่งมองเห็นเก้าอี้ที่ชายหนุ่มนั่งประจำว่างเปล่า ยิ่งทำให้โพรงในอกขยายขนาดขึ้น โพรงที่ทำให้รู้สึกโหวงเหวงนับแต่วันที่ชายหนุ่มจากไป และยิ่งขยายใหญ่ขึ้นในทุก ๆ วันที่เขาอยู่ไกลห่าง โพรงที่ณัฐญาณ์รู้ว่าจะถูกเติมให้เต็มและอบอุ่นอีกครั้งก็ต่อเมื่อเขากลับมาอยู่กับเธอเท่านั้น

อาหารเช้าที่เคยรสชาติดี บัดนี้ก็จืดชืด เพราะไม่มีอีกคนที่คอยตักอาหารส่งให้ ไม่มีบทสนทนาระหว่างมื้ออาหาร ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน บ้านที่เธอเริ่มรู้สึกว่าเป็นบ้าน บัดนี้ไม่เป็นบ้านอีกต่อไป เมื่อไม่มีเจ้าของบ้านอยู่ด้วย ชีวิตในสมัยโบราณที่เธอเริ่มเคยคุ้น เริ่มไม่เป็นที่คุ้นเคยอีกแล้ว ณัฐญาณ์กลับมารู้สึกเดียวดายราวกับอยู่คนเดียวในโลกอีกครั้ง

แม้แต่ทางเดินไปโรงเรียนของครูเอลิซาเบธก็ยังหงอยเหงาเมื่อไม่มีคนตัวสูงเดินไปด้วย หลังอาหารเช้าในวันที่ต้องไปทำงานที่โรงเรียน ณัฐญาณ์จะเดินไปโรงเรียนโดยมีเอลานอร์เดินไปส่ง แม้จะได้พูดคุยกับหญิงรับใช้ แม้จะไม่ได้เดินไปคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว แต่ก็รู้สึกเดียวดายเหลือเกิน เมื่อคนที่เดินไปส่งไม่ใช่คนที่เคยทำหน้าที่นั้น

เมื่อมาถึงโรงเรียน ณัฐญาณ์ทักทายกับเอลิซาเบธอย่างหงอย ๆ สังเกตว่าภรรยาของนายแพทย์เออร์เนสท์มองเธอด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจจะหาคำตอบว่าหญิงสาวผู้มีฐานะเป็นครูของเธอ จะมาเห็นใจเธอด้วยเรื่องอะไร เพราะในความคิดคำนึงของหญิงสาว มีแต่คนอยู่ไกลเต็มไปหมด จนไม่มีพื้นที่เหลือพอสำหรับเรื่องอื่น ๆ

หลังเสร็จจากงานสอน ณัฐญาณ์อยู่คุยกับเอลิซาเบธต่อ ทั้งนี้เพราะไม่ต้องการกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ที่เงียบเหงา บางทีการได้พูดคุยกับคนอื่นบ้าง คงจะทำให้ความคิดถึงที่มีต่อคนไกลคลายลงบ้างกระมัง

“เอลิซาเบธคะ ฉันมีของมาให้คุณค่ะ” กล่าวพลางยื่นขวดแก้วขนาดเล็กที่มีของเหลวใสบรรจุอยู่ภายในให้คนตรงหน้า เอลิซาเบธปรายสายตามองสิ่งของในมือหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้น นัยน์ตามีคำถาม

“น้ำหอมค่ะ นี่เป็นกลิ่นการ์ดีเนีย ฉันเพิ่งลองทำ เอามาให้คุณลองดูค่ะ”

“โอ ขอบคุณค่ะนาทาย่าห์”

“ลองดูสิคะว่าชอบไหม” เจ้าของน้ำหอมคะยั้นคะยอให้อีกคนทดลองดู เอลิซาเบธจึงหยดของเหลวในขวดลงไปบนมือ ก่อนจะลูบไล้เบา ๆ บนข้อมือบริเวณชีพจร จากนั้นยกขึ้นอังจมูก สูดเบา ๆ

“หอมมากเลยค่ะ นาทาย่าห์” เอลิซาเบธบอกเจ้าของน้ำหอม สีหน้าพอใจ

“ดีใจค่ะที่คุณชอบ ฉันกำลังทดลองใช้ดอกไม้ในสวนมาทำน้ำหอมน่ะค่ะ ดอกไม้มีมากจนต้องหาอะไรทำ ตอนนี้ฉันกำลังลองผิดลองถูกอยู่ค่ะ คงจะได้เอามาให้คุณทดลองเรื่อย ๆ หากคุณไม่รังเกียจ” บอกหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่นี่อย่างฝากเนื้อฝากตัว เธอยังต้องทดลองน้ำหอมอีกมาก หากมีคนช่วยทดลองใช้ก็จะดีกว่าคิดเองเออเองอยู่คนเดียวเป็นแน่

“ด้วยความยินดีค่ะ แนท แต่ฉันว่าถ้าคุณมีมาก ลองให้คนเอาไปขายที่ตลาดด้วยก็ดีนะคะ ฉันคิดว่าสาว ๆ ในเมืองคงไม่รังเกียจน้ำหอมกลิ่นดอกไม้หอม ๆ นี่แน่ ๆ”

“คุณคิดว่าจะมีคนซื้อหรือคะ” ถามอย่างไม่แน่ใจ เธอไม่เคยคิดเรื่องค้าขายมาก่อน คิดเพียงว่าจะทำอย่างไรกับดอกไม้ที่มีมากมายเท่านั้นเอง แต่เมื่อเอลิซาเบธจุดประกายเช่นนี้ ก็ทำให้หญิงสาวตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บางทีเธออาจจะทำน้ำหอมให้เป็นอาชีพสร้างรายได้ให้ตนเองได้

“สาว ๆ กับน้ำหอมเป็นของคู่กัน แต่น้ำหอมก็เป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่แพงเหลือเกิน หากคุณทำน้ำหอมที่ราคาไม่แพงออกมาขาย ฉันเชื่อว่าต้องมีคนซื้อแน่ ๆ ค่ะ” เอลิซาเบธตอบด้วยท่าทางมั่นใจ

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองดูค่ะ แต่ตอนแรกนี้คงต้องทดลองหาวิธีที่ดีที่สุดในการทำก่อน จากนั้นคงจะได้มีการพลิกแพลงปรุงสูตรต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ตอนนี้ฉันลองใช้ดอกมะลิกับดอกการ์ดีเนียอยู่ค่ะ ยังไม่ได้ทดลองผสมกันเลย กะว่าจะค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ” บอกแผนการให้อีกคนฟัง เอลิซาเบธรับฟังด้วยท่าทางสนอกสนใจ ณัฐญาณ์เชื่อแล้วว่าผู้หญิงกับน้ำหอมหอม ๆ เป็นของคู่กันจริง ๆ

“ฉันจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่ตอนนี้ยังหาไม่ได้ ต้องรอจนกว่าวิลเลียมจะกลับ จึงจะขอให้เขาสั่งมาให้” หญิงสาวกล่าวต่อไป การได้พูดถึงคนที่อยู่ในหัวใจทั้งยามหลับยามตื่นทำให้ทั้งเป็นสุขและเศร้าหมองเพราะความคิดถึง และดูเหมือนความเศร้าหมองจะแสดงออกบนสีหน้ามากกว่า เพราะเอลิซาเบธยื่นมือมาบีบมือบางอย่างให้กำลังใจ

“แนท วิลเลียมไม่อยู่ คุณเป็นอย่างไรบ้างคะ” เอลิซาเบธถามเสียงอ่อน นัยน์ตาเจือแววเห็นอกเห็นใจ

“ฉัน... เอ่อ... สบายดีค่ะเอลิซาเบธ” จะบอกว่าเธอคิดถึงเขาแทบขาดใจได้อย่างไรเล่า หากแต่ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องบอกออกไปเป็นคำพูด เพราะเอลิซาเบธตอบกลับมาน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างปลอบประโลมและให้กำลังใจ ราวกับรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรอยู่

“อดทนหน่อยนะคะ นาทาย่าห์ ฉันว่าบางทีหลังจากแต่งงานแล้ววิลเลียมอาจจะไม่ออกเรือแล้วก็ได้” คำพูดของอีกคนทำเอาณัฐญาณ์ถึงกับสะดุ้ง แต่งงานอย่างนั้นหรือ เธอมั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาไม่น่าจะมีใครรู้เห็น เพราะแม้แต่เธอเองยังเพิ่งจะรู้ในเช้าวันที่เขาจากไปนี่เอง แล้วเอลิซาเบธเอาเรื่องแต่งงานนี่มาจากไปกัน

“แต่งงาน...” ณัฐญาณ์ทวนคำ สีหน้าแสดงความไม่เข้าใจ แต่คิดว่าใบหน้าของตนจะต้องเรื่อสีอยู่ไม่น้อย เพราะรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าลามมาถึงลำคอ

“แหม ไม่เห็นต้องอายเลยค่ะนาทาย่าห์ ใคร ๆ ก็รู้ว่าวิลเลียมพาคุณมาอยู่ที่นี่เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของเขา พวกเราไม่เคยเห็นวิลเลียมอ่อนหวานกับใครอย่างที่ทำกับคุณมาก่อน และฉันเดาว่ากลับจากออกเรือคราวนี้ วิลเลียมต้องขอคุณแต่งงานแน่ ๆ” เอลิซาเบธเอ่ยน้ำเสียงล้อ ๆ ดูเหมือนภรรยานายแพทย์เออร์เนสท์จะตีความหมายใบหน้าเรื่อสีของเธอไปว่าเธอเขินอายที่จะพูดเรื่องแต่งงานกระมัง

ณัฐญาณ์ก็เพิ่งจะรู้ในตอนนั้นเองว่าผู้คนที่นี่คิดว่าความสัมพันธ์ของเธอและเจ้าของสถานีแปรรูปวาฬหนุ่มเป็นอย่างไร และให้สงสัยนักว่า ชายหนุ่มจะรู้หรือไม่ว่าคนอื่น ๆ เข้าใจผิดไปไกลขนาดนั้น

“คุณบอกว่าวิลเลียมอาจจะไม่ออกเรือ เขาทำอย่างนั้นได้ด้วยหรือคะ” ถามอย่างไม่เข้าใจ หากเขาไม่ออกเรือแล้วจะทำอย่างไรกับสถานีแปรรูปของเขา

“ได้สิคะ จริง ๆ แล้ววิลเลียมไม่จำเป็นต้องออกเรือเลย เขามีสถานีล่าวาฬ เขาจะมีเรือกี่ลำ มีกัปตันกี่คนก็ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกเรือเอง แต่เขาก็ยังชอบที่จะออกเรือ เขาบอกว่ามันเป็นชีวิตของเขา แต่ฉันคิดว่าเมื่อเขาแต่งงานมีครอบครัว เขาอาจจะคิดใหม่ก็ได้ ความคิดคนหนุ่มกับคนมีครอบครัวแล้ว มันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ นาทาย่าห์ อย่าห่วงไปเลยนะคะ” เอลิซาเบธยังคงปลอบอกปลอบใจหญิงสาว ซึ่งณัฐญาณ์ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความจริงให้กับหญิงสาวผู้หวังดีเข้าใจได้อย่างไร จึงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย ในขณะที่ลึก ๆ ก็อดคิดไม่ได้ คงจะดีไม่น้อยหากเธอเป็นเพียงผู้หญิงที่วิลเลียม แคมพ์เบลล์ พามาอยู่ที่บ้านเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของเขา และเมื่อถึงเวลาก็แต่งงานกัน ชายหนุ่มเลิกออกเรือ และครองรักกันอย่างมีความสุข ไม่ใช่ความจริงอย่างที่เธอรู้แก่ใจว่า เธอมาจากอนาคต และเขาอนุเคราะห์ให้อาศัยอยู่ที่บ้านด้วยจนกว่าจะมีหนทางกลับบ้านเมืองของตน และตอนนี้สถานการณ์ที่ยุ่งยากอยู่แล้วก็ยากมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอและเขามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกัน และยังหาทางออกให้กับความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นไม่เจอ

ยายณัฐเอ๋ย จะมีความรักกับเขาทั้งที จะให้ปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นเขาก็ไม่ได้ หญิงสาวรำพึงกับตนเองอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่