บทก่อนหน้า
บทนำ
http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒
http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑
http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓
http://ppantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔
http://ppantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕
http://ppantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖
http://ppantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗
http://ppantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘
http://ppantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙
http://ppantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐
http://ppantip.com/topic/31681967
บทที่ ๒๑
หลังมรสุมของความรักผ่านไป ดูเหมือนเจ้าของสถานีหนุ่มจะไม่ยอมเสี่ยงปล่อยให้เวลาล่วงเลยอีกแล้ว เขาเร่งสร้างเรือนหอจนเกือบเสร็จ รอเพียงเครื่องเรือนที่สั่งจากอังกฤษให้มาส่งเท่านั้น ส่วนอื่น ๆ นั้นเสร็จเรียบร้อยพร้อมเข้าอยู่ รวมทั้งรั้วต้นพุดซ้อนที่ปลูกล้อมรอบบ้านหลังน้อยทั้งหลังด้วย
“บ้านนาทาย่าห์ ผมจะเรียกเรือนหอของเราว่า ‘บ้านนาทาย่าห์’ ชายหนุ่มบอกกับเธอในวันหนึ่ง
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะผมสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาเพื่อคุณ คนอื่น ๆ จะได้รู้ด้วยว่า วิลเลียม แคมพ์เบลล์ รักนาทาย่าห์ เจ้าสาวของเขาแค่ไหน” น้ำเสียงจริงจัง รวมกับสายตาที่ฉายแววรักใคร่ไม่ปิดบัง ทำให้ณัฐญาณ์รู้สึกอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะทำให้หญิงสาวกังขาในความรักของชายหนุ่มที่มีต่อเธอ เขาบอกทั้งคำพูด ทั้งกระทำ เพื่อให้เธอรับรู้ในความรักของเขาที่มอบให้เธอ จนความไม่มั่นอกมั่นใจที่ณัฐญาณ์เคยรู้สึก ถูกลบเลือนไปด้วยความจริงใจและมุ่งมั่นของเขา จนตอนนี้หญิงสาวมีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจที่มีต่อชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้ ใครหรืออะไรก็ไม่มีความหมายเลย ตราบใดที่ชายผู้เป็นที่รัก มอบความรักและภักดีให้กับเธออย่างที่เป็นอยู่นี้
ณัฐญาณ์รวบสองมือใหญ่เข้ามากุมไว้ตรงหน้า หน่วยตาสีน้ำตาลเข้มเงยขึ้นสบตากับชายหนุ่ม บอกเขาอย่างซื่อตรงกับความรู้สึกภายใจ
“วิลคะ ฉันก็รักคุณ ฉันอยากให้คุณรู้ว่า ฉันรักคุณอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความรักให้ใครมากมายขนาดนี้ ฉันยอมแลกชีวิต ครอบครัว เพื่อนฝูง ที่ฉันเคยมี เพื่อที่จะได้อยู่กับคุณ”
วิลเลียมถึงกับอดที่จะดึงร่างระหงตรงหน้าเข้ามาโอบกอดด้วยความซาบซึ้งใจไม่ได้ เธอรักเขา เหมือนอย่างที่เขารักเธอ คนสองคน หัวใจสองดวง ที่แตกต่างและห่างไกลกันเหลือเกิน กลับเดินทางข้ามกาลเวลามาพบกัน มาเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน... ตลอดไป...
หรืออย่างน้อยชายหนุ่มก็คิดเช่นนั้น ในเมื่อทั้งเขาและเธอรักและเข้าใจกันดีแล้วเช่นนี้ ชายหนุ่มมองไม่เห็นว่าจะมีอุปสรรคอะไรที่จะมาขัดขวางความรักระหว่างเขาและเธอ
ไม่มีเลย...
ห่างจากเรือนหอไปไม่ไกลนัก ระหว่างสวนหย่อมและสวนดอกไม้สำหรับทำน้ำหอม เป็นอาคารชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่นัก สร้างเป็นห้องโถงเดียวภายในบรรจุวัสดุอุปกรณ์สำหรับการสกัดน้ำมันหอมจากดอกไม้ รวมทั้งโต๊ะทำงาน ชั้นเก็บตัวอย่างน้ำหอม และหลอดแก้วสำหรับทดลองต่าง ๆ เป็นเวิร์คชอปที่เจ้าของให้ชื่อว่า ‘เรือนมะลิลา’
“บ้านมาลีล่า” ชายหนุ่มทวนคำด้วยสำเนียงของตน ทำให้เจ้าของ ‘เรือนมะลิลา’ อดคิดถึงคำพูดของพนักงานโรงแรมที่กล่าวกับเธอในคืนแรกที่เข้าพักที่โรงแรมกึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้
“นอกจากพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งบน ‘เรือนาทาย่าห์’ ที่จัดแสดงวิถีการล่าวาฬในอดีตและ ‘บ้านนาทาย่าห์’ แล้ว เรายังมี ‘บ้านมาลีล่า’ ซึ่งเคยเป็นเวิร์คช็อปผลิตน้ำหอมของคุณนาทาย่าห์ ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ หากคุณสนใจ น้ำหอมแบรนด์ ‘มาลีล่า’ ของเรา ซึ่งเป็นสูตรของคุณนาทาย่าห์ มีขายที่ร้านขายของที่ระลึกนะคะ”
‘บ้านมาลีล่า’ จริง ๆ คือเรือนมะลิลาเองหรอกหรือ ไม่ผิดแน่แล้ว เธอคือนาทาย่าห์ หญิงสาวผู้มาจากแดนไกล ภรรยาของกัปตันวิลเลียม แคมพ์เบลล์ จริง ๆ ในเมื่อมีทั้ง เรือนาทาย่าห์ บ้านนาทาย่าห์ และเรือนมะลิลา ที่ออกเสียงตามสำเนียงของคนที่นี่ว่าบ้านมาลีล่า ถ้าอย่างนั้นแบรนด์น้ำหอมของเธอก็คงจะต้องเป็น ‘มะลิลา’ ที่คนที่นี่ออกเสียงว่า ‘มาลีล่า’ กระมัง
“ทำไมถึงมาลีล่า” ชายหนุ่มถามเธอ
“ไม่ใช่มาลีล่าค่ะ มะลิลา เป็นมะลิพันธุ์หนึ่ง มีกลิ่นหอมมาก ชื่ออะไรจะเหมาะสมกับน้ำหอมมากกว่ามะลิลาล่ะคะ เวิร์คชอปฉันจะเรียกว่า ‘เรือนมะลิลา’ ส่วนแบรนด์น้ำหอมก็เป็นแบรนด์ ‘มะลิลา’”
“ตอนแรกผมกะว่าจะใช้ชื่อแบรนด์เป็น ‘นาทาย่าห์’ นะนี่” ชายหนุ่มว่า นัยน์ตาฉายแววขบขัน เมื่อรู้สึกว่าเขาชักจะใช้ชื่อของหญิงสาวมาเป็นชื่อของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสถานีแปรรูปวาฬของเขาเสียแล้ว
คนฟังถึงกับส่ายหน้า “ไม่ล่ะค่ะ คุณใช้ชื่อฉันเยอะแล้ว ขอใช้ชื่ออื่นบ้างนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะใช้ชื่อวิลเลียมเสียเลย” หญิงสาวเย้ายิ้ม ๆ ทำให้วิลเลียมถึงกับหัวเราะเสียงดัง น้ำหอมแบรนด์วิลเลียมนี่นะ
“มาลีล่าเหมาะสมที่สุดแล้วครับแนท เหมาะสมกว่าวิลเลียมเยอะ” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ เรียกให้อีกคนประสานเสียงหัวเราะไปกับเขาได้
นอกจากงานก่อสร้างเรือนหอและเวิร์คชอปทำน้ำหอมที่รุดหน้าจนแล้วเสร็จ งานแต่งงานก็ถูกจัดเตรียมจนเกือบจะพร้อมแล้วเช่นกัน โดยมีเอลิซาเบธเป็น
านเตรียมการที่เกี่ยวกับเจ้าสาวทั้งหมด
ร้านขายผ้าจากเมลเบิร์นถูกเชิญให้นำผ้าชั้นดีมาให้เลือกถึงสถานี เนื่องจากผู้เป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยุ่งกับการเตรียมการทั้งงานแต่งและสถานที่ จนไม่สามารถเดินทางไปเมลเบิร์น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะพ่อค้าผ้าจากเมลเบิร์น ยินดีเสียยิ่งกว่ายินดีที่จะนำผ้าที่ดีที่สุดในร้านมาให้เจ้าสาวเลือกสำหรับตัดชุดแต่งงาน
สำหรับชุดเจ้าสาวนั้นเอลิซาเบธใช้ผ้าไหมซาตินสีขาวบริสุทธิ์และลูกไม้ทอมือเนื้อดี ส่วนรองเท้าเจ้าสาว ใช้ผ้าซาตินสีงาช้าง โดยที่ช่างตัดรองเท้าเพื่อใส่กับชุดแต่งงานที่เอลิซาเบธออกแบบโดยเฉพาะ
“อย่าให้วิลเลียมเห็นชุดเจ้าสาวก่อนวันแต่งเด็ดขาดนะคะ” เอลิซาเบธกำชับ ขณะที่ณัฐญาณ์กำลังลองชุดเป็นครั้งสุดท้าย
“ทำไมหรือคะ”
“จะทำให้โชคร้ายค่ะ ห้ามเจ้าบ่าวเห็นชุดเจ้าสาวก่อนวันงานเด็ดขาดเลย” เอลิซาเบธตอบ ดวงตากลมโตสีฟ้าสดเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น ขณะมองว่าที่เจ้าสาวในชุดแต่งงานที่ตนเป็นคนออกแบบและตัดเย็บด้วยตัวเอง
“คุณสวยเหลือเกินค่ะ นาทาย่าห์ ถ้าวิลเลียมเห็น เขาจะต้องตะลึงแน่ ๆ”
ณัฐญาณ์ยิ้มให้คนกล่าวชื่นชม เอลิซาเบธดูตื่นเต้นยินดีกว่าเธอผู้ซึ่งจะเป็นเจ้าสาวเสียอีก ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยินดีที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับชายผู้เป็นที่รัก แต่ความตื่นเต้นยินดีได้ถูกลดทอนลงด้วยความคิดถึงมารดา ยิ่งเข้าใกล้วันแต่งงานเพียงใด ณัฐญาณ์ก็ยิ่งคิดถึงมารดาผู้อยู่ห่างไกลคนละภพชาติเพียงนั้น การแต่งงานของเธอ เหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตสาว กลับขาดคนที่สำคัญที่สุดอย่างมารดาไป ทำให้หญิงสาวจะตื่นเต้นยินดี ก็ทำได้ไม่เต็มที่อย่างที่ใจต้องการนัก
ในขณะที่ณัฐญาณ์เตรียมพร้อมในส่วนเจ้าสาว ชายหนุ่มก็จัดเตรียมความพร้อมในฝั่งเจ้าบ่าว รวมทั้งการจัดการเตรียมงานพิธีทั้งในโบสถ์และงานเลี้ยงซึ่งจะจัดขึ้นที่สถานีแปรรูปวาฬ โดยจัดในสวนระหว่างอาคารสถานีและเรือนหอ ซึ่งถึงแม้ว่าตามธรรมเนียมแล้วจะเป็นหน้าที่ของฝั่งเจ้าสาว แต่เพราะหญิงสาวมาอยู่ที่นี่อย่างไร้ญาติขาดมิตร ชายหนุ่มจึงเป็นคนจัดการเสียเอง
กัปตันหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงธรรมเนียม ใครจะไปนึกเล่า ว่าชายหนุ่มผู้เคร่งธรรมเนียมอย่างเขา เมื่อตกอยู่ในห้วงแห่งรักแล้ว เขาจะแหวกธรรมเนียมเสียไม่เหลือชิ้นดี อย่างการตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้หญิงที่ไร้หัวนอนปลายเท้า ไร้ที่มาที่ไป ซึ่งขัดกับความเชื่อค่านิยมที่ว่า หญิงที่ดีต้องมาจากตระกูลที่ดี ยิ่งสืบสาวความยิ่งใหญ่ไปได้หลายชั่วคนก็ยิ่งดี อย่างที่มารดาของเขาเชื่อเสมอมา แต่สำหรับเขา คนจะดีหรือเลว ไม่ได้อยู่ที่ว่าเกิดมาจากตระกูลใด หากอยู่ที่ความเป็นตัวตนของคน ๆ นั้น และเขาก็รู้ได้ว่า ‘นาทาย่าห์’ ผู้หญิงที่เขารักจนหมดหัวใจ มีความดีงาม มีคุณค่าในตัวตน อย่างที่ไม่จำเป็นต้องมาจากตระกูลใหญ่ที่มารดาของเขา ‘อนุมัติ’ เลย
วิลเลียมได้เรียนรู้คุณค่าของคนก็เมื่อตอนที่เขารอดตายจากการช่วยเหลือของหัวหน้าเผ่ากูรี ชนเผ่าพื้นเมืองที่เขาถูกสอนมาว่ามีค่าเที่ยบเท่ากับสัตว์ในป่าตัวหนึ่ง ที่ทางการยิงทิ้งราวกับพวกเขาไม่มีชีวิตจิตใจ แต่เมื่อได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขา ได้เรียนรู้วิถีชีวิตและรู้จักพวกเขาอย่างที่เป็นจริง ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนพื้นเมืองผิวดำที่เกิดในป่าเขา หรือคนผิวขาวที่เกิดในตระกูลอันยิ่งใหญ่ ก็มีความเป็นคนไม่ต่างกัน สิ่งที่จะทำให้คนเราสูงต่ำต่างกัน อยู่ที่ความดีงามในจิตใจต่างหาก ไม่ใช่ชาติกำเนิดหรือสีผิวเลย
ชาติกำเนิดและสีผิว... สิ่งสมมติที่ทำให้มารดาของเขามองว่าหญิงสาวที่เขารักไม่มีค่าพอที่จะเป็นภรรยาของเขา จนทำให้เธอถึงกับไม่มั่นใจว่าความรักที่เขามีต่อเธอจะมากพอที่จะก้าวข้ามความเชื่อเหล่านั้นไปได้ เขาไม่โทษเธอเลยที่จะรู้สึกเช่นนั้น จึงเพียรพยายามที่จะแสดงออกให้เธอได้เห็น ว่าไม่ว่าสังคมจะกำหนดกฎเกณฑ์ไว้อย่างไร ก็ไม่สามารถเป็นอุปสรรคต่อความรักที่เขามีต่อเธอเลย และก็ต้องขอบคุณโชคชะตา ที่ในที่สุดหญิงสาวก็มองเห็นความรักความจริงใจและมั่นคงของเขา จนนำมาสู่การแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ได้
งานแต่งงานของเขาและเธอจะจัดที่โบสถ์เล็ก ๆ ในเมืองแคมพ์เบลล์ในช่วงเช้า และมีงานเลี้ยงต่อที่บ้านหลังจากพิธีที่โบสถ์เสร็จสิ้น ในการเตรียมงานที่โบสถ์นั้นชายหนุ่มเป็นคนจัดการ ทั้งการติดต่อบาทหลวงผู้ทำพิธี การตกแต่งห้องทำพิธีซึ่งร้านดอกไม้ในเมืองจะรับหน้าที่จัดการให้ การเตรียมรถม้าที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะใช้เดินทางเพื่อเข้าพิธี ในขณะที่งานเลี้ยงนั้นได้เอลิซาเบธรับหน้าที่เป็น
าน โดยมีเอลานอร์เป็นผู้ช่วยมือฉมัง และได้ร้านดอกไม้ร้านเดียวกันจัดตกแต่งสถานที่ให้
ในที่สุดทุกอย่างก็เตรียมพร้อม เหลือเพียงรอวันงานเท่านั้นเอง...
สุดปลายฝัน บทที่ ๒๑
บทนำ http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖ http://ppantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗ http://ppantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘ http://ppantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙ http://ppantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐ http://ppantip.com/topic/31681967
หลังมรสุมของความรักผ่านไป ดูเหมือนเจ้าของสถานีหนุ่มจะไม่ยอมเสี่ยงปล่อยให้เวลาล่วงเลยอีกแล้ว เขาเร่งสร้างเรือนหอจนเกือบเสร็จ รอเพียงเครื่องเรือนที่สั่งจากอังกฤษให้มาส่งเท่านั้น ส่วนอื่น ๆ นั้นเสร็จเรียบร้อยพร้อมเข้าอยู่ รวมทั้งรั้วต้นพุดซ้อนที่ปลูกล้อมรอบบ้านหลังน้อยทั้งหลังด้วย
“บ้านนาทาย่าห์ ผมจะเรียกเรือนหอของเราว่า ‘บ้านนาทาย่าห์’ ชายหนุ่มบอกกับเธอในวันหนึ่ง
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะผมสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาเพื่อคุณ คนอื่น ๆ จะได้รู้ด้วยว่า วิลเลียม แคมพ์เบลล์ รักนาทาย่าห์ เจ้าสาวของเขาแค่ไหน” น้ำเสียงจริงจัง รวมกับสายตาที่ฉายแววรักใคร่ไม่ปิดบัง ทำให้ณัฐญาณ์รู้สึกอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะทำให้หญิงสาวกังขาในความรักของชายหนุ่มที่มีต่อเธอ เขาบอกทั้งคำพูด ทั้งกระทำ เพื่อให้เธอรับรู้ในความรักของเขาที่มอบให้เธอ จนความไม่มั่นอกมั่นใจที่ณัฐญาณ์เคยรู้สึก ถูกลบเลือนไปด้วยความจริงใจและมุ่งมั่นของเขา จนตอนนี้หญิงสาวมีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความไว้วางใจที่มีต่อชายหนุ่ม ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้ ใครหรืออะไรก็ไม่มีความหมายเลย ตราบใดที่ชายผู้เป็นที่รัก มอบความรักและภักดีให้กับเธออย่างที่เป็นอยู่นี้
ณัฐญาณ์รวบสองมือใหญ่เข้ามากุมไว้ตรงหน้า หน่วยตาสีน้ำตาลเข้มเงยขึ้นสบตากับชายหนุ่ม บอกเขาอย่างซื่อตรงกับความรู้สึกภายใจ
“วิลคะ ฉันก็รักคุณ ฉันอยากให้คุณรู้ว่า ฉันรักคุณอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความรักให้ใครมากมายขนาดนี้ ฉันยอมแลกชีวิต ครอบครัว เพื่อนฝูง ที่ฉันเคยมี เพื่อที่จะได้อยู่กับคุณ”
วิลเลียมถึงกับอดที่จะดึงร่างระหงตรงหน้าเข้ามาโอบกอดด้วยความซาบซึ้งใจไม่ได้ เธอรักเขา เหมือนอย่างที่เขารักเธอ คนสองคน หัวใจสองดวง ที่แตกต่างและห่างไกลกันเหลือเกิน กลับเดินทางข้ามกาลเวลามาพบกัน มาเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน... ตลอดไป...
หรืออย่างน้อยชายหนุ่มก็คิดเช่นนั้น ในเมื่อทั้งเขาและเธอรักและเข้าใจกันดีแล้วเช่นนี้ ชายหนุ่มมองไม่เห็นว่าจะมีอุปสรรคอะไรที่จะมาขัดขวางความรักระหว่างเขาและเธอ
ไม่มีเลย...
ห่างจากเรือนหอไปไม่ไกลนัก ระหว่างสวนหย่อมและสวนดอกไม้สำหรับทำน้ำหอม เป็นอาคารชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่นัก สร้างเป็นห้องโถงเดียวภายในบรรจุวัสดุอุปกรณ์สำหรับการสกัดน้ำมันหอมจากดอกไม้ รวมทั้งโต๊ะทำงาน ชั้นเก็บตัวอย่างน้ำหอม และหลอดแก้วสำหรับทดลองต่าง ๆ เป็นเวิร์คชอปที่เจ้าของให้ชื่อว่า ‘เรือนมะลิลา’
“บ้านมาลีล่า” ชายหนุ่มทวนคำด้วยสำเนียงของตน ทำให้เจ้าของ ‘เรือนมะลิลา’ อดคิดถึงคำพูดของพนักงานโรงแรมที่กล่าวกับเธอในคืนแรกที่เข้าพักที่โรงแรมกึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้
“นอกจากพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งบน ‘เรือนาทาย่าห์’ ที่จัดแสดงวิถีการล่าวาฬในอดีตและ ‘บ้านนาทาย่าห์’ แล้ว เรายังมี ‘บ้านมาลีล่า’ ซึ่งเคยเป็นเวิร์คช็อปผลิตน้ำหอมของคุณนาทาย่าห์ ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ หากคุณสนใจ น้ำหอมแบรนด์ ‘มาลีล่า’ ของเรา ซึ่งเป็นสูตรของคุณนาทาย่าห์ มีขายที่ร้านขายของที่ระลึกนะคะ”
‘บ้านมาลีล่า’ จริง ๆ คือเรือนมะลิลาเองหรอกหรือ ไม่ผิดแน่แล้ว เธอคือนาทาย่าห์ หญิงสาวผู้มาจากแดนไกล ภรรยาของกัปตันวิลเลียม แคมพ์เบลล์ จริง ๆ ในเมื่อมีทั้ง เรือนาทาย่าห์ บ้านนาทาย่าห์ และเรือนมะลิลา ที่ออกเสียงตามสำเนียงของคนที่นี่ว่าบ้านมาลีล่า ถ้าอย่างนั้นแบรนด์น้ำหอมของเธอก็คงจะต้องเป็น ‘มะลิลา’ ที่คนที่นี่ออกเสียงว่า ‘มาลีล่า’ กระมัง
“ทำไมถึงมาลีล่า” ชายหนุ่มถามเธอ
“ไม่ใช่มาลีล่าค่ะ มะลิลา เป็นมะลิพันธุ์หนึ่ง มีกลิ่นหอมมาก ชื่ออะไรจะเหมาะสมกับน้ำหอมมากกว่ามะลิลาล่ะคะ เวิร์คชอปฉันจะเรียกว่า ‘เรือนมะลิลา’ ส่วนแบรนด์น้ำหอมก็เป็นแบรนด์ ‘มะลิลา’”
“ตอนแรกผมกะว่าจะใช้ชื่อแบรนด์เป็น ‘นาทาย่าห์’ นะนี่” ชายหนุ่มว่า นัยน์ตาฉายแววขบขัน เมื่อรู้สึกว่าเขาชักจะใช้ชื่อของหญิงสาวมาเป็นชื่อของทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสถานีแปรรูปวาฬของเขาเสียแล้ว
คนฟังถึงกับส่ายหน้า “ไม่ล่ะค่ะ คุณใช้ชื่อฉันเยอะแล้ว ขอใช้ชื่ออื่นบ้างนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวฉันจะใช้ชื่อวิลเลียมเสียเลย” หญิงสาวเย้ายิ้ม ๆ ทำให้วิลเลียมถึงกับหัวเราะเสียงดัง น้ำหอมแบรนด์วิลเลียมนี่นะ
“มาลีล่าเหมาะสมที่สุดแล้วครับแนท เหมาะสมกว่าวิลเลียมเยอะ” ชายหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ เรียกให้อีกคนประสานเสียงหัวเราะไปกับเขาได้
นอกจากงานก่อสร้างเรือนหอและเวิร์คชอปทำน้ำหอมที่รุดหน้าจนแล้วเสร็จ งานแต่งงานก็ถูกจัดเตรียมจนเกือบจะพร้อมแล้วเช่นกัน โดยมีเอลิซาเบธเป็นานเตรียมการที่เกี่ยวกับเจ้าสาวทั้งหมด
ร้านขายผ้าจากเมลเบิร์นถูกเชิญให้นำผ้าชั้นดีมาให้เลือกถึงสถานี เนื่องจากผู้เป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยุ่งกับการเตรียมการทั้งงานแต่งและสถานที่ จนไม่สามารถเดินทางไปเมลเบิร์น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะพ่อค้าผ้าจากเมลเบิร์น ยินดีเสียยิ่งกว่ายินดีที่จะนำผ้าที่ดีที่สุดในร้านมาให้เจ้าสาวเลือกสำหรับตัดชุดแต่งงาน
สำหรับชุดเจ้าสาวนั้นเอลิซาเบธใช้ผ้าไหมซาตินสีขาวบริสุทธิ์และลูกไม้ทอมือเนื้อดี ส่วนรองเท้าเจ้าสาว ใช้ผ้าซาตินสีงาช้าง โดยที่ช่างตัดรองเท้าเพื่อใส่กับชุดแต่งงานที่เอลิซาเบธออกแบบโดยเฉพาะ
“อย่าให้วิลเลียมเห็นชุดเจ้าสาวก่อนวันแต่งเด็ดขาดนะคะ” เอลิซาเบธกำชับ ขณะที่ณัฐญาณ์กำลังลองชุดเป็นครั้งสุดท้าย
“ทำไมหรือคะ”
“จะทำให้โชคร้ายค่ะ ห้ามเจ้าบ่าวเห็นชุดเจ้าสาวก่อนวันงานเด็ดขาดเลย” เอลิซาเบธตอบ ดวงตากลมโตสีฟ้าสดเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น ขณะมองว่าที่เจ้าสาวในชุดแต่งงานที่ตนเป็นคนออกแบบและตัดเย็บด้วยตัวเอง
“คุณสวยเหลือเกินค่ะ นาทาย่าห์ ถ้าวิลเลียมเห็น เขาจะต้องตะลึงแน่ ๆ”
ณัฐญาณ์ยิ้มให้คนกล่าวชื่นชม เอลิซาเบธดูตื่นเต้นยินดีกว่าเธอผู้ซึ่งจะเป็นเจ้าสาวเสียอีก ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยินดีที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับชายผู้เป็นที่รัก แต่ความตื่นเต้นยินดีได้ถูกลดทอนลงด้วยความคิดถึงมารดา ยิ่งเข้าใกล้วันแต่งงานเพียงใด ณัฐญาณ์ก็ยิ่งคิดถึงมารดาผู้อยู่ห่างไกลคนละภพชาติเพียงนั้น การแต่งงานของเธอ เหตุการณ์สำคัญที่สุดในชีวิตสาว กลับขาดคนที่สำคัญที่สุดอย่างมารดาไป ทำให้หญิงสาวจะตื่นเต้นยินดี ก็ทำได้ไม่เต็มที่อย่างที่ใจต้องการนัก
ในขณะที่ณัฐญาณ์เตรียมพร้อมในส่วนเจ้าสาว ชายหนุ่มก็จัดเตรียมความพร้อมในฝั่งเจ้าบ่าว รวมทั้งการจัดการเตรียมงานพิธีทั้งในโบสถ์และงานเลี้ยงซึ่งจะจัดขึ้นที่สถานีแปรรูปวาฬ โดยจัดในสวนระหว่างอาคารสถานีและเรือนหอ ซึ่งถึงแม้ว่าตามธรรมเนียมแล้วจะเป็นหน้าที่ของฝั่งเจ้าสาว แต่เพราะหญิงสาวมาอยู่ที่นี่อย่างไร้ญาติขาดมิตร ชายหนุ่มจึงเป็นคนจัดการเสียเอง
กัปตันหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงธรรมเนียม ใครจะไปนึกเล่า ว่าชายหนุ่มผู้เคร่งธรรมเนียมอย่างเขา เมื่อตกอยู่ในห้วงแห่งรักแล้ว เขาจะแหวกธรรมเนียมเสียไม่เหลือชิ้นดี อย่างการตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้หญิงที่ไร้หัวนอนปลายเท้า ไร้ที่มาที่ไป ซึ่งขัดกับความเชื่อค่านิยมที่ว่า หญิงที่ดีต้องมาจากตระกูลที่ดี ยิ่งสืบสาวความยิ่งใหญ่ไปได้หลายชั่วคนก็ยิ่งดี อย่างที่มารดาของเขาเชื่อเสมอมา แต่สำหรับเขา คนจะดีหรือเลว ไม่ได้อยู่ที่ว่าเกิดมาจากตระกูลใด หากอยู่ที่ความเป็นตัวตนของคน ๆ นั้น และเขาก็รู้ได้ว่า ‘นาทาย่าห์’ ผู้หญิงที่เขารักจนหมดหัวใจ มีความดีงาม มีคุณค่าในตัวตน อย่างที่ไม่จำเป็นต้องมาจากตระกูลใหญ่ที่มารดาของเขา ‘อนุมัติ’ เลย
วิลเลียมได้เรียนรู้คุณค่าของคนก็เมื่อตอนที่เขารอดตายจากการช่วยเหลือของหัวหน้าเผ่ากูรี ชนเผ่าพื้นเมืองที่เขาถูกสอนมาว่ามีค่าเที่ยบเท่ากับสัตว์ในป่าตัวหนึ่ง ที่ทางการยิงทิ้งราวกับพวกเขาไม่มีชีวิตจิตใจ แต่เมื่อได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขา ได้เรียนรู้วิถีชีวิตและรู้จักพวกเขาอย่างที่เป็นจริง ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนพื้นเมืองผิวดำที่เกิดในป่าเขา หรือคนผิวขาวที่เกิดในตระกูลอันยิ่งใหญ่ ก็มีความเป็นคนไม่ต่างกัน สิ่งที่จะทำให้คนเราสูงต่ำต่างกัน อยู่ที่ความดีงามในจิตใจต่างหาก ไม่ใช่ชาติกำเนิดหรือสีผิวเลย
ชาติกำเนิดและสีผิว... สิ่งสมมติที่ทำให้มารดาของเขามองว่าหญิงสาวที่เขารักไม่มีค่าพอที่จะเป็นภรรยาของเขา จนทำให้เธอถึงกับไม่มั่นใจว่าความรักที่เขามีต่อเธอจะมากพอที่จะก้าวข้ามความเชื่อเหล่านั้นไปได้ เขาไม่โทษเธอเลยที่จะรู้สึกเช่นนั้น จึงเพียรพยายามที่จะแสดงออกให้เธอได้เห็น ว่าไม่ว่าสังคมจะกำหนดกฎเกณฑ์ไว้อย่างไร ก็ไม่สามารถเป็นอุปสรรคต่อความรักที่เขามีต่อเธอเลย และก็ต้องขอบคุณโชคชะตา ที่ในที่สุดหญิงสาวก็มองเห็นความรักความจริงใจและมั่นคงของเขา จนนำมาสู่การแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ได้
งานแต่งงานของเขาและเธอจะจัดที่โบสถ์เล็ก ๆ ในเมืองแคมพ์เบลล์ในช่วงเช้า และมีงานเลี้ยงต่อที่บ้านหลังจากพิธีที่โบสถ์เสร็จสิ้น ในการเตรียมงานที่โบสถ์นั้นชายหนุ่มเป็นคนจัดการ ทั้งการติดต่อบาทหลวงผู้ทำพิธี การตกแต่งห้องทำพิธีซึ่งร้านดอกไม้ในเมืองจะรับหน้าที่จัดการให้ การเตรียมรถม้าที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะใช้เดินทางเพื่อเข้าพิธี ในขณะที่งานเลี้ยงนั้นได้เอลิซาเบธรับหน้าที่เป็นาน โดยมีเอลานอร์เป็นผู้ช่วยมือฉมัง และได้ร้านดอกไม้ร้านเดียวกันจัดตกแต่งสถานที่ให้
ในที่สุดทุกอย่างก็เตรียมพร้อม เหลือเพียงรอวันงานเท่านั้นเอง...