บทก่อนหน้า
บทนำ
http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒
http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖
http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗
http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘
http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙
http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐
http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑
http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒
http://ppantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓
http://ppantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔
http://ppantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕
http://ppantip.com/topic/31529577
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะวิลเลียม อย่าสัญญาเลยค่ะ พอถึงเวลาคุณก็ต้องออกเรืออีกอยู่ดี”
“ผมจะไม่ออกเรืออีก” ชายหนุ่มตอบทันควัน น้ำเสียงหนักแน่นอย่างคนตัดสินใจแล้ว
“อะไรนะคะ”
“ผมจะไม่ออกเรืออีก หลังแต่งงานผมจะอยู่ประจำที่สถานี ตอนแรกที่ต่อเรือลำใหม่ ผมกะจะรับสมัครกัปตันและลูกเรืออีกชุด แต่ไปซิดนีย์คราวนี้ คงต้องรับกัปตันเพิ่มอีกคนสำหรับเรือแคมพ์เบลล์”
“แต่... การออกเรือมันเป็นชีวิตของคุณไม่ใช่หรือคะวิล” เขาเคยบอกเธอนี่นะ แล้วเขาจะหยุดเรือหลังแต่งงานได้อย่างไรกัน เธอไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องหยุดทำในสิ่งที่รักหรอกนะ
“คุณ... และลูกที่จะเกิดมาคือชีวิตของผมนับจากนี้ การออกเรือล่าวาฬเป็นงานที่เป็นอันตรายมาก คงไม่ยุติธรรมต่อคุณ ที่ผมจะออกไปเสี่ยงชีวิตในทะเล แล้วปล่อยให้คุณรออยู่ที่บ้านอย่างวิตกกังวล อีกอย่าง... เวลาสามเดือนที่ไม่ได้อยู่กับคุณ ทรมานเสียจนผมไม่อยากจะพบเจอกับความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว” ชายหนุ่มสบตากับคนฟังขณะพูด อย่างจะบอกให้เธอรู้ว่าเขาหมายความตามที่พูดทุกคำ
“นอกจากนี้ เราต้องเตรียมตัวสำหรับธุรกิจตัวใหม่ที่จะลองทำดูด้วย ผมจำเป็นต้องอยู่บนฝั่ง คงไม่ดีนักหากมีคู่ค้ามาติดต่อธุรกิจแต่ผมเองอยู่ในทะเล แม้จะมีคุณคอยช่วยก็ตามเถอะ” ชายหนุ่มพูดต่อ เขารู้ว่าณัฐญาณ์จะไม่อยู่เฉย ๆ โดยไม่ช่วยงานเขาอย่างแน่นอน และนั่นก็เรียกรอยยิ้มจากคนฟังได้
“บางทีฉันอาจจะอยากอยู่เฉย ๆ ให้คุณเลี้ยงก็ได้นะคะ” ว่ายิ้ม ๆ อย่างล้อเลียน ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้ในทันที
“ผมจะยินดีมาก นาทาย่าห์ แต่ผมรู้จักคุณดีกว่านั้น คุณไม่มีวันอยู่เฉย ๆ ให้ผมเลี้ยงแน่”
“เพราะแบบนี้สิคะ ฉันถึงรักคุณ” คำพูดถูกใจจากคนตัวเล็กกว่า ทำให้คนตัวโตอดไม่ได้ที่จะรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ และจูบหนัก ๆ ที่หน้าผากอย่างรักใคร่
“ผมก็รักคุณ นาทาย่าห์ รักด้วยหัวใจหมดทั้งดวง” เอ่ยเสียงอ่อนโยน นัยน์ตาฉายแววรักใคร่อย่างจะยืนยันกับคนฟังอีกทางหนึ่ง ก่อนจะยื่นแขนให้เกาะ และกล่าวชวนเสียงไม่ดังนัก
“ไปที่ห้องทำงานกันเถอะ ผมต้องฝากงานกับคุณหลายอย่างทีเดียวก่อนจะออกเดินทาง”
“ไปสิคะ” ตอบก่อนจะยกมือขึ้นเกาะแขนแข็งแรงที่ยื่นมาให้ และเดินเคียงกันตรงไปยังห้องทำงานที่อยู่อีกฝั่งของตัวบ้าน
เวลาที่ไม่อยากให้มาถึง มักจะมาถึงเร็วเสมอ ดังเช่นเวลาออกเดินทางไปซิดนีย์ของนายเรือหนุ่ม แม้จะเป็นการเดินทางเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ใช่การออกเรือถึงสามเดือนอย่างคราวที่แล้ว แต่การต้องอยู่ห่างไกลจากคนที่รัก ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองปรารถนา
วิลเลียมตั้งใจจะออกเดินทางหลังรับประทานอาหารเช้า เพราะอยากใช้เวลากับหญิงสาวก่อนที่จะออกเดินทาง แม้จะตั้งใจรีบไปรีบกลับ แต่ด้วยระยะทางระหว่างพอร์ทแคมพ์เบลล์ถึงซิดนีย์ หากแล่นเรือแบบไม่หยุดก็ใช้เวลาถึงห้าวันทีเดียว กว่าเขาจะเสร็จธุระที่ซิดนีย์และได้กลับมาที่สถานีอีกครั้ง ก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย ๆ สองสัปดาห์ เป็นเวลาที่ยาวนานทีเดียว
ชายหนุ่มนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารดังเช่นทุกเช้า เมื่อมองเห็นหญิงสาวร่วมบ้านเดินเข้ามาในห้อง เธออยู่ในชุดเตรียมออกนอกบ้าน มีทั้งถุงมือและหมวก วิลเลียมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะถามอย่างอดไม่ได้
“วันนี้วันพฤหัส คุณไม่ต้องไปทำงานที่โรงเรียนไม่ใช่หรือ” พลางปรายสายตาไปยังถุงมือและหมวกที่หญิงสาวถืออยู่ ณัฐญาณ์มองตามสายตาของเขาก่อนจะส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้
“ฉันจะไปส่งคุณที่ท่าเรือค่ะ” ตอบแล้วก็ชะงักไปราวกับนึกอะไรได้ ก่อนจะถามเสียงอ่อย
“ฉัน... ไปส่งคุณได้หรือเปล่าคะ น่าเกลียดหรือเปล่า” คนถูกถามถึงกับยิ้มกว้าง รู้สึกเอ็นดูคนถามจนอดไม่ได้ที่จะเดินมาเกี่ยวเอวเข้าไปแนบชิด และจูบหนัก ๆ ที่หน้าผากกลมกลึง
“คู่หมั้นไปส่งกันจะเป็นไรไปนะ” ว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นมือมารับหมวกและถุงมือจากอีกคนไปวางไว้บนโต๊ะมุมห้อง และเดินกลับมาเลื่อนเก้าอี้ให้ รอจนแน่ใจว่าหญิงสาวนั่งเรียบร้อยดีแล้วจึงเดินกลับไปยังที่นั่งของตน นั่งรอสักพัก เอลานอร์ก็นำอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟ และกลับออกไปในทันที
“ผมไม่อยู่ตั้งสองสัปดาห์ คุณจะคิดถึงผมหรือเปล่า นาทาย่าห์” ถามน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตาเป็นประกาย
“ฉันไม่มีเวลาคิดถึงหรอกค่ะ มีอะไรต้องทำเยอะแยะ” ตอบหน้าตาย ก่อนจะหัวเราะกิ๊กเมื่อมองเห็นใบหน้ายิ้มละไมของคนตรงหน้าตึงขึ้นมาทันที ทำให้อดยื่นมือไปจับมือใหญ่ปลอบใจไม่ได้
“ฉันพูดเล่นหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันต้องคิดถึงคุณมากแน่”
เป็นคราวที่มือใหญ่จะบีบมือเล็กอย่างปลอบใจบ้าง
“ผมรู้ เพราะผมก็รู้สึกไม่ต่างไปจากคุณ มันคงเป็นสองสัปดาห์ที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของผม แต่... แนทครับ... มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะแยกจากกัน หลังจากนี้แล้วผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีก เราจะอยู่ด้วยกัน... ตลอดไป” เสียงทุ้มให้คำมั่นหนักแน่น ทำให้คนฟังรู้สึกอุ่นในหัวใจ เพราะรู้ดีว่า คนตรงหน้ารักษาสัญญาที่มีให้เธอเสมอ
หลังอาหารเช้า วิลเลียมเดินเข้าไปหยิบหีบสัมภาระในห้องนอน โดยขอให้อีกคนตามเข้าไปด้วย ซึ่งหญิงสาวก็ไม่เกี่ยงงอน ในทันทีที่ประตูห้องนอนใหญ่ของชายหนุ่มปิดลง อ้อมแขนแข็งแรงของคนตัวสูงก็คว้าคนตัวเล็กกว่าเข้าไปแนบชิดในทันที ก่อนจะมอบจุมพิตยาวนานหวานฉ่ำ ที่ทำเอาคนได้รับแทบหายใจหายคอไม่ทัน
“ขอเก็บไว้เป็นพลังงานของชีวิตระหว่างที่อยู่ห่างจากคุณหน่อยนะครับแนท” ว่ายิ้ม ๆ หลังจากถอนริมฝีปากออก มองเห็นคนในอ้อมแขนใบหน้าเรื่อสี หลบตาอย่างเขินอาย สายตาคมมองเรื่อยลงไปจนถึงริมฝีปากอิ่มที่มองดูเย้ายวน จนอดไม่ได้ที่จะแนบใบหน้าลงไปหาความหวานฉ่ำนั่นอีกครั้ง
จวบจนคนกำลังจะเดินทางสะสม ‘พลังชีวิต’ ไว้จนเป็นที่พอใจแล้วนั่นล่ะ จึงเดินนำคนตัวเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังท่าเรือที่ตั้งอยู่ด้านหลัง
“ขึ้นไปกับผมนะครับแนท” หันมาชวนคนข้าง ๆ เมื่อเดินไปถึงสะพานท่าเรือ มองเห็นเรือแคมพ์เบลล์ลำใหญ่จอดอยู่ตรงหน้า
“ไปสิคะ” หญิงสาวตอบอย่างว่าง่าย ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเรือ โดยมีชายหนุ่มช่วยประคอง วิลเลียมพาคู่หมั้นสาวเดินไปยังเคบินที่ตั้งอยู่ด้านหลังลำเรือเป็นที่แรกเพื่อเก็บสัมภาระ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนออกเดินทาง จนทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางแล้วนั่นล่ะ ชายหนุ่มจึงเดินลงมาส่งหญิงสาวที่ท่าเรืออีกครั้ง
“ผมไปนะครับแนท”
“เดินทางปลอดภัยนะคะวิลเลียม” บอกเสียงพร่า แม้จะเป็นเพียงการเดินทางไปซิดนีย์ ไม่ใช่การออกเรือล่าวาฬ แต่เส้นทางเดินเรือเส้นนี้ก็มีอันตรายไม่น้อยเลย หญิงสาวหวังว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย
“ดูแลตัวเองนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะโน้มตัวจุมพิตหน้าผากของหญิงสาว แล้วหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนเรือ
ณัฐญาณ์ยืนรอจนกระทั่งเรือลำใหญ่เคลื่อนตัวออกจากท่า โดยมีชายหนุ่มผู้เป็นนายเรือประจำที่อยู่หลังพังงา หญิงสาวยกมือโบกให้คนบนเรือซึ่งโบกตอบพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ขณะที่เรือก็ขยับออกห่างจากท่าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหัวเรือถูกหันไปทางด้านทิศเหนือและเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้น มุ่งหน้าสู่ซิดนีย์ซึ่งเป็นจุดหมายทางของการเดินทางในครั้งนี้
“ไปกันเถอะ เอลานอร์” ณัฐญาณ์หันมากล่าวชวนหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง เอลานอร์มาส่งสามีที่เดินทางไปกับนายเรือหนุ่มเช่นกัน จากนั้นผู้เป็นนายหญิงและหญิงรับใช้จึงเดินตามกันกลับไปยังอาคารสถานีที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากท่าเรือมากนัก ณัฐญาณ์มีงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำในระหว่างที่ชายหนุ่มไม่อยู่มากมายทีเดียว หญิงสาวหวังว่างานที่ต้องทำจะช่วยให้เธอไม่คิดถึงชายผู้เป็นที่รักมากจนเกินไป
สุดปลายฝัน บทที่ ๑๖
บทนำ http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/31529577
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะวิลเลียม อย่าสัญญาเลยค่ะ พอถึงเวลาคุณก็ต้องออกเรืออีกอยู่ดี”
“ผมจะไม่ออกเรืออีก” ชายหนุ่มตอบทันควัน น้ำเสียงหนักแน่นอย่างคนตัดสินใจแล้ว
“อะไรนะคะ”
“ผมจะไม่ออกเรืออีก หลังแต่งงานผมจะอยู่ประจำที่สถานี ตอนแรกที่ต่อเรือลำใหม่ ผมกะจะรับสมัครกัปตันและลูกเรืออีกชุด แต่ไปซิดนีย์คราวนี้ คงต้องรับกัปตันเพิ่มอีกคนสำหรับเรือแคมพ์เบลล์”
“แต่... การออกเรือมันเป็นชีวิตของคุณไม่ใช่หรือคะวิล” เขาเคยบอกเธอนี่นะ แล้วเขาจะหยุดเรือหลังแต่งงานได้อย่างไรกัน เธอไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องหยุดทำในสิ่งที่รักหรอกนะ
“คุณ... และลูกที่จะเกิดมาคือชีวิตของผมนับจากนี้ การออกเรือล่าวาฬเป็นงานที่เป็นอันตรายมาก คงไม่ยุติธรรมต่อคุณ ที่ผมจะออกไปเสี่ยงชีวิตในทะเล แล้วปล่อยให้คุณรออยู่ที่บ้านอย่างวิตกกังวล อีกอย่าง... เวลาสามเดือนที่ไม่ได้อยู่กับคุณ ทรมานเสียจนผมไม่อยากจะพบเจอกับความรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว” ชายหนุ่มสบตากับคนฟังขณะพูด อย่างจะบอกให้เธอรู้ว่าเขาหมายความตามที่พูดทุกคำ
“นอกจากนี้ เราต้องเตรียมตัวสำหรับธุรกิจตัวใหม่ที่จะลองทำดูด้วย ผมจำเป็นต้องอยู่บนฝั่ง คงไม่ดีนักหากมีคู่ค้ามาติดต่อธุรกิจแต่ผมเองอยู่ในทะเล แม้จะมีคุณคอยช่วยก็ตามเถอะ” ชายหนุ่มพูดต่อ เขารู้ว่าณัฐญาณ์จะไม่อยู่เฉย ๆ โดยไม่ช่วยงานเขาอย่างแน่นอน และนั่นก็เรียกรอยยิ้มจากคนฟังได้
“บางทีฉันอาจจะอยากอยู่เฉย ๆ ให้คุณเลี้ยงก็ได้นะคะ” ว่ายิ้ม ๆ อย่างล้อเลียน ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้ในทันที
“ผมจะยินดีมาก นาทาย่าห์ แต่ผมรู้จักคุณดีกว่านั้น คุณไม่มีวันอยู่เฉย ๆ ให้ผมเลี้ยงแน่”
“เพราะแบบนี้สิคะ ฉันถึงรักคุณ” คำพูดถูกใจจากคนตัวเล็กกว่า ทำให้คนตัวโตอดไม่ได้ที่จะรั้งเอวบางเข้ามาใกล้ และจูบหนัก ๆ ที่หน้าผากอย่างรักใคร่
“ผมก็รักคุณ นาทาย่าห์ รักด้วยหัวใจหมดทั้งดวง” เอ่ยเสียงอ่อนโยน นัยน์ตาฉายแววรักใคร่อย่างจะยืนยันกับคนฟังอีกทางหนึ่ง ก่อนจะยื่นแขนให้เกาะ และกล่าวชวนเสียงไม่ดังนัก
“ไปที่ห้องทำงานกันเถอะ ผมต้องฝากงานกับคุณหลายอย่างทีเดียวก่อนจะออกเดินทาง”
“ไปสิคะ” ตอบก่อนจะยกมือขึ้นเกาะแขนแข็งแรงที่ยื่นมาให้ และเดินเคียงกันตรงไปยังห้องทำงานที่อยู่อีกฝั่งของตัวบ้าน
เวลาที่ไม่อยากให้มาถึง มักจะมาถึงเร็วเสมอ ดังเช่นเวลาออกเดินทางไปซิดนีย์ของนายเรือหนุ่ม แม้จะเป็นการเดินทางเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ใช่การออกเรือถึงสามเดือนอย่างคราวที่แล้ว แต่การต้องอยู่ห่างไกลจากคนที่รัก ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองปรารถนา
วิลเลียมตั้งใจจะออกเดินทางหลังรับประทานอาหารเช้า เพราะอยากใช้เวลากับหญิงสาวก่อนที่จะออกเดินทาง แม้จะตั้งใจรีบไปรีบกลับ แต่ด้วยระยะทางระหว่างพอร์ทแคมพ์เบลล์ถึงซิดนีย์ หากแล่นเรือแบบไม่หยุดก็ใช้เวลาถึงห้าวันทีเดียว กว่าเขาจะเสร็จธุระที่ซิดนีย์และได้กลับมาที่สถานีอีกครั้ง ก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย ๆ สองสัปดาห์ เป็นเวลาที่ยาวนานทีเดียว
ชายหนุ่มนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารดังเช่นทุกเช้า เมื่อมองเห็นหญิงสาวร่วมบ้านเดินเข้ามาในห้อง เธออยู่ในชุดเตรียมออกนอกบ้าน มีทั้งถุงมือและหมวก วิลเลียมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะถามอย่างอดไม่ได้
“วันนี้วันพฤหัส คุณไม่ต้องไปทำงานที่โรงเรียนไม่ใช่หรือ” พลางปรายสายตาไปยังถุงมือและหมวกที่หญิงสาวถืออยู่ ณัฐญาณ์มองตามสายตาของเขาก่อนจะส่งยิ้มอ่อน ๆ ให้
“ฉันจะไปส่งคุณที่ท่าเรือค่ะ” ตอบแล้วก็ชะงักไปราวกับนึกอะไรได้ ก่อนจะถามเสียงอ่อย
“ฉัน... ไปส่งคุณได้หรือเปล่าคะ น่าเกลียดหรือเปล่า” คนถูกถามถึงกับยิ้มกว้าง รู้สึกเอ็นดูคนถามจนอดไม่ได้ที่จะเดินมาเกี่ยวเอวเข้าไปแนบชิด และจูบหนัก ๆ ที่หน้าผากกลมกลึง
“คู่หมั้นไปส่งกันจะเป็นไรไปนะ” ว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นมือมารับหมวกและถุงมือจากอีกคนไปวางไว้บนโต๊ะมุมห้อง และเดินกลับมาเลื่อนเก้าอี้ให้ รอจนแน่ใจว่าหญิงสาวนั่งเรียบร้อยดีแล้วจึงเดินกลับไปยังที่นั่งของตน นั่งรอสักพัก เอลานอร์ก็นำอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟ และกลับออกไปในทันที
“ผมไม่อยู่ตั้งสองสัปดาห์ คุณจะคิดถึงผมหรือเปล่า นาทาย่าห์” ถามน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตาเป็นประกาย
“ฉันไม่มีเวลาคิดถึงหรอกค่ะ มีอะไรต้องทำเยอะแยะ” ตอบหน้าตาย ก่อนจะหัวเราะกิ๊กเมื่อมองเห็นใบหน้ายิ้มละไมของคนตรงหน้าตึงขึ้นมาทันที ทำให้อดยื่นมือไปจับมือใหญ่ปลอบใจไม่ได้
“ฉันพูดเล่นหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันต้องคิดถึงคุณมากแน่”
เป็นคราวที่มือใหญ่จะบีบมือเล็กอย่างปลอบใจบ้าง
“ผมรู้ เพราะผมก็รู้สึกไม่ต่างไปจากคุณ มันคงเป็นสองสัปดาห์ที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของผม แต่... แนทครับ... มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะแยกจากกัน หลังจากนี้แล้วผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหนอีก เราจะอยู่ด้วยกัน... ตลอดไป” เสียงทุ้มให้คำมั่นหนักแน่น ทำให้คนฟังรู้สึกอุ่นในหัวใจ เพราะรู้ดีว่า คนตรงหน้ารักษาสัญญาที่มีให้เธอเสมอ
หลังอาหารเช้า วิลเลียมเดินเข้าไปหยิบหีบสัมภาระในห้องนอน โดยขอให้อีกคนตามเข้าไปด้วย ซึ่งหญิงสาวก็ไม่เกี่ยงงอน ในทันทีที่ประตูห้องนอนใหญ่ของชายหนุ่มปิดลง อ้อมแขนแข็งแรงของคนตัวสูงก็คว้าคนตัวเล็กกว่าเข้าไปแนบชิดในทันที ก่อนจะมอบจุมพิตยาวนานหวานฉ่ำ ที่ทำเอาคนได้รับแทบหายใจหายคอไม่ทัน
“ขอเก็บไว้เป็นพลังงานของชีวิตระหว่างที่อยู่ห่างจากคุณหน่อยนะครับแนท” ว่ายิ้ม ๆ หลังจากถอนริมฝีปากออก มองเห็นคนในอ้อมแขนใบหน้าเรื่อสี หลบตาอย่างเขินอาย สายตาคมมองเรื่อยลงไปจนถึงริมฝีปากอิ่มที่มองดูเย้ายวน จนอดไม่ได้ที่จะแนบใบหน้าลงไปหาความหวานฉ่ำนั่นอีกครั้ง
จวบจนคนกำลังจะเดินทางสะสม ‘พลังชีวิต’ ไว้จนเป็นที่พอใจแล้วนั่นล่ะ จึงเดินนำคนตัวเล็กออกจากบ้าน ตรงไปยังท่าเรือที่ตั้งอยู่ด้านหลัง
“ขึ้นไปกับผมนะครับแนท” หันมาชวนคนข้าง ๆ เมื่อเดินไปถึงสะพานท่าเรือ มองเห็นเรือแคมพ์เบลล์ลำใหญ่จอดอยู่ตรงหน้า
“ไปสิคะ” หญิงสาวตอบอย่างว่าง่าย ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเรือ โดยมีชายหนุ่มช่วยประคอง วิลเลียมพาคู่หมั้นสาวเดินไปยังเคบินที่ตั้งอยู่ด้านหลังลำเรือเป็นที่แรกเพื่อเก็บสัมภาระ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนออกเดินทาง จนทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางแล้วนั่นล่ะ ชายหนุ่มจึงเดินลงมาส่งหญิงสาวที่ท่าเรืออีกครั้ง
“ผมไปนะครับแนท”
“เดินทางปลอดภัยนะคะวิลเลียม” บอกเสียงพร่า แม้จะเป็นเพียงการเดินทางไปซิดนีย์ ไม่ใช่การออกเรือล่าวาฬ แต่เส้นทางเดินเรือเส้นนี้ก็มีอันตรายไม่น้อยเลย หญิงสาวหวังว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย
“ดูแลตัวเองนะครับ แล้วผมจะรีบกลับมา” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะโน้มตัวจุมพิตหน้าผากของหญิงสาว แล้วหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนเรือ
ณัฐญาณ์ยืนรอจนกระทั่งเรือลำใหญ่เคลื่อนตัวออกจากท่า โดยมีชายหนุ่มผู้เป็นนายเรือประจำที่อยู่หลังพังงา หญิงสาวยกมือโบกให้คนบนเรือซึ่งโบกตอบพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน ขณะที่เรือก็ขยับออกห่างจากท่าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหัวเรือถูกหันไปทางด้านทิศเหนือและเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้น มุ่งหน้าสู่ซิดนีย์ซึ่งเป็นจุดหมายทางของการเดินทางในครั้งนี้
“ไปกันเถอะ เอลานอร์” ณัฐญาณ์หันมากล่าวชวนหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง เอลานอร์มาส่งสามีที่เดินทางไปกับนายเรือหนุ่มเช่นกัน จากนั้นผู้เป็นนายหญิงและหญิงรับใช้จึงเดินตามกันกลับไปยังอาคารสถานีที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากท่าเรือมากนัก ณัฐญาณ์มีงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำในระหว่างที่ชายหนุ่มไม่อยู่มากมายทีเดียว หญิงสาวหวังว่างานที่ต้องทำจะช่วยให้เธอไม่คิดถึงชายผู้เป็นที่รักมากจนเกินไป