ดวงหทัยสุดปลายฝัน บทที่ ๑๑

กระทู้สนทนา
บทก่อนหน้า
บทนำ   http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/31398623


เขาทำได้อย่างที่พูดจริง ๆ สามวันแล้วที่ชายหนุ่มเจ้าของบ้าน อยู่ร่วมบ้านกับเธอแต่ไม่ “ยุ่งวุ่นวาย” กับเธออย่างที่เขาได้ลั่นวาจาไว้

ในตอนเช้าหลังรับประทานอาหารเช้าร่วมกันอย่างที่กระทำมาตลอด เขาจะแยกตัวไปทำงานโดยไม่เดินไปส่งเธอที่โรงเรียนเช่นแต่ก่อน เขาจะใช้เวลาทั้งวันบนเรือ ‘แคมพ์เบลล์’ เพื่อเตรียมตัวออกล่าวาฬในฤดูกาลนี้ ซึ่งกำหนดเดินทางคือวันพรุ่งนี้ และจะใช้เวลาตลอดฤดูหนาวเป็นเวลาสามเดือนจึงจะกลับเข้าฝั่งอีกครั้ง ชายหนุ่มจะกลับเข้าบ้านอีกครั้งก็เมื่อเป็นเวลาอาหารเย็น เมื่อเสร็จจากรับประทานอาหารเย็นซึ่งยังคงร่วมโต๊ะกับเธอเช่นเคย เขาก็จะเข้าไปทำงานในห้องทำงาน โดยไม่นั่งคุยสัพเพเหระกับหญิงสาวอย่างที่เคยทำ

เมื่อไม่ได้นั่งคุยกับเจ้าของบ้านเช่นแต่ก่อน ณัฐญาณ์จึงเข้าห้องตนเองในทันทีหลังจากอาหารเย็น และตอนนี้ก็กำลังชั่งใจ ว่าจะปล่อยให้เขาออกเรือไป ทั้ง ๆ ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอกำลังขมอยู่แบบนี้ หรือปรับความเข้าใจกันให้เรียบร้อยก่อนที่เขาจะออกเรือดี ซึ่งหากตัดสินใจจะปรับความเข้าใจ นั่นหมายความว่าเธอต้องเป็นฝ่ายขอโทษเขา เพราะก็รู้ตัวเองอยู่เหมือนกันว่าค่อนข้างจะใจร้อนและใช้คำพูดที่ทำร้ายน้ำใจเขา ทั้ง ๆ ที่เขาดูแลเธออย่างดีมาตลอดเวลาเก้าเดือนที่ณัฐญาณ์หลงมาอาศัยอยู่ที่นี่

หญิงสาวพิจารณาผ้าพันคอที่ถักเตรียมไว้ให้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างตัดสินใจได้ ในเมื่อเธอตั้งใจถักผ้าพันคอผืนนี้ให้เขาเอาไปใช้บนเรือ แล้วเธอจะปล่อยให้เขาไปโดยที่ไม่ได้ให้ผ้าพันคอได้อย่างไร และเมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น หญิงสาวจึงเดินเข้าไปหาของบ้านที่ห้องทำงาน ซึ่งเธอคาดว่าเขาน่าจะกำลังนั่งทำงานอยู่อย่างเช่นทุกวัน

ห้องทำงานที่อยู่อีกฝั่งของตัวบ้านว่างเปล่าเมื่อณัฐญาณ์เดินเข้าไปถึง หญิงสาวก้มลงมองผ้าพันคอในมืออีกครั้ง ยืนครุ่นคิดสักพักว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามหาชายหนุ่ม เพราะหากเธอจะให้ผ้าแก่เขาก็ควรจะทำเสียในคืนนี้ เพราะพรุ่งนี้เขาจะออกเรือแต่เช้าตรู่ คงจะหาโอกาสอยู่กับเขาตามลำพังไม่ได้

เท้าพาเดินตรงไปยังทิศทางที่เป็นห้องนอนใหญ่ของเจ้าบ้านก่อนจะทันห้ามตัวเอง รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของเขาเสียแล้ว ณัฐญาณ์ตัดสินใจเคาะประตู

“วิล วิลคะ อยู่ในนั้นหรือเปล่าคะ”

ยืนรอสักพัก ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตรงมาที่ประตู ก่อนที่ประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นเจ้าของห้องในชุดนอน ใบหน้าของเขาไร้รอยยิ้มและไม่เผยความรู้สึกใด ๆ มีเพียงดวงตาสีฟ้าสดเท่านั้นที่ไหววูบน้อย ๆ

“มีอะไรหรือครับ นาทาย่าห์ มันดึกแล้ว” ชายหนุ่มว่า ลดสายตาลงมองหญิงสาวซึ่งอยู่ในชุดเตรียมพร้อมเข้านอนเช่นกัน

“ฉันเข้าไปได้ไหมคะ” คำถามของณัฐญาณ์ทำให้เจ้าของห้องถึงกับชะงักไปอย่างคาดไม่ถึง ชายหนุ่มนิ่งคิดไปเล็กน้อย ริมฝีปากหนาเม้มอย่างชั่งใจ ก่อนจะจัดสินใจเปิดประตูให้กว้างขึ้น เป็นความหมายว่าอนุญาตให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามาในห้องได้

ณัฐญาณ์รีบก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนเคร่งธรรมเนียมจะนึกได้ว่าการปล่อยให้เธอเข้ามาในห้องยามวิกาลเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง

วิลเลียมปิดประตูตามหลังเมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามาในห้องเรียบร้อย ชายหนุ่มเดินตามมาหยุดด้านหลังคนที่เดินเข้ามายืนกลางห้อง ราวกับไม่แน่ใจว่าจะจัดวางตนเองตรงไหนดี

“ว่าอย่างไรครับ นาทาย่าห์ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถาม ณัฐญาณ์หันกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าของห้อง หญิงสาวเดินตรงไปยังคนตัวสูงที่ยืนรักษาระยะห่างอย่างระมัดระวัง

“ฉันอยากจะขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้นน่ะค่ะ” เมื่อได้พูดออกไปแล้วก็รู้สึกโล่งอก คราวนี้ก็อยู่ที่เขาแล้วว่าจะยอมญาติดีกับเธอหรือเปล่า

“ฉันรู้ตัวว่าพูดไม่ดีกับคุณ แต่คุณก็ทำให้ฉันไม่พอใจ ที่หาว่าฉันยืนหัวร่อต่อกระซิกกับกัปตันสมิธ ฉันแค่หัวเราะที่เขาพูดตลกเท่านั้นเอง เรา... กลับมาดีกันเหมือนเดิมได้ไหมคะ” ถามแล้วก็กลั้นใจฟังคำตอบ หัวใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ยิ่งมองสบตากับดวงตาคมเข้มสีฟ้าสดที่มองมาอย่างพิจารณายิ่งแทบจะลืมหายใจ

“คุณคิดจริง ๆ หรือว่าที่ผมทำทั้งหมดเพราะห่วงชื่อเสียงตนเอง” เขาถามเสียงเคร่ง สีหน้าจริงจัง ณัฐญาณ์คิดว่ามองเห็นประกายความเจ็บปวดในหน่วยตาคมคู่นั้น

“ไม่ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณปรารถนาดีกับฉันอย่างจริงใจ แต่... ฉันโกรธ... ก็เลยพูดจาร้ายกาจ” ตอบไปแล้วทำไมถึงรู้สึกว่าตนเองเหมือนเด็กที่อาละวาดนักนะ

“ผมก็ต้องขอโทษคุณด้วย ที่กล่าวหาคุณเช่นนั้น แต่ตอนนั้นผม... โกรธ” คำพูดของเขาทำให้ณัฐญาณ์ถึงกับชะงักไปอย่างคาดไม่ถึง แค่เพียงเห็นเธอยืนคุยอยู่กับกัปตันสมิธ เขาก็โกรธโดยไม่ถามไถ่ก่อนเลยหรืออย่างไร

“คุณโกรธฉันหรือคะ ฉัน... ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”  

“เปล่า... นาทาย่าห์ ผมโกรธกัปตันสมิธ การกระทำของเขาอาจจะทำให้เกียรติศักดิ์ศรีของคุณถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี ถ้าเพียงแต่จะมีใครเห็นคุณยืนคุยอยู่กับเขาสองต่อสองในสวนเช่นนั้น”

“ทำไมคะ ถ้าแค่ยืนคุยกันในสวนแล้วจะทำให้เกียรติยศของฉันถูกทำลาย แล้วเข้ามายืนในห้องคุณแบบนี้ ฉันคงไม่เหลือแม้แต่ชื่อกระมัง” หญิงสาวคิดว่าเธอเข้าใจในธรรมเนียมอันเคร่งครัดของคนที่นี่ หรือจะพูดให้ถูกคือ เธอพยายามจะเข้าใจ แต่ถ้าขนาดแค่คุยกันสองต่อสองในสวนแล้วจะทำให้เสื่อมเกียรติยศขนาดนั้น เธอคิดว่ามันไร้เหตุผลจนเกินไป

“เป็นเพราะเป็นการยืนคุยกับกัปตันสมิธต่างหากเล่า นาทาย่าห์ กัปตันสมิธเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยหยุดมีสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา เขามีชื่อเสียงว่าเป็นคนเจ้าชู้ที่ผู้คนรู้กันไปทั่ว และหากมีใครเห็นว่าคุณคุยกันกับเขาสองต่อสองในที่ลับตาคน ผู้คนก็จะเชื่อว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้หญิงของเขาในทันที และนั่นทำให้ผมโกรธ เพราเขาสามารถทำให้คุณเสียหายได้ โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย”

“โอ...” ณัฐญาณ์พูดได้เพียงเท่านั้นเมื่อเข้าใจเหตุผลของเขา และก็ต้องยอมรับกับตนเองว่า คนที่ไร้เหตุผลคือเธอเองต่างหาก

“ฉันขอโทษค่ะวิล ฉันไม่ทราบ”

“ไม่เป็นไร แนท ผมก็ผิดที่ไม่อธิบายให้คุณเข้าใจก่อน”

“เอาเถอะค่ะ อย่ามัวแต่โทษตัวเองไปมาอยู่เลย นี่ค่ะ ฉันทำนี่มาให้คุณ” รีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อดูท่าทางว่าจะคุยกันไม่ถึงไหน เมื่อต่างฝ่ายต่างก็มัวแต่ขอโทษขอโพย ชายหนุ่มก้มลงมอง ‘นี่’ ที่อยู่ในมือหญิงสาว พลางเลิกคิ้ว

“ผ้าพันคอค่ะ ฉันถักให้คุณ” ว่าพลางยื่นผ้าพันคอสีกรมท่าที่ถักด้วยไหมพรมขนแกะให้คนตรงหน้า ยิ้มอาย ๆ

“ฉันอยากทำอะไรตอบแทนที่คุณดูแลฉันอย่างดีบ้าง เลยถักผ้าพันคอให้คุณเอาไปใช้บนเรือ อากาศหนาว ๆ ร่างกายจะได้อบอุ่น มันอาจจะไม่ค่อยสวยเหมือนมืออาชีพทำ แต่ฉันก็ตั้งใจทำให้คุณนะคะ”

วิลเลียมทอดสายตาไปที่ผ้าพันคอในมือหญิงสาว ก่อนจะเงยขึ้นมองใบหน้างามที่เขาโหยหามาตลอดเวลาสามวันที่ไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างที่เคย เขาอยากดึงร่างบางเข้ามากอดแนบชิด อยากมอบจุมพิตแทนความรู้สึกที่เขามีต่อเธอแต่ไม่สามารถบอกออกไปได้ อยากจะขอให้เธอลืมการกลับไปยังที่ที่เธอจากมาเมื่อเวลามาถึง อยากจะขอให้เธออยู่ที่นี่กับเขาตลอดไป

แม้ในใจเขาจะ ‘อยาก’ อะไรมากมาย แต่ในความเป็นจริงเขาจะทำอะไรได้เล่า นอกจากขอบคุณที่เธอนึกถึงเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย แม้ว่าเธอจะทำลงไปเพราะต้องการตอบแทนในสิ่งที่เขาทำให้เธอก็ตาม

“ขอบคุณครับ แนท” ว่าพลางยื่นมือมารับผ้าพันคอในมือเล็ก ชั่วขณะที่ปลายนิ้วสัมผัสกัน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับมีกระแสของพลังงานบางอย่างที่ทำให้เขาถึงกับสะท้านไปทั้งตัว เมื่อมองดูคนตรงหน้าที่เงยขึ้นมาสบตากับเขาในทันที ก็มองเห็นความประหลาดใจอยู่ในหน่วยตาคู่นั้นเช่นกัน
แสดงว่าเธอคงจะรู้สึกถึงกระแสพลังงานนั่นเหมือนกัน ชายหนุ่มบอกตนเองในใจ

“ฉัน... เอ่อ ฉันกลับห้องดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้คุณออกเดินทางแต่เช้า ฉันคงไม่ได้มาส่ง เดินทางปลอดภัยนะคะ”

“ขอบคุณครับ นาทาย่าห์ ไป ผมจะเดินไปส่งที่ห้อง” แม้จะอยากให้เธออยู่ต่อเพียงใด แม้จะอยากใช้เวลาในคืนสุดท้ายก่อนที่จะต้องออกเรือล่าวาฬ ไปอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศอันเหน็บหนาว การทำงานที่เป็นอันตราย กับเธอเพียงใด แต่สิ่งที่เขาทำได้ ก็เพียงปล่อยให้เธอกลับไปยังห้องของเธอ และกล่าวลากันแต่เพียงเท่านี้ อย่างเดียวกับที่เมื่อถึงเวลาที่หญิงสาวต้องกลับไปยังที่ที่เธอจากมา เขาก็คงทำได้เพียงกล่าวลา เพราะเป็นสิ่งที่สมควรและเหมาะสมที่สุด แม้ในใจเขาจะอยากกู่ร้องถ้อยคำที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่สมควรกระทำเพียงใดก็ตาม

เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนของหญิงสาวผู้เข้ามามีความสำคัญกับหัวใจของเขาโดยไม่รู้ตัวเลย วิลเลียมเปิดประตูให้กว้างขึ้น พลางผายมือให้เจ้าของห้องก้าวเข้าไปภายใน โดยตัวเขายืนรออยู่ด้านนอก เมื่อหญิงสาวเข้าไปในห้องซึ่งจุดไฟให้แสงสว่างเรืองรองด้วยเปลวเทียน เธอหันกลับมาสบตากับเขา ใบหน้างามที่เริ่มเข้ามาอยู่ในความคิดคำนึงของชายหนุ่มทั้งยามหลับและตื่น เผยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เขาอยากจะคิดเข้าข้างตนเอง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่มองมา ฉายประกายที่ทำให้ชายหนุ่มอยากจะรวบร่างงามเข้ามาแนบชิด

“ขอบคุณค่ะวิล พบกันอีกทีเมื่อคุณกลับมา ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”

“ครับแนท แล้วพบกันใหม่ รักษาตัวให้ดีระหว่างที่ผมไม่อยู่ ผม... เป็นห่วง” อยากพูด อยากบอกมากกว่านี้ แต่คงทำได้เพียงเท่านี้ ชายหนุ่มยืนรอจนประตูห้องนอนของหญิงสาวปิดลง เขายืนรีรออยู่สักครู่ อยากเคาะประตู อยากเรียกเธอให้ออกมารับฟังความในใจที่อัดแน่น แต่ในที่สุดก็เม้มริมฝีปากอย่างตัดใจ หันหลังกลับเพื่อเดินตรงไปยังห้องนอนของตนเอง

ชายหนุ่มไม่รู้ว่า คนที่อยู่อีกด้านของประตู ยืนห้ามตนเองไม่ให้เปิดประตูออกมาอีก และรอจนได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินจากไป จึงเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พยายามจะข่มตาหลับ แต่ตลอดทั้งคืนก็ไม่สามารถหลับตาลงได้เลย เพราะเพียงแค่คิดว่าจะต้องอยู่ห่างจากชายหนุ่มตลอดฤดูหนาว ก็ทำให้หนาวสะท้านเข้าไปถึงขั้วหัวใจทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่