สุดปลายฝัน บทที่ ๑๒

กระทู้สนทนา
บทก่อนหน้า
บทนำ   http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/31409848


แนทที่รัก

ผมเพิ่งออกเรือมาได้เพียงวันเดียว เวลาตอนกลางคืนเพิ่งจะล่วงเข้ามาได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่ความคิดถึงที่ผมมีต่อคุณ ช่างหนักหน่วงจนผมแทบจะแบกรับไม่ไหวแล้ว เหลือเวลาอีกตั้งสามเดือนขาดไปแค่เพียงวันเดียว ผมจะอยู่อย่างไร...

เมื่อเช้าหลังจากเรือออกจากท่าหน้าสถานี เราล่องเรือลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้อากาศแจ่มใส ท้องฟ้ากระจ่างไร้เมฆ พระอาทิตย์ทำงานสาดแสงอย่างแข็งขัน แต่ก็ไม่ทำให้อากาศหนาวอันร้ายกาจผ่อนคลายความเย็นลงเลย ขอบคุณสำหรับผ้าพันคอของคุณ มันไม่ได้ให้ความอบอุ่นเพียงทางกาย แต่ทำให้หัวใจผมอุ่น เพราะผ้าพันคอเป็นสิ่งแทนตัวคุณ ที่จะช่วยให้ผมผ่านคืนวันอันโหดร้ายและหนาวเหน็บไปได้
  
ผมกำลังนั่งจิบชามะลิของคุณอยู่ในเคบิน ก่อนที่จะออกไปเปลี่ยนเวรกับต้นเรือ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง สาดแสงสีเงินยวงลงมาจนดาดฟ้าเรือสว่างไปหมด ทำให้นึกถึงคืนนั้นที่เราเดินเล่นอยู่ในสวนด้วยกัน ยังจำได้ถึงท่าทางตื่นเต้นยินดีของคุณในตอนที่ได้กลิ่นดอกมะลิ อย่าว่าแต่ซื้อมาปลูกเพิ่มไม่กี่ต้นอย่างที่คุณขอเลย เป็นเอเคอร์ผมก็ทำให้คุณได้ โดยที่ไม่รู้ว่า ในที่สุดแล้ว คนที่ได้รับประโยชน์จากสวนมะลินั่นกลับเป็นผมเอง ตอนนี้ผมกำลังหลงชามะลิรสชาติหอมหวานของคุณ ไม่รู้หวานเพราะคุณทำให้หรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ทุกครั้งที่ผมจิบชา มันทำให้ผมอุ่นใจราวกับมีคุณอยู่ใกล้ ๆ

ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน นาทาย่าห์...


วิลเลียมวางปากกาขนนกที่ใช้เขียนบันทึกลงไปบนแท่นวาง เก็บขวดหมึกไว้ในลิ้นชักข้างเตียง จากนั้นจึงปิดสมุดบันทึก ชายหนุ่มใช้เวลาว่างเขียนบันทึกหาคนที่รออยู่ที่บ้าน การเขียนถึงหญิงสาวทำให้เขาทรมานจากความคิดถึงน้อยลง

นายเรือหนุ่มหยิบนาฬิกาพกออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเหลือบสายตาดูเวลา และพบว่าเป็นเวลาที่เขาจะต้องไปเปลี่ยนเวรกับต้นเรือแล้ว เขากระชับผ้าพันคอให้แน่นขึ้น ขณะเดินตรงไปยังประตูเคบิน เพื่อออกไปที่ห้องบังคับเรือ

ระหว่างทางบนดาดฟ้าเรือ ความคิดกระหวัดไปถึงคนอยู่ไกล ก่อนใบหน้าจะประดับรอยยิ้มบางเบาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนเช้าตรู่วันนี้ แม้ที่ผ่านมา เขาจะอยากคิดเข้าข้างตนเองว่าหญิงสาวมีความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากตน แต่การได้รับการยืนยันด้วยสัมผัสฉ่ำหวานที่เธอตอบกลับมา ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมั่นอกมั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียว ส่วนปัญหาอุปสรรคที่รู้อยู่แก่ใจดีว่ามี บางที... บางทีด้วยหัวใจรักทั้งสองดวงที่มีให้กัน เขาและเธอคงจะหาทางออกให้กับปัญหาที่มีได้กระมัง

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาไม่เคยรู้ว่าความคิดถึงจะมีพลังรุนแรงถึงเพียงนี้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้โดยปราศจากหญิงสาวในอณูความคิดแม้เพียงขณะจิตเดียว ยิ่งรู้ว่าเธอก็รู้สึกไม่ต่างไปจากเขา ยิ่งทำให้ทุรนทุรายจากความคิดถึง หากเลือกได้ เขาคงไม่ทิ้งเธอมาในวันที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็มีใจเช่นนี้ เพราะมันช่างทรมานเหลือเกิน

คุณทำอะไรอยู่นะ นาทาย่าห์ จะคิดถึงผมอย่างที่ผมคิดถึงคุณหรือเปล่า




ณัฐญาณ์นั่งอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอน ทอดสายตาออกไปด้านนอกซึ่งเป็นสวนที่จัดไว้อย่างสวยงาม คืนนี้ตะเกียงน้ำมันวาฬที่ถูกจุดไว้ในสวนเพื่อให้ความสว่างถูกดับลงบางส่วน เพื่อปล่อยให้แสงสว่างจากพระจันทร์เต็มดวงได้ทำงานอย่างเต็มที่ ช่างเหมือนคืนนั้น... คืนพระจันทร์เต็มดวงคืนหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ ที่เจ้าของบ้านหนุ่มชวนเธอให้ออกไปเดินเล่นในสวนท่ามกลางแสงจันทร์ด้วยกัน

คืนนี้เหมือนคืนนั้น... หากแต่ก็แตกต่างกับคืนนั้น... เพราะคืนนี้ไม่มีอากาศเย็นสบายของฤดูใบไม้ผลิ ไม่มีร่างสูงเดินเคียง ไม่มีแขนแกร่งให้เธอเกาะเดิน... คืนนี้มีเพียงอากาศอันร้ายกาจของฤดูหนาว และเธอที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและหนาวเหน็บ แม้ไฟในเตาผิงจะลุกโพลงส่งความอบอุ่นไปทั่วห้อง แต่ความเหน็บหนาวที่หัวใจ คงจะมีเพียงคนไกลเท่านั้นกระมัง ที่จะทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นมาได้

ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่หรือคะวิล จะกำลังมองพระจันทร์ดวงเดียวกับฉันอยู่หรือเปล่าคะ

ณัฐญาณ์ไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มเดินมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร เมื่อวานเขาและเธอยังไม่พูดคุยกัน ยังเดินผ่านกันไปมาราวกับคนแปลกหน้า หากแต่วันนี้... วันนี้ที่เธอและเขาไม่ได้อยู่ใกล้กัน เธอกลับรู้สึกราวกับมีเพียงร่างกายที่ปราศจากหัวใจ เพราะดูเหมือนเขาจะไม่ได้ไปแต่หัว หากแต่เอาหัวใจของเธอไปด้วย

ในตอนเช้าตรู่เมื่อเช้านี้ที่เขามาเคาะประตู เธอที่นอนไม่หลับทั้งคืนขานรับแทบจะในทันที ในใจโลดขึ้นอย่างยินดีเมื่อได้ยินเสียงที่ประทับอยู่ในหัวใจทั้งยามหลับและตื่น ดีใจที่เขามาสั่งลากับเธออีกครั้ง เพราะนั่นคือสิ่งที่เธออยากทำอยู่ตลอดทั้งคืน แต่ก็ต้องห้ามตนเองไว้เพียงเพราะเป็นผู้หญิง เมื่อเขาเลือกที่จะเป็นคนกระทำเสียเอง ณัฐญาณ์จึงยินดียิ่งนัก

หญิงสาวยอมรับกับตนเองว่า ชายหนุ่มที่เอื้อเฟื้อให้เธออาศัยอยู่ด้วย มีความสำคัญกับหัวใจของเธอในระดับที่มากกว่าเพียงแค่ผู้มีพระคุณ ณัฐญาณ์รู้ตัวมาช้านานหากแต่ไม่กล้ายอมรับ ไม่กล้าแสดงออก เพราะไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มจะรู้สึกอย่างเดียวกัน และที่สำคัญที่สุด เธอรู้แก่ใจดีว่า เธอกับเขามีอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ขวางกั้น เธอมาจากอนาคตและเมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับไปยังที่ที่จากมา แล้วจะมาสร้างสัมพันธ์หรือความผูกพันกับชายหนุ่มผู้มีชีวิตในอดีตเมื่อสมัยร้อยกว่าปีที่แล้วได้อย่างไร

แต่แม้จะคิดเช่นนั้น แม้จะตั้งใจเช่นนั้น หากเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะจากไป โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสกลับมาหาเธออีกหรือเปล่า ณัฐญาณ์ก็ตระหนักถึงความเป็นจริงของชีวิต ว่าชีวิตคนเรานี้สั้นนัก เธอไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในวันพรุ่งนี้ อย่างเดียวกับที่เธอไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าจะได้เดินทางมายังอดีต จากบ้านเมืองและมารดามาโดยไม่มีแม้แต่โอกาสจะสั่งลา แล้วหากเธอจะต้องพลัดพรากจากชายหนุ่มผู้เป็นที่รักโดยไม่มีโอกาสได้บอกถึงความรู้สึกข้างในอีกเล่า... อีกทั้งแม้จะมีความหวังว่าจะได้กลับบ้านเมื่อ ‘ประตูมิติ’ เปิด ซึ่งเป็นเพียงการคาดเดาของโมราน หัวหน้าเผ่าชาวกูรีเท่านั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะมีประตูมิติเปิดเพื่อให้เธอผ่านกลับไปยังที่ที่จากมาหรือไม่ หรือหากมีจริง เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะได้กลับบ้าน หากเป็นประตูมิติจริง แล้วเปิดไปยังมิติอื่น ๆ อีกเล่า เธอจะโชคดีได้เจอกับคนที่มีน้ำจิตน้ำใจอย่างชายหนุ่มอีกหรือเปล่า ทุกอย่างเป็นการคาดเดาที่ไม่รู้อนาคตที่แน่นอนเอาเสียเลย และเพราะอย่างนั้นนั่นเอง เมื่อเขาแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่อเธอ หญิงสาวจึงไม่ปิดบังความรู้สึกภายในอีกต่อไป

ในตอนนั้น ณัฐญาณ์ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความรู้สึกหวาดกลัวต่อความไม่แน่นอน หวาดกลัวต่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง เธอเกรงว่าหากพลาดที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกภายในใจแล้วจะไม่มีโอกาสอีก เธอจึงตอบรับสัมผัสของเขาอย่างที่จะบอกให้เขารู้ว่า เธอเองก็รู้สึกกับเขาไม่ต่างกัน หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อได้กลับมาอยู่กับตนเอง มีเวลาพิจารณาความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา หญิงสาวก็ต้องยอมรับว่าเธอไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอจะเดินต่อไปเช่นไร หรือว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น เธอถูกกำหนดให้เดินทางมายังอดีตเพื่อมาเป็นภรรยาของกัปตันเรือล่าวาฬเจ้าของสถานีแปรรูปวาฬแห่งนี้อย่างนั้นหรือ และเมื่อนึกไปถึงหนังสือประวัติสถานีล่าวาฬที่เคยอ่านที่เขียนถึงกัปตันหนุ่มและภรรยา ก็ดูเหมือนการเป็นภรรยาของกัปตันวิลเลียม แคมพ์เบลล์ ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย เธอเองยังเคยรู้สึกอิจฉา ‘นาทาย่าห์’ หญิงสาวจากแดนไกลคนนั้นด้วยซ้ำ และหากเธอจะกลายมาเป็นผู้หญิงคนนั้นเสียเอง ก็ไม่ควรจะมีอะไรให้ต้องเป็นกังวลไม่ใช่หรือ

“แม่ขา หากณัฐถูกกำหนดให้ต้องมาใช้ชีวิตที่นี่ตลอดไป ณัฐก็ควรจะยอมรับใช่ไหมคะ แต่ถ้าหากณัฐยังพอมีบุญอยู่บ้าง ก็หวังว่าจะมีทางที่ณัฐจะได้กลับไปหาแม่อีกครั้ง ณัฐจะปล่อยให้มันเป็นไปตามชะตากรรมนะคะแม่” หญิงสาวพึมพำถึงมารดาอย่างตัดสินใจได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่