"คำมั่นสัญญา" หรือ "คำสาปแห่งรัก"
สุภาพสตรีเทวพรหม
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31869266
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/31872730
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/31879577
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/31887838
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/31946255
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 6
http://ppantip.com/topic/35183351
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
ความเดิมตอนที่แล้ว
หทัยกัญญามีเวรตรวจคนไข้ที่ห้องตรวจของเธอ คนไข้ผ่านไปคนแล้วคนเล่า จนเธอเริ่มเหนื่อยแต่ยังคงเก็บอาการไว้
"เหลืออีกหลายคนหรือเปล่าจ๊ะ" หทัยกัญญา แอบถามเบาๆ กับพยาบาลผู้ช่วยในห้องของเธอ
"ตอนนี้เหลือแค่คนเดียวค่ะ" พยาบาลกระซิบบอก หทัยกัญญายิ้มรับ ก่อนพยาบาลจะเดินไปที่หน้าประตูห้อง
"คนไข้รายต่อไปเชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ"
หทัยกัญญายังคงก้มหน้าก้มตาเขียนเอกสารที่ค้างอยู่ จึงไม่ได้สังเกตุว่า คนไข้มานั่งอยู่ที่เก้าอี้ต่อหน้าเธอแล้ว
"ขอโทษค่ะ" เธอเริ่มรู้ตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
"เป็นอะไรมา...คะ" เธอถึงกับตกอยู่ในภวังค์เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้น
"เป็นหมอครับ แล้วก็โดนหมอที่อยู่ในห้องนี้ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ไม่ถามสักคำว่าเจ็บไหม แผลอักเสบตรงไหนหรือเปล่า
หรือมีอาการข้างเคียงแบบ ปวดแผลจนไข้ขึ้นไหม และวันนี้มาล้างแผลแล้วหรือยัง" ม.ล.พนธกร พูดใส่เธอไม่ยั้ง และทุกคำที่พรั่งพรูออกมา เขารู้สึกทั้งโกรธทั้งน้อยใจเธอมากเสียจริง
พยาบาลเริ่มมองคนทั้งคู่แปลกๆ จนหทัยกัญญารู้สึกได้ ก่อนจะส่งเอกสารให้พยาบาลคนนั้น
"ฝากเอาไปให้ที่ห้องจ่ายยาทีนะคะ เดี๋ยวคนไข้รายนี้ ดวงใจดูแลคนเดียวได้"
ม.ล.พรธกร ยิ้มออก และ เริ่มยิ้มมากขึ้น เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับ หทัยกัญญา
"ยิ้มอะไรคะ ไปนั่งที่เตียงเลยค่ะ เดี๋ยวดวงใจดูแผลให้"
"แทนตัวเองว่าดวงใจกับทุกคนเลยหรือเปล่า" ม.ล.พนธกร ถามอย่างสงสัย หญิงสาวได้แต่มองค้อนเป็นคำตอบของเธอแทน
"อย่างนี้สินะ ยิ้มหวานๆ แทนตัวเองว่าดวงใจคะ ดวงใจขา คนไข้ถึงอยากมาตรวจกับเธอกันนัก ไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือเปล่า" เขาพูดประชดเธอก่อนจะนั่งปลดกระดุมเสื้อแล้วถอดออกเพื่อให้หญิงสาวดูแผลของเขาที่ด้านหลัง
"นั่นสิคะ ไม่รู้ว่าป่วยจริง เจ็บจริงหรือเปล่า" หทัยกัญญาประชดกลับเพื่อแขวะอีกฝ่ายบ้าง ก่อนจะลองใช้มือของเธอกดไปที่แผลของเขาจริงๆ
"โอ้ย.....ฉันเจ็บจริงนะ" ม.ล.พนธกร ร้องเสียงหลง จนผู้ช่วยพยาบาลที่แอบฟังอยู่ด้านนอกยังตกใจ
ม.ล.พนธกร แกล้งนั่งที่เตียงแล้วคราวนี้เขาหันหน้ามาทางหญิงสาวแทน ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาทำให้หัวใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
"หันมาทำไมคะ แผลคุณอยู่ที่ด้านหลัง"
"ฉันไม่ไว้ใจเธอ ถ้าเธอแแกล้งฉันอีก แล้วแผลเกิดอักเสบ ฉันขาดใจตายไปจะว่ายังไง ....เธอจะเสียใจหรือเปล่าดวงใจ" ม.ล.พนธกร คาดคั้นคำตอบของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่อ้อนวอน
"แผลแค่นี้ ไม่ทำให้คนตายได้ง่ายๆหรอกค่ะ หันหลังมาค่ะ ดวงใจจะล้างแผลให้"
หทัยกัญญามองอีกฝ่ายอย่างอ้อนวอนเช่นกัน ชายหนุ่มแพ้ทางหญิงสาวเขายอมทำตามแต่โดยดี หทัยกัญญาทำแผลให้อีกฝ่ายอย่างมือเบาที่สุด เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บเพราะเธออีก แต่ไม่รู้ว่าทำไมทุกการสัมผัสของเธอกับทำให้อีกฝ่ายขนลุกขนชันไปทั่วร่าง ม.ล.พนธกร พยายามเก็บอาการ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรได้เลย หทัยกัญญาแอบยิ้มให้กับท่าทีที่น่ารักน่าชังของอีกฝ่าย ใบหน้าของทั้งคู่แข่งกันแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หทัยกัญญาทำแผลที่หลังให้อีกฝ่ายจนเสร็จ คราวนี้ ม.ล.พนธกร หันหน้ามาพร้อมกับยื่นแขนให้อีกฝ่ายทำแผลให้
"มีแค่สองแผลใช่ไหมค่ะ ที่หลังกับที่แขน" หทัยกัญญาถาม ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วแต่ก็แกล้งถามอีกฝ่ายเพื่อแก้เก้อ ที่เธอกับเขาต้องอยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้
"ไม่ใช่ ที่จริงมี 3 แผล" เขาบอกเสียงอ้อนก่อนจะขยับมาใกล้เธออีกนิด หทัยกัญญาไม่คิดว่าเขาจะมีแผลเพราะเธออีก เธอรีบเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตกใจ
"ตรง....ตรงไหนคะ"
ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก หทัยกัญญาจะถอยออก แต่อีกฝ่ายใช้มือของเขารวบข้อแขนทั้งสองข้างของเธอไว้
"ตรงที่ใจ แผลตรงนี้แหละ เจ็บที่สุดแล้ว" เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"คุณกำลังทำให้ดวงใจเป็นหมอที่แย่นะคะ อาจจะมีคนไข้รออยู่ข้างนอกอีกคนก็ไม่รู้" หทัยกัญญาเบี่ยงประเด็นไปอีกทาง
"ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันก็เป็นหมอ ฉันย้ำกับพยาบาลด้านนอกไว้แล้ว ถ้ามีคนไข้รอตรวจเพิ่ม ให้เข้ามาบอกได้เลย" ม.ล.พนธกร ยิ้มบอกอย่างเป็นต่อ
"ถ้าอย่างนั้น ดวงใจขออนุญาติรีบทำแผลให้คุณเร็วๆดีกว่า" หญิงสาวสะบัดมือให้หลุดจากพันธนาการของเขา ม.ล.พนธกร ยอมปล่อยเธออย่างเสียดาย
หทัยกัญญา ก้มหน้าล้างแผลที่แขนของชายหนุ่มต่อ ม.ล.พนธกร ได้แอบมองเธอด้วยความคิดถึงและโหยหา ตลอดเวลาที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่มืองนอก เขาใช้เวลาที่เขามีหมดไปกับการเรียนแพทย์ และทำงาน ไม่เคยมีสิ่งไหนที่จะทำให้ใจของเขามีความรู้สึกกระชุ่มกระช่วยได้เหมือนในตอนนี้....ในเวลานี้เลย
"ฉันคิดถึงเธอ" ม.ล.พนธกร บอกอีกฝ่ายตามตรง หทัยกัญญาจะเงยหน้าขึ้นมา แต่อีกฝ่ายห้ามไว้
"ทำแผลไป เพราะถ้าเธอมองฉัน ฉันอาจไม่กล้าที่จะพูดก็ได้"
"พูดอะไรคะ" หทัยกัญญาถาม พยายามห้ามใจ และมองไปที่แผลที่เธอทำให้เขาอย่างเดียว
"ก็จะพูดแค่ว่า ฉันคิดถึงเธอมาก มากซะจน ถ้าไม่เกรงใจสถานที่ และเสื้อกาวน์ที่เธอใส่อยู่ ฉันคงกอดเธอไปแล้วให้หายคิดถึง"
"คุณกร" หทัยกัญญาจะมองหน้าอีกฝ่าย แต่เขาทำหน้าดุใส่เธอ เธอจึงต้องก้มหน้าทำแผลให้เขาต่อ
"จากนี้แผลของฉันคงจะดีขึ้น คงไม่มีข้ออ้างมาหาเธออีก และอย่างที่เธอรู้ หม่อมย่าทวดของฉันป่วยมาก ฉันคงต้องไปดูแลท่านอย่างสุดความสามารถที่ฉันมี อย่างนี้แล้วไม่รู้จะได้อยู่ตามลำพังแบบนี้กับเธออีกครั้งเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นยิ้มให้ฉันบ้าง คิดซะว่าฉันเป็นคนไข้คนหนึ่งของเธอก็ได้ เวลาเจอหน้ากัน เธอจะได้ไม่ต้องสร้างกำแพงกั้น....เรื่องระหว่างเรา"
หทัยกัญญาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ครั้งนี้เขาไม่ห้ามเธอ เพราะเขาต้องการรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายบ้าง หทัยกัญญายังคงเงียบไม่ตอบอะไร ม.ล.พนธกรได้แต่ถอนหายใจออกมา
เมื่อเธอทำแผลให้เขาจนเสร็จ ชายหนุ่มหยิบเสื้อขึ้นมาใส่ แต่เพราะเขาเจ็บแขน เลยดูเก้ๆกังๆ หทัยกัญญาจึงเข้ามาช่วย พร้อมกับติดกระดุมเสื้อให้กับเขา เริ่มจากกระดุมเม็ดล่าง สู่ กระดุมเม็ดด้านบน ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่แทบหยุดหายใจ
"มีอะไรจะถาม ดวงใจไหมคะ" หทัยกัญญาถามขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มนั้นจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา
(คิดถึงฉัน...เหมือนที่ฉันคิดถึงเธอบ้างหรือเปล่า) ใบหน้าของ ม.ล.พนธกร เต็มไปด้วยด้วยคำถามนั้น แต่เขาเลือกที่จะไม่ถาม
"ไม่ดีกว่า" เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ทำไมคะ" หทัยกัญญา อดสงสัยไม่ได้
"เพราะว่าชอบทำร้ายจิตใจฉัน ทำไมนะดวงใจ พอฉันเห็นหน้าเธอแล้ว ฉันก็นึกถึงคำพูดเก่าๆ.....ที่เคยบอกกับเธอไป"
"เรื่องอะไรคะ"
"จำไม่ได้สินะ ใช่สิ แต่ก็ชั่งเถอะ ฉันชินแล้ว เพราะเจอหน้าเธอที่ไร ไม่เจ็บที่ตัวก็มักจะเจ็บ....ที่หัวใจ" ม.ล.พนธกร บอกอย่างน้อยใจเขามองเธออย่างเจ็บปวด คราวนี้เขาเป็นฝ่ายเดินหนีจากเธอบ้าง หทัยกัญญาได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน เพราะความรู้สึกที่เธอไม่สามารถแสดงออกมาได้
กำลังทำร้ายหัวใจของตัวเธอเองอยู่
กลางดึกคืนนั้น ม.ล.พนธกร เข้ามาเปลี่ยนเวรดูแลหม่อมย่าทวดแทนพ่อของเขา ชายหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง เขาเอื้อมมือไปกุมมือหญิงชราผู้นั้นไว้ด้วยความรักใครและห่วงใย หม่อมย่าเอียดเริ่มรู้สึกตัว
"กร" เสียงเรียกช่างแผ่วเบานัก
"ครับ ผมกวนหม่อมย่าทวดหรือเปล่าครับ" ม.ล.พนธกร ตอบเขายื่นหน้าไปถามใกล้ๆเพราะกลัวหม่อมย่าทวดของเขาจะไม่ได้ยิน
"ไม่หรอก ไม่เลย" หญิงชราตอบ พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบที่ใบหน้าของเหลนด้วยความเอ็นดู ม.ล.พนธกร ซบลงที่หน้าอกของหญิงชราผู้นั้นเหมือนตอนที่เขายังเล็ก
"อ้อนอย่างนี้ อยากได้อะไรหรือเปล่า"
"ไม่ครับ ขอแค่หม่อมย่าทวดกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมก็พอ" ชายหนุ่มขอ ในสิ่งที่เขาก็รู้ว่ามันช่างเลือนลาง
หญิงชราได้แต่ยิ้มที่มุมปาก
"ถ้าอย่างนั้น ย่าทวดขอเป็นฝ่ายขอแทนได้ไหม"
"หม่อมย่าทวดต้องการอะไรหรือครับ" ม.ล.พนธกร ถามอย่างสงสัย
"สัญญาเดียวทีย่าทวดรักษาไว้ไม่ได้" หญิงชรามองเหลนรักด้วยสายตาที่อ้อนวอน ม.ล.พนธกร เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในแววตานั่นดี
"ครับ หม่อมย่าทวด ผมจะรักษาสัญญานั้นไว้ให้เอง" ม.ล.พนธกร บอกกับหม่อมย่าทวดของเขา เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล คำมั่นสัญญาที่หนักอึ้ง กำลังกลายเป็นคำสาปแห่งรักที่ไม่รู้จบตั้งแต่รุ่นพ่อของเขามาแล้ว
"ขอให้มันจบที่ผมนะครับ จบที่ผม" ม.ล.พนธกร รับปาก ทั้งน้ำตาที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้ เขาซบลงที่อกของหญิงชราผู้นั้น
"ขอบใจมาก ทายาททางฝั่งม.ล.เกษรา เป็นคนดี เป็นผู้หญิงที่ดี เป็นสุภาพสตรีเทวพรหมที่เหมาะสม" หญิงชรากระซิบบอกเหลนของเธอ พร้อมกับลูบที่ศรีษะเหลนรักเบาๆก่อนจะคล้อยหลับไป
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 7
ที่วังจุฑาเทพ มีงานเลี้ยงเล็กๆต้อนรับการกลับมาของ ม.ล.พนธกร แต่เพราะอาการป่วยของหม่อมย่าเอียดยังไม่ดีขึ้น ทำให้งานนี้เหมือนเป็นการทานอาหารค่ำโดยพร้อมหน้ากันเสียมากกว่า ทายาทรุ่นต่อไปของวังจุฑาเทพ อยู่กันเกือบครบ ขาดแต่ ม.ล.วชิรวิทย์ และ ม.ล.สุรีย์นิภา ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ ครอบครัวของ ม.ล.เกษรา ได้รับเชิญมางานเลี้ยงนี้ด้วย ชญานี แต่งตัวสวยเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ จน ม.ล.กันต์รพี ถึงกับตกตะลึง ที่ได้เห็นคนที่เขาชอบในวันนี้
"คนหนึ่งคือ สุภาพบุรุษ ที่เพียบพร้อมไปในทุกด้าน
ส่วนอีกคน ก็สวยสมเป็นกุลสตรี หน้าที่การงานก็มั่นคง อยู่ในสังคมที่โก้หรู เหมาะสมกันกว่านี้คงไม่มีแล้ว"
หทัยกัญญาพูดขึ้น เมื่อถูกเพื่อนของเธอทู่ซี้ถามเรื่อง ม.ล.พนธกร ที่พยาบาลต่างพากันไปพูดว่าหมอใหม่กำลังตกหลุมรักหมอดวงใจจากการได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
"นี่เธอกำลังจะบอกว่า ผู้มีพระคุณของเธอ คุณชญา...ชญานีใช่ไหม เป็นคู่หมั้นของหมอใหม่ เธอกับหมอใหม่เลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน" วิไลวรรณ กำลังพูดในสิ่งที่เธอเข้าใจ
"ใช่ แล้วหมอใหม่ที่เธอว่า เขาแค่เอ็นดูฉันในฐานะน้องสาว ก็แค่นั้นเอง" หทัยกัญญา พยายามเกลี้ยกล้อมให้เพื่อนของเธอเข้าใจไปอีกทาง
"แต่ฉันว่าไม่นะ" วิไลวรรณนึกถึงใบหน้า ม.ล.พนธกร ในวันที่เขามาช่วยเพื่อนเธอเอาไว้ ทั้งสีหน้าและท่าทางดูกระวนกระวายมาก หล่อนชักสีหน้าเพราะไม่เชื่อคำแก้ตัวของเพื่อนเธอ
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 7
สุภาพสตรีเทวพรหม
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/31869266
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/31872730
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/31879577
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/31887838
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 5 http://ppantip.com/topic/31946255
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/35183351
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
ความเดิมตอนที่แล้ว
หทัยกัญญามีเวรตรวจคนไข้ที่ห้องตรวจของเธอ คนไข้ผ่านไปคนแล้วคนเล่า จนเธอเริ่มเหนื่อยแต่ยังคงเก็บอาการไว้
"เหลืออีกหลายคนหรือเปล่าจ๊ะ" หทัยกัญญา แอบถามเบาๆ กับพยาบาลผู้ช่วยในห้องของเธอ
"ตอนนี้เหลือแค่คนเดียวค่ะ" พยาบาลกระซิบบอก หทัยกัญญายิ้มรับ ก่อนพยาบาลจะเดินไปที่หน้าประตูห้อง
"คนไข้รายต่อไปเชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ"
หทัยกัญญายังคงก้มหน้าก้มตาเขียนเอกสารที่ค้างอยู่ จึงไม่ได้สังเกตุว่า คนไข้มานั่งอยู่ที่เก้าอี้ต่อหน้าเธอแล้ว
"ขอโทษค่ะ" เธอเริ่มรู้ตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
"เป็นอะไรมา...คะ" เธอถึงกับตกอยู่ในภวังค์เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้น
"เป็นหมอครับ แล้วก็โดนหมอที่อยู่ในห้องนี้ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ไม่ถามสักคำว่าเจ็บไหม แผลอักเสบตรงไหนหรือเปล่า
หรือมีอาการข้างเคียงแบบ ปวดแผลจนไข้ขึ้นไหม และวันนี้มาล้างแผลแล้วหรือยัง" ม.ล.พนธกร พูดใส่เธอไม่ยั้ง และทุกคำที่พรั่งพรูออกมา เขารู้สึกทั้งโกรธทั้งน้อยใจเธอมากเสียจริง
พยาบาลเริ่มมองคนทั้งคู่แปลกๆ จนหทัยกัญญารู้สึกได้ ก่อนจะส่งเอกสารให้พยาบาลคนนั้น
"ฝากเอาไปให้ที่ห้องจ่ายยาทีนะคะ เดี๋ยวคนไข้รายนี้ ดวงใจดูแลคนเดียวได้"
ม.ล.พรธกร ยิ้มออก และ เริ่มยิ้มมากขึ้น เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับ หทัยกัญญา
"ยิ้มอะไรคะ ไปนั่งที่เตียงเลยค่ะ เดี๋ยวดวงใจดูแผลให้"
"แทนตัวเองว่าดวงใจกับทุกคนเลยหรือเปล่า" ม.ล.พนธกร ถามอย่างสงสัย หญิงสาวได้แต่มองค้อนเป็นคำตอบของเธอแทน
"อย่างนี้สินะ ยิ้มหวานๆ แทนตัวเองว่าดวงใจคะ ดวงใจขา คนไข้ถึงอยากมาตรวจกับเธอกันนัก ไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือเปล่า" เขาพูดประชดเธอก่อนจะนั่งปลดกระดุมเสื้อแล้วถอดออกเพื่อให้หญิงสาวดูแผลของเขาที่ด้านหลัง
"นั่นสิคะ ไม่รู้ว่าป่วยจริง เจ็บจริงหรือเปล่า" หทัยกัญญาประชดกลับเพื่อแขวะอีกฝ่ายบ้าง ก่อนจะลองใช้มือของเธอกดไปที่แผลของเขาจริงๆ
"โอ้ย.....ฉันเจ็บจริงนะ" ม.ล.พนธกร ร้องเสียงหลง จนผู้ช่วยพยาบาลที่แอบฟังอยู่ด้านนอกยังตกใจ
ม.ล.พนธกร แกล้งนั่งที่เตียงแล้วคราวนี้เขาหันหน้ามาทางหญิงสาวแทน ท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาทำให้หัวใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
"หันมาทำไมคะ แผลคุณอยู่ที่ด้านหลัง"
"ฉันไม่ไว้ใจเธอ ถ้าเธอแแกล้งฉันอีก แล้วแผลเกิดอักเสบ ฉันขาดใจตายไปจะว่ายังไง ....เธอจะเสียใจหรือเปล่าดวงใจ" ม.ล.พนธกร คาดคั้นคำตอบของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่อ้อนวอน
"แผลแค่นี้ ไม่ทำให้คนตายได้ง่ายๆหรอกค่ะ หันหลังมาค่ะ ดวงใจจะล้างแผลให้"
หทัยกัญญามองอีกฝ่ายอย่างอ้อนวอนเช่นกัน ชายหนุ่มแพ้ทางหญิงสาวเขายอมทำตามแต่โดยดี หทัยกัญญาทำแผลให้อีกฝ่ายอย่างมือเบาที่สุด เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บเพราะเธออีก แต่ไม่รู้ว่าทำไมทุกการสัมผัสของเธอกับทำให้อีกฝ่ายขนลุกขนชันไปทั่วร่าง ม.ล.พนธกร พยายามเก็บอาการ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรได้เลย หทัยกัญญาแอบยิ้มให้กับท่าทีที่น่ารักน่าชังของอีกฝ่าย ใบหน้าของทั้งคู่แข่งกันแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว หทัยกัญญาทำแผลที่หลังให้อีกฝ่ายจนเสร็จ คราวนี้ ม.ล.พนธกร หันหน้ามาพร้อมกับยื่นแขนให้อีกฝ่ายทำแผลให้
"มีแค่สองแผลใช่ไหมค่ะ ที่หลังกับที่แขน" หทัยกัญญาถาม ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วแต่ก็แกล้งถามอีกฝ่ายเพื่อแก้เก้อ ที่เธอกับเขาต้องอยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้
"ไม่ใช่ ที่จริงมี 3 แผล" เขาบอกเสียงอ้อนก่อนจะขยับมาใกล้เธออีกนิด หทัยกัญญาไม่คิดว่าเขาจะมีแผลเพราะเธออีก เธอรีบเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตกใจ
"ตรง....ตรงไหนคะ"
ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก หทัยกัญญาจะถอยออก แต่อีกฝ่ายใช้มือของเขารวบข้อแขนทั้งสองข้างของเธอไว้
"ตรงที่ใจ แผลตรงนี้แหละ เจ็บที่สุดแล้ว" เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"คุณกำลังทำให้ดวงใจเป็นหมอที่แย่นะคะ อาจจะมีคนไข้รออยู่ข้างนอกอีกคนก็ไม่รู้" หทัยกัญญาเบี่ยงประเด็นไปอีกทาง
"ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันก็เป็นหมอ ฉันย้ำกับพยาบาลด้านนอกไว้แล้ว ถ้ามีคนไข้รอตรวจเพิ่ม ให้เข้ามาบอกได้เลย" ม.ล.พนธกร ยิ้มบอกอย่างเป็นต่อ
"ถ้าอย่างนั้น ดวงใจขออนุญาติรีบทำแผลให้คุณเร็วๆดีกว่า" หญิงสาวสะบัดมือให้หลุดจากพันธนาการของเขา ม.ล.พนธกร ยอมปล่อยเธออย่างเสียดาย
หทัยกัญญา ก้มหน้าล้างแผลที่แขนของชายหนุ่มต่อ ม.ล.พนธกร ได้แอบมองเธอด้วยความคิดถึงและโหยหา ตลอดเวลาที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่มืองนอก เขาใช้เวลาที่เขามีหมดไปกับการเรียนแพทย์ และทำงาน ไม่เคยมีสิ่งไหนที่จะทำให้ใจของเขามีความรู้สึกกระชุ่มกระช่วยได้เหมือนในตอนนี้....ในเวลานี้เลย
"ฉันคิดถึงเธอ" ม.ล.พนธกร บอกอีกฝ่ายตามตรง หทัยกัญญาจะเงยหน้าขึ้นมา แต่อีกฝ่ายห้ามไว้
"ทำแผลไป เพราะถ้าเธอมองฉัน ฉันอาจไม่กล้าที่จะพูดก็ได้"
"พูดอะไรคะ" หทัยกัญญาถาม พยายามห้ามใจ และมองไปที่แผลที่เธอทำให้เขาอย่างเดียว
"ก็จะพูดแค่ว่า ฉันคิดถึงเธอมาก มากซะจน ถ้าไม่เกรงใจสถานที่ และเสื้อกาวน์ที่เธอใส่อยู่ ฉันคงกอดเธอไปแล้วให้หายคิดถึง"
"คุณกร" หทัยกัญญาจะมองหน้าอีกฝ่าย แต่เขาทำหน้าดุใส่เธอ เธอจึงต้องก้มหน้าทำแผลให้เขาต่อ
"จากนี้แผลของฉันคงจะดีขึ้น คงไม่มีข้ออ้างมาหาเธออีก และอย่างที่เธอรู้ หม่อมย่าทวดของฉันป่วยมาก ฉันคงต้องไปดูแลท่านอย่างสุดความสามารถที่ฉันมี อย่างนี้แล้วไม่รู้จะได้อยู่ตามลำพังแบบนี้กับเธออีกครั้งเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นยิ้มให้ฉันบ้าง คิดซะว่าฉันเป็นคนไข้คนหนึ่งของเธอก็ได้ เวลาเจอหน้ากัน เธอจะได้ไม่ต้องสร้างกำแพงกั้น....เรื่องระหว่างเรา"
หทัยกัญญาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ครั้งนี้เขาไม่ห้ามเธอ เพราะเขาต้องการรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายบ้าง หทัยกัญญายังคงเงียบไม่ตอบอะไร ม.ล.พนธกรได้แต่ถอนหายใจออกมา
เมื่อเธอทำแผลให้เขาจนเสร็จ ชายหนุ่มหยิบเสื้อขึ้นมาใส่ แต่เพราะเขาเจ็บแขน เลยดูเก้ๆกังๆ หทัยกัญญาจึงเข้ามาช่วย พร้อมกับติดกระดุมเสื้อให้กับเขา เริ่มจากกระดุมเม็ดล่าง สู่ กระดุมเม็ดด้านบน ความใกล้ชิดทำให้ทั้งคู่แทบหยุดหายใจ
"มีอะไรจะถาม ดวงใจไหมคะ" หทัยกัญญาถามขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มนั้นจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา
(คิดถึงฉัน...เหมือนที่ฉันคิดถึงเธอบ้างหรือเปล่า) ใบหน้าของ ม.ล.พนธกร เต็มไปด้วยด้วยคำถามนั้น แต่เขาเลือกที่จะไม่ถาม
"ไม่ดีกว่า" เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"ทำไมคะ" หทัยกัญญา อดสงสัยไม่ได้
"เพราะว่าชอบทำร้ายจิตใจฉัน ทำไมนะดวงใจ พอฉันเห็นหน้าเธอแล้ว ฉันก็นึกถึงคำพูดเก่าๆ.....ที่เคยบอกกับเธอไป"
"เรื่องอะไรคะ"
"จำไม่ได้สินะ ใช่สิ แต่ก็ชั่งเถอะ ฉันชินแล้ว เพราะเจอหน้าเธอที่ไร ไม่เจ็บที่ตัวก็มักจะเจ็บ....ที่หัวใจ" ม.ล.พนธกร บอกอย่างน้อยใจเขามองเธออย่างเจ็บปวด คราวนี้เขาเป็นฝ่ายเดินหนีจากเธอบ้าง หทัยกัญญาได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน เพราะความรู้สึกที่เธอไม่สามารถแสดงออกมาได้ กำลังทำร้ายหัวใจของตัวเธอเองอยู่
กลางดึกคืนนั้น ม.ล.พนธกร เข้ามาเปลี่ยนเวรดูแลหม่อมย่าทวดแทนพ่อของเขา ชายหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง เขาเอื้อมมือไปกุมมือหญิงชราผู้นั้นไว้ด้วยความรักใครและห่วงใย หม่อมย่าเอียดเริ่มรู้สึกตัว
"กร" เสียงเรียกช่างแผ่วเบานัก
"ครับ ผมกวนหม่อมย่าทวดหรือเปล่าครับ" ม.ล.พนธกร ตอบเขายื่นหน้าไปถามใกล้ๆเพราะกลัวหม่อมย่าทวดของเขาจะไม่ได้ยิน
"ไม่หรอก ไม่เลย" หญิงชราตอบ พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบที่ใบหน้าของเหลนด้วยความเอ็นดู ม.ล.พนธกร ซบลงที่หน้าอกของหญิงชราผู้นั้นเหมือนตอนที่เขายังเล็ก
"อ้อนอย่างนี้ อยากได้อะไรหรือเปล่า"
"ไม่ครับ ขอแค่หม่อมย่าทวดกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมก็พอ" ชายหนุ่มขอ ในสิ่งที่เขาก็รู้ว่ามันช่างเลือนลาง
หญิงชราได้แต่ยิ้มที่มุมปาก
"ถ้าอย่างนั้น ย่าทวดขอเป็นฝ่ายขอแทนได้ไหม"
"หม่อมย่าทวดต้องการอะไรหรือครับ" ม.ล.พนธกร ถามอย่างสงสัย
"สัญญาเดียวทีย่าทวดรักษาไว้ไม่ได้" หญิงชรามองเหลนรักด้วยสายตาที่อ้อนวอน ม.ล.พนธกร เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในแววตานั่นดี
"ครับ หม่อมย่าทวด ผมจะรักษาสัญญานั้นไว้ให้เอง" ม.ล.พนธกร บอกกับหม่อมย่าทวดของเขา เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล คำมั่นสัญญาที่หนักอึ้ง กำลังกลายเป็นคำสาปแห่งรักที่ไม่รู้จบตั้งแต่รุ่นพ่อของเขามาแล้ว
"ขอให้มันจบที่ผมนะครับ จบที่ผม" ม.ล.พนธกร รับปาก ทั้งน้ำตาที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้ เขาซบลงที่อกของหญิงชราผู้นั้น
"ขอบใจมาก ทายาททางฝั่งม.ล.เกษรา เป็นคนดี เป็นผู้หญิงที่ดี เป็นสุภาพสตรีเทวพรหมที่เหมาะสม" หญิงชรากระซิบบอกเหลนของเธอ พร้อมกับลูบที่ศรีษะเหลนรักเบาๆก่อนจะคล้อยหลับไป
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 7
ที่วังจุฑาเทพ มีงานเลี้ยงเล็กๆต้อนรับการกลับมาของ ม.ล.พนธกร แต่เพราะอาการป่วยของหม่อมย่าเอียดยังไม่ดีขึ้น ทำให้งานนี้เหมือนเป็นการทานอาหารค่ำโดยพร้อมหน้ากันเสียมากกว่า ทายาทรุ่นต่อไปของวังจุฑาเทพ อยู่กันเกือบครบ ขาดแต่ ม.ล.วชิรวิทย์ และ ม.ล.สุรีย์นิภา ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ ครอบครัวของ ม.ล.เกษรา ได้รับเชิญมางานเลี้ยงนี้ด้วย ชญานี แต่งตัวสวยเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ จน ม.ล.กันต์รพี ถึงกับตกตะลึง ที่ได้เห็นคนที่เขาชอบในวันนี้
ส่วนอีกคน ก็สวยสมเป็นกุลสตรี หน้าที่การงานก็มั่นคง อยู่ในสังคมที่โก้หรู เหมาะสมกันกว่านี้คงไม่มีแล้ว"
หทัยกัญญาพูดขึ้น เมื่อถูกเพื่อนของเธอทู่ซี้ถามเรื่อง ม.ล.พนธกร ที่พยาบาลต่างพากันไปพูดว่าหมอใหม่กำลังตกหลุมรักหมอดวงใจจากการได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
"นี่เธอกำลังจะบอกว่า ผู้มีพระคุณของเธอ คุณชญา...ชญานีใช่ไหม เป็นคู่หมั้นของหมอใหม่ เธอกับหมอใหม่เลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน" วิไลวรรณ กำลังพูดในสิ่งที่เธอเข้าใจ
"ใช่ แล้วหมอใหม่ที่เธอว่า เขาแค่เอ็นดูฉันในฐานะน้องสาว ก็แค่นั้นเอง" หทัยกัญญา พยายามเกลี้ยกล้อมให้เพื่อนของเธอเข้าใจไปอีกทาง
"แต่ฉันว่าไม่นะ" วิไลวรรณนึกถึงใบหน้า ม.ล.พนธกร ในวันที่เขามาช่วยเพื่อนเธอเอาไว้ ทั้งสีหน้าและท่าทางดูกระวนกระวายมาก หล่อนชักสีหน้าเพราะไม่เชื่อคำแก้ตัวของเพื่อนเธอ