"คำมั่นสัญญา" หรือ "คำสาปแห่งรัก"
สุภาพสตรีเทวพรหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31869266
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/31872730
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/31879577
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/31887838
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 5
เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ หทัยกัญญายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารในครัวเหมือนปกติ เธอกำลังตักข้าวไว้รอป้าแย้ม
"ดวงใจ ดวงใจ คุณท่านเรียก" คนรับใช้รีบวิ่งเข้ามาเรียกด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบ ทำให้หทัยกัญญารีบวางโถข้าวที่ถืออยู่ แล้วรีบเดินตามออกไปทันที
เมื่อถึงที่โต๊ะอาหาร ครอบครัวม.ล.เกษราอยู่กันครบ ส่วนครอบครัวของกรองแก้วขาดแต่คุณชายพุฒิภัทรที่ไม่สามารถมาในวันนี้ได้
"วันนี้ทานข้าวด้วยกันนะดวงใจ" ม.ล.เกษราบอกกับหลานสาวตนอย่างเอ็นดู หทัยกัญญาหันไปมองทางชญานีอย่างเกรงใจ แต่ชญานียิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ก่อนจะลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ข้างๆชญานนท์ให้ด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้หทัยกัญญายิ่งเกรงใจเข้าไปอีก
"รายนี้ ถ้าไม่บังคับ ไม่ยอมทำตามอะไรง่ายๆหรอกค่ะ" ชญานี ยิ้มบอกกับทุกคน อย่างเข้าใจหทัยกัญญาดี
หทัยกัญญาเมื่อนั่งลงข้างๆ ชญานนท์แล้ว เขาแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ เหมือนจะอยากแสดงให้ ม.ล.พนธกรได้รู้และได้เห็นสักที
ม.ล.พนธกร เริ่มที่จะไม่พอใจแต่เขายังคงเก็บอาการไว้อยู่ ชญานีแอบมอง ม.ล.พนธกร อยู่เสมอ เธอรอว่า ม.ล.พนธกร จะตักอาหารให้เธอเหมือนที่ชญานนท์ทำให้หทัยกัญญาหรือเปล่า แต่ม.ล.พนธกร ได้แต่นิ่งเฉย เพราะเขาไม่ต้องการให้ความหวังอีกฝ่ายมากไปกว่านี้
"วันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพียงขวัญชวนพวกเด็กๆไปเที่ยวบ้านพ่อของเธอที่เชียงใหม่ แก้วกับขวัญเลยคิดว่า ชญานนท์ ชญานี น่าจะไปด้วย อืม... เธอก็ด้วยนะจ๊ะดวงใจ ถือว่าได้ไปเที่ยวด้วยกัน คุณเกษ อนุญาติให้เด็กๆไปกับเรานะคะ" กรองแก้วเอ่ยชวนด้วยตัวเอง ม.ล.พนธกร มองหน้าแม่ของตนอย่างพอใจ เพราะเรื่องนี้เขาเป็นคนขอร้องให้แม่ของเขาช่วยออกหน้าให้
ม.ล.เกษรา มองหน้าลูกทั้งสอง เหมือนอยากไปกันมาก มีแต่หทัยกัญญาเท่านั้นที่ไม่แสดงท่าทีอะไร
"ไปด้วยกันนะจ๊ะดวงใจ" กรองแก้วชวนหทัยกัญญาซ้ำอีกครั้ง คนทีดูเหมือนจะลุ้นที่สุดคงหนีไปพ้น ม.ล.พนธกร
หทัยกัญญาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เธอหันไปมองที่ ม.ล.เกษรา ม.ล.เกษรายิ้มให้เหมือนต้องการให้เธอไปด้วยเช่นกัน
"ค่ะ" หทัยกัญญาตอบออกมา ม.ล.พนธกรได้แต่นั่งอมยิ้มที่อีกฝ่ายตอบตกลง ชญานีเมื่อเห็นอย่างนั้นถึงเธอจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
เมื่อเหล่าทายาททั้ง 4 ของวังจุฑาเทพ มาถึงบ้านพักตากอากาศของพ่อเลี้ยงอัทธ์ที่เชียงใหม่ ม.ล.กันต์รพี ดูแลลูกพี่ลูกน้องของตนอย่างดี เพราะที่นี่เหมือนกับบ้านหลังที่ 2 ของเขา เมื่อรถของบ้าน ม.ล.เกษรามาจอด ม.ล.พนธกร แอบมองหา หทัยกัญญาอย่างใจจดใจจ่อ แต่เขาต้องเก็บอาการไว้ เพราะไม่ต้องการให้หทัยกัญญาต้องเดือดร้อนเพราะเขาอีก
เหล่าทายาททั้ง 4 ชวนชญานนท์ ชญานี และหทัยกัญญา ตั้งแคมป์ นอนกับบนเขา เพื่อที่จะได้ดูพระอาทิตย์ยามเช้า ที่พ่อเลี้ยงอัทธ์การันตรีว่างดงามมาก เมื่อทุกคนปีนมาถึงยอดเขา คนรับใช้ของบ้านพ่อเลี้ยงอัทธ์ที่ตามมาดูแลอาสาจะกางเต็นท์ให้ แต่เด็กๆ เลือกที่จะทำกันเอง
"เธอนอนคนเดียวได้นะดวงใจ เพราะฉันจะนอนกับณิชา พอดีมีเรื่องส่วนตัวต้องคุณกันหน่อย" ชญานีบอกกับหทัยกัญญา ด้วยน้ำเสียงที่เรียบแต่พยายามบ่งบอกว่าหทัยกัญญาคือส่วนเกินของการเที่ยวในครั้งนี้ หทัยกัญญาได้ยินอย่างนั้น ก็ได้แต่พยักหน้ารับคำ ก่อนจะไปหยิบเต็นท์อีกอันเพื่อที่จะเอามากางข้างๆ เต็นท์ของชญานี ซึ่งตอนนี้ ชญานี และ ม.ล.พจณิชา กำลังช่วยกันกางอย่างสนุกสนาน
ม.ล.พนธกร เห็น หทัยกัญญากำลังกางเต็นท์อีกอัน จึงคิดที่จะไปช่วย แต่มีเสียงของ ชญานี ดังเข้ามาเสียก่อน
"พี่กรมาช่วยนีหน่อยได้ไหมค่ะ ไม่รู้ว่าติดอะไร ไม่ยอมตั้งได้สักที" ชญานีบอกเหมือนออกคำสั่ง ทำให้ ม.ล.พนธกรต้องเข้าไปทำให้อย่างเสียมิได้
ชญานนท์ จึงเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยหทัยกัญญาแทน
"ไปเตรียมของอย่างอื่นเถอะดวงใจ ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง" ชญานนท์บอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มของเขา
"ขอบคุณมากค่ะคุณนนท์"
"คุณนนท์อีกแล้ว พี่นนท์ ไหนเรียกสิ พี่นนท์ เรียกยากนักหรืออย่างไร" ชญานนท์บอกเหมือนกำลังสอนเด็กให้หัดพูด
หทัยกัญญาได้แต่ยิ้มหวานเพราะถึงอย่างไรเธอก็เรียกเขาเหมือนเดิม
"คุณนนท์ คุณชญานนท์" หทัยกัญญาแกล้งเรียกชื่อเต็ม ก่อนจะเดินเลี่ยงไป เพื่อไปทำอย่างอื่นแทน ชญานนท์ได้แต่มองตามพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่หุบ
ม.ล.พนธกร ได้แต่มองอย่างหึงหวง จนเผลอทุบค้อนที่ตอกตะปูใส่มือของตัวเอง
"โอ้ยยย" ม.ล.พนธกรร้องขึ้น ม.ล.พจณิชารีบจับมือน้องชายมาดูเห็นว่าไม่เป็นอะไรมาก
"ซุ่มซ่ามจริงเชียว" ม.ล.พจณิชา อดว่าไม่ได้
"เดี๋ยวนีไปหายามาทาให้นะคะ" ชญานีบอกอย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรจ๊ะ น้องนี แค่นี้เอง" ม.ล.พนธกรบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเพราะเขากางเต็นท์ให้สองสาวเสร็จแล้ว
หทัยกัญญา กำลังกางดูแผนที่ เพื่อที่จะเดินไปเก็บสตอร์เบอร์รี่ที่ไหล่เขาอีกทาง เธออาสาคนรับใช้ที่นี่จะไปเก็บให้ เพราะเธอรู้สึกประหม่าที่ไม่มีอะไรทำ
"ดูสิ" ม.ล.พนธกรยืนหน้าบึ้ง ยื่นมือข้างที่โดนค้อนทุบ ส่งให้หทัยกัญญาดู หทัยกัญญาเห็นเป็นรอบช้ำแดงๆ จึงเอ่ยถาม
"ไปโดนอะไรมาค่ะ"
"ฝีมือเธอนั่นแหละ" ม.ล.พนธกร อ้อมแอ้มบอกอย่างต้องการอ้อนอีกฝ่าย
หทัยกัญญามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ม.ล.พนธกรก็ยืนมองหทัยกัญญาเหมือนกันแต่ความรู้สึกของเขานั้นคือน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าเป็นห่วงเขาเสียเลย
"ช่างเถอะ ฉันชินแล้ว เพราะเจอหน้าเธอที่ไร ไม่เจ็บที่ตัวก็มักจะเจ็บที่หัวใจ" ม.ล.พนธกร งอนหทัยกัญญามากขึ้น หทัยกัญญาเองก็รู้ยิ่งได้ยินประโยคนั้นเธอก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่เธอต้องการที่จะหักห้ามใจตัวเอง
"ไม่มีอะไรแล้ว ดวงใจขอตัวก่อนนะคะ" หทัยกัญญาบอก และกำลังจะเดินเลี่ยงไป แต่ ม.ล.พนธกร ดึงกระดาษที่เธอถืออยู่มาดูเสียก่อน
"จะไปเก็บสตอร์เบอร์รี่หรอ" ม.ล.พนธกรถาม เพราะเขาจำไร่ที่อยู่ในแผนที่ได้
"ค่ะ แล้วก็ขอแผนที่คืนด้วยนะคะ" หทัยกัญญาบอก แต่อีกฝ่ายไม่คืนให้ แต่เขาอาสาที่จะพาไป แต่หทัยกัญญาไม่ต้องการความหวังดีนั่น ทำให้อีกฝ่ายต้องยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจตัวเองว่า
"ถ้าเธอพูดว่าไม่ อีกคำเดียว ฉันได้อุ้มเธอไปจากตรงนี้จริงๆ"
หทัยกัญญาได้แต่ถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินตามเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อม.ล.พนธกร กับ หทัยกัญญา มาถึงไร่สตอร์เบอร์รี่ หทัยกัญญาได้แต่ยืนอึ้งกับความสวยงามที่เธอได้เห็นครั้งแรก ก่อนจะเดินเข้าไปตามทางเดินเพื่อเก็บสตอร์เบอร์รี่ คนงานที่อยู่แถวนั้นจะเข้ามาช่วย แต่ม.ล.พนธกร ได้ห้ามไว้ เพราะเขาจะเป็นคนช่วยเธอเอง
ทั้งคู่ช่วยกันเก็บสตอร์เบอร์รี่อย่างเพลิดเพลิน จนลืมเรื่องที่เคืองอยู่ในใจของทั้งคู่ไปจนหมดสิ้น
"กลับกันเถอะค่ะ เย็นมากแล้ว" หทัยกัญญาบอกกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปนานแล้ว ม.ล.พนธกร เห็นด้วย ก่อนจะเป็นฝ่ายนำทางพาเธอกลับที่พัก หทัยกัญญา เห็นว่าเดินมาไกลกว่าเก่า และเส้นทางเหมือนจะไม่ใช่ทางเดิม จึงเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
"เราเดินมาผิดทางหรือเปล่าค่ะ ไหนดวงใจขอดูแผนที่หน่อย" หทัญกัญญาเริ่มถามหาแผนที่ ที่อีกฝ่ายเก็บไว้ แต่ม.ล.พนธกร ไม่ยอมคืนให้ แถมยังยืนยันว่ามาทางนี้ถูกแล้ว หทัยกัญญาไม่อยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้เธอเริ่มที่จะเหนื่อยจึงขอหยุดพักก่อน หทัยกัญญานั่งลงที่ก้อนหินใหญ่ข้างทาง วิวที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอหายเหนื่อยทันที ม.ล.พนธกร ที่แอบมองเธออยู่ เขาได้แต่เผลอยิ้มให้กับความน่ารักและสดใสของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจนั่งลงข้างๆ หทัยกัญญาจะขยับและลุกขึ้นแต่ ม.ล.พนธกร ได้ห้ามเธอไว้
"อย่าเพิ่งลุกหนีฉันไปไหนเลย ตอนนี้เธอต้องพึ่งพาฉันนะ" ม.ล.พนธกร บอกอย่างเป็นต่อ เพราะเขาเป็นคนที่รู้เส้นทาง หทัยกัญญา จึงจำเป็นต้องนั่งลง ม.ล.พนธกรได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะซึมซับช่วงเวลานี้เอาไว้ เขามีบางอย่างอยากขอร้องเธอ
"อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้นะดวงใจ เพราะคำพูดของเธอมักจะทำร้ายฉัน ฉันอยากให้เธอฟังฉันจนจบ หลังจากนั้นเธอจะพูด หรือจะจากไปไหน ฉันก็จะไม่รั้งเธอไว้เลย" สายตาของ ม.ล.พนธกร อ้อนวอนเธอมาก หทัยกัญญาเผลอพยักหน้ารับคำและฟังเขาอย่างตั้งใจ
"อีกไม่กี่วัน ฉันก็ต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ ฉันไปเรียนสายเดียวกับคุณพ่อของฉันเพื่อจะเป็นหมอ"
"คุณจะเป็นหมอหรือค่ะ" หทัยกัญญาามแทรกขึ้นด้วยความสนใจ อีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ
"ใช่ เป็นหมอ เหมือนกับที่เธอ อยากจะเป็น" ม.ล.พนธกรบอกเธอด้วยอย่างสื่อความหมายเพราะเขาจำทุกรายละเอียดของเธอได้เป็นอย่างดี
"หลังจากนี้อีกหลายปีกว่าฉันจะกลับมา แต่ก่อนฉันไม่เคยกลัวที่จะต้องไปต่างบ้านต่างเมืองเลย แต่วันนี้ฉันเริ่มที่จะกลัวแล้วหละ" ม.ล.พนธกรบอกกับหทัยกัญญาอย่างจริงจัง
"กลัวอะไรคะ" หทัยกัญญาสงสัย
"กลัวคนที่นี่จะเปลี่ยนไป" คราวนี้ม.ล.พนธกรบอก พร้อมกับสบสายตากับเธอ หทัยกัญญาทราบดีว่าเขาหมายถึงอะไร จึงพูดเลี่ยงไปอีกเรื่อง
"พี่น้องของคุณทุกคนไม่มีใครเปลี่ยนไปหรอกค่ะ ยิ่งคุณนี เธอคงคิดถึงคุณมากด้วยซ้ำ" หทัยกัญญาฝืนพูดทั้งที่ตัวเองก็เจ็บปวดกับคำพูดนี้อยู่ไม่น้อย
ม.ล. พนธกร มองหน้าเธออย่างน้อยใจเป็นที่สุด เพราะการกระทำของเขามันชัดเจนกับอีกฝ่ายเสมอว่าเขารู้สึกเช่นไรกับเธอ แต่กับหทัยกัญญามันไม่ใช่ เพราะเธอมีแต่ผลักไสเขาให้คนอื่นเสมอ
"คำว่าคนที่นี่มันกว้างไปใช่ไหม แล้วถ้า....ฉันเปลี่ยนคำพูดใหม่ เป็น...กลัวคนที่อยู่ตรงนี้จะเปลี่ยนไปหละ"
คราวนี้ ม.ล.พนธกร ส่งสายตาและน้ำเสียงอ้อนวอนเธอเต็มที่ หทัยกัญญาเริ่มจะหวั่นไหว ความเข้มแข็งในใจเธอกำลังจะหมดไป แต่เธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เพราะเธอไม่ต้องการให้ความหวังอีกฝ่าย โดยเฉพาะการให้ความหวังตัวเองทำให้เธอมักจะเจ็บปวดอยู่เสมอ
ม.ล.พนธกร ถึงแม้จะเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้ยินคำตอบใดๆจากอีกฝ่าย แต่เขาเชื่อในความรู้สึกของตัวเองเสมอ
"ถ้าเธอไม่ตอบ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ฉันขอร้องเธอแค่เรื่องเดียว ถ้าในวันนี้เธอรู้สึกอย่างไรกับฉัน ก็ขอให้เป็นแบบนี้จนกว่าฉันจะกลับมา"
"คุณจะไปนานมากเลยหรือคะ" หทัยกัญญาถามในสิ่งที่เธอต้องการรู้มากที่สุด ม.ล.พนธกรพยักหน้าตอบ หทัยกัญญาเริ่มใจหาย
"คิดถึงฉันให้มากๆนะ เพราะฉันคงคิดถึงเธอมากๆ เหมือนกัน" ม.ล.พนธกรบอกกับอีกฝ่ายจากใจจริง หทัยกัญญารู้สึกดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น
"คนเคยรู้จักกัน ต้องอยู่ห่างกัน ก็ต้องคิดถึงกัน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะ" หทัยกัญญาไม่กล้าบอกตามตรง
"ฉันเป็นได้แค่คนที่เธอเคยรู้จักหรอ ทั้งที่ฉันชอบเธอมากเลยนะดวงใจ" ม.ล.พนธกร สารภาพอย่างตัดพ้อ
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 5
สุภาพสตรีเทวพรหม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/31869266
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/31872730
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/31879577
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/31887838
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 5
เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ หทัยกัญญายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารในครัวเหมือนปกติ เธอกำลังตักข้าวไว้รอป้าแย้ม
"ดวงใจ ดวงใจ คุณท่านเรียก" คนรับใช้รีบวิ่งเข้ามาเรียกด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบ ทำให้หทัยกัญญารีบวางโถข้าวที่ถืออยู่ แล้วรีบเดินตามออกไปทันที
เมื่อถึงที่โต๊ะอาหาร ครอบครัวม.ล.เกษราอยู่กันครบ ส่วนครอบครัวของกรองแก้วขาดแต่คุณชายพุฒิภัทรที่ไม่สามารถมาในวันนี้ได้
"วันนี้ทานข้าวด้วยกันนะดวงใจ" ม.ล.เกษราบอกกับหลานสาวตนอย่างเอ็นดู หทัยกัญญาหันไปมองทางชญานีอย่างเกรงใจ แต่ชญานียิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ก่อนจะลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ข้างๆชญานนท์ให้ด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้หทัยกัญญายิ่งเกรงใจเข้าไปอีก
"รายนี้ ถ้าไม่บังคับ ไม่ยอมทำตามอะไรง่ายๆหรอกค่ะ" ชญานี ยิ้มบอกกับทุกคน อย่างเข้าใจหทัยกัญญาดี
หทัยกัญญาเมื่อนั่งลงข้างๆ ชญานนท์แล้ว เขาแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ เหมือนจะอยากแสดงให้ ม.ล.พนธกรได้รู้และได้เห็นสักที
ม.ล.พนธกร เริ่มที่จะไม่พอใจแต่เขายังคงเก็บอาการไว้อยู่ ชญานีแอบมอง ม.ล.พนธกร อยู่เสมอ เธอรอว่า ม.ล.พนธกร จะตักอาหารให้เธอเหมือนที่ชญานนท์ทำให้หทัยกัญญาหรือเปล่า แต่ม.ล.พนธกร ได้แต่นิ่งเฉย เพราะเขาไม่ต้องการให้ความหวังอีกฝ่ายมากไปกว่านี้
"วันเสาร์ที่จะถึงนี้ เพียงขวัญชวนพวกเด็กๆไปเที่ยวบ้านพ่อของเธอที่เชียงใหม่ แก้วกับขวัญเลยคิดว่า ชญานนท์ ชญานี น่าจะไปด้วย อืม... เธอก็ด้วยนะจ๊ะดวงใจ ถือว่าได้ไปเที่ยวด้วยกัน คุณเกษ อนุญาติให้เด็กๆไปกับเรานะคะ" กรองแก้วเอ่ยชวนด้วยตัวเอง ม.ล.พนธกร มองหน้าแม่ของตนอย่างพอใจ เพราะเรื่องนี้เขาเป็นคนขอร้องให้แม่ของเขาช่วยออกหน้าให้
ม.ล.เกษรา มองหน้าลูกทั้งสอง เหมือนอยากไปกันมาก มีแต่หทัยกัญญาเท่านั้นที่ไม่แสดงท่าทีอะไร
"ไปด้วยกันนะจ๊ะดวงใจ" กรองแก้วชวนหทัยกัญญาซ้ำอีกครั้ง คนทีดูเหมือนจะลุ้นที่สุดคงหนีไปพ้น ม.ล.พนธกร
หทัยกัญญาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เธอหันไปมองที่ ม.ล.เกษรา ม.ล.เกษรายิ้มให้เหมือนต้องการให้เธอไปด้วยเช่นกัน
"ค่ะ" หทัยกัญญาตอบออกมา ม.ล.พนธกรได้แต่นั่งอมยิ้มที่อีกฝ่ายตอบตกลง ชญานีเมื่อเห็นอย่างนั้นถึงเธอจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อเหล่าทายาททั้ง 4 ของวังจุฑาเทพ มาถึงบ้านพักตากอากาศของพ่อเลี้ยงอัทธ์ที่เชียงใหม่ ม.ล.กันต์รพี ดูแลลูกพี่ลูกน้องของตนอย่างดี เพราะที่นี่เหมือนกับบ้านหลังที่ 2 ของเขา เมื่อรถของบ้าน ม.ล.เกษรามาจอด ม.ล.พนธกร แอบมองหา หทัยกัญญาอย่างใจจดใจจ่อ แต่เขาต้องเก็บอาการไว้ เพราะไม่ต้องการให้หทัยกัญญาต้องเดือดร้อนเพราะเขาอีก
เหล่าทายาททั้ง 4 ชวนชญานนท์ ชญานี และหทัยกัญญา ตั้งแคมป์ นอนกับบนเขา เพื่อที่จะได้ดูพระอาทิตย์ยามเช้า ที่พ่อเลี้ยงอัทธ์การันตรีว่างดงามมาก เมื่อทุกคนปีนมาถึงยอดเขา คนรับใช้ของบ้านพ่อเลี้ยงอัทธ์ที่ตามมาดูแลอาสาจะกางเต็นท์ให้ แต่เด็กๆ เลือกที่จะทำกันเอง
"เธอนอนคนเดียวได้นะดวงใจ เพราะฉันจะนอนกับณิชา พอดีมีเรื่องส่วนตัวต้องคุณกันหน่อย" ชญานีบอกกับหทัยกัญญา ด้วยน้ำเสียงที่เรียบแต่พยายามบ่งบอกว่าหทัยกัญญาคือส่วนเกินของการเที่ยวในครั้งนี้ หทัยกัญญาได้ยินอย่างนั้น ก็ได้แต่พยักหน้ารับคำ ก่อนจะไปหยิบเต็นท์อีกอันเพื่อที่จะเอามากางข้างๆ เต็นท์ของชญานี ซึ่งตอนนี้ ชญานี และ ม.ล.พจณิชา กำลังช่วยกันกางอย่างสนุกสนาน
ม.ล.พนธกร เห็น หทัยกัญญากำลังกางเต็นท์อีกอัน จึงคิดที่จะไปช่วย แต่มีเสียงของ ชญานี ดังเข้ามาเสียก่อน
"พี่กรมาช่วยนีหน่อยได้ไหมค่ะ ไม่รู้ว่าติดอะไร ไม่ยอมตั้งได้สักที" ชญานีบอกเหมือนออกคำสั่ง ทำให้ ม.ล.พนธกรต้องเข้าไปทำให้อย่างเสียมิได้
ชญานนท์ จึงเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยหทัยกัญญาแทน
"ไปเตรียมของอย่างอื่นเถอะดวงใจ ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง" ชญานนท์บอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มของเขา
"ขอบคุณมากค่ะคุณนนท์"
"คุณนนท์อีกแล้ว พี่นนท์ ไหนเรียกสิ พี่นนท์ เรียกยากนักหรืออย่างไร" ชญานนท์บอกเหมือนกำลังสอนเด็กให้หัดพูด
หทัยกัญญาได้แต่ยิ้มหวานเพราะถึงอย่างไรเธอก็เรียกเขาเหมือนเดิม
"คุณนนท์ คุณชญานนท์" หทัยกัญญาแกล้งเรียกชื่อเต็ม ก่อนจะเดินเลี่ยงไป เพื่อไปทำอย่างอื่นแทน ชญานนท์ได้แต่มองตามพร้อมรอยยิ้มที่ยังไม่หุบ
ม.ล.พนธกร ได้แต่มองอย่างหึงหวง จนเผลอทุบค้อนที่ตอกตะปูใส่มือของตัวเอง
"โอ้ยยย" ม.ล.พนธกรร้องขึ้น ม.ล.พจณิชารีบจับมือน้องชายมาดูเห็นว่าไม่เป็นอะไรมาก
"ซุ่มซ่ามจริงเชียว" ม.ล.พจณิชา อดว่าไม่ได้
"เดี๋ยวนีไปหายามาทาให้นะคะ" ชญานีบอกอย่างเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรจ๊ะ น้องนี แค่นี้เอง" ม.ล.พนธกรบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเพราะเขากางเต็นท์ให้สองสาวเสร็จแล้ว
หทัยกัญญา กำลังกางดูแผนที่ เพื่อที่จะเดินไปเก็บสตอร์เบอร์รี่ที่ไหล่เขาอีกทาง เธออาสาคนรับใช้ที่นี่จะไปเก็บให้ เพราะเธอรู้สึกประหม่าที่ไม่มีอะไรทำ
"ดูสิ" ม.ล.พนธกรยืนหน้าบึ้ง ยื่นมือข้างที่โดนค้อนทุบ ส่งให้หทัยกัญญาดู หทัยกัญญาเห็นเป็นรอบช้ำแดงๆ จึงเอ่ยถาม
"ไปโดนอะไรมาค่ะ"
"ฝีมือเธอนั่นแหละ" ม.ล.พนธกร อ้อมแอ้มบอกอย่างต้องการอ้อนอีกฝ่าย
หทัยกัญญามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ม.ล.พนธกรก็ยืนมองหทัยกัญญาเหมือนกันแต่ความรู้สึกของเขานั้นคือน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าเป็นห่วงเขาเสียเลย
"ช่างเถอะ ฉันชินแล้ว เพราะเจอหน้าเธอที่ไร ไม่เจ็บที่ตัวก็มักจะเจ็บที่หัวใจ" ม.ล.พนธกร งอนหทัยกัญญามากขึ้น หทัยกัญญาเองก็รู้ยิ่งได้ยินประโยคนั้นเธอก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่เธอต้องการที่จะหักห้ามใจตัวเอง
"ไม่มีอะไรแล้ว ดวงใจขอตัวก่อนนะคะ" หทัยกัญญาบอก และกำลังจะเดินเลี่ยงไป แต่ ม.ล.พนธกร ดึงกระดาษที่เธอถืออยู่มาดูเสียก่อน
"จะไปเก็บสตอร์เบอร์รี่หรอ" ม.ล.พนธกรถาม เพราะเขาจำไร่ที่อยู่ในแผนที่ได้
"ค่ะ แล้วก็ขอแผนที่คืนด้วยนะคะ" หทัยกัญญาบอก แต่อีกฝ่ายไม่คืนให้ แต่เขาอาสาที่จะพาไป แต่หทัยกัญญาไม่ต้องการความหวังดีนั่น ทำให้อีกฝ่ายต้องยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจตัวเองว่า
"ถ้าเธอพูดว่าไม่ อีกคำเดียว ฉันได้อุ้มเธอไปจากตรงนี้จริงๆ"
หทัยกัญญาได้แต่ถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินตามเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อม.ล.พนธกร กับ หทัยกัญญา มาถึงไร่สตอร์เบอร์รี่ หทัยกัญญาได้แต่ยืนอึ้งกับความสวยงามที่เธอได้เห็นครั้งแรก ก่อนจะเดินเข้าไปตามทางเดินเพื่อเก็บสตอร์เบอร์รี่ คนงานที่อยู่แถวนั้นจะเข้ามาช่วย แต่ม.ล.พนธกร ได้ห้ามไว้ เพราะเขาจะเป็นคนช่วยเธอเอง
ทั้งคู่ช่วยกันเก็บสตอร์เบอร์รี่อย่างเพลิดเพลิน จนลืมเรื่องที่เคืองอยู่ในใจของทั้งคู่ไปจนหมดสิ้น
"กลับกันเถอะค่ะ เย็นมากแล้ว" หทัยกัญญาบอกกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปนานแล้ว ม.ล.พนธกร เห็นด้วย ก่อนจะเป็นฝ่ายนำทางพาเธอกลับที่พัก หทัยกัญญา เห็นว่าเดินมาไกลกว่าเก่า และเส้นทางเหมือนจะไม่ใช่ทางเดิม จึงเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
"เราเดินมาผิดทางหรือเปล่าค่ะ ไหนดวงใจขอดูแผนที่หน่อย" หทัญกัญญาเริ่มถามหาแผนที่ ที่อีกฝ่ายเก็บไว้ แต่ม.ล.พนธกร ไม่ยอมคืนให้ แถมยังยืนยันว่ามาทางนี้ถูกแล้ว หทัยกัญญาไม่อยากจะเชื่อ แต่ตอนนี้เธอเริ่มที่จะเหนื่อยจึงขอหยุดพักก่อน หทัยกัญญานั่งลงที่ก้อนหินใหญ่ข้างทาง วิวที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธอหายเหนื่อยทันที ม.ล.พนธกร ที่แอบมองเธออยู่ เขาได้แต่เผลอยิ้มให้กับความน่ารักและสดใสของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจนั่งลงข้างๆ หทัยกัญญาจะขยับและลุกขึ้นแต่ ม.ล.พนธกร ได้ห้ามเธอไว้
"อย่าเพิ่งลุกหนีฉันไปไหนเลย ตอนนี้เธอต้องพึ่งพาฉันนะ" ม.ล.พนธกร บอกอย่างเป็นต่อ เพราะเขาเป็นคนที่รู้เส้นทาง หทัยกัญญา จึงจำเป็นต้องนั่งลง ม.ล.พนธกรได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะซึมซับช่วงเวลานี้เอาไว้ เขามีบางอย่างอยากขอร้องเธอ
"อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้นะดวงใจ เพราะคำพูดของเธอมักจะทำร้ายฉัน ฉันอยากให้เธอฟังฉันจนจบ หลังจากนั้นเธอจะพูด หรือจะจากไปไหน ฉันก็จะไม่รั้งเธอไว้เลย" สายตาของ ม.ล.พนธกร อ้อนวอนเธอมาก หทัยกัญญาเผลอพยักหน้ารับคำและฟังเขาอย่างตั้งใจ
"อีกไม่กี่วัน ฉันก็ต้องไปเรียนที่ต่างประเทศ ฉันไปเรียนสายเดียวกับคุณพ่อของฉันเพื่อจะเป็นหมอ"
"คุณจะเป็นหมอหรือค่ะ" หทัยกัญญาามแทรกขึ้นด้วยความสนใจ อีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ
"ใช่ เป็นหมอ เหมือนกับที่เธอ อยากจะเป็น" ม.ล.พนธกรบอกเธอด้วยอย่างสื่อความหมายเพราะเขาจำทุกรายละเอียดของเธอได้เป็นอย่างดี
"หลังจากนี้อีกหลายปีกว่าฉันจะกลับมา แต่ก่อนฉันไม่เคยกลัวที่จะต้องไปต่างบ้านต่างเมืองเลย แต่วันนี้ฉันเริ่มที่จะกลัวแล้วหละ" ม.ล.พนธกรบอกกับหทัยกัญญาอย่างจริงจัง
"กลัวอะไรคะ" หทัยกัญญาสงสัย
"กลัวคนที่นี่จะเปลี่ยนไป" คราวนี้ม.ล.พนธกรบอก พร้อมกับสบสายตากับเธอ หทัยกัญญาทราบดีว่าเขาหมายถึงอะไร จึงพูดเลี่ยงไปอีกเรื่อง
"พี่น้องของคุณทุกคนไม่มีใครเปลี่ยนไปหรอกค่ะ ยิ่งคุณนี เธอคงคิดถึงคุณมากด้วยซ้ำ" หทัยกัญญาฝืนพูดทั้งที่ตัวเองก็เจ็บปวดกับคำพูดนี้อยู่ไม่น้อย
ม.ล. พนธกร มองหน้าเธออย่างน้อยใจเป็นที่สุด เพราะการกระทำของเขามันชัดเจนกับอีกฝ่ายเสมอว่าเขารู้สึกเช่นไรกับเธอ แต่กับหทัยกัญญามันไม่ใช่ เพราะเธอมีแต่ผลักไสเขาให้คนอื่นเสมอ
"คำว่าคนที่นี่มันกว้างไปใช่ไหม แล้วถ้า....ฉันเปลี่ยนคำพูดใหม่ เป็น...กลัวคนที่อยู่ตรงนี้จะเปลี่ยนไปหละ"
คราวนี้ ม.ล.พนธกร ส่งสายตาและน้ำเสียงอ้อนวอนเธอเต็มที่ หทัยกัญญาเริ่มจะหวั่นไหว ความเข้มแข็งในใจเธอกำลังจะหมดไป แต่เธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เพราะเธอไม่ต้องการให้ความหวังอีกฝ่าย โดยเฉพาะการให้ความหวังตัวเองทำให้เธอมักจะเจ็บปวดอยู่เสมอ
ม.ล.พนธกร ถึงแม้จะเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้ยินคำตอบใดๆจากอีกฝ่าย แต่เขาเชื่อในความรู้สึกของตัวเองเสมอ
"ถ้าเธอไม่ตอบ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ฉันขอร้องเธอแค่เรื่องเดียว ถ้าในวันนี้เธอรู้สึกอย่างไรกับฉัน ก็ขอให้เป็นแบบนี้จนกว่าฉันจะกลับมา"
"คุณจะไปนานมากเลยหรือคะ" หทัยกัญญาถามในสิ่งที่เธอต้องการรู้มากที่สุด ม.ล.พนธกรพยักหน้าตอบ หทัยกัญญาเริ่มใจหาย
"คิดถึงฉันให้มากๆนะ เพราะฉันคงคิดถึงเธอมากๆ เหมือนกัน" ม.ล.พนธกรบอกกับอีกฝ่ายจากใจจริง หทัยกัญญารู้สึกดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น
"คนเคยรู้จักกัน ต้องอยู่ห่างกัน ก็ต้องคิดถึงกัน เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วค่ะ" หทัยกัญญาไม่กล้าบอกตามตรง
"ฉันเป็นได้แค่คนที่เธอเคยรู้จักหรอ ทั้งที่ฉันชอบเธอมากเลยนะดวงใจ" ม.ล.พนธกร สารภาพอย่างตัดพ้อ