"คำมั่นสัญญา" หรือ "คำสาปแห่งรัก"
สุภาพสตรีเทวพรหม
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/31869266
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/31872730
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/31879577
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 4
ที่บ้าน ม.ล.เกษรา เมื่อถึงเวลาใกล้ที่จะเข้านอน หทัยกัญญายังไม่กล้าที่จะขึ้นไป นอนกับชญานี เธอยังคงนั่งเล่นอยู่ที่สวน ชญานนท์ ที่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของเขา เมื่อเขาเห็นหทัยกัญญานั่งอยู่ ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เขาเข้าไปคว้าเสื้อคลุมที่วางอยู่แล้วเดินออกไปจากห้องทันที
ที่กลางสวน ป้าแย้มเดินมาหาหทัยกัญญาด้วยความเป็นห่วง เมื่อหทัยกัญญาเห็น เธอก็อ้อนอีกฝ่าย ด้วยการนอนลงบนตักของป้าแย้ม
"อย่าไปถือสาคุณนีเธอเลยนะ วันนี้เธอคงอารมณ์ไม่ดี" ป้าแย้มบอกกับหทัยกัญญา
"ป้ารู้เรื่องด้วยหรือจ๊ะ" หทัยกัญญาถามอย่างแปลกใจ
"ทั้งรู้ ทั้งเห็น ทั้งเข้าใจ" ป้าแย้มบอก พร้อมกับใช้มือลูบที่เส้นผมของหทัยกัญญาเบาๆ
"เข้าใจว่าอะไรค่ะป้า"
"ก็เข้าใจว่าทำไมคุณนีถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงเกิดเรื่องในวันนี้" ป้าแย้มใช้น้ำเสียงอย่างเป็นกลางที่สุด
"เพราะหนูใช่ไหมค่ะ" หทัยกัญญาลุกขึ้นมาถามนั่งถาม
ป้าแย้มใช้มือจับไปที่แก้มของหทัยกัญญาอย่างเอ็นดู
"อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของใครหรอก เพราะความรู้สึกของคนเรามันควบคุมกันไม่ได้ หนูยังต้องเจออะไรอีกมาก อย่าให้คนนอกเข้ามาทำลายความสำคัญของคนในครอบครัว" ป้าแย้มได้แต่บอก เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจดีว่า หทัยกัญญาคือหนึ่งในสายเลือดของเทวพรหม
"หนูเป็นแค่เด็กที่คุณเกษรารับมาเลี้ยง หนูไม่กล้าที่ใช้คำว่าครอบครัวกับคุณๆเค้าหรอกค่ะ" หทัยกัญญาบอกก่อนจะล้มตัวลงไปนอนที่ตักของป้าแย้มอีกครั้ง
"สักวันหนึ่ง ดวงใจจะเข้าใจเองว่า ที่ป้าพูดนั้นคืออะไร แต่ตอนนี้ขึ้นไปนอนได้แล้วไป นั่งอยู่ตรงนี้ เดี่ยวน้ำค้างก็ลงใส่หัวเป็นไข้เป็นอะไรกันพอดี" ป้าแย้มได้แต่บอกอย่างเป็นห่วง หทัยกัญญาได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งข้างๆป้าของเธอ
"หนูกลัวคุณนี จะยังไม่หายโมโห เลยยังไปกล้าที่จะขึ้นไป" หทัยกัญญาบอกตามตรง
"ขึ้นไปเถอะ ทำอย่างไม่รู้ใจคุณนี เธอไม่ใช่คนอารมณ์ร้าย ถึงจะโมโห แต่ก็ไม่พร่ำเพรื่อหรอกนะ" ป้าแย้มบอกอย่างใจเย็น
"น่าอิจฉาคุณนีเธอจังเลยนะคะ มีแต่คนเข้าข้างคุณนี จนหนูเนี่ยดูแย่ไปเลย" หทัยกัญญาบอกกับอีกฝ่ายเพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
ป้าแย้มรวบมือน้อยๆทั้งสองของหทัยกัญญามาจับไป
"อย่าได้คิดอิจฉาคุณเค้าเลย เพราะถ้าใครพูดถึงดวงใจในที่ทางไม่ดี ป้าก็จะเถียงจนขาดใจเลยหละ เพราะป้ารู้จักนิสัยของคนของป้าดี"
น้ำเสียงของป้าแย้มที่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น หทัยกัญญาได้แต่มองอย่างซาบซึ้งใจ เธอโผเข้าไปกอดป้าแย้ม ป้าแย้มได้แต่อ้าแขนรับเธอไว้ด้วยความรักและเอ็นดูหทัยกัญญามากมายเหลือเกิน
ชญานนท์ที่แอบดูทั้งคู่อยู่ เมื่อเขาได้เห็นอย่างนั้น เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ที่ป้าแย้มทำให้หทัยกัญญายิ้มขึ้นมาได้อีกครั้ง เขาก้มลงมองเสื้อคลุมที่ถือมาเก้อ แต่มันก็ทำให้เขามั่นใจในตัวเองแล้วว่า เขาห่วงและรักหทัยกัญญามากเพียงใด
หทัยกัญญาพยายามเปิดประตูห้องนอนของชญานีอย่างเบามือที่สุด เธอค่อยๆย่องเข้าไป เมื่อเธอเข้าไปถึง เธอก็เห็นว่าที่นอนในส่วนของเธอนั้นได้ถูกปูไว้แล้วอย่างเรียบร้อย หทัยกัญญาหันไปมองชญานีอย่างรู้สึกผิด หทัยกัญญาล้มตัวลงนอนอย่างช้าๆ เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายตื่น
"ฉันขอโทษ" ชญานี ลุกขึ้น หันไปมองหทัยกัญญา หทัยกัญญามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
"เธอก็เหมือนน้องของฉัน อย่าคิดมากเลยนะดวงใจ นอนได้แล้ว" ชญานีบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนและหันไปอีกทาง
หทัยกัญญารู้สึกจุกอยู่ที่อก เธอได้แต่มองชญานีอย่างตื้นตันใจที่ชญานีหายโกรธเธอแล้ว ตอนนี้ในห้วงความคิดของเธอมีแต่น้ำเสียงของชญานนท์ที่บอกให้เธออยู่ห่างจาก ม.ล.พนธกร เพราะว่าเขาเป็นคู่หมั้นของชญานี
"ดวงใจก็ต้องขอโทษคุณดีด้วยเหมือนกันค่ะ" หทัยกัญญาบอกกับอีกฝ่ายที่นอนหลับไปแล้ว คำขอโทษคำนี้ เป็นคำขอโทษจากใจ ที่เธอรู้สึกผิด ที่แอบเผลอใจให้กับคู่หมั้นของผู้มีพระคุณของเธอ หทัยกัญญาหลับตาลงอย่างตัดใจ เพราะอย่างไรความฝันของเธอก็ไม่อาจเป็นจริงได้
ชญานีลืมตาขึ้น เธอพอใจที่เห็นท่าทีของอีกฝ่าย ชญานีรู้จักนิสัยของหทัยกัญญาดี ถ้าต้องการเอาชนะคนๆนี้ ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบเท่านั้น
*** --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ***
หลายวันผ่านไป หทัยกัญญาพยายามใช้ชีวิตให้เหมือนเดิม ถึงแม้ว่ามันอาจจะยากแต่เธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้ว่าในความรู้สึกหน่วงๆในหัวใจ เธอต้องยินดีกับคุณชญานีที่ได้คู่หมั้นที่แสนดีอย่าง ม.ล.พนธกร
ชญานนท์มีนัด กับ ม.ล.ธีรไนย และ ม.ล.พนธกร ที่ห้างหยกฟ้า เพราะทั้งคู่ต้องการไปซื้อของเพื่อเตรียมตัวไปต่างประเทศ ชญานนท์ก็ต้องการซื้อของขวัญให้หทัยกัญญาเพื่อเป็นการขอโทษ ทั้งสามเดินเลือกของตามประสาผู้ชายคือตั้งใจซื้ออะไรก็ซื้อสิ่งนั้นแล้วออกมาจากร้านเลย เมื่อถึงคราวที่ชญานนท์ต้องเลือกซื้อของให้หทัยกัญญา เขาคิดที่จะซื้อสร้อยคอให้กับเธอ
"สาวคนไหนกันนะ ที่คว้าหัวใจนายไปได้" ม.ล.ธีรไนยถามกับเพื่อนด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเห็นชญานนท์จะคบกับใคร
"ก็ไม่ใกล้และไม่ไกลตัวหรอก" ชญานนท์บอกกับเพื่อนของเขา แต่สายตานั้นมองไปที่ ม.ล.พนธกร อย่างมีเลศนัย
ม.ล.พนธกร รู้สึกเจ็บแปลบที่ใจอย่างบอกไม่ถูก ที่เขาเคยสงสัยไว้ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ม.ล.พนธกร ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปอีกทาง เพราะส่วนลึกในใจของเขานั้นก็แอบกลัวความใกล้ชิดของทั้งคู่อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ม.ล.พนธกร เลือกดูของในร้านนั้นบ้าง แต่สิ่งที่เขาเลือกนั้น เป็นแหวนวงเล็กๆน่ารัก ชญานนท์แอบใจเสียเหมือนกัน ที่ ม.ล.พนธกร มีท่าทีว่าจะซื้อแหวน
"น้องนีคงจะดีใจมาก" ชญานนท์พูดดักขึ้น ม.ล.พนธกร หันมามองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เหมือนกำลังโดนยัดเยียดอะไรให้
ม.ล.ธีรไนย เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเพื่อนและน้องของเขา ม.ล.ธีรไนย พอจะเดาทุกอย่างออกทำให้เขาเริ่มมีความหนักใจขึ้นมา
"งานหมั้นที่เกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ บางทีมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้นะครับ เพราะถ้าผมและน้องนีต่างมีคนที่ตัวเองรักมันก็อาจยกเลิกได้"
ม.ล.พนธกร บอกอย่างไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ชญานนท์เริ่มที่จะไม่พอใจเขารู้สึกโกรธแทนน้องสาว
"ถ้าน้องนีได้ยินคงเสียใจน่าดู เพราะตั้งแต่ที่ผู้ใหญ่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา น้องนีก็ไม่มีใคร นอกจากคุณ" ชญานนท์ โบ้ยความรับผิดชอบให้อีกฝ่าย
ม.ล.พนธกร ได้แต่ยืนอึ้งไม่คิดว่า ชญานนท์จะให้ความสำคัญกับเรื่องการหมั้นของเขาขนาดนี้
"เมื่อถึงวันนั้น ผมจะให้น้องนีเป็นคนเลือกเอง ว่าจะหมั้นกับคนที่ให้เธอได้แค่ตัว หรือคนที่ให้เธอได้ทั้งชีวิต" ม.ล.พนธกร พูดตามตรง ก่อนจะเดินออกนอกร้าน โดยที่เขาไม่ได้ซื้ออะไรในร้านนั้นเลย
ม.ล.ธีรไนย มองน้องอย่างเข้าใจ เพราะ ม.ล.พนธกร ต้องแบกรับ พันธะสัญญาที่เกิดขึ้นตั้งแต่รุ่นพ่อของตัวเอง แต่ ม.ล.ธีรไนย ก็แอบสงสารเพื่อนของตนอยู่ไม่น้อย เพราะถ้ามีใครมาทำเฉยกับน้องสาวตัวเองแบบนี้เขาคงไม่พอใจเช่นกัน
"ปล่อยให้มันเป็นเรื่องอนาคตเถอะ เพราะกว่าที่งานหมั้นจะเกิดขึ้นก็ต้องรอให้เรียนจบกันทั้งสองฝ่าย เมื่อถึงตอนนี้แล้ว ก็ขอให้เป็นเรื่องของเค้าทั้งสองคน” ม.ล.ธีรไนย บอกอย่างเป็นกลางที่สุด พอทำให้ชญานนท์อารมณ์เย็นลงมาบ้าง เขาก้มหน้าเลือกสร้อยคอต่อไป ม.ล.ธีรไนยมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าเจ้าของสร้อยเส้นนี้คือหทัยกัญญา
ม.ล.พนธกร มาที่ร้านขนมคุณเกษรา เมื่อหทัยกัญญาเห็นก็จำได้ว่าเป็นรถของใครเธอรีบหลบเข้าไปข้างในทันที เธอต้องการหลบหน้าอีกฝ่าย ต้องการหนีหัวใจของเธอเอง
ชญานีเมื่อรู้ว่า ม.ล.พนธกรมาซื้อขนม เธอรีบมาที่ร้านทันที ชญานี เห็นหทัยกัญญาแอบมอง ม.ล.พนธกรอยู่ที่หลังร้าน แต่เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหทัยกัญญา ชญานีจงใจเดินเข้าไปในร้าน เพื่อขายขนมให้ ม.ล.พนธกรด้วยตัวของเธอเอง ชญานีพยายามทำตัวสนิทสนมกับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ หทัยกัญญาได้แต่มองอย่างเศร้าใจและเดินออกไปจากตรงนั้นเสียเอง
ม.ล.พนธกร กลับมาที่รถด้วยสีหน้าที่ผิดหวังที่เข้าไม่ได้เจอหน้าหทัยกัญญา คนขับรถมองนายน้อยของตัวเองอย่างเข้าใจ เขารู้สึกลังเลใจเล็กน้อยที่จะเล่าอะไรบางอย่างให้นายน้อยของเขาฟัง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจพูดมันออกมา
“เมื่อสักครู่ผมได้คุยกับป้าแย้มและถามถึงหนูดวงใจ ผมถึงได้รู้ว่า หลังจากที่วันนั้นที่คุณกรมาที่นี่ ก็มีเรื่องเกิดขึ้นกับหนูดวงใจ เธอคงไม่ต้องการที่จะเจอคุณชายอีกแล้วหละครับ” คนขับรถบอกตามความเข้าใจของเขา ม.ล.พนธกร ใจเสียทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเขาเศร้าลงทันทีเมื่อได้รู้อีกว่า หทัยกัญญารู้การหมั้นของเขากับชญานีแล้ว
ณ วังจุฑาเทพ ดึกแล้ว ม.ล.พนธกรยังคงนั่งเล่นเปียโนอยู่ที่ห้องโถง เพลงที่เขาเล่นนั้นทำนองช่างแสนเศร้าไม่ต่างอะไรกับใจของเขาในตอนนี้เลย ม.ร.ว.พุฒิภัทร ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องด้านบน เมื่อเขาได้ยินเสียงเขาก็รู้ทันทีว่าลูกชายของเขานั้นรู้สึกเช่นไร ม.ร.ว.พุฒิภัทร ลงมาหาลูกชายด้านล่าง เมื่อม.ล.พนธกรเห็นพ่อของตน ก็หยุดเล่น
“เป็นอะไรหรือเปล่ากร” ม.ร.ว.พุฒิภัทรถามด้วยความเป็นห่วง
ม.ล.พนธกร มองหน้าพ่อของเขาแล้วก็ถอนหายใจออกมาก่อนตอบคำถามนั่น
“ผมกำลังกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ”
“เรื่องอะไรหละ” ม.ร.ว.พุฒิภัทร ถามด้วยความสงสัย
“ความรักครับ ผมไม่เคยเชื่อในสิ่งนี้มาก่อนเลย ขนาดคุณแม่อยากให้ผมหมั้นกับน้องนี ผมยังไม่ปฏิเสธเลยสักคำ เพราะกว่าผมจะเรียนจบ ผมคิดว่าผมน่าจะรักเธอได้ จนเมื่อผมได้เจอกับคนที่แสนธรรมดาคนหนึ่ง คนที่ไม่มีอะไรเทียบกับน้องนีได้เลย แต่ผมกับมองว่าเธอว่าเธอช่างพิเศษ เมื่อได้คุยกับเธอแล้ว ผมรู้สึกเหมือนผมรู้จักเธอมานาน แล้วก็คิดถึงเธอคนนั้นมากๆ คอยคิดอยู่เรื่อยว่า เธอจะอยู่ที่ไหน หรือกำลังทำอะไร อย่างนี้ใช่ไหมครับ ที่พ่อรู้สึกกับแม่” ม.ล.พนธกรถามกับพ่อของเขาตามตรง ม.ร.ว.พุฒิภัทรเมื่อได้ยินอย่างนั้น สำหรับเขาในตอนนี้เมื่อมองหน้าลูกชายแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเขาในอดีตเลย
“งานหมั้นก็ยังไม่เกิดขึ้น เราเองก็ยังเรียนไปจบ และที่สำคัญอย่าได้คิดว่าการหมั้นเป็นเรื่องที่ลูกต้องรับผิดชอบ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครบังคับใจของใครได้ เวลาต่อจากนี้จะพิสูจน์ทุกอย่าง ใช้มันให้คุ้มค่าเถอะ สิ้นเดือนหน้าก็จะเดินทางแล้ว ทำให้คนๆนั้นมั่นใจ และรักลูกเหมือนที่ลูกกำลังรักเค้า ” ม.ร.วพุฒิภัทรบอกตามความรู้สึก ยิ่งประโยคสุดท้ายเขาต้องการยืนยันให้ลูกของเขามั่นใจนี่หละที่เรียกว่าความรัก
“ขอบคุณครับพ่อ” ม.ล.พนธกรมองหน้าพ่อของเขาอย่างซาบซึ้ง ตอนนี้เขาเริ่มเบาใจเรื่องการหมั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากำลังหนักใจแทน จึงเอ่ยถามพ่อของเขาด้วยความอยากรู้
“พ่อครับ พ่อต้องทำอย่างไรแม่ถึงรักพ่อครับ”
ม.ร.ว.พุฒิภัทรได้แต่อึ้งในคำถาม เขาไม่รู้จะตอบลูกของเขาว่าอย่างไรดี เขาได้แต่มองหน้าแล้วตบไปที่บ่าลูกชายเขาเบาๆ
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 4
สุภาพสตรีเทวพรหม
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/31869266
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/31872730
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/31879577
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 4
ที่บ้าน ม.ล.เกษรา เมื่อถึงเวลาใกล้ที่จะเข้านอน หทัยกัญญายังไม่กล้าที่จะขึ้นไป นอนกับชญานี เธอยังคงนั่งเล่นอยู่ที่สวน ชญานนท์ ที่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของเขา เมื่อเขาเห็นหทัยกัญญานั่งอยู่ ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เขาเข้าไปคว้าเสื้อคลุมที่วางอยู่แล้วเดินออกไปจากห้องทันที
ที่กลางสวน ป้าแย้มเดินมาหาหทัยกัญญาด้วยความเป็นห่วง เมื่อหทัยกัญญาเห็น เธอก็อ้อนอีกฝ่าย ด้วยการนอนลงบนตักของป้าแย้ม
"อย่าไปถือสาคุณนีเธอเลยนะ วันนี้เธอคงอารมณ์ไม่ดี" ป้าแย้มบอกกับหทัยกัญญา
"ป้ารู้เรื่องด้วยหรือจ๊ะ" หทัยกัญญาถามอย่างแปลกใจ
"ทั้งรู้ ทั้งเห็น ทั้งเข้าใจ" ป้าแย้มบอก พร้อมกับใช้มือลูบที่เส้นผมของหทัยกัญญาเบาๆ
"เข้าใจว่าอะไรค่ะป้า"
"ก็เข้าใจว่าทำไมคุณนีถึงทำแบบนั้น ทำไมถึงเกิดเรื่องในวันนี้" ป้าแย้มใช้น้ำเสียงอย่างเป็นกลางที่สุด
"เพราะหนูใช่ไหมค่ะ" หทัยกัญญาลุกขึ้นมาถามนั่งถาม
ป้าแย้มใช้มือจับไปที่แก้มของหทัยกัญญาอย่างเอ็นดู
"อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความผิดของใครหรอก เพราะความรู้สึกของคนเรามันควบคุมกันไม่ได้ หนูยังต้องเจออะไรอีกมาก อย่าให้คนนอกเข้ามาทำลายความสำคัญของคนในครอบครัว" ป้าแย้มได้แต่บอก เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจดีว่า หทัยกัญญาคือหนึ่งในสายเลือดของเทวพรหม
"หนูเป็นแค่เด็กที่คุณเกษรารับมาเลี้ยง หนูไม่กล้าที่ใช้คำว่าครอบครัวกับคุณๆเค้าหรอกค่ะ" หทัยกัญญาบอกก่อนจะล้มตัวลงไปนอนที่ตักของป้าแย้มอีกครั้ง
"สักวันหนึ่ง ดวงใจจะเข้าใจเองว่า ที่ป้าพูดนั้นคืออะไร แต่ตอนนี้ขึ้นไปนอนได้แล้วไป นั่งอยู่ตรงนี้ เดี่ยวน้ำค้างก็ลงใส่หัวเป็นไข้เป็นอะไรกันพอดี" ป้าแย้มได้แต่บอกอย่างเป็นห่วง หทัยกัญญาได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะลุกขึ้นมานั่งข้างๆป้าของเธอ
"หนูกลัวคุณนี จะยังไม่หายโมโห เลยยังไปกล้าที่จะขึ้นไป" หทัยกัญญาบอกตามตรง
"ขึ้นไปเถอะ ทำอย่างไม่รู้ใจคุณนี เธอไม่ใช่คนอารมณ์ร้าย ถึงจะโมโห แต่ก็ไม่พร่ำเพรื่อหรอกนะ" ป้าแย้มบอกอย่างใจเย็น
"น่าอิจฉาคุณนีเธอจังเลยนะคะ มีแต่คนเข้าข้างคุณนี จนหนูเนี่ยดูแย่ไปเลย" หทัยกัญญาบอกกับอีกฝ่ายเพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
ป้าแย้มรวบมือน้อยๆทั้งสองของหทัยกัญญามาจับไป
"อย่าได้คิดอิจฉาคุณเค้าเลย เพราะถ้าใครพูดถึงดวงใจในที่ทางไม่ดี ป้าก็จะเถียงจนขาดใจเลยหละ เพราะป้ารู้จักนิสัยของคนของป้าดี"
น้ำเสียงของป้าแย้มที่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่น หทัยกัญญาได้แต่มองอย่างซาบซึ้งใจ เธอโผเข้าไปกอดป้าแย้ม ป้าแย้มได้แต่อ้าแขนรับเธอไว้ด้วยความรักและเอ็นดูหทัยกัญญามากมายเหลือเกิน
ชญานนท์ที่แอบดูทั้งคู่อยู่ เมื่อเขาได้เห็นอย่างนั้น เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ที่ป้าแย้มทำให้หทัยกัญญายิ้มขึ้นมาได้อีกครั้ง เขาก้มลงมองเสื้อคลุมที่ถือมาเก้อ แต่มันก็ทำให้เขามั่นใจในตัวเองแล้วว่า เขาห่วงและรักหทัยกัญญามากเพียงใด
หทัยกัญญาพยายามเปิดประตูห้องนอนของชญานีอย่างเบามือที่สุด เธอค่อยๆย่องเข้าไป เมื่อเธอเข้าไปถึง เธอก็เห็นว่าที่นอนในส่วนของเธอนั้นได้ถูกปูไว้แล้วอย่างเรียบร้อย หทัยกัญญาหันไปมองชญานีอย่างรู้สึกผิด หทัยกัญญาล้มตัวลงนอนอย่างช้าๆ เพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายตื่น
"ฉันขอโทษ" ชญานี ลุกขึ้น หันไปมองหทัยกัญญา หทัยกัญญามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
"เธอก็เหมือนน้องของฉัน อย่าคิดมากเลยนะดวงใจ นอนได้แล้ว" ชญานีบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนและหันไปอีกทาง
หทัยกัญญารู้สึกจุกอยู่ที่อก เธอได้แต่มองชญานีอย่างตื้นตันใจที่ชญานีหายโกรธเธอแล้ว ตอนนี้ในห้วงความคิดของเธอมีแต่น้ำเสียงของชญานนท์ที่บอกให้เธออยู่ห่างจาก ม.ล.พนธกร เพราะว่าเขาเป็นคู่หมั้นของชญานี
"ดวงใจก็ต้องขอโทษคุณดีด้วยเหมือนกันค่ะ" หทัยกัญญาบอกกับอีกฝ่ายที่นอนหลับไปแล้ว คำขอโทษคำนี้ เป็นคำขอโทษจากใจ ที่เธอรู้สึกผิด ที่แอบเผลอใจให้กับคู่หมั้นของผู้มีพระคุณของเธอ หทัยกัญญาหลับตาลงอย่างตัดใจ เพราะอย่างไรความฝันของเธอก็ไม่อาจเป็นจริงได้
ชญานีลืมตาขึ้น เธอพอใจที่เห็นท่าทีของอีกฝ่าย ชญานีรู้จักนิสัยของหทัยกัญญาดี ถ้าต้องการเอาชนะคนๆนี้ ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบเท่านั้น
หลายวันผ่านไป หทัยกัญญาพยายามใช้ชีวิตให้เหมือนเดิม ถึงแม้ว่ามันอาจจะยากแต่เธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้ว่าในความรู้สึกหน่วงๆในหัวใจ เธอต้องยินดีกับคุณชญานีที่ได้คู่หมั้นที่แสนดีอย่าง ม.ล.พนธกร
ชญานนท์มีนัด กับ ม.ล.ธีรไนย และ ม.ล.พนธกร ที่ห้างหยกฟ้า เพราะทั้งคู่ต้องการไปซื้อของเพื่อเตรียมตัวไปต่างประเทศ ชญานนท์ก็ต้องการซื้อของขวัญให้หทัยกัญญาเพื่อเป็นการขอโทษ ทั้งสามเดินเลือกของตามประสาผู้ชายคือตั้งใจซื้ออะไรก็ซื้อสิ่งนั้นแล้วออกมาจากร้านเลย เมื่อถึงคราวที่ชญานนท์ต้องเลือกซื้อของให้หทัยกัญญา เขาคิดที่จะซื้อสร้อยคอให้กับเธอ
"สาวคนไหนกันนะ ที่คว้าหัวใจนายไปได้" ม.ล.ธีรไนยถามกับเพื่อนด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาไม่เคยเห็นชญานนท์จะคบกับใคร
"ก็ไม่ใกล้และไม่ไกลตัวหรอก" ชญานนท์บอกกับเพื่อนของเขา แต่สายตานั้นมองไปที่ ม.ล.พนธกร อย่างมีเลศนัย
ม.ล.พนธกร รู้สึกเจ็บแปลบที่ใจอย่างบอกไม่ถูก ที่เขาเคยสงสัยไว้ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ม.ล.พนธกร ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปอีกทาง เพราะส่วนลึกในใจของเขานั้นก็แอบกลัวความใกล้ชิดของทั้งคู่อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ม.ล.พนธกร เลือกดูของในร้านนั้นบ้าง แต่สิ่งที่เขาเลือกนั้น เป็นแหวนวงเล็กๆน่ารัก ชญานนท์แอบใจเสียเหมือนกัน ที่ ม.ล.พนธกร มีท่าทีว่าจะซื้อแหวน
"น้องนีคงจะดีใจมาก" ชญานนท์พูดดักขึ้น ม.ล.พนธกร หันมามองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เหมือนกำลังโดนยัดเยียดอะไรให้
ม.ล.ธีรไนย เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเพื่อนและน้องของเขา ม.ล.ธีรไนย พอจะเดาทุกอย่างออกทำให้เขาเริ่มมีความหนักใจขึ้นมา
"งานหมั้นที่เกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ บางทีมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้นะครับ เพราะถ้าผมและน้องนีต่างมีคนที่ตัวเองรักมันก็อาจยกเลิกได้"
ม.ล.พนธกร บอกอย่างไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย ชญานนท์เริ่มที่จะไม่พอใจเขารู้สึกโกรธแทนน้องสาว
"ถ้าน้องนีได้ยินคงเสียใจน่าดู เพราะตั้งแต่ที่ผู้ใหญ่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา น้องนีก็ไม่มีใคร นอกจากคุณ" ชญานนท์ โบ้ยความรับผิดชอบให้อีกฝ่าย
ม.ล.พนธกร ได้แต่ยืนอึ้งไม่คิดว่า ชญานนท์จะให้ความสำคัญกับเรื่องการหมั้นของเขาขนาดนี้
"เมื่อถึงวันนั้น ผมจะให้น้องนีเป็นคนเลือกเอง ว่าจะหมั้นกับคนที่ให้เธอได้แค่ตัว หรือคนที่ให้เธอได้ทั้งชีวิต" ม.ล.พนธกร พูดตามตรง ก่อนจะเดินออกนอกร้าน โดยที่เขาไม่ได้ซื้ออะไรในร้านนั้นเลย
ม.ล.ธีรไนย มองน้องอย่างเข้าใจ เพราะ ม.ล.พนธกร ต้องแบกรับ พันธะสัญญาที่เกิดขึ้นตั้งแต่รุ่นพ่อของตัวเอง แต่ ม.ล.ธีรไนย ก็แอบสงสารเพื่อนของตนอยู่ไม่น้อย เพราะถ้ามีใครมาทำเฉยกับน้องสาวตัวเองแบบนี้เขาคงไม่พอใจเช่นกัน
"ปล่อยให้มันเป็นเรื่องอนาคตเถอะ เพราะกว่าที่งานหมั้นจะเกิดขึ้นก็ต้องรอให้เรียนจบกันทั้งสองฝ่าย เมื่อถึงตอนนี้แล้ว ก็ขอให้เป็นเรื่องของเค้าทั้งสองคน” ม.ล.ธีรไนย บอกอย่างเป็นกลางที่สุด พอทำให้ชญานนท์อารมณ์เย็นลงมาบ้าง เขาก้มหน้าเลือกสร้อยคอต่อไป ม.ล.ธีรไนยมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะเขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าเจ้าของสร้อยเส้นนี้คือหทัยกัญญา
ม.ล.พนธกร มาที่ร้านขนมคุณเกษรา เมื่อหทัยกัญญาเห็นก็จำได้ว่าเป็นรถของใครเธอรีบหลบเข้าไปข้างในทันที เธอต้องการหลบหน้าอีกฝ่าย ต้องการหนีหัวใจของเธอเอง
ชญานีเมื่อรู้ว่า ม.ล.พนธกรมาซื้อขนม เธอรีบมาที่ร้านทันที ชญานี เห็นหทัยกัญญาแอบมอง ม.ล.พนธกรอยู่ที่หลังร้าน แต่เธอแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหทัยกัญญา ชญานีจงใจเดินเข้าไปในร้าน เพื่อขายขนมให้ ม.ล.พนธกรด้วยตัวของเธอเอง ชญานีพยายามทำตัวสนิทสนมกับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ หทัยกัญญาได้แต่มองอย่างเศร้าใจและเดินออกไปจากตรงนั้นเสียเอง
ม.ล.พนธกร กลับมาที่รถด้วยสีหน้าที่ผิดหวังที่เข้าไม่ได้เจอหน้าหทัยกัญญา คนขับรถมองนายน้อยของตัวเองอย่างเข้าใจ เขารู้สึกลังเลใจเล็กน้อยที่จะเล่าอะไรบางอย่างให้นายน้อยของเขาฟัง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจพูดมันออกมา
“เมื่อสักครู่ผมได้คุยกับป้าแย้มและถามถึงหนูดวงใจ ผมถึงได้รู้ว่า หลังจากที่วันนั้นที่คุณกรมาที่นี่ ก็มีเรื่องเกิดขึ้นกับหนูดวงใจ เธอคงไม่ต้องการที่จะเจอคุณชายอีกแล้วหละครับ” คนขับรถบอกตามความเข้าใจของเขา ม.ล.พนธกร ใจเสียทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเขาเศร้าลงทันทีเมื่อได้รู้อีกว่า หทัยกัญญารู้การหมั้นของเขากับชญานีแล้ว
ณ วังจุฑาเทพ ดึกแล้ว ม.ล.พนธกรยังคงนั่งเล่นเปียโนอยู่ที่ห้องโถง เพลงที่เขาเล่นนั้นทำนองช่างแสนเศร้าไม่ต่างอะไรกับใจของเขาในตอนนี้เลย ม.ร.ว.พุฒิภัทร ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องด้านบน เมื่อเขาได้ยินเสียงเขาก็รู้ทันทีว่าลูกชายของเขานั้นรู้สึกเช่นไร ม.ร.ว.พุฒิภัทร ลงมาหาลูกชายด้านล่าง เมื่อม.ล.พนธกรเห็นพ่อของตน ก็หยุดเล่น
“เป็นอะไรหรือเปล่ากร” ม.ร.ว.พุฒิภัทรถามด้วยความเป็นห่วง
ม.ล.พนธกร มองหน้าพ่อของเขาแล้วก็ถอนหายใจออกมาก่อนตอบคำถามนั่น
“ผมกำลังกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตครับ”
“เรื่องอะไรหละ” ม.ร.ว.พุฒิภัทร ถามด้วยความสงสัย
“ความรักครับ ผมไม่เคยเชื่อในสิ่งนี้มาก่อนเลย ขนาดคุณแม่อยากให้ผมหมั้นกับน้องนี ผมยังไม่ปฏิเสธเลยสักคำ เพราะกว่าผมจะเรียนจบ ผมคิดว่าผมน่าจะรักเธอได้ จนเมื่อผมได้เจอกับคนที่แสนธรรมดาคนหนึ่ง คนที่ไม่มีอะไรเทียบกับน้องนีได้เลย แต่ผมกับมองว่าเธอว่าเธอช่างพิเศษ เมื่อได้คุยกับเธอแล้ว ผมรู้สึกเหมือนผมรู้จักเธอมานาน แล้วก็คิดถึงเธอคนนั้นมากๆ คอยคิดอยู่เรื่อยว่า เธอจะอยู่ที่ไหน หรือกำลังทำอะไร อย่างนี้ใช่ไหมครับ ที่พ่อรู้สึกกับแม่” ม.ล.พนธกรถามกับพ่อของเขาตามตรง ม.ร.ว.พุฒิภัทรเมื่อได้ยินอย่างนั้น สำหรับเขาในตอนนี้เมื่อมองหน้าลูกชายแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเขาในอดีตเลย
“งานหมั้นก็ยังไม่เกิดขึ้น เราเองก็ยังเรียนไปจบ และที่สำคัญอย่าได้คิดว่าการหมั้นเป็นเรื่องที่ลูกต้องรับผิดชอบ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครบังคับใจของใครได้ เวลาต่อจากนี้จะพิสูจน์ทุกอย่าง ใช้มันให้คุ้มค่าเถอะ สิ้นเดือนหน้าก็จะเดินทางแล้ว ทำให้คนๆนั้นมั่นใจ และรักลูกเหมือนที่ลูกกำลังรักเค้า ” ม.ร.วพุฒิภัทรบอกตามความรู้สึก ยิ่งประโยคสุดท้ายเขาต้องการยืนยันให้ลูกของเขามั่นใจนี่หละที่เรียกว่าความรัก
“ขอบคุณครับพ่อ” ม.ล.พนธกรมองหน้าพ่อของเขาอย่างซาบซึ้ง ตอนนี้เขาเริ่มเบาใจเรื่องการหมั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากำลังหนักใจแทน จึงเอ่ยถามพ่อของเขาด้วยความอยากรู้
“พ่อครับ พ่อต้องทำอย่างไรแม่ถึงรักพ่อครับ”
ม.ร.ว.พุฒิภัทรได้แต่อึ้งในคำถาม เขาไม่รู้จะตอบลูกของเขาว่าอย่างไรดี เขาได้แต่มองหน้าแล้วตบไปที่บ่าลูกชายเขาเบาๆ