สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3

แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้เกิดจาก
หัวใจ  ความคิดถึง ซีรีย์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ  หัวใจ

แต่งจากความน่าจะเป็นตามความคิดของตัวเอง
ไม่มีเจตนา ละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใดนะคะ



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1   http://ppantip.com/topic/31869266
สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2   http://ppantip.com/topic/31872730

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 3

             หลายวันผ่านไปเมื่อถึงวันหยุดเรียน เหล่าทายาททั้ง 4 ของวังจุฑาเทพนัดกันออกไปดูภาพยนตร์ ม.ล.ธีรไนยได้ชวน ชญานน์ ชญานีแล้วก็ดวงใจมาด้วย เมื่อถึงเวลานัด รถของบ้าน ม.ล.เกษรามาจอด ม.ล.พนธกร แอบชะเง้อมองหาดวงใจแต่ก็ต้องผิดหวังที่ดวงใจไม่ได้มาด้วย

        "อ้าวดวงใจหละ ไม่มาด้วยหรอกหรอ นี่ก็ซื้อตั่วมาเผื่อแล้ว" ม.ล.ธีรไนยถามด้วยความสงสัย

        "ยังอยู่ในช่วงทำโทษ นี่ก็ยังไม่ครบ 7 วัน คุณแม่เลยยังไม่ให้ออกไปไหน" ชญานนท์ตอบตามความเป็นจริงซึ่งตัวเขาเองนั้นก็อดที่จะสงสารหทัยกัญญาไม่ได้

        "มีเรื่องอะไรหรือครับคุณนนท์" คราวนี้ ม.ล.พนธกร ออกตัวถามด้วยตัวเอง

        ชญานีเริ่มที่จะไม่พอใจจึงเป็นฝ่ายตอบออกมาแทนพี่ชายของตนเอง

        "ดวงใจทำตัวเหลวไหล ออกไปนอกบ้านไม่ยอมบอกใคร แถมกลับมาถึงบ้านก็ใกล้ค่ำ ถามว่าไปไหนก็ไม่ยอมบอก เกือบจะโดนป้าแย้มตีอยู่แล้วค่ะ แต่คุณแม่ห้ามไว้เสียก่อน เลยถูกกักบริเวณจนกว่าจะยอมพูดความจริง เนี่ยก็ 3 วันแล้ว ดวงใจยังไม่ยอมพูดเลยค่ะว่าไปไหนมา สงสัยต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆ"  ชญานีพยายามใส่ไฟ เพื่อให้ ม.ล.พนธกรเลิกสนใจหทัยกัญญา

        "น้องนีก็พูดเกินไป ดวงใจไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย" ชญานนท์ ทักท้วง

        "พี่นนท์ ดวงใจเป็นแค่เด็กที่คุณแม่เก็บมาเลี้ยงนะคะ พี่นนท์จะรู้ได้อย่างไรว่าดวงใจเป็นคนแบบไหน" ชญานีพยายามย้ำบอกสถานะที่แท้จริงของอีกฝ่าย

        "ไม่น่ารักเลยนะน้องนี" ชญานนท์พูดปรามน้องสาวของตน ชญานีหน้าเสียเธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องพูดแบบนี้ เธอแค่ไม่ต้องการให้ ม.ล.พนธกร สนใจใครนอกจากเธอ  ม.ล.ธีรไนยไม่อยากให้เสียบรรยากาศจึงชวนทุกคนเข้าไปไหนโรงหนัง

            หนังเริ่มฉายแล้ว แต่ มล.พนธกร ไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉายอยู่ตรงหน้าแม้เลยแต่น้อย รวมไปถึงชญานีที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่
ชญานีแอบมอง ม.ล.พนธกรอยู่บ่อยๆ แต่อีกฝ่ายเฉยเมยกับเธอมาก ม.ล.พนธกรยังคงนิ่งนึกถึงเรื่องหทัยกัญญาเอามะม่วงแผ่นมาให้ในวันนั้น ทำให้เขาเริ่มที่จะเข้าใจอะไรในทันที เขารีบลุกออกจากโรงหนัง ท่ามกลางความตกใจของทุกคน

        "ขอโทษครับ ผมจะไปเข้าห้องน้ำ" ม.ล.พนธกร บอกกับพี่ๆของเขา ก่อนที่จะออกมาจากโรงหนังทันที

              ที่ร้านขนมของ ม.ล.เกษรา  หทัยกัญญากำลังช่วยป้าแย้มขายของอยู่ที่ด้านหน้าเหมือนเช่นเคย ป้าแย้มยังคงคาดคั้นกับเธอไม่เลิก แต่ที่ถามก็ด้วยความรักและความห่วงใยที่มีต่อหทัยกัญญาทั้งนั้น

        "หนูยังยืนยันคำเดิม ว่าไม่ได้ทำเรื่องเสียหาย คุณเกษราและป้าแย้มเลี้ยงดูหนูมา หนูไม่ทำให้เสียชื่อหรอกค่ะ" หทัยกัญญาตอบตามตรง

        "แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกคุณท่านไป ว่าดวงใจไปไหนมา" ป้าแย้มถามขึ้นอีกครั้ง

        หทัยกัญญาไม่กล้าที่จะตอบ เธอได้แต่ก้มหน้าเงียบเรียงขนมในชั้นวางต่อไป

        "แค่บอกว่าไปวังจุฑาเทพ มันทำให้เธอเสียหายมากเลยหรอ" ม.ล.พนธกรพี่ยินฟังอยู่นานแล้ว เขาอดที่จะถามขึ้นไม่ได้

        "ม.ล.พนธกร" หทัยกัญญาอุธานขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่าย ป้าแย้มจำอีกฝ่ายได้จึงรีบยกมือไหว้ ก่อนจะหันมาตีหทัยกัญญาเบาๆ ที่เธอไม่ได้ยกมือขึ้นไหว้เพราะยังคงสับสนคิดว่านี่คือเรื่องจริงหรือความฝัน เมื่อเธอรู้ตัว เธอรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายทันที ม.ล.พนธกรรับไหว้ พร้อมกับรอยยิ้มแสนหวานที่แฝงไปด้วยแรงแห่งความคิดถึง

        "ว่าอย่างไรหละ เธอยังไม่ตอบคำถามของฉันเลยนะ" ม.ล.พนธกร ถามย้ำ

        หทัยกัญญาหันไปมองทางป้าแย้ม ที่ยืนสงสัยอยู่เช่นกัน

        "คุณกรมาซื้อขนมหรือค่ะ เข้าไปนั่งรอในบ้านดีกว่าค่ะ แค่บอกคนที่นั่นว่าต้องการอะไร ทางเราจะรีบจัดเตรียมไว้ให้ทันทีค่ะ" หทัยกัญญาพยายามเปลี่ยนเรื่อง

        "เปล่า ฉันไม่ได้มาซื้อขนม" ม.ล.พนธกรตอบตามตรงอย่างรวดเร็ว

        "อ้าว" ป้าแย้มอุธานอย่างแปลกใจ ทั้งหทัยกัญญาและ ม.ล.พนธกร หันมาทางป้าแย้มพร้อมกัน หทัยกัญญาเริ่มที่จะปั้นหน้าไม่ถูก

        "มาซื้อขนมนั่นแหละครับ แต่ขอเลือกที่ร้านดีกว่า" ม.ล.พนธกรเริ่มหาข้ออ้างแล้วเดินดูขนมในร้านไปเรื่อย

        "เดี่ยวหนูไปหาน้ำมาให้คุณเค้าก่อนนะคะ" หทัยกัญญาบอกกับป้าแย้ม ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน ม.ล.พนธกรแอบมองอย่างเสียดาย

        "คิดได้หรือยังค่ะ ว่าจะรับอะไร" ป้าแย้มถามขึ้น

        "ยังเลยครับ ขนมหน้าทานไปหมด" ม.ล.พนธกร ตอบแก้เก้อก่อนจะเหลือบไปเห็น ผ้าพันคอที่อยู่ห่ออยู่ในถุงพลาสติกอย่างดี

        "ฝีมือคนของป้าหรือครับ" ม.ล.พนธกร ยกถุงผ้าพันคอขึ้นมาถาม

        "ใครค่ะ" ป้าแย้มไม่แน่ใจว่า ม.ล.หมายถึงใคร

        "คือ...ผม หมายถึง ดวงใจ" ม.ล.พนธกรตอบอย่างไม่เต็มเสียง ไม่กล้าแม้จะสบตาสายอีกฝ่ายเวลาพูดชื่อนี้

        "ไม่ใช่หรอกค่ะ ฝีมือคุณเกษราทั้งนั้น ส่วนของดวงใจหนะ แค่เริ่มถักผืนแรกก็บอกว่าทำหายไปเสียแล้ว" ป้าแย้มตอบพร้อมรอยยิ้ม และพูดถึงหทัยกัญญาอย่างเอ็นดู ม.ล.พนธกรได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขาหายงอนหทัยกัญญาเรื่องนี้ไปเลยทันที

        "ผืนสีฟ้าหรือเปล่าครับ" ม.ล.พนธกร ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ชัดและเพิ่มความมั่นใจของเขา

        "ใช่ค่ะ ว่าแต่คุณทราบได้อย่างไรค่ะ"  ป้าแย้มอดที่จะถามไม่ได้

        "ป้าแย้มค่ะ" เสียงเรียกของทหัยกัญญาเข้ามาขัดจังหวะ เธอได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่ เธอกลัวว่าป้าแย้มจะรู้ว่าเธอให้ผ้าพันคอกับอีกฝ่ายไป หทัยกัญญารีบส่งแก้วน้ำให้ ม.ล.พนธกร ม.ล.พนธกรยื่นมือไปรับพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเจ้าเล่ห์

        "ไหนบอกว่าผ้าพันคอของเธอหาซื้อได้ทั่วไป แต่ก็ชั่งเถอะ ฉันดีใจนะ ที่มันมีแค่ผืนเดียว"

        ม.ล.พนธกรยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบบอกเพราะกลัวป้าแย้มจะได้ยิน ป้าแย้มเห็นการกระทำของทั้งคู่เกรงว่าจะไม่เหมาะ จึงเข้าไปดึงตัวของหทัยกัญญาออกมาห่างๆ  ม.ล.พนธกรเห็นอย่างนั้นก็เชื่อแล้วว่า ป้าแย้มหวงหทัยกัญญาอย่างที่ชญานนท์พูดไว้จริงๆ

        มล.พนธกร เลือกขนมหลายอย่าง ทั้งป้าแย้ม และ หทัยกัญญาช่วยกันจัดวางใส่กล่องให้เรียบร้อย

        "มะม่วงแผ่นไม่มีขายแล้วหรือครับ" ม.ล.พนธกรถามป้าแย้ม แต่แอบมองไปที่หทัยกัญญา

        ม.ล.พนธกรสังเกตุได้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเริ่มแดงเขาได้แต่ยิ้มอย่างพอใจ เพราะอาจจะไม่ใช่แค่เขาที่คิดกับเธอเกินเลยเพียงฝ่ายเดียว

        "ขายหมดตั้งแต่วันแรกแล้วหละค่ะ" ป้าแย้มตอบ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่า ม.ล.พนธกรแอบส่งตาหวานให้คนของเธออย่างพอใจในคำตอบ

        "อย่างนี้เธอต้องเข้าไปเอามะม่วงที่วังอีกแล้วสิ" ม.ล.พนธกร ถามขึ้น

       "ที่ตลาดก็มีขายค่ะ" หทัยกัญญาตอบ อีกฝ่ายยิ้มเจื่อนไปเลยทันที ป้าแย้มส่งถุงขนมให้ ม.ล.พนธกร

        "ผมฝากไว้ที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะเข้าไปหาคุณเกษราก่อน" ม.ล.พนธกรบอกอย่างจริงจัง ป้าแย้มรับคำ ก่อนจะให้หทัยกัญญาพาเดินไปส่ง เพราะเธอต้องเข้าไปเอาขนมมาเติมด้วย

        หทัยกัญญาพา ม.ล.พนธกร เดินมาทางข้างหลังร้านเพื่อที่จะลัดผ่านเข้าไปในตัวบ้าน

        "ทำไมเธอถึงไม่ยอมพูดความจริง ปล่อยให้ผู้ใหญ่เข้าใจเธอผิดแบบนี้ได้อย่างไร" ม.ล.พนธกรถามขึ้นอย่างสงสัย

        หทัยกัญญามองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่เธอยังคงนิ่งไม่กล้าที่จะตอบอะไร

        "มันหน้าอายนักหรอ การที่เธอไปวังจุฑาเทพเพื่อเอาขนมไปให้ฉัน" ม.ล.พนธกร ยังคงถามย้ำไม่หยุด

        "ไม่ได้เอาไปให้คุณเสียหน่อย" หทัยกัญญาเถียงเพื่อที่จะโกหกอีกฝ่าย

        "แล้วเธอเอาไปให้ใครกันหละ" ม.ล.พนธกรถาม ทั้งที่เขารู้แก่ใจดีอยู่แล้ว

        "ก็คุณๆทั้งหมด ไม่ใช่คุณคนเดียวนะคะ" หทัยกัญญาโต้แย้ง ทั้งที่ก็ค้านกับความรู้สึกของตนเอง

        "โกหก" ม.ล.พนธกรพูดจี้จุด หทัยกัญญามองค้อนอีกฝ่ายทันที

        "ถ้าอย่างนั้นก็บอกคุณเกษราตามตรงเลยสิ เธอกลัวอะไร" ม.ล.พนธกรยุหญิงสาวอย่างเต็มที่

        หทัยกัญญามองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะทบทวนอะไรบางอย่าง ก่อนจะตัดสินใจตอบ

        "การไปที่วังจุฑาเทพโดยที่ไม่มีคุณนนท์และคุณนีไปด้วยเกรงว่าจะไม่เหมาะสมค่ะ เหตุผลที่พอจะหน้าเชื่อถือได้ก็ไม่มีอีกด้วย"

        "เหตุผลที่เธอเอาขนมไปให้ฉัน ทำไมมันถึงไม่น่าเชื่อถือหละ" ม.ล.พนธกรชักสีหน้าถามอย่างสงสัย

        "ก็ดวงใจมาคิดดูแล้ว ฝากคนขับรถไปให้ก็ได้เพราะทางวังจุฑาเทพก็สั่งขนมจากคุณเกษราอยู่เป็นประจำ"

        หทัยกัญญา พยายามอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ ทั้งที่ตัวเธอเองนั้นก็ยังสับสน

        "นั่นหนะสิ ทำไมเธอถึงต้องไปด้วยตัวเอง" ม.ล.พนธกร ถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความนัยเพราะเขาต้องการรู้เหตุผลที่แท้จริงของอีกฝ่ายมากเหลือเกิน
        
        "ไม่ทราบค่ะ" หทัยกัญญาก้มหน้าตอบ เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องทำแบบนั้น แล้วก็ต้องตอบเขาแบบนี้

        "เธอไม่มีเหตุผลส่วนตัวที่มากไปกว่านั้นหรอกหรอ" ม.ล.พนธกร ถามด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง

        หทัยกัญญาส่ายหน้าแทนคำตอบ ม.ล.พนธกร มองอย่างเธอน้อยใจ

        “เหตุผลส่วนตัวไม่มี แล้วเหตุผลส่วนใจเธอหละ มีหรือเปล่า?” ม.ล.พนธกรพึมพำ ถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา จนอีกฝ่ายได้ยินไม่ถนัดจนต้องถามซ้ำ

        “คุณพูดว่าอะไรนะคะ”

        "ช่างเถอะ ฉันเองก็คงเหมือนกันกับเธอ" ม.ล.พนธกรพูดขึ้นก่อนที่จะหันไปอีกทาง

        "อย่างไรค่ะ" หทัยกัญญาถามสงสัย

        "ฉันเองก็ไม่มีเหตุผลที่มาที่นี่ แต่พอฉันรู้ตัวอีกที ก็ยืนคุยกับเธออยู่ตรงนี้เสียแล้ว"

        ม.ล.พนธกร บอกอีกฝ่ายตามตรง เขาเองก็ไม่กล้าที่จะสบตาเธออีกครั้งหลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมา ม.ล.พนธกร เป็นฝ่ายเดินนำหทัยกัญญาออกไปจากตรงนั้นก่อนเสียเอง
           
        เมื่อหทัยกัญญาเดินมาส่งถึงที่แล้ว เธอจึงค่อยเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อเข้าไปเอาขนมในครัว

        ม.ล.พนธกร เข้าไปหา ม.ล.เกษรา และชินกร ในบ้าน ม.ล.เกษราให้คนยกน้ำชามาให้ ทั้งสามอยู่คุยกันสักพัก ก่อนที่ ม.ล.พนธกร จะขอลากลับบ้าน
ม.ล.พนธกร เดินกลับมาที่ร้านขายขนม เขาแอบมองหทัยกัญญาขายขนมอย่างมีความสุข พอลูกค้าออกไปแล้วเขาถึงเดินเข้ามาเอาถุงขนม ป้าแย้มอาสาจะถือไปส่งให้ที่รถ แต่ ม.ล.พนธกร พูดดักไว้เสียก่อน

        "เธอจะให้ป้าแย้มที่อายุมากแล้ว ถือของมาให้ฉันอย่างนั้นหรอ เธอช่วยถือมาส่งฉันหน่อยสิ ดวงใจ"

        ป้าแย้มได้ยินอย่างนั้น จึงต้องส่งถุงขนมให้หทัยกัญญาอย่างเสียไม่ได้  เมื่อทั้งสองเดินออกมานอกร้านเพื่อไปยังลานจอดรถ หทัยกัญญาอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า

        "แล้วสุภาพบุรุษให้สุภาพสตรีถือของให้ เรียกว่าสมควรหรือเปล่าค่ะ"

        "เดี่ยวนี้เธอยอกย้อนฉันแล้วหรอ" ม.ล.พนธกรถาม ถึงแม้น้ำเสียงของเขานั้นจริงจังและตรงกันข้ามกับใบหน้าของเขาที่แอบยิ้มอยู่

        "ดวงใจไม่กล้าหรอกค่ะ" หทัยกัญญาพูดก่อนจะยิ้มออกมา เธอแค่แกล้งแย่เขาเล่นเท่านั้น

        "ถึงเธอจะกล้า ฉันคงไม่ว่าอะไรเธอหรอก" ม.ล.พนธกร บอกก่อนจะยิ้มให้เธอเช่นเดียวกัน

        หทัยกัญญาส่งถุงขนมให้คนรถของวังจุฑาเทพมารับไปเก็บ

        "เธอจะไม่ถามฉันหน่อยหรอ ว่าฉันคุยอะไรกับคุณเกษรา" ม.ล.พนธกรพูดถึงเรื่องที่เขาต้องการให้เธอรับรู้

        "ไม่ค่ะ" หทัยกัญญาตอบ เพราะเธอคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเธอไม่สมควรที่จะถาม

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่