สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 2

แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้เกิดจาก
หัวใจ  ความคิดถึง ซีรีย์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ  หัวใจ

แต่งจากความน่าจะเป็นตามความคิดของตัวเอง
ไม่มีเจตนา ละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใดนะคะ




สุภาพสตรีเทวพรหม #ตอนที่ 1   http://ppantip.com/topic/31869266

             หลายวันผ่านไป คนที่บ้าน ม.ล.เกษรา เตรียมต้อนรับ ม.ล.วิไลรัมภา ที่กลับมาจากต่างประเทศพร้อมกับลูกสาวคนใหม่ที่เกิดกับสามีชาวต่างชาติ โรส หรือ รสริน นั่งอยู่ข้างๆของ ม.ล.วิไลรัมภา ตลอดเวลา

             หทัยกัญญา คลานเข่าเข้ามาในห้องรับแขกเพื่อที่จะส่งน้ำให้ ม.ล.วิไลรัมภา อีกฝ่ายรับมาถือไว้  ม.ล.เกษรา ที่นั่งอยู่ข้างๆสามี คอยสังเกตท่าทีของทั้งคู่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่

             ม.ล.วิไลรัมภา มองหน้า หทัยกัญญาแล้วรู้สึกแปลกๆ หทัยกัญญาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ก่อนที่เธอจะก้มหน้าและคลานเข่าออกมา นั่งข้างๆ ม.ล.เกษรา หทัยกัญญามองไปทางรสริน ที่น่ารักราวกับตุ๊กตาของคุณชญานีที่ให้เธอเล่นเป็นประจำ หทัยกัญญามองโรสรินอย่างเอ็นดู รสรินอายุน้อยกว่า หทัยกัญญา 3 ปี แต่ตัวสูงเกือบจะเท่าเธอได้อยู่แล้ว

        "เด็กคนนี้หรือคะ ที่พี่เกษรับมาเลี้ยง ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ จะไว้ใจได้หรือเปล่า" ม.ล.วิไลรัมภา มอง หทัยกัญญาอย่างจับผิด
        
        หทัยกัญญาได้แต่ก้มหน้านิ่ง ม.ล.เกษรา ได้แต่ถอนหายใจอย่างเวทนาหลานสาวของตน

        "ไปอ่านหนังสือเถอะดวงใจ เดี๋ยวทางนี้ให้ป้าแย้มดูแลแทน" ม.ล.เกษรา บอกกับหทัยกัญญา

        อีกฝ่ายรับคำก่อนที่จะคลานออกไปอย่างนอบน้อม ม.ล.วิไลรัมภา มอง หทัยกัญญา ด้วยหางตา ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับเธอ แต่ท่าทางของเธอพยายามปฏิเสธในสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่

        หทัยกัญญา เดินออกมาด้านนอก เป็นจังหวะที่ ชญานนท์ และ ชญานี เตรียมตัวจะออกไปข้างนอกพอดี

        "จะไปไหนกันหรือคะ" หทัยกัญญา ถามชญานนท์ด้วยความสงสัย

        "จะพาน้องนี ไปวังจุฑาเทพ วันนี้ที่วังมีติวหนังสือคลาสพิเศษหนะ ดวงใจจะไปไหม" ชญานนท์เอ่ยชวน

        "ไม่ต้องชวนหรอกค่ะพี่นนท์ ชวนกี่ครั้งก็ไม่เคยไป นี่ถ้าคุณแม่ไม่บังคับไปงานคราวที่แล้ว ดวงใจไม่มีทางไปหรอกค่ะ ไม่รู้ว่ากลัวอะไรที่วังจุฑาเทพนักหนา"

        ชญานีบอกกับพี่ชายของเธอ ก่อนจะหันมายิ้มให้หทัยกัญญา อีกฝ่ายยิ้มตอบ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

        "ไม่ได้กลัวอะไรหรอกค่ะคุณนี ดวงใจแค่ไม่รู้จักธรรมเนียมของวังมากกว่า ถ้าทำอะไรผิดเข้า คุณเกษราอาจโดยตำหนิได้ว่าสั่งสอนดวงใจมาไม่ดี"

        ชญานน์ได้แต่ยิ้มให้กับเหตุผลที่ไร้เดียงสาของหทัยกัญญา

        "แต่ครั้งนี้ พี่อยากให้ดวงใจไปนะ เราก็จะสอบเหมือนกันไม่ใช่หรอ ลองไปดูสิ จะได้รู้ว่า หลังเรียนจบมัธยมปลาย เราอยากเป็นอะไร"

        หทัยกัญญา ก้มหน้านิ่งไม่กล้าตอบว่าสนใจที่จะไปด้วย แต่ชญานีพอจะอ่านใจออก เลยฉุดมือ หทัยกัญญา นั่งรถไปด้วยเลย ชญานนท์เห็นอย่างนั้น ตอนแรกเขาคิดจะนั่งด้านหน้า แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว มานั่งข้างหลังแทน เพื่อที่จะใช้จังหวะนี้ได้อยู่ใกล้ชิด หทัยกัญญา ถึงแม้จะเป็นแค่นั่งข้างๆกันแค่นั้น แต่หทัยกัญญาทำตัวไม่ถูก พยามขยับมานั่งใกล้ชญานีให้มากที่สุด ชญานนท์เห็นอย่างนั้นก็ค่อนข้างพอใจในความถือตัวของอีกฝ่าย

             ณ วังจุฑาเทพ ทายาทรุ่นต่อไปทั้ง 4 ม.ล.ธีรไนย ม.ล.พนธกร ม.ล.พจณิชา และ ม.ล.กันต์รพี กำลังนั่งจับกลุ่มอ่านหนังสือกันอยู่ในสวน เมื่อทั้ง 4 เห็นรถของบ้าน ม.ล.เกษรา กำลังเข้ามาจอดในวัง ม.ล.กันต์รพียิ้มอย่างออกนอกหน้า เพราะเขารอคอยการมาของชญานี

             เมื่อทั้ง 3 ลงมาจากรถ ม.ล.ธีรไนย เห็นว่ามีบางคนมาด้วย จึงกระซิบบอกน้องชายของเขาที่กำลังก้มหน้ากัมตาอ่านหนังสืออยู่

        "น้องมะม่วงก็มานะ"

        ม.ล.พนธกร ได้ยินอย่างนั้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมา จังหวะนั้นหทัยกัญญาหันมาทาง ม.ล.พนธกรพอดี ทั้งคู่สบสายตากันโดยไม่ได้ตั้งตัว ม.ล.พนธกรเผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ หทัยกัญญาได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็รู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ชยานีมองทั้งคู่อย่างสงสัยแต่พยายามไม่คิดอะไร เพราะอย่างไรหทัยกัญญญาก็ด้อยกว่าเธอในทุกทางอยู่แล้ว

        หทัยกัญญานั่งดูคุณๆที่เป็นผู้ชายนั่งติวนั่งสือกันอย่างจริงจัง มีแต่ทาง ม.ล.พจณิชา และ ชญานี ที่จะคุยเล่นกันเรื่องของผู้หญิงซะส่วนใหญ่ ม.ล.พนธกร ถึงแม้จะมีหนังสือบังอยู่ตรงหน้าแต่ก็แอบมองไปที่หทัยกัญญาอยู่เรื่อยๆ

        ม.ล.ธีรไนย และชญานนท์ ที่เป็นรุ่นพี่เพราะอายุมากกว่าจึงมีหน้าที่สอนน้องๆ ม.ล.ธีรไนย ที่อ่านอาการของน้องชายตัวเองออก จึงแอบผู้ขึ้นมาว่า

        "นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่เบื่อหรือไง"

        "เปล่ายิ้มสักหน่อย" ม.ล.พนธกรร้อนตัวปฏิเสธทันควัน ทำให้เหล่าคุณๆที่เหลือมองไปที่ ม.ล.พนธกรทันที

        "พี่ไม่ได้หมายถึงกร พี่หมายถึงคนติดตามน้องนีที่มาด้วยต่างหาก" ม.ล.ธีรไนยโบ้ยไปอีกทาง

        "อ๋อ คุณไนยหมายถึงดวงใจหรอครับ" ชญานนท์ถามก็จะทันไปทางหทัยกัญญา

        หทัยกัญญาเห็นว่าที่ ม.ล.ธีรไนยพูดนั้นหมายถึงตน จึงทำตัวไม่ถูกและรีบตอบกลับไปว่า

        "ไม่เบื่อหรอกค่ะ มองเพลินซะมากกว่า"

        "มองเพลินอย่างนั้นหรอ" ม.ล.ธีรไนยพูดซ้ำก่อนจะหันไปยิ้มให้ ม.ล.พนธกร ม.ล.พนธกรมองค้อนใส่ก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาตั้งปิดหน้าตนเองไว้

        "อืม แล้วเธอกำลังเรียนต่อสายไหนหละ หรือคิดไว้หรือยังว่าอยากจะเป็นอะไร หรือทำอะไรในอนาคต หวังว่าคุณนนท์คงไม่ขังไว้ให้ติดตามน้องนีไปตลอดชีวิตหรอกนะ" ม.ล.ธีรไนยแอบแขวะเพื่อนของตนเล็กน้อย

        "คุณไนยก็พูดเกินไป ดวงใจหนะ คุณแม่หวงมาก หวงพอๆกับยัยนี จะไปไหนทีก็ต้องมีป้าแย้มไปด้วย จนใครที่มาที่บ้านคิดว่าดวงใจเป็นน้องสาวคนเล็กของบ้านไปแล้ว" ชญานนท์พูดก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้หทัยกัญญา หทัยกัญญารีบยกมือปฏิเสธ

        "ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย คุณนนท์ก็..."

        "ก็อะไร" ชญานนท์ถาม

        "เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร" หทัยกัญญาตอบ ชญานนท์ดีดนิ้วขึ้นทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

        "ผมว่าแล้ว ว่าเธอต้องตอบแบบนี้" ชญานนท์ หันมาบอก ม.ล.ธีรไนย อีกฝ่ายถึงกับหลุดขำออกมา ม.ล.พนธกรเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วย เขาแอบดีใจที่ได้ยินเรื่องราวของหทัยกัญญามากขึ้น

        "เธอยังไม่ตอบคำถามของพี่ไนยเลยนะ ว่าเธออยากเป็นอะไร" ม.ล.พนธกรถามด้วยความอยากรู้ ในขณะที่คนอื่นๆลืมเรื่องนั้นไปแล้ว

        ม.ล.ธีรไนยมองน้องตัวเองอย่างรู้ทัน

        "หมอค่ะ" หทัยกัญญาตอบอย่างไม่ต้องคิด

        "ทำไมหละ" ทั้งชญานนท์ และ และ ม.ล.พนธกร ถามพร้อมกันทำให้ หทัยกัญญาตรงเป็นเป้าสายตาไปทันที

        "คือ" หทัยกัญญาไม่รู้จะตอบอย่างไร

        "ดวงใจไปหยิบหนังสือให้นีหน่อยสิ อยู่ในรถนะ สงสัยหยิบมาไม่หมด" เสียงชญานีขัดเข้ามาเสียก่อน หทัยกัญญารีบรับคำและออกไปจากตรงนั้นตามคำสั่ง
        
        ชญานี รู้สึกเหมือนได้รับความสนใจจากคนอื่นน้อยลง เพราะทุกทีที่เธอมาที่นี่ทุกคนจะสนใจเธอมากว่านี้ แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกแปลกไป ยิ่งสายตาที่ ม.ล.พนธกรมองหทัยกัญญาต่างไปจากเธอ ทำให้เธออดคิดน้อยใจไม่ได้และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เธออิจฉาหทัยกัญญาอยู่ลึกๆในใจ

             ทายาทของวังจุฑาเทพ พร้อมกับชญานนท์ และ ชญานี พักจากการติวหนังสือ มาทานขนมที่หม่อมย่าทวด และ ย่าทวด จัดเตรียมไว้ให้ ม.ล.กันต์รพี รีบตักใส่จานส่งให้ ชญานี ชญานีรับมาถือไว้ตามมารยาท ม.ล.กันต์รพีพยายามชวนชญานีคุยไปเรื่อย จน ม.ล.พจณิชา รู้เจตนาของอีกฝ่าย จึงหลบไปหาพี่น้องที่นั่งอยู่อีกทางเพื่อให้ ม.ล.กันต์รพี มีโอกาสได้คุยกับชญานี

        หทัยกัญญา หลบไปที่หลังสวน ที่มะม่วงต้นเดิม คราวนี้คนสวนของวังจุฑาเทพ อาสาจะใช้ตะกร้อสอยให้ หทัยกัญญาจึงชี้บอกจุด

        "ทางนี้ค่ะลุง ลูกใหญ่มาก" คนสวนเดินมาตามทางที่เธอบอก เขาใช้ตะกร้อสอยมะม่วงลงมาให้เธอ หทัยกัญญายิ้มอย่างดีใจนับมะม่วงมี่สอยลงมาได้ในตะกร้าเห็นว่ามีหลายลูกอยู่

        "มาขโมยอีกแล้วหรอ" เสียงของ ม.ล.พนธกร ดังมาจากด้านหลัง หทัยกัญญา ถึงกับตกใจเล็กน้อยที่เขาเข้ามาอย่างเงียบๆ

        "เปล่าค่ะไม่ได้ขโมย ขอลุงแล้ว" หทัยกัญญาบอก ก่อนจะชี้ไปทางลุง ลุงคนสวนยิ้มให้  

        ม.ล.พนธกร ใช้สายตาส่งสัญญาณให้หลบไป ลุงคนสวนเข้าใจโดยทันทีรีบขอตัวไปทำงานของตัวเองก่อน

        "ไม่เป็นไรค่ะลุง ดวงใจสอยเองก็ได้" หทัยกัญญา บอกก่อนจะเดินไปหยิบตะตร้อ แต่ ม.ล.พนธกร เดินไปคว้าไว้เสียก่อน

        "ยังไม่พออีกหรอ"

        "คิดว่าอีกสักสองลูกน่าจะพอค่ะ คงทำขนมไปขายได้หลายถาด"  หทัยกัญญาบอกตามตรง ม.ล.พนธกรได้ยินอย่างนั้นถึงกับหลุดขำออกมา

        "นี่อย่าบอกนะ เธอเอามะม่วงบ้านฉันไปเปล่าๆ แต่เธอกลับเอาไปขายต่อ"

        หทัยกัญญานึกขึ้นได้ ว่าอาจเป็นการเสียมารยาทจึงรีบเอ่ยคำขอโทษ

        "ขอโทษค่ะ ไม่ดีใช่มั้ยคะ แต่ดวงใจคิดว่า ถึงทำไว้ทานเองแล้ว ก็ยังเยอะอยู่ดี เลยแบ่งเอาไปขายด้วย ลูกค้าจะได้ชิมรสชาดใหม่ๆ"

        ม.ล.พนธกร ยิ้มอย่างพอใจที่ได้ยินอย่างนั้น

        "ม.ล.เกษรา สอนเธอมาดีจังเลยนะ ถ้าขนมที่เธอทำมันเยอะขนาดนั้น แบ่งเอามาให้ฉันทานด้วยสิ คิดซะว่าเป็นค่าที่ฉันสอยมะม่วงให้เธอวันนี้"

        มล.พนธกรไม่พูดเปล่า เขาใช้ตะกร้อสอยมะม่วงให้หทัยกัญญา

        "ได้ค่ะ" หทัยกัญญาตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เธอรู้สึกอายที่ต้องพูดคำนี้ออกมา ม.ล.พนธกร ได้ยินก็เผลอยิ้มอย่างดีใจ เขาสอยมะม่วงให้เธอไปเรื่อยจนตะกร้อไปถูกกับสิ่งหนึ่งเข้า

        "โอ้ยย " ม.ล.พนธกร ร้องเสียงดังแต่พยายามคุมเสียงไม่ให้ดังมากเพราะกลัวคนของเขาจะแห่กันเข้ามาอีก หทัยกัญญา ได้ยินเสียงร้องจึงรีบเข้ามมาดูอีกฝ่ายใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง

        "เป็นอะไรคะ"

        "มดแดง โอ้ย" ม.ล.พนธกร รีบวางตะตร้อและปัดมดแดงออกจากตัว หทัยกัญญาอยากจะขำแต่ก็กลั้นไว้เพราะกลัวจะเสียมารยาท เธอเข้าไปช่วยปัดมดแดงออกจากตัวของ ม.ล.พนธกร
        
        ม.ล.พนธกรได้แต่ยืนนิ่งคอยดูการกระทำของอีกฝ่ายเขารู้สึกได้ว่าทุกสัมผัสที่หทัยกัญญาโดนตัวของเขาเหมือนมีคลื่นกระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ร่างกายแล้วผ่านไปยังหัวใจเขา....อย่างรวดเร็ว

        "อยู่นิ่งๆนะคะ ตรงนี้มีมดอีกตัว" หทัยกัญญาบอกก่อนจะยืนใบหน้าไปใกล้ๆอีกฝ่ายมากกว่าเดิม เพื่อจะหยิบมดที่อยู่ตรงซอกคอออกให้

        "หมดแล้วคะ" หทัยกัญญาบอกอีกฝ่ายก่อนจะถอยออกมา ม.ล.พนธกรรู้สึกเสียดายช่วงเวลานี้

        "แน่ใจนะ ว่าหมดแล้ว" ม.ล.พนธกรถามย้ำ

        หทัยกัญญาเริ่มไม่แน่ใจ เธอสังเกตไปทั่วร่างกายของอีกฝ่ายอีกครั้ง ไล่จากอกที่ผึ่งผาย ลำคอ เลยไปถึงใบหน้าที่ขาวผ่องดูสะอาดสะอ้าน หทัยกัญญาเริ่มรู้สึกแปลกที่ใจ เธอไม่เคยอยู่ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน เธอเริ่มที่จะหายใจไม่ค่อยสะดวก ถ้าคุณเกษรารู้เข้าเธอโดนดุแน่ หทัยกัญญารีบหันหลังกลับแล้วตอบอีกฝ่ายว่า

        "ไม่มีแล้วค่ะ"

        ม.ล.พนธกรได้แต่ยิ้มอย่างพอใจที่ได้เห็นใบหน้าที่เริ่มแดงของอีกฝ่าย หทัยกัญญารีบเดินไปหยิบตะกร้ามะม่วง แต่ ม.ล.พนธกร มาคว้าไว้ก่อน

        "ฉันถือให้"

        "อย่าดีกว่าค่ะ" หทัยกัญญารีบปฏิเสธแล้วดึงตะกร้ากลับมา

        "อย่าเสียมารยาทนะ" ม.ล.พนธกรทำเสียงดุ หทัยกัญญาจึงจำใจต้องปล่อยตะกร้านั้นให้อีกฝ่าย

             ทั้งคู่เดินกลับเข้ามาในวัง ในระหว่างที่ทั้งคู่เดินมาด้วยกัน หทัยกัญญาเริ่มรู้สึกได้ว่า ระยะทางทำไมช่างไกลกว่าทุกทีนัก

        "ขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม" ม.ล.พนธกร ถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบในช่วงเวลานั้น

        "ค่ะ" หทัยกัญญาตอบ แต่ไม่กล้าพอที่จะมองหน้าอีกฝ่าย

        "ทำไมเธอถึงถักผ้าพันคอให้ฉัน ทั้งที่เราไม่รู้จักกัน เธอยังไม่เคยเห็นหน้าฉันเลยด้วยซ้ำ" ม.ล.พนธกรถามในสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดสัปดาห์

        "ดวงใจพอจะได้ยินเรื่องของคุณมาบ้างจากคุณนี เห็นคุณนีบอกว่า หลังจากเรียบจบปีนี้คุณจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผ้าพันคอนั้นคงมีประโยชน์บ้างถ้าคุณได้นำไปใช้"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่