ปลูกรักปักใจ...บทที่ 12 [1]

...ปลูกรักปักใจ...




บทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้หัวใจดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้


ปลูกรักปักใจ...บทที่ 12 : คู่แข่ง


          ตั้งแต่วันที่ชนม์นิภาไปช่วยกรวีร์และลูกสาวจัดสวน ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วอาจารย์หนุ่มก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอหญิงสาวอีกเลย ไม่ว่าจะที่โรงเรียนของลูกสาวหรือที่มหาวิทยาลัยที่เขาสอนอยู่ เขาลองเลียบๆ เคียงๆ ถามจากชวกรก็ได้ความว่า เธอกำลังยุ่งอยู่กับการออกแบบและเขียนแบบภูมิทัศน์ให้กับรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ที่เจ้าของต้องการปรับปรุงและขยับขยายเพื่อรองรับลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้นทุกปี

          หลังว่างจากงานสอน กรวีร์เดินไปเมียงๆ มองๆ แถวสวนหย่อมที่กำลังปรับปรุงดังเช่นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปากได้รูปยกยิ้มอย่างดีใจ เมื่อเห็นคนตัวเล็กที่เขาเฝ้ารออยากเจออยู่ทุกวี่วันกำลังชี้ไม้ชี้มือสั่งงานลูกน้องอยู่ในสวนหย่อม อาจารย์หนุ่มรอเวลาจนชนม์นิภาคุยงานกับลูกน้องเสร็จและเดินกลับมานั่งที่ท้ายกระบะรถยนต์ เขาจึงรีบเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม

          “สวัสดีครับคุณตอง หายไปหลายวันเลยนะครับ น้องกิ่งบ่นคิดถึงแม่ตองใหญ่เลย” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มยกลูกสาวขึ้นมาอ้าง จริงอยู่ที่ลูกสาวเขาบ่นคิดถึงเธอ แต่เมื่อบอกเล่าถึงสาเหตุที่แม่ตองหายหน้าไป หนูน้อยก็เข้าใจในความจำเป็นของหญิงสาวไม่ได้งอแงหรือบ่นหาอะไรมากมาย แต่เป็นเขาเสียเองที่คิดถึงคนตรงหน้าจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องมาเดินวนเวียนแถวสวนหย่อมทุกที เผื่อว่าจะได้เจอเธอบ้าง

          “สวัสดีค่ะคุณวีร์ นั่งก่อนสิคะ” ชนม์นิภาขยับไปทางด้านซ้าย ก่อนผายมือเชิญให้เขานั่งลงที่อีกฝั่งของท้ายกระบะ

          ตั้งแต่วันที่ไปบ้านเขาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว หญิงสาวก็รู้สึกสนิทใจกับเขามากขึ้น ไม่ได้ตั้งแง่หรืออคติกับเขาเหมือนแต่ก่อน เมื่อคิดๆ ดูแล้วเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง คบเป็นเพื่อนรุ่นพี่ไว้ก็ไม่เสียหายอะไร  

           “ฉันเองก็คิดถึงน้องกิ่งเหมือนกันค่ะ พอดีมัวแต่ยุ่งๆ กับงานออกแบบ ไหนจะต้องเทียวไปดูสถานที่อีก เลยไม่ได้ไปส่งน้องไตรที่โรงเรียนและไม่ได้เข้ามาที่นี่เลย” ชนม์นิภาบอกถึงสาเหตุที่เธอต้องหายหน้าไปหลายวัน

          “ออกแบบสวนต้องไปดูสถานที่ก่อนด้วยเหรอครับ ผมนึกว่าแค่รู้ความต้องการของลูกค้าและขนาดพื้นที่ก็นำข้อมูลพวกนี้มาออกแบบและเขียนแบบได้เลยเสียอีก”

          “งานภูมิทัศน์ต้องไปดูสถานที่จริงก่อนค่ะ ไปคุยรายละเอียดความต้องการของลูกค้า ไปดูสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศและสิ่งปลูกสร้างเดิมที่มีอยู่แล้ว แล้วก็ไปคุยกับสถาปนิกด้วยค่ะว่าเขาจะออกแบบสิ่งปลูกสร้างให้ออกมาในรูปแบบไหน  ภูมิสถาปนิก[1] อย่างฉันจะได้ออกแบบภูมิทัศน์ให้ออกมาในคอนเซ็ปเดียวกันกับเขา” ภูมิสถาปนิกสาวอธิบายรายละเอียดการทำงานของตนให้อีกฝ่ายฟัง

          อาจารย์หนุ่มคิดตามหญิงสาว พลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ

          “ดูยุ่งยากเหมือนกันนะครับ ทีแรกผมคิดว่าแค่นำต้นไม้ ดอกไม้ไปจัดๆ ใส่ในสวนก็เสร็จ ไม่คิดว่าจะมีหลายขั้นตอนขนาดนี้”

          “กว่าจะถึงขั้นตอนลงมือจัดสวนก็ถือว่ายุ่งยากพอควรค่ะ ยิ่งโครงการไหนที่มีพวกอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะสถาปนิกและภูมิสถาปนิกต้องมาวิเคราะห์โน่นนั่นนี่ร่วมกัน ให้งานทั้งสองส่วนไปด้วยกันได้ บางทีมีปัญหากันก็มีนะคะ เพราะแนวคิดสวนทางกัน กว่าจะปรับกว่าจะจูนกันได้ ต้องแก้แบบแล้วแก้แบบอีกเชียวค่ะ แต่ถ้าเป็นงานพวกสวนสาธารณะจะง่ายหน่อย เพราะเป็นงานภูมิทัศน์เต็มๆ”

          หญิงสาวอธิบายรายละเอียดการทำงานของตัวเองให้ชายหนุ่มฟัง ก่อนเล่าประสบการณ์การทำงานที่เธอจำไม่เคยลืมให้เขาฟัง “คุณวีร์รู้ไหมคะ งานแรกของฉัน ฉันก็เจอดีเลย เกือบโดนผู้ชายต่อยหน้าแหก”  

          “อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ” สีหน้ากรวีร์ดูตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่หญิงสาวเล่า

          “เพราะฉันไม่เห็นด้วยกับบางจุดที่สถาปนิกเขาออกแบบมา ฉันเลยขอให้เขาแก้ตรงจุดนั้น แต่เขาไม่ยอม เขาบอกว่าที่เขาออกแบบมาเวิร์กที่สุดแล้ว แล้วฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเรื่องเลยบานปลาย เขาไม่พอใจที่ฉันไปติงานของเขา เลยท้าฉันต่อย สุดท้ายเจ้าของโครงการก็ลงมาเคลียร์และพบกันคนละครึ่งทาง” ชนม์นิภาพูดปนขำเหมือนเป็นเรื่องตลก ตากลมโตก้มลงมองเท้าทั้งสองที่แกว่งไปมาอยู่ด้านล่าง

           “ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”  

          “ยิ่งกว่านี้ก็มีนะคะ หลังๆ มาฉันถึงไม่ค่อยอยากรับงานออกแบบโครงการใหญ่ๆ สักเท่าไหร่ รับงานสวนสาธารณะและงานเล็กๆ สบายใจกว่าเยอะเลยค่ะ” คนพูดเงยหน้าขึ้น สายตาทอดมองตรงไปยังจุดที่ลูกน้องของตนกำลังทำงานอยู่ รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านวล

          “แล้วงานที่คุณตองไปดูมาล่าสุดนี่เป็นไงบ้างครับ ราบรื่นดีไหม” อาจารย์หนุ่มถามอย่างอดห่วงไม่ได้ กลัวว่าเธอจะเจอเหตุการณ์แบบที่เธอเพิ่งถ่ายทอดให้เขาฟังเมื่อสักครู่

          “งานนี้ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ เพราะออกแบบร่วมกับคนรู้จัก รู้ใจกันดีค่ะ” ภูมิสถาปนิกสาวหมายถึงเพื่อนสมัยเรียนที่สนิทกันตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง และเพื่อนคนนี้เองที่เป็นคนแนะนำงานนี้มาให้เธอ

          “โชคดีไปนะครับ” กรวีร์บอกอย่างโล่งออกแทนเจ้าตัว ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “คุณตองรอแป๊บหนึ่งนะครับ เดี๋ยวผมมา” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนและเดินลิ่วๆ ไปยังลานจอดรถด้านหลังตึก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่