ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15 [2]

ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15 : อดีตที่นำพาสู่ปัจจุบัน


          กรวีร์เข้ามาเล่านิทานให้ลูกสาวฟังก่อนนอนอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกค่ำคืน แต่ในคืนนี้ต่างไปจากเดิมตรงที่ชนม์นิภาอาสาเป็นคนเล่า ส่วนเขานั้นรับหน้าที่แสดงท่าทางประกอบ

          นิทานดำเนินไปยังไม่ทันถึงครึ่งเรื่อง หนูน้อยที่เหน็ดเหนื่อยกับการเล่นน้ำทะเลมาทั้งวันก็หลับไปอย่างง่ายดาย ผู้เป็นพ่อดึงผ้าห่มมาคลุมให้จนถึงอก จากนั้นก็ประทับจูบลงกลางหน้าผากของลูกสาวอย่างแสนรัก ทำให้คนที่นั่งมองอยู่เผลอยิ้มออกมากับภาพตรงหน้า

          “ผมฝากยายลูกหมูด้วยนะครับคุณตอง” ผู้เป็นพ่อยื่นมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยอย่างเบามือ

          “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ”

          “ยังไงถ้าน้องกิ่งนอนดิ้นมาก จนทำให้คุณตองนอนไม่หลับ ก็ไปเรียกผมได้ทุกเวลานะครับ ผมจะได้พากลับไปนอนที่ห้องกับผม” กรวีร์บอกอย่างเกรงใจ ขณะผุดลุกขึ้นจากเตียงและเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้อง

          “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันน่ะหลับง่ายจะตายไป แถมยังหลับลึกอีกต่างหาก คงไม่สะดุ้งตื่นง่ายๆ เพียงเพราะน้องกิ่งดิ้นหรอกมั้งค่ะ”

          “ผมเชื่อครับ” กรวีร์บอกยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หญิงสาวฟุบหลับคาโซฟาในวันที่เธอไปช่วยกับเขาลูกสาวจัดสวนที่บ้าน

          ด้านชนม์นิภาเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ นึกแล้วหญิงสาวก็ยังเคืองตัวเองไม่หายกับเรื่องวันนั้น ไม่น่าไปทำตัวขี้เซาที่บ้านเขาแบบนั้นเลย

          “นี่ก็ดึกแล้ว ฉันขอตัวเข้านอนก่อนนะคะ” คนขี้เซารีบตัดบท พร้อมยกมือขึ้นมาปิดปากและทำท่าหาวหวอดๆ ประหนึ่งว่าง่วงเสียเต็มประดา  

          “หลับฝันดีนะครับ”

          “เช่นกันค่ะ”

          เจ้าของห้องปิดประตูแทบจะทันทีที่พูดจบ ก่อนหันหลังยืนพิงประตูห้องอยู่อย่างนั้น มือข้างขวายกขึ้นมาทาบที่อกด้านซ้ายของตัวเองโดยอัตโนมัติ เมื่อรู้สึกว่าก้อนเนื้อที่อยู่ด้านในมันเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ หลังได้ห็นแววตาเปล่งประกายแปลกๆ ของคนที่อยู่ห้องข้างๆ ชนม์นิภาครุ่นคิดหาคำตอบให้กับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เริ่มซึมซาบเข้ามาในหัวใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาคำตอบไม่ได้ จึงเลิกคิดและเดินไปล้มตัวลงนอนข้างเด็กหญิงร่างอวบที่นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขอยู่บนเตียงกว้าง

          

          ส่วนคนต้นเหตุที่เป็นตัวการให้อีกคนคิดไม่ตกกับความรู้สึกแปลกใหม่กำลังนอนลืมตาโพลงในความมืด แม้จะพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ไม่สามารถหลับลงได้ เมื่อในสมองมันคิดกังวลไปต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับเรื่องของอดีตภรรยา ที่บังเอิญเจอกันเมื่อช่วงกลางวัน

          คนคิดมากผุดลุกขึ้นนั่งและเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมากดโทร.ออก รอสายอยู่ครู่ใหญ่ กว่าคนปลายสายจะกดรับ หลังนัดแนะกับคนในสายเสร็จชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปยังจุดนัดหมายทันที

          

          กรวีร์เดินฝ่ากลุ่มนักท่องราตรีที่กำลังเต้นอย่างเมามันเข้าไปในบาร์ที่มีเพียงแสงสลัวจากโคมไฟดวงน้อยที่มีอยู่ไม่กี่ดวงตามมุมต่างๆ เขาหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ข้างๆ กับคนที่เขานัดแนะไว้

          “ว่าไง มีเรื่องอะไรมารบกวนจิตใจให้นอนไม่หลับหรือครับคุณเพื่อน” ภิรภพถามอย่างยียวน พลางยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม

          “วันนี้ฉันเจอภัค”

          “จริงดิ แล้วเจอที่ไหน ยังไง” น้ำเสียงคนถามเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

          กรวีร์ถ่ายทอดเรื่องราวที่เขาบังเอิญเจอกับอดีตภรรยาเมื่อช่วงกลางวันให้เพื่อนฟังจนหมดสิ้น เผื่อจะช่วยคลายความกังวลในจิตใจของเขาได้บ้าง

          “ก็แค่บังเอิญเจอกัน แล้วทำไมแกต้องเก็บมาคิดให้วุ่นวายใจด้วยล่ะวะ ถ้าเขารู้ว่าแกจะมาที่นี่แล้วมาดักเจอก็ว่าไปอย่าง” เจ้าของรีสอร์ตถามอย่างไม่เข้าใจ ว่าเรื่องแค่นี้เพื่อนจะเก็บมาคิดให้หนักหัวทำไมกัน

          “ไม่รู้สิ มันกังวลใจแปลกๆ และกลัวยังไงไม่รู้” แม้ภายในบาร์จะมีเพียงแสงไฟสลัว แต่คนฟังกลับมองเห็นร่องรอยความไม่สบายใจบนใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนได้อย่างชัดเจน

          “กลัวอะไร กลัวภัคกลับมาหาแกงั้นเหรอ หรือกลัวเขามาพรากลูกไปจากแก” ภิรภพคาดเดา

          “ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่สายตาที่ภัคมองน้องกิ่งมันแปลกๆ มันไม่เหมือนเดิม”

          กรวีร์จำได้แม่นว่าสายตาที่ภคพรมองเขาและลูกเมื่อหกปีที่แล้ว มันมีแต่ความว่างเปล่าและความเฉยชา แต่วันนี้ที่เขาเจอมันไม่ใช่แบบเมื่อก่อน ในสายตาของอดีตภรรยามันมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งเขาเองก็เดาใจเธอไม่ถูกเหมือนกันว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ และด้วยเหตุนี้เองเขาถึงได้เก็บมาคิดไปสารพัด

          “แกจะกลัวไปทำไม เขาก็บอกเองไม่ใช่เหรอว่าเมื่อก่อนเขาเคยรู้สึกกับแกยังไง วันนี้เขาก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ฉะนั้นแกตัดออกไปได้เลยเรื่องที่เขาจะกลับมาหาแก ส่วนเรื่องเขาจะมาพรากน้องกิ่งไปจากอกแก นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เขาจะทำไปทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้อยากให้น้องกิ่งเกิดมาตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว และนี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ป่านนี้ภัคคงแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วมั้ง ปีนี้เขาก็สามสิบเอ็ดเข้าไปแล้ว หากเขาอยากมีลูกจริง เขามีอีกคนกับคนที่เขารักกับสามีคนปัจจุบันไม่ดีกว่าเหรอ จะกลับมาเอาลูกที่เคยทิ้งไปทำไม แล้วแกคิดว่าสามีเขาจะยอมเหรอ แกน่ะคิดมากไปเองทั้งนั้น”

          ภิรภพว่าพลางส่ายหัวให้กับเพื่อน ทีเรื่องเรียนเรื่องวิชาการนี่เก่งนัก พอเรื่องแบบนี้กลับตกม้าตายซะอย่างนั้น

          “ก็จริงอย่างแกว่า ฉันคงจะคิดมากไปเอง” คนคิดมากเริ่มคล้อยตามความคิดเพื่อน ความกังวลที่รบกวนจิตใจเริ่มคลายลง

          “สักหน่อยไหม” เจ้าของรีสอร์ตถามก่อนหันไปส่งสัญญาณให้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อ

          “ไม่ดีกว่า ฉันเลิกแล้ว” กรวีร์ไม่ปฏิเสธเปล่าทั้งยังทำหน้าขยาดจนอีกคนอดขำไม่ได้

          “ยังไม่เลิกหลอนอีกเหรอวะ บาร์นี้ฉันเป็นเจ้าของ รับรองไม่มีอะไรปนเปื้อน อีกอย่างฉันไม่ได้ชอบเล่นพิเรนทร์เหมือนพวกไอ้กฤษณ์สักหน่อย” ภิรภพพูดกลั้วหัวเราะ ทั้งยังพาดพิงไปถึงเพื่อนอีกกลุ่ม ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวยุ่งๆ ทั้งหมดของกรวีร์

          “ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ว่าแล้วอาจารย์หนุ่มก็หวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอออล์มาจนทุกวันนี้

          

          เจ็ดปีที่แล้ว

          บรรยากาศภายในงานปาร์ตี้สละโสดเป็นไปอย่างคึกคัก แขกในงานล้วนเป็นเพื่อนสนิทของฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาว ทุกคนต่างกำลังวาดลวดลายกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงภายในห้องสวีทของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของครอบครัวว่าที่เจ้าบ่าว

          “เฮ้ย แกดูผู้หญิงคนนั้นสิ สวยบาดใจมากเลยว่ะ” กฤษณ์ หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสะกิดกรวีร์ พลางพยักพเยิดไปทางสาวสวยคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในงาน กรวีร์มองตามสายตาเพื่อนก็เจอกับหญิงสาวหน้าตาสวยเฉี่ยวในชุดมินิเดรสสายเดี่ยวสปาเกตตีสีแดงสด คอคว้านลึกอวดเนินอกอิ่ม ส่วนด้านหลังเว้าลึกจนถึงช่วงเอว ผมยาวสลวยดัดลอนอ่อนๆ ตรงปลายถูกปล่อยเคลียแผ่นหลังขาวเนียน ริมฝีปากบางถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดดูเย้ายวน

          “ไม่เห็นจะสวยเลย” กรวีร์ละสายตาจากหญิงสาวคนนั้นหันกลับมาบอกเพื่อน

          “แบบนี้ไม่เรียกสวย แล้วแบบไหนถึงจะสวยสำหรับแกวะไอ้วีร์” ผู้เป็นเพื่อนถามอย่างไม่เข้าใจรสนิยมของอีกฝ่าย ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ๊ะ หรือว่าแกเป็นเกย์ ถึงได้มองไม่เห็นความสวยของผู้หญิงคนไหนเลย แถมยังไม่เคยมีแฟนกับเขาสักคน ใช่แน่ๆ ไอ้วีร์แกเป็นเกย์ใช่ไหม” ชายหนุ่มรูปร่างผอมเพรียวเดาพร้อมจ้องหน้าเพื่อนเขม็ง

          “ไปกันใหญ่แล้วแก ที่ฉันยังไม่มีแฟน เพราะยังไม่เจอใครที่ถูกใจต่างหากละ” คนถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าให้กับความคิดของเพื่อน ไม่รู้คิดแบบนั้นเข้าไปได้ยังไง

          “ให้มันจริง” กฤษณ์มองหน้ากรวีร์อย่างจับผิด ก่อนหันไปให้ความสนใจกับสาวสวยที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ “เราเข้าไปทำความรู้จักกับเธอสักหน่อยดีกว่า ดูท่าแล้วน่าจะไม่ธรรมดานะผู้หญิงคนนี้” กฤษณ์คาดเดาจากการแต่งตัวและจริตจะก้านของเธอ ไหนจะสายตายั่วเย้าที่เธอส่งให้หนุ่มหล่ออีกคนในงาน

          “เชิญแกตามสบาย ไอ้ภพมาพอดี ฉันมีเรื่องจะคุยกับมันนิดหน่อย” กรวีร์ปฏิเสธ

          “เรื่องไอ้ภพเอาไว้ก่อน ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยดิวะ” ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธ กฤษณ์ก็ลากกรวีร์เข้าไปทักทายกับผู้หญิงคนนั้นทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่