ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปลูกรักปักใจ...บทนำ : https://ppantip.com/topic/36426083
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 1 : https://ppantip.com/topic/36428752
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 2 : https://ppantip.com/topic/36430950
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 3 : https://ppantip.com/topic/36435000
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 4 : https://ppantip.com/topic/36439032
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 5 : https://ppantip.com/topic/36443358
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 6 : https://ppantip.com/topic/36455681
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 7 : https://ppantip.com/topic/36508901
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 8 : https://ppantip.com/topic/36519497
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 9[1] : https://ppantip.com/topic/36532554
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 9[2] : https://ppantip.com/topic/36549085
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 10 : https://ppantip.com/topic/36554416
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 11[1] : https://ppantip.com/topic/36574754
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 11[2] : https://ppantip.com/topic/36588124
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 12[1] : https://ppantip.com/topic/36601405
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 12[2] : https://ppantip.com/topic/36614236
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 13[1] : https://ppantip.com/topic/36630339
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 13[2] : https://ppantip.com/topic/36649807
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14[1] : https://ppantip.com/topic/36673188
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14 : สายลม แสงแดด หาดทราย เกลียวคลื่น
เมื่อภิรภพกลับไปแล้ว กรวีร์ก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดบ้าง จังหวะที่เขากำลังจะเปิดประตูห้องพักของตัวเอง ประตูห้องข้างๆ ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของชนม์นิภาที่ก้าวพ้นประตูออกมาพอดี มือที่กำลังกำลูกบิดชะงักค้าง เท่านั้นยังไม่พออาจารย์หนุ่มยังอ้าปากค้างมองหญิงสาวด้วยความตื่นตะลึง
ร่างอรชรอยู่ในชุดบิกินีแบบคล้องคอสีดำอวดเนินอกอวบอิ่มกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเอวต่ำยาวแค่คืบ อวดหน้าท้องแบนราบกับช่วงขาเรียวยาว แม้จะมีเดรสตาข่ายสีครีมสวมทับไว้แต่ก็มองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างได้อย่างชัดเจน ผมยาวประบ่าของเธอถูกรวบมัดไว้เป็นกระจุกเล็กๆ ที่กลางศีรษะ เผยให้เห็นลำคอระหง นอกจากนี้ใบหน้าที่เคยสวยใสไร้เครื่องสำอางยังถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ขับใบหน้าหวานให้สวยซึ้งจนคนมองไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้
กรวีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่คิดมาก่อนว่าภายใต้เสื้อยืดขนาดพอดีตัวที่เขาเห็นประจำจะซุกซ่อนอะไรไว้มากมายขนาดนี้ เขาคิดว่าหญิงสาวจะขึ้นมาเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นหรือไม่ก็เสื้อกล้ามเสียอีก ใครจะไปคิดว่าสาวมาดเซอร์อย่างเธออยู่ๆ จะลุกขึ้นมาสลัดคราบเดิมๆ ออกแล้วเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ อย่าว่าแต่เขาเลย หากคนอื่นมาเห็นเธอตอนนี้ก็คงมีอาการไม่ต่างจากเขา
“ที่ตัวฉันมีอะไรงอกออกมาหรือเปล่าคะคุณวีร์” ชนม์นิภาถามเมื่อเห็นเขาชะงักค้างอยู่ท่านี้นานแล้ว ทั้งยังจ้องเธอไม่วางตา
“ปะ เปล่าครับ” ตอบอย่างตะกุกตะกัก
“เปล่าแล้วทำไมมองฉันเหมือนเห็นตัวประหลาดแบบนั้นล่ะคะ” คนถามยังไม่รู้ตัวว่าต้นเหตุของอาการดังกล่าวนั้นมาจากชุดที่ตนสวมใส่ล้วนๆ
“ผมแค่รู้สึกแปลกตาน่ะครับ ไม่เคยเห็นคุณตองในมุมนี้มาก่อน” กรวีร์บอกไปตามตรง พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติอย่างสุดความสามารถ ทั้งยังเสมองไปทางอื่น เพราะเนินเนื้ออวบอิ่มเกินตัวที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของหญิงสาวนั้นทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะได้ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งสวยงามเหล่านี้ เขายังคงเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ยังมีอารมณ์แห่งบุรุษเพศ
ได้ฟังคำตอบของอาจารย์หนุ่ม หญิงสาวก้มมองสำรวจตัวเอง ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ นานๆ ได้เที่ยวทีก็อยากแต่งตัวแบบนี้บ้าง”
“ผมไม่คิดว่าคุณตองจะใส่ชุดแบบนี้เป็นด้วย”
“อย่าบอกนะคะว่าที่ผ่านมาคุณวีร์คิดว่าฉันเป็นทอม” เธอแกล้งเย้า
“เปล่าครับ” รีบปฏิเสธพัลวัน “ผมไม่เคยคิดแบบนั้น แค่ไม่ชินกับคุณตองในมุมนี้เฉยๆ ครับ”
“ฉันเป็นผู้หญิงก็จริงนะคะ แต่งานที่ฉันทำมันอยู่กับดินกับหญ้าตลอดและตากแดดตากลมอยู่ประจำ จะให้ฉันแต่งตัวสวยๆ แบบผู้หญิงคนอื่น ไปทำงานก็ดูจะไม่เหมาะ ก็เลยต้องหาโอกาสแบบนี้แหละค่ะ ถึงจะได้สวยเหมือนคนอื่นเขาบ้าง” ชนม์นิภาบอกถึงเหตุผลที่ต้องแต่งตัวทะมัดทะแมงอยู่เป็นนิจ
หญิงสาวไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ชายหนุ่มจะชินกับภาพเธอในมุมนั้น เพราะช่วงเวลาที่เขาและเธอได้เจอกัน จะเป็นเวลาที่เธอทำงานเสียส่วนใหญ่
“อ๋อ ครับ” กรวีร์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนชะเง้อมองหาลูกสาว “แล้วน้องกิ่งล่ะครับ”
“หนูอยู่นี่ค่า” เด็กหญิงกิ่งกาญจน์ในชุดบิกินี่แบบมีระบายสีชมพูหวานแหววโผล่หน้าออกมาจากในห้องนอนของชนม์นิภา
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วใช่ไหมลูก”
“เสร็จแล้วค่ะ” หนูน้อยตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนหมุนตัวไปมาหนึ่งรอบให้คุณพ่อดู จากนั้นก็จับแขนของแม่ตองกางออกและหมุนไปมาให้คุณพ่อดูบ้าง “วันนี้แม่ตองของน้องกิ่งสวยไหมคะคุณพ่อ”
“เอ่อ...คือ” กรวีร์อึกอัก ที่ไม่ตอบไม่ใช่ว่าหญิงสาวไม่สวย แต่กลับสวยมาก มากจนเขาอยากเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นได้เห็นเรือนร่างอันชวนหลงใหลของเธอ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีส์แบบที่เธอใส่ประจำมากกว่า ถ้าจะบอกให้เธอเปลี่ยนชุดก็คงจะไม่ได้ เพราะเขายังไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเธอเลย
“แม่ตองว่าให้คุณพ่อรีบไปเปลี่ยนชุดดีกว่านะคะ เราจะได้รีบไปเล่นน้ำกัน” หญิงสาวรีบพูดแทรกขึ้น กลัวได้ยินคำชมจากอีกฝ่าย แค่คิดว่าเขาจะตอบว่าสวยเธอก็รู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นคุณพ่อรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ หนูอยากเล่นน้ำทะเลจะแย่แล้ว” ไม่รอช้าหนูน้อยตัวอวบรีบฉุดแขนผู้เป็นพ่อเข้าไปในห้องทันที
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย กรวีร์ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวสวมทับด้วยเสื้อฮาวายสีสันสดใสกับกางเกงขาสั้นสามส่วน ก็รีบเดินลงไปสมทบกับหญิงต่างวัยทั้งสองที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
“คุณภพล่ะคะคุณวีร์” ชนม์นิภาถามหาเจ้าของบ้าน ตั้งแต่ลงมาเธอก็ไม่เห็นเขาแล้ว
“กลับบ้านไปแล้วครับ”
“อ้าว คุณภพไม่ได้พักอยู่บ้านหลังนี้หรอกหรือคะ”
“เปล่าครับ ภพมันพักที่บ้านอีกหลังที่อยู่ในเมืองน่ะครับ ส่วนบ้านหลังนี้สร้างไว้สำหรับต้อนรับญาติและเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวพักผ่อนน่ะครับ”
“ฉันก็นึกว่าคุณภพพักที่บ้านหลังนี้ซะอีก”
“แล้วอาภพไม่ไปเล่นน้ำกับพวกเราเหรอคะคุณพ่อ ทำไมรีบกลับจัง” เด็กหญิงถามขึ้นบ้าง นึกว่าคุณอาจะไปเล่นน้ำด้วยกันเสียอีก
“อาภพของหนูมีงานด่วนต้องรีบกลับไปเคลียร์น่ะค่ะ ไว้วันหลังเราค่อยชวนอาภพมาเล่นน้ำด้วยกันใหม่เนอะ ส่วนวันนี้หนูก็เล่นน้ำกับพ่อกับแม่ตองไปก่อนละกัน”
“แล้วเราจะช้าอยู่ทำไมล่ะคะ ไปเล่นน้ำกันเลยค่า” พูดจบหนูน้อยตัวอวบก็จูงแขนคุณพ่อกับแม่ตองวิ่งออกจากบ้านไปทันที
ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14 [2]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อภิรภพกลับไปแล้ว กรวีร์ก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดบ้าง จังหวะที่เขากำลังจะเปิดประตูห้องพักของตัวเอง ประตูห้องข้างๆ ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของชนม์นิภาที่ก้าวพ้นประตูออกมาพอดี มือที่กำลังกำลูกบิดชะงักค้าง เท่านั้นยังไม่พออาจารย์หนุ่มยังอ้าปากค้างมองหญิงสาวด้วยความตื่นตะลึง
ร่างอรชรอยู่ในชุดบิกินีแบบคล้องคอสีดำอวดเนินอกอวบอิ่มกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเอวต่ำยาวแค่คืบ อวดหน้าท้องแบนราบกับช่วงขาเรียวยาว แม้จะมีเดรสตาข่ายสีครีมสวมทับไว้แต่ก็มองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างได้อย่างชัดเจน ผมยาวประบ่าของเธอถูกรวบมัดไว้เป็นกระจุกเล็กๆ ที่กลางศีรษะ เผยให้เห็นลำคอระหง นอกจากนี้ใบหน้าที่เคยสวยใสไร้เครื่องสำอางยังถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ขับใบหน้าหวานให้สวยซึ้งจนคนมองไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้
กรวีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่คิดมาก่อนว่าภายใต้เสื้อยืดขนาดพอดีตัวที่เขาเห็นประจำจะซุกซ่อนอะไรไว้มากมายขนาดนี้ เขาคิดว่าหญิงสาวจะขึ้นมาเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นหรือไม่ก็เสื้อกล้ามเสียอีก ใครจะไปคิดว่าสาวมาดเซอร์อย่างเธออยู่ๆ จะลุกขึ้นมาสลัดคราบเดิมๆ ออกแล้วเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ อย่าว่าแต่เขาเลย หากคนอื่นมาเห็นเธอตอนนี้ก็คงมีอาการไม่ต่างจากเขา
“ที่ตัวฉันมีอะไรงอกออกมาหรือเปล่าคะคุณวีร์” ชนม์นิภาถามเมื่อเห็นเขาชะงักค้างอยู่ท่านี้นานแล้ว ทั้งยังจ้องเธอไม่วางตา
“ปะ เปล่าครับ” ตอบอย่างตะกุกตะกัก
“เปล่าแล้วทำไมมองฉันเหมือนเห็นตัวประหลาดแบบนั้นล่ะคะ” คนถามยังไม่รู้ตัวว่าต้นเหตุของอาการดังกล่าวนั้นมาจากชุดที่ตนสวมใส่ล้วนๆ
“ผมแค่รู้สึกแปลกตาน่ะครับ ไม่เคยเห็นคุณตองในมุมนี้มาก่อน” กรวีร์บอกไปตามตรง พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติอย่างสุดความสามารถ ทั้งยังเสมองไปทางอื่น เพราะเนินเนื้ออวบอิ่มเกินตัวที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของหญิงสาวนั้นทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะได้ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งสวยงามเหล่านี้ เขายังคงเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ยังมีอารมณ์แห่งบุรุษเพศ
ได้ฟังคำตอบของอาจารย์หนุ่ม หญิงสาวก้มมองสำรวจตัวเอง ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ นานๆ ได้เที่ยวทีก็อยากแต่งตัวแบบนี้บ้าง”
“ผมไม่คิดว่าคุณตองจะใส่ชุดแบบนี้เป็นด้วย”
“อย่าบอกนะคะว่าที่ผ่านมาคุณวีร์คิดว่าฉันเป็นทอม” เธอแกล้งเย้า
“เปล่าครับ” รีบปฏิเสธพัลวัน “ผมไม่เคยคิดแบบนั้น แค่ไม่ชินกับคุณตองในมุมนี้เฉยๆ ครับ”
“ฉันเป็นผู้หญิงก็จริงนะคะ แต่งานที่ฉันทำมันอยู่กับดินกับหญ้าตลอดและตากแดดตากลมอยู่ประจำ จะให้ฉันแต่งตัวสวยๆ แบบผู้หญิงคนอื่น ไปทำงานก็ดูจะไม่เหมาะ ก็เลยต้องหาโอกาสแบบนี้แหละค่ะ ถึงจะได้สวยเหมือนคนอื่นเขาบ้าง” ชนม์นิภาบอกถึงเหตุผลที่ต้องแต่งตัวทะมัดทะแมงอยู่เป็นนิจ
หญิงสาวไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ชายหนุ่มจะชินกับภาพเธอในมุมนั้น เพราะช่วงเวลาที่เขาและเธอได้เจอกัน จะเป็นเวลาที่เธอทำงานเสียส่วนใหญ่
“อ๋อ ครับ” กรวีร์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนชะเง้อมองหาลูกสาว “แล้วน้องกิ่งล่ะครับ”
“หนูอยู่นี่ค่า” เด็กหญิงกิ่งกาญจน์ในชุดบิกินี่แบบมีระบายสีชมพูหวานแหววโผล่หน้าออกมาจากในห้องนอนของชนม์นิภา
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วใช่ไหมลูก”
“เสร็จแล้วค่ะ” หนูน้อยตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนหมุนตัวไปมาหนึ่งรอบให้คุณพ่อดู จากนั้นก็จับแขนของแม่ตองกางออกและหมุนไปมาให้คุณพ่อดูบ้าง “วันนี้แม่ตองของน้องกิ่งสวยไหมคะคุณพ่อ”
“เอ่อ...คือ” กรวีร์อึกอัก ที่ไม่ตอบไม่ใช่ว่าหญิงสาวไม่สวย แต่กลับสวยมาก มากจนเขาอยากเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นได้เห็นเรือนร่างอันชวนหลงใหลของเธอ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีส์แบบที่เธอใส่ประจำมากกว่า ถ้าจะบอกให้เธอเปลี่ยนชุดก็คงจะไม่ได้ เพราะเขายังไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเธอเลย
“แม่ตองว่าให้คุณพ่อรีบไปเปลี่ยนชุดดีกว่านะคะ เราจะได้รีบไปเล่นน้ำกัน” หญิงสาวรีบพูดแทรกขึ้น กลัวได้ยินคำชมจากอีกฝ่าย แค่คิดว่าเขาจะตอบว่าสวยเธอก็รู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นคุณพ่อรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ หนูอยากเล่นน้ำทะเลจะแย่แล้ว” ไม่รอช้าหนูน้อยตัวอวบรีบฉุดแขนผู้เป็นพ่อเข้าไปในห้องทันที
หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย กรวีร์ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวสวมทับด้วยเสื้อฮาวายสีสันสดใสกับกางเกงขาสั้นสามส่วน ก็รีบเดินลงไปสมทบกับหญิงต่างวัยทั้งสองที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
“คุณภพล่ะคะคุณวีร์” ชนม์นิภาถามหาเจ้าของบ้าน ตั้งแต่ลงมาเธอก็ไม่เห็นเขาแล้ว
“กลับบ้านไปแล้วครับ”
“อ้าว คุณภพไม่ได้พักอยู่บ้านหลังนี้หรอกหรือคะ”
“เปล่าครับ ภพมันพักที่บ้านอีกหลังที่อยู่ในเมืองน่ะครับ ส่วนบ้านหลังนี้สร้างไว้สำหรับต้อนรับญาติและเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวพักผ่อนน่ะครับ”
“ฉันก็นึกว่าคุณภพพักที่บ้านหลังนี้ซะอีก”
“แล้วอาภพไม่ไปเล่นน้ำกับพวกเราเหรอคะคุณพ่อ ทำไมรีบกลับจัง” เด็กหญิงถามขึ้นบ้าง นึกว่าคุณอาจะไปเล่นน้ำด้วยกันเสียอีก
“อาภพของหนูมีงานด่วนต้องรีบกลับไปเคลียร์น่ะค่ะ ไว้วันหลังเราค่อยชวนอาภพมาเล่นน้ำด้วยกันใหม่เนอะ ส่วนวันนี้หนูก็เล่นน้ำกับพ่อกับแม่ตองไปก่อนละกัน”
“แล้วเราจะช้าอยู่ทำไมล่ะคะ ไปเล่นน้ำกันเลยค่า” พูดจบหนูน้อยตัวอวบก็จูงแขนคุณพ่อกับแม่ตองวิ่งออกจากบ้านไปทันที