ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14 [2]

ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้หัวใจดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้

ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14 : สายลม แสงแดด หาดทราย เกลียวคลื่น


          เมื่อภิรภพกลับไปแล้ว กรวีร์ก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดบ้าง จังหวะที่เขากำลังจะเปิดประตูห้องพักของตัวเอง ประตูห้องข้างๆ ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของชนม์นิภาที่ก้าวพ้นประตูออกมาพอดี มือที่กำลังกำลูกบิดชะงักค้าง เท่านั้นยังไม่พออาจารย์หนุ่มยังอ้าปากค้างมองหญิงสาวด้วยความตื่นตะลึง

          ร่างอรชรอยู่ในชุดบิกินีแบบคล้องคอสีดำอวดเนินอกอวบอิ่มกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเอวต่ำยาวแค่คืบ อวดหน้าท้องแบนราบกับช่วงขาเรียวยาว แม้จะมีเดรสตาข่ายสีครีมสวมทับไว้แต่ก็มองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเรือนร่างได้อย่างชัดเจน ผมยาวประบ่าของเธอถูกรวบมัดไว้เป็นกระจุกเล็กๆ ที่กลางศีรษะ เผยให้เห็นลำคอระหง นอกจากนี้ใบหน้าที่เคยสวยใสไร้เครื่องสำอางยังถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ขับใบหน้าหวานให้สวยซึ้งจนคนมองไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้

          กรวีร์ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่คิดมาก่อนว่าภายใต้เสื้อยืดขนาดพอดีตัวที่เขาเห็นประจำจะซุกซ่อนอะไรไว้มากมายขนาดนี้ เขาคิดว่าหญิงสาวจะขึ้นมาเปลี่ยนใส่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นหรือไม่ก็เสื้อกล้ามเสียอีก ใครจะไปคิดว่าสาวมาดเซอร์อย่างเธออยู่ๆ จะลุกขึ้นมาสลัดคราบเดิมๆ ออกแล้วเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ อย่าว่าแต่เขาเลย หากคนอื่นมาเห็นเธอตอนนี้ก็คงมีอาการไม่ต่างจากเขา

           “ที่ตัวฉันมีอะไรงอกออกมาหรือเปล่าคะคุณวีร์” ชนม์นิภาถามเมื่อเห็นเขาชะงักค้างอยู่ท่านี้นานแล้ว ทั้งยังจ้องเธอไม่วางตา

          “ปะ เปล่าครับ” ตอบอย่างตะกุกตะกัก

          “เปล่าแล้วทำไมมองฉันเหมือนเห็นตัวประหลาดแบบนั้นล่ะคะ” คนถามยังไม่รู้ตัวว่าต้นเหตุของอาการดังกล่าวนั้นมาจากชุดที่ตนสวมใส่ล้วนๆ

          “ผมแค่รู้สึกแปลกตาน่ะครับ ไม่เคยเห็นคุณตองในมุมนี้มาก่อน” กรวีร์บอกไปตามตรง พยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติอย่างสุดความสามารถ ทั้งยังเสมองไปทางอื่น เพราะเนินเนื้ออวบอิ่มเกินตัวที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของหญิงสาวนั้นทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆ และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะได้ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งสวยงามเหล่านี้ เขายังคงเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ยังมีอารมณ์แห่งบุรุษเพศ

          ได้ฟังคำตอบของอาจารย์หนุ่ม หญิงสาวก้มมองสำรวจตัวเอง ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งนะคะ นานๆ ได้เที่ยวทีก็อยากแต่งตัวแบบนี้บ้าง”

          “ผมไม่คิดว่าคุณตองจะใส่ชุดแบบนี้เป็นด้วย”

          “อย่าบอกนะคะว่าที่ผ่านมาคุณวีร์คิดว่าฉันเป็นทอม” เธอแกล้งเย้า

          “เปล่าครับ” รีบปฏิเสธพัลวัน “ผมไม่เคยคิดแบบนั้น แค่ไม่ชินกับคุณตองในมุมนี้เฉยๆ ครับ”

          “ฉันเป็นผู้หญิงก็จริงนะคะ แต่งานที่ฉันทำมันอยู่กับดินกับหญ้าตลอดและตากแดดตากลมอยู่ประจำ จะให้ฉันแต่งตัวสวยๆ แบบผู้หญิงคนอื่น ไปทำงานก็ดูจะไม่เหมาะ ก็เลยต้องหาโอกาสแบบนี้แหละค่ะ ถึงจะได้สวยเหมือนคนอื่นเขาบ้าง” ชนม์นิภาบอกถึงเหตุผลที่ต้องแต่งตัวทะมัดทะแมงอยู่เป็นนิจ

          หญิงสาวไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่ชายหนุ่มจะชินกับภาพเธอในมุมนั้น เพราะช่วงเวลาที่เขาและเธอได้เจอกัน จะเป็นเวลาที่เธอทำงานเสียส่วนใหญ่  

          “อ๋อ ครับ” กรวีร์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนชะเง้อมองหาลูกสาว “แล้วน้องกิ่งล่ะครับ”

          “หนูอยู่นี่ค่า” เด็กหญิงกิ่งกาญจน์ในชุดบิกินี่แบบมีระบายสีชมพูหวานแหววโผล่หน้าออกมาจากในห้องนอนของชนม์นิภา

          “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วใช่ไหมลูก”

          “เสร็จแล้วค่ะ” หนูน้อยตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนหมุนตัวไปมาหนึ่งรอบให้คุณพ่อดู จากนั้นก็จับแขนของแม่ตองกางออกและหมุนไปมาให้คุณพ่อดูบ้าง “วันนี้แม่ตองของน้องกิ่งสวยไหมคะคุณพ่อ”

          “เอ่อ...คือ” กรวีร์อึกอัก ที่ไม่ตอบไม่ใช่ว่าหญิงสาวไม่สวย แต่กลับสวยมาก มากจนเขาอยากเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นได้เห็นเรือนร่างอันชวนหลงใหลของเธอ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีส์แบบที่เธอใส่ประจำมากกว่า ถ้าจะบอกให้เธอเปลี่ยนชุดก็คงจะไม่ได้ เพราะเขายังไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเธอเลย

          “แม่ตองว่าให้คุณพ่อรีบไปเปลี่ยนชุดดีกว่านะคะ เราจะได้รีบไปเล่นน้ำกัน” หญิงสาวรีบพูดแทรกขึ้น กลัวได้ยินคำชมจากอีกฝ่าย แค่คิดว่าเขาจะตอบว่าสวยเธอก็รู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก

          “งั้นคุณพ่อรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ หนูอยากเล่นน้ำทะเลจะแย่แล้ว” ไม่รอช้าหนูน้อยตัวอวบรีบฉุดแขนผู้เป็นพ่อเข้าไปในห้องทันที

          

          หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย กรวีร์ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวสวมทับด้วยเสื้อฮาวายสีสันสดใสกับกางเกงขาสั้นสามส่วน ก็รีบเดินลงไปสมทบกับหญิงต่างวัยทั้งสองที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก

          “คุณภพล่ะคะคุณวีร์” ชนม์นิภาถามหาเจ้าของบ้าน ตั้งแต่ลงมาเธอก็ไม่เห็นเขาแล้ว

          “กลับบ้านไปแล้วครับ”

          “อ้าว คุณภพไม่ได้พักอยู่บ้านหลังนี้หรอกหรือคะ”

          “เปล่าครับ ภพมันพักที่บ้านอีกหลังที่อยู่ในเมืองน่ะครับ ส่วนบ้านหลังนี้สร้างไว้สำหรับต้อนรับญาติและเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวพักผ่อนน่ะครับ”

          “ฉันก็นึกว่าคุณภพพักที่บ้านหลังนี้ซะอีก”

          “แล้วอาภพไม่ไปเล่นน้ำกับพวกเราเหรอคะคุณพ่อ ทำไมรีบกลับจัง” เด็กหญิงถามขึ้นบ้าง นึกว่าคุณอาจะไปเล่นน้ำด้วยกันเสียอีก

          “อาภพของหนูมีงานด่วนต้องรีบกลับไปเคลียร์น่ะค่ะ ไว้วันหลังเราค่อยชวนอาภพมาเล่นน้ำด้วยกันใหม่เนอะ ส่วนวันนี้หนูก็เล่นน้ำกับพ่อกับแม่ตองไปก่อนละกัน”

          “แล้วเราจะช้าอยู่ทำไมล่ะคะ ไปเล่นน้ำกันเลยค่า” พูดจบหนูน้อยตัวอวบก็จูงแขนคุณพ่อกับแม่ตองวิ่งออกจากบ้านไปทันที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่