คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 36
ความคิดเห็นที่ 30
8284111 เขียนว่า
สมเด็จฯ อธิบายตามพระพุทธเจ้าครับ
พระพุทธเจ้าตรัสเองว่า ไม่ทรงสอนเรื่องอื่น นอกจากเรื่อง ทุกข์และความดับสนิทของทุกข์เท่านั้น
หากพระองค์สอนเรื่อง ข้ามภาพข้ามชาติจริง ทำไมต้องให้สมณพราหมณ์ในยุคนั้น ด่าฟรีๆ ว่าทรงสอนเรื่องตายแล้วสูญล่ะครับ 😊
+++สาระพัดภาพ ...ฯลฯ
ใช่วิธีกลวิธีตีกรรเชียงไหมครับ ?
เพื่อจะบิดให้ลงว่า สมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต และพระพุทธเจ้า สอนปฏิจจสมุปบาทแบบขณะจิตเดียว เท่านั้น
และยังยืนกราน การบอกว่า พระพุทธเจ้ายอมถูกด่า ...เพราะพระองค์สอนว่าตายแล้วสูญ !!!!
***
ความเห็น ...
สันนิษฐาน คือ 8284111 จะบิดเพื่อให้เข้ากับคำพูดของพุทธทาสว่า พระพุทธเจ้าสอนปฏิจจสมุปบาทแบบขณะจิตเดียวเท่านั้น !!!
โดยพยายามเลี่ยงไม่พูดถึงพุทธทาส แต่พยายามนำข้อความของสมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต มาเป็นบุคคลค้ำประกัน
เพื่อจะสื่อต่อไปว่า สมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต นี่แหละ ยืนยันว่า....พระพุทธเจ้าสอนปฏิจจสมุปบาทแบบขณะจิตเดียวเท่านั้น !!!
ถ้า ใคร ๆ จะตำหนิพุทธทาส ก็ให้ตำหนิสมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต ด้วย
******
คนจำนวนมากเข้าใจว่า พุทธทาสสอนว่าตายแล้วสูญ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า พุทธทาสยืนยันปฏิจจสมุปบาทมีเฉพาะขณะจิตเดียว
ผู้อ่าน รวมถึงคุณ 8284111 ก็ควรได้รู้ว่า
....ต่อมา มีหลักฐานแล้วว่า พุทธทาส ยอมรับเหตุปัจจัยในการไปเกิดในภพใหม่ (ตามภาพความคิดเห็นที่ 4)
หนังสือ งานแปล ของพุทธทาส ก็คือหลักฐานชัดเจนว่า มีการแปลพระไตรปิฎกบาลี แสดงเรื่องข้ามภพข้ามชาติ (ภาพความคิดเห็นที่ 7)
การที่พุทธทาสยอมรับ เหตุปัจจัยให้เกิดในภพใหม่ +งานแปลหนังสือ ที่ผู้ศึกษาทั้งหลายเขาตีความว่า
คือ ยอมรับปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ โดยปริยาย
การไปเกิดตามเหตุปัจจัยไม่ใช่จิตดวงเดิมไปเกิดใหม่
อ้าว... พุทธทาส ที่เคยยืนตระหง่านว่า ไม่มีปฏิจจสมุปบาทคร่อมภพชาติ
แล้วต่อมามีคลิปหลักฐานแสดงการยอมรับว่ามีเหตุปัจจัยให้เกิดใหม่แล้ว
นั่นเท่ากับ ยอมรับ ปฏิจจสมุปบาทคร่อมภพชาติไปโดยปริยาย จริงไหมครับ ?
ปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ ไม่ใช่เรื่องทุกข์ และดับทุกข์ ตรงไหน ?
คำตอบที่ได้คือ พระตถาคตทรงแสดงว่า เป็นเรื่องของทุกข์และการดับทุกข์ทั้ง 2 แบบ (ดูจากภาพถัดไป)
การเกิดในภพใหม่ก็เป็นทุกข์ การก้าวลงสู่ครรภ์ก็เป็นทุกข์ ชรา มรณะ เป็นทุกข์ ดังนั้นแล้วจึงต้องหาวิธีดับทุกข์ ทรงแสดงการดับทุกข์
เปรียบเทียบปฏิจจสมุปบาทแบบคร่อมภพชาติ มาในพระสูตร และ แบบขณะจิตเดียว มาในพระอภิธรรมปิฎก
ผู้รวบรวมจัดทำภาพตัวอักษรมุ่งแสดงให้เห็นความแตกต่างของปฏิจจสมุปบาท ในส่วนที่อธิบายความหมายสื่อให้เห็นว่า คือ ภพ ชาติ มรณะแบบสังสารวัฏ (ข้ามภพข้ามชาติ) และในขณะจิตเดียว โดยอิงหลักฐานจากพระไตรปิฎกเป็นสำคัญ
ภาพนี้จัดทำเพื่อการศึกษา การลำดับตัวอักษรเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย
วิภังคสูตร ว่าด้วยการจำแนกปฏิจจสมุปบาท
อ่านต่อที่นี่
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=16&siri=2
แบบขณะจิตเดียว มาในพระอภิธรรมปิฎก
อ่านต่อที่นี่
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=35&A=4108&w=%CD%C0%D4%B8%C3%C3%C1%C0%D2%AA
8284111 เขียนว่า
สมเด็จฯ อธิบายตามพระพุทธเจ้าครับ
พระพุทธเจ้าตรัสเองว่า ไม่ทรงสอนเรื่องอื่น นอกจากเรื่อง ทุกข์และความดับสนิทของทุกข์เท่านั้น
หากพระองค์สอนเรื่อง ข้ามภาพข้ามชาติจริง ทำไมต้องให้สมณพราหมณ์ในยุคนั้น ด่าฟรีๆ ว่าทรงสอนเรื่องตายแล้วสูญล่ะครับ 😊
+++สาระพัดภาพ ...ฯลฯ
ใช่วิธีกลวิธีตีกรรเชียงไหมครับ ?
เพื่อจะบิดให้ลงว่า สมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต และพระพุทธเจ้า สอนปฏิจจสมุปบาทแบบขณะจิตเดียว เท่านั้น
และยังยืนกราน การบอกว่า พระพุทธเจ้ายอมถูกด่า ...เพราะพระองค์สอนว่าตายแล้วสูญ !!!!
***
ความเห็น ...
สันนิษฐาน คือ 8284111 จะบิดเพื่อให้เข้ากับคำพูดของพุทธทาสว่า พระพุทธเจ้าสอนปฏิจจสมุปบาทแบบขณะจิตเดียวเท่านั้น !!!
โดยพยายามเลี่ยงไม่พูดถึงพุทธทาส แต่พยายามนำข้อความของสมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต มาเป็นบุคคลค้ำประกัน
เพื่อจะสื่อต่อไปว่า สมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต นี่แหละ ยืนยันว่า....พระพุทธเจ้าสอนปฏิจจสมุปบาทแบบขณะจิตเดียวเท่านั้น !!!
ถ้า ใคร ๆ จะตำหนิพุทธทาส ก็ให้ตำหนิสมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต ด้วย
******
คนจำนวนมากเข้าใจว่า พุทธทาสสอนว่าตายแล้วสูญ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า พุทธทาสยืนยันปฏิจจสมุปบาทมีเฉพาะขณะจิตเดียว
ผู้อ่าน รวมถึงคุณ 8284111 ก็ควรได้รู้ว่า
....ต่อมา มีหลักฐานแล้วว่า พุทธทาส ยอมรับเหตุปัจจัยในการไปเกิดในภพใหม่ (ตามภาพความคิดเห็นที่ 4)
หนังสือ งานแปล ของพุทธทาส ก็คือหลักฐานชัดเจนว่า มีการแปลพระไตรปิฎกบาลี แสดงเรื่องข้ามภพข้ามชาติ (ภาพความคิดเห็นที่ 7)
การที่พุทธทาสยอมรับ เหตุปัจจัยให้เกิดในภพใหม่ +งานแปลหนังสือ ที่ผู้ศึกษาทั้งหลายเขาตีความว่า
คือ ยอมรับปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ โดยปริยาย
การไปเกิดตามเหตุปัจจัยไม่ใช่จิตดวงเดิมไปเกิดใหม่
อ้าว... พุทธทาส ที่เคยยืนตระหง่านว่า ไม่มีปฏิจจสมุปบาทคร่อมภพชาติ
แล้วต่อมามีคลิปหลักฐานแสดงการยอมรับว่ามีเหตุปัจจัยให้เกิดใหม่แล้ว
นั่นเท่ากับ ยอมรับ ปฏิจจสมุปบาทคร่อมภพชาติไปโดยปริยาย จริงไหมครับ ?
ปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ ไม่ใช่เรื่องทุกข์ และดับทุกข์ ตรงไหน ?
คำตอบที่ได้คือ พระตถาคตทรงแสดงว่า เป็นเรื่องของทุกข์และการดับทุกข์ทั้ง 2 แบบ (ดูจากภาพถัดไป)
การเกิดในภพใหม่ก็เป็นทุกข์ การก้าวลงสู่ครรภ์ก็เป็นทุกข์ ชรา มรณะ เป็นทุกข์ ดังนั้นแล้วจึงต้องหาวิธีดับทุกข์ ทรงแสดงการดับทุกข์
เปรียบเทียบปฏิจจสมุปบาทแบบคร่อมภพชาติ มาในพระสูตร และ แบบขณะจิตเดียว มาในพระอภิธรรมปิฎก
ผู้รวบรวมจัดทำภาพตัวอักษรมุ่งแสดงให้เห็นความแตกต่างของปฏิจจสมุปบาท ในส่วนที่อธิบายความหมายสื่อให้เห็นว่า คือ ภพ ชาติ มรณะแบบสังสารวัฏ (ข้ามภพข้ามชาติ) และในขณะจิตเดียว โดยอิงหลักฐานจากพระไตรปิฎกเป็นสำคัญ
ภาพนี้จัดทำเพื่อการศึกษา การลำดับตัวอักษรเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย
วิภังคสูตร ว่าด้วยการจำแนกปฏิจจสมุปบาท
อ่านต่อที่นี่
https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=16&siri=2
แบบขณะจิตเดียว มาในพระอภิธรรมปิฎก
อ่านต่อที่นี่
https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=35&A=4108&w=%CD%C0%D4%B8%C3%C3%C1%C0%D2%AA
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
พระสูตร พุทธพจน์มากมายในพระไตรปิฎก ที่แสดงภพ ชาติ แบบเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
เขา 8284111 พยายามขีดเส้น โยงใย ข้อความในหนังสือพุทธธรรม ว่า มีแต่ปฏิจจสมุปบาทขณะจิตเดียว เพียงเพื่อปกป้องพุทธทาส (มั้งครับ)
โดยพยายามทำให้คนอ่านเข้าใจว่า เห็นว่า สมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต ก็ไม่ยอมรับปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ เช่นเดียวกันกับพุทธทาส
มีหลายกระทู้ หลายความคิดเห็นที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า พุทธทสมีความเห็นว่าตายแล้วสูญ
ก็คนจำนวนมาก อ่านงานเขียนพุทธทาสแล้วก็ทำให้คิดเช่นนั้น
แฟนพันธ์แท้พุทธทาส ก็ต้องแบก ว่า ตายแล้วสูญ คือ มีปฏิจจสมุปบาทขณะจิตเดียวไม่มีปฏิจจสมุปบาทแบบเหตุปัจจัยให้เกิดในภพใหม่
ผม พบว่า มีคลิปที่พุทธทาส (ตอนที่อายุน่าจะมากแล้ว) ตอบคำถาม แสดงไว้ว่า ยังมีการไปเกิดใหม่ถ้ามีเหตุปัจจัยให้เกิด
ในคลิปพูดถึงการตายแบบเข้าโลง (ไม่ใช่แบบขณะจิต) พุทธทาสพูดเองว่า มีเหตุปัจจัยให้ไปเกิดในภพใหม่
อ่า... แล้วพุทธทาสจะอธิบายวงจรปฏิจจสมุปบาทอย่างไร ? ละทีนี้ ?
แล้วเหตุปัจจัยนั้นคืออะไร คืออย่างไร พุทธทาสก็ไม่ยอมอธิบาย
เพราะมันขัดกับคำพูดของท่านเองที่ว่า ไม่มีปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ
พุทธทาสไม่ได้อธิบายไว้
รอแฟนพันธ์แท้ พุทธทาสอธิบาย ว่า เหตุปัจจัยให้เกิดที่พุทธทาสพูดนั้นคือ อย่างไร อธิบายได้อย่างไร ?
เขา 8284111 พยายามขีดเส้น โยงใย ข้อความในหนังสือพุทธธรรม ว่า มีแต่ปฏิจจสมุปบาทขณะจิตเดียว เพียงเพื่อปกป้องพุทธทาส (มั้งครับ)
โดยพยายามทำให้คนอ่านเข้าใจว่า เห็นว่า สมเด็จ ป.อ.ปยุตฺโต ก็ไม่ยอมรับปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ เช่นเดียวกันกับพุทธทาส
มีหลายกระทู้ หลายความคิดเห็นที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า พุทธทสมีความเห็นว่าตายแล้วสูญ
ก็คนจำนวนมาก อ่านงานเขียนพุทธทาสแล้วก็ทำให้คิดเช่นนั้น
แฟนพันธ์แท้พุทธทาส ก็ต้องแบก ว่า ตายแล้วสูญ คือ มีปฏิจจสมุปบาทขณะจิตเดียวไม่มีปฏิจจสมุปบาทแบบเหตุปัจจัยให้เกิดในภพใหม่
ผม พบว่า มีคลิปที่พุทธทาส (ตอนที่อายุน่าจะมากแล้ว) ตอบคำถาม แสดงไว้ว่า ยังมีการไปเกิดใหม่ถ้ามีเหตุปัจจัยให้เกิด
ในคลิปพูดถึงการตายแบบเข้าโลง (ไม่ใช่แบบขณะจิต) พุทธทาสพูดเองว่า มีเหตุปัจจัยให้ไปเกิดในภพใหม่
อ่า... แล้วพุทธทาสจะอธิบายวงจรปฏิจจสมุปบาทอย่างไร ? ละทีนี้ ?
แล้วเหตุปัจจัยนั้นคืออะไร คืออย่างไร พุทธทาสก็ไม่ยอมอธิบาย
เพราะมันขัดกับคำพูดของท่านเองที่ว่า ไม่มีปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ
พุทธทาสไม่ได้อธิบายไว้
รอแฟนพันธ์แท้ พุทธทาสอธิบาย ว่า เหตุปัจจัยให้เกิดที่พุทธทาสพูดนั้นคือ อย่างไร อธิบายได้อย่างไร ?
ความคิดเห็นที่ 99
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เชิญคุณ 4111 มาทำการศึกษาเรื่องทุกข์และความดับทุกข์
เห็นคุณนำกราฟฟิคมาอ้างตั้งแต่ คห.62-66 ผมอ่านของคุณแล้ว มันไม่เข้าท่าเลยครับ
มาดูเรื่องทุกข์ก่อน "ทรงตรัสสอนทุกข์และความดับทุกข์"
ถามคุณว่าอะไรคือทุกข์ ?
เท่าที่อ่านเจอในพระสูตร พบว่า ทรงตรัสว่า "โดยย่อ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์"
นี่แหละ ที่ทรงตรัสว่า ทรงสอนกลางๆ ไม่เข้าไปส่วนสุดทั้งสองอย่าง คือสัสสตทิฏฐิ และอุจเฉททิฏฐิ
คือไม่ทรงตรัสสอนว่าสัตว์บุคคลมีหรือไม่มี แต่ทรงตรัสสอนแบบจำแนกแยกแยะว่า "อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์"
เห็นไม๊ว่า บุคคลไม่มีแล้ว มีแต่ขันธ์ แล้วทรงตรัสสอนเหตุปัจจัยของขันธ์เหล่านั้น ไม่ทรงเข้าไปส่วนสุดว่าคนมีหรือคนไม่มี
แต่ทรงสอนเหตุปัจจัย ถ้ามีเหตุขันธ์ก็มี ถ้าหมดเหตุขันธ์ก็ดับ
แล้วมันกลางอย่างไร ? อย่างไรถึงเรียกว่า "กลาง" ?
กลางที่พระองค์ทรงตรัสก็คือ ทรงแยกสัตว์บุคคล ตัวตน เราเขา ออกเป็น 5 ส่วน แต่ละส่วนมีกิจหน้าที่ของตน ไม่ก้าวก่ายกัน แต่ว่า ทั้ง 5 ส่วนนี้ เกิดพร้อมกัน อาศัยกันและกันเกิดขึ้น และนี่แหละที่คุณ 4111 ต้องทราบว่า คนไปเกิดหรือคนจะไปตายไม่มีแล้ว เพราะมีแต่ขันธ์ ธาตุ ทรงตรัสว่า เหล่านี้คือทุกข์ อุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้คือตัวทุกข์ ฟังดีๆ นะคุณ 4111 ตอนนี้ สัตว์บุคคลไม่มีแล้วนะ มีแต่อุปาทานขันธ์ 5 และยังเป็นตัวทุกข์อีกด้วย
นี่เป็นการอธิบายในมุมกว้างๆ พอให้ได้ภาพรวมว่า ทำไมถึงไม่มีสัตว์บุคคลตายแล้วไปเกิดข้ามภพ ข้ามชาติ
ข้อนั้นก็เพราะสัตว์บุคคลมันไม่มีในทางปรมัตถ์ มีแต่ตัวทุกข์ คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งก็คือขันธ์ 5 นั่นเอง
ส่วนในมุมละเอียดแล้ว ท่านยังแบ่งแยกย่อยขันธ์ 5 นี้ออกเป็นส่วนๆ ยิ่งขึ้นไปอีก
โดยกำหนดให้โลภะเป็นสมุทยสัจ และสังขารขันธ์บางส่วนบางขณะเป็นมรรคสัจ
แต่ไม่ว่าจะแบ่งอย่างไรก็แล้วแต่ในอริยสัจ 4 ก็เป็นเครื่องแสดงบอกว่า "สัตว์บุคคล" ไม่มีแล้วนั่นเอง
สมณพราหมณ์ลัทธิอื่นที่ไม่เข้าใจพระธรรมแบบนี้เข้า ก็ทึกทักเอาว่า พระพุทธเจ้าสอนให้ตายแล้วสูญ พระพุทธเจ้าก็เลยทรงปฏิเสธนะคุณ 4111
ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้ายอมรับว่าพระองค์สอนเรื่องตายแล้วสูญจริง
พระองค์ทรงปฏิเสธว่า พระองค์ทรงสอนเรื่องทุกข์และความดับทุกข์ ส่วนเรื่องคนตายแล้วเกิดพระองค์ไม่สอน นั่นเป็นสัสสตทิฏฐิที่เห็นขันธ์ทั้งหลายเป็นสัตว์บุคคล อัตตาตัวตน เราเขา เป็นส่วนสุดที่1 ส่วนสุดที่2 ก็แบบคุณนั่นเอง คือเห็นว่าคนมีชาตินี้ชาติเดียว ตายแล้วก็จบกันไป แต่ก็ไม่ได้เห็นขันธ์ 5 เป็นขันธ์ 5 แต่กลับเห็นขันธ์ 5 เป็นคนที่สามารถตายแล้วสูญได้
ทางสายกลางก็คือขันธ์ ธาตุ อายตนะ ปฏิจจสมุปบาท ฯลฯ คือทรงสอนแต่เหตุปัจจัย ,ผลของมัน และที่สำคัญ ธรรมเหล่านั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา อย่างคุณ 4111 ชอบอ้างว่าตัวเป็นอนัตตาจนสุดโต่ง กระทั่งกลายเป็นว่า "ไม่มีอะไร" เมื่อคิดเช่นนั้น จึงตายแล้วสูญ จบกันไป สาเหตุก็มาจากการที่ไม่ได้กำหนดรู้ทุกข์ ว่าพระองค์นั้น ทรงแยกสัตว์บุคคลออกเป็นขันธ์ 5 และขันธ์เหล่านี้เกิดดับสืบต่อกันไปเป็นกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท พอไม่กำหนดรู้ทุกข์ สะกดจิตตนเองว่าไร้ตัวตน แต่กลับเห็นตนเป็นคนที่ตายได้ ดับสูญได้ ลืมสมุทยสัจอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ กลายไปเป็นนัตถิกทิฏฐิ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เป็นทิฏฐิที่ร้ายแรงที่สุดยิ่งกว่าทิฏฐิอื่นๆ
ตัวอย่างในหลักคำสอน เช่นคำว่า..."ผู้นั้นกระทำกรรม ผู้นั้นเสวยเวทนา" ถ้าเป็นความเคยชินของเรา เราก็ว่าอย่างนั้นแหละถูกแล้ว
แต่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "นั่นผิด เพราะเวทนาเกิดขึ้นนั้น เพราะผัสสะเป็นปัจจัยต่างหาก หาใช่สัตว์บุคคลเป็นผู้กระทำ"
เห็นมั๊ยครับว่า ทรงไม่เห็นคนเป็นคนแล้ว ทรงจำแนกคนเป็นขันธ์ 5 แล้วทรงตรัสเรียกว่านี่ทุกข์ แล้วจำแนกแยกแยะกระบวนการเกิดของตัวทุกข์เหล่านี้ เช่นเมื่อสุขเวทนาเกิดขึ้น
หลักคำสอนของพระองค์ที่เรียกว่ากลางนั้นก็คือ ไม่ทรงสอนสัตว์บุคคล แต่สอนพิจารณาเหตุปัจจัยและผลแบบแยกแยะ
ภาษาแบบนี้แหละ ที่คุณ 4111 เมื่อศึกษาพระพุทธศาสนาแล้ว กลับกลายเป็นว่า "คนตายแล้วสูญ"
ความจริง "คน" ไม่มีเลยตั้งแต่ต้น มีแต่ "ทุกข์" นั่นเองครับ คุณ4111 คล้ายๆ ว่าจะเข้าใจถูกเพราะกล่าวถึงทุกข์ แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไปเห็นว่ามีคนจริงๆ แต่มีชาตินี้ชาติเดียว นี่แหละ นัตถิกทิฏฐิ ที่มีโทษอย่างร้ายแรงต่อตนเองครับ
เท่านั้นยังไม่พอนะเนี่ย
ยังจะมาทำเสียงดัง ว่าพระพุทธเจ้ายอมรับกับพราหมณ์ลัทธิอื่น ยอมโดนด่าฟรีๆ ว่าพระองค์ท่าน สอนว่า "ตายแล้วสูญ"
นี่แหละที่ชาวพุทธเขาเดือดร้อนนะ พระศาสดาของเราไม่ได้สอนว่าตายแล้วสูญ เพราะไม่มีใครให้สูญ ทรงสอนเรื่องทุกข์และทำอย่างไรให้ทุกข์ดับนะครับ.
เห็นคุณนำกราฟฟิคมาอ้างตั้งแต่ คห.62-66 ผมอ่านของคุณแล้ว มันไม่เข้าท่าเลยครับ
มาดูเรื่องทุกข์ก่อน "ทรงตรัสสอนทุกข์และความดับทุกข์"
ถามคุณว่าอะไรคือทุกข์ ?
เท่าที่อ่านเจอในพระสูตร พบว่า ทรงตรัสว่า "โดยย่อ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์"
นี่แหละ ที่ทรงตรัสว่า ทรงสอนกลางๆ ไม่เข้าไปส่วนสุดทั้งสองอย่าง คือสัสสตทิฏฐิ และอุจเฉททิฏฐิ
คือไม่ทรงตรัสสอนว่าสัตว์บุคคลมีหรือไม่มี แต่ทรงตรัสสอนแบบจำแนกแยกแยะว่า "อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์"
เห็นไม๊ว่า บุคคลไม่มีแล้ว มีแต่ขันธ์ แล้วทรงตรัสสอนเหตุปัจจัยของขันธ์เหล่านั้น ไม่ทรงเข้าไปส่วนสุดว่าคนมีหรือคนไม่มี
แต่ทรงสอนเหตุปัจจัย ถ้ามีเหตุขันธ์ก็มี ถ้าหมดเหตุขันธ์ก็ดับ
แล้วมันกลางอย่างไร ? อย่างไรถึงเรียกว่า "กลาง" ?
กลางที่พระองค์ทรงตรัสก็คือ ทรงแยกสัตว์บุคคล ตัวตน เราเขา ออกเป็น 5 ส่วน แต่ละส่วนมีกิจหน้าที่ของตน ไม่ก้าวก่ายกัน แต่ว่า ทั้ง 5 ส่วนนี้ เกิดพร้อมกัน อาศัยกันและกันเกิดขึ้น และนี่แหละที่คุณ 4111 ต้องทราบว่า คนไปเกิดหรือคนจะไปตายไม่มีแล้ว เพราะมีแต่ขันธ์ ธาตุ ทรงตรัสว่า เหล่านี้คือทุกข์ อุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้คือตัวทุกข์ ฟังดีๆ นะคุณ 4111 ตอนนี้ สัตว์บุคคลไม่มีแล้วนะ มีแต่อุปาทานขันธ์ 5 และยังเป็นตัวทุกข์อีกด้วย
นี่เป็นการอธิบายในมุมกว้างๆ พอให้ได้ภาพรวมว่า ทำไมถึงไม่มีสัตว์บุคคลตายแล้วไปเกิดข้ามภพ ข้ามชาติ
ข้อนั้นก็เพราะสัตว์บุคคลมันไม่มีในทางปรมัตถ์ มีแต่ตัวทุกข์ คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งก็คือขันธ์ 5 นั่นเอง
ส่วนในมุมละเอียดแล้ว ท่านยังแบ่งแยกย่อยขันธ์ 5 นี้ออกเป็นส่วนๆ ยิ่งขึ้นไปอีก
โดยกำหนดให้โลภะเป็นสมุทยสัจ และสังขารขันธ์บางส่วนบางขณะเป็นมรรคสัจ
แต่ไม่ว่าจะแบ่งอย่างไรก็แล้วแต่ในอริยสัจ 4 ก็เป็นเครื่องแสดงบอกว่า "สัตว์บุคคล" ไม่มีแล้วนั่นเอง
สมณพราหมณ์ลัทธิอื่นที่ไม่เข้าใจพระธรรมแบบนี้เข้า ก็ทึกทักเอาว่า พระพุทธเจ้าสอนให้ตายแล้วสูญ พระพุทธเจ้าก็เลยทรงปฏิเสธนะคุณ 4111
ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้ายอมรับว่าพระองค์สอนเรื่องตายแล้วสูญจริง
พระองค์ทรงปฏิเสธว่า พระองค์ทรงสอนเรื่องทุกข์และความดับทุกข์ ส่วนเรื่องคนตายแล้วเกิดพระองค์ไม่สอน นั่นเป็นสัสสตทิฏฐิที่เห็นขันธ์ทั้งหลายเป็นสัตว์บุคคล อัตตาตัวตน เราเขา เป็นส่วนสุดที่1 ส่วนสุดที่2 ก็แบบคุณนั่นเอง คือเห็นว่าคนมีชาตินี้ชาติเดียว ตายแล้วก็จบกันไป แต่ก็ไม่ได้เห็นขันธ์ 5 เป็นขันธ์ 5 แต่กลับเห็นขันธ์ 5 เป็นคนที่สามารถตายแล้วสูญได้
ทางสายกลางก็คือขันธ์ ธาตุ อายตนะ ปฏิจจสมุปบาท ฯลฯ คือทรงสอนแต่เหตุปัจจัย ,ผลของมัน และที่สำคัญ ธรรมเหล่านั้นไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา อย่างคุณ 4111 ชอบอ้างว่าตัวเป็นอนัตตาจนสุดโต่ง กระทั่งกลายเป็นว่า "ไม่มีอะไร" เมื่อคิดเช่นนั้น จึงตายแล้วสูญ จบกันไป สาเหตุก็มาจากการที่ไม่ได้กำหนดรู้ทุกข์ ว่าพระองค์นั้น ทรงแยกสัตว์บุคคลออกเป็นขันธ์ 5 และขันธ์เหล่านี้เกิดดับสืบต่อกันไปเป็นกระแสแห่งปฏิจจสมุปบาท พอไม่กำหนดรู้ทุกข์ สะกดจิตตนเองว่าไร้ตัวตน แต่กลับเห็นตนเป็นคนที่ตายได้ ดับสูญได้ ลืมสมุทยสัจอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ กลายไปเป็นนัตถิกทิฏฐิ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เป็นทิฏฐิที่ร้ายแรงที่สุดยิ่งกว่าทิฏฐิอื่นๆ
ตัวอย่างในหลักคำสอน เช่นคำว่า..."ผู้นั้นกระทำกรรม ผู้นั้นเสวยเวทนา" ถ้าเป็นความเคยชินของเรา เราก็ว่าอย่างนั้นแหละถูกแล้ว
แต่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "นั่นผิด เพราะเวทนาเกิดขึ้นนั้น เพราะผัสสะเป็นปัจจัยต่างหาก หาใช่สัตว์บุคคลเป็นผู้กระทำ"
เห็นมั๊ยครับว่า ทรงไม่เห็นคนเป็นคนแล้ว ทรงจำแนกคนเป็นขันธ์ 5 แล้วทรงตรัสเรียกว่านี่ทุกข์ แล้วจำแนกแยกแยะกระบวนการเกิดของตัวทุกข์เหล่านี้ เช่นเมื่อสุขเวทนาเกิดขึ้น
หลักคำสอนของพระองค์ที่เรียกว่ากลางนั้นก็คือ ไม่ทรงสอนสัตว์บุคคล แต่สอนพิจารณาเหตุปัจจัยและผลแบบแยกแยะ
ภาษาแบบนี้แหละ ที่คุณ 4111 เมื่อศึกษาพระพุทธศาสนาแล้ว กลับกลายเป็นว่า "คนตายแล้วสูญ"
ความจริง "คน" ไม่มีเลยตั้งแต่ต้น มีแต่ "ทุกข์" นั่นเองครับ คุณ4111 คล้ายๆ ว่าจะเข้าใจถูกเพราะกล่าวถึงทุกข์ แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไปเห็นว่ามีคนจริงๆ แต่มีชาตินี้ชาติเดียว นี่แหละ นัตถิกทิฏฐิ ที่มีโทษอย่างร้ายแรงต่อตนเองครับ
เท่านั้นยังไม่พอนะเนี่ย
ยังจะมาทำเสียงดัง ว่าพระพุทธเจ้ายอมรับกับพราหมณ์ลัทธิอื่น ยอมโดนด่าฟรีๆ ว่าพระองค์ท่าน สอนว่า "ตายแล้วสูญ"
นี่แหละที่ชาวพุทธเขาเดือดร้อนนะ พระศาสดาของเราไม่ได้สอนว่าตายแล้วสูญ เพราะไม่มีใครให้สูญ ทรงสอนเรื่องทุกข์และทำอย่างไรให้ทุกข์ดับนะครับ.
แสดงความคิดเห็น
โดนสมาชิก 8284111 สับขาหลอกหรือเปล่าครับ ?
https://ppantip.com/topic/43052874/comment25
เรียนถามเพื่อนสมาชิกหน่อยครับ ว่า...จริงรึ ที่ปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน ?
เรียนเชิญสมาชิก ช่วยกันวิเคราะห์ครับ.