โพสกระทู้ชิมรางไปเป็นดังคาด  พวกแก๊งห้องศาสนาโดยเฉพาะพวกลิ้วล้อ
มาออกลีลายี่ยวนเหมือนในหนังละครน้ำเน่า  จะหาสาระก็มีไม่
บางคนก็ออกมาในรูปของนักบวชถือใบตาล  แล้วก็มาพร่ำบาลี  ฟังแล้วก็ให้นึกถึงพระเอกลิเก
กำลังร้องเจื้อยแจ้วจีบแม่ยก

ส่วนตัวรู้สึกดีเพราะสามารถล่อมารหรือล่อแก๊งอันธพาล  ออกมาเต้นจ้ำบ๊ะรูดเสาอวดชาวบ้าน
อย่ากระนั้นเลย   มาต่ออีกกระทู้....

กระทู้ก่อนว่าไปแล้วด้วยเรื่อง อวิชชา  มาต่อด้วย   คำว่า  "ภพ" ในปฏิจจสมุปบาทกัน
ทำไมถึงต้องเอา"ภพ"   มาพูดก่อน    นั้นก็เพราะจะแสดงให้รู้ว่า  คำอธิบายความในตำราของนักเรียนพระ
มันมั่ว  แล้วมั่วอะไรก็คือ  ในปฏิจจสมุปบาท  ไม่ได้เป็นเหตุปัจจัยแบบอนุโลมหรือปฏิโลม
นั้นก็เพราะปฏิจจสมุปบาท  เป็นหลักธรรมที่เป็นเอกเทศ  องค์ธรรมต่างๆที่กล่าวในปฏิจจ์  
ล้วนเป็นลักษณะของปฏิจจ์ที่ทำหน้าที่ในแต่ละขณะ  แล้วแต่ปัจเจกบุคคล (เฉพาะตน)

แล้วปฏิจจ์จะทำหน้าที่เป็นภพเมื่อไร  ก็เมื่อมีการปฏิสนธิในครรภ์มารดา 
นั้นหมายความว่า  ภพ(ปฏิจจ์)  เป็นเหตุบ่งการให้เกิดเป็นตัวอ่อนในครรภ์นั้นเอง

อนึ่งเน้นย้ำว่า  องค์ธรรมที่มีกล่าวไว้ในปฏิจจสมุปบาท  ไม่ได้เป็นเกิดเรียงกันแบบอนุโลมหรือปฏิโลม
ทั้งหมดล้วนเป็นปฏิจจสมุปบาท   เพียงแต่จะกล่าวถึงองค์ธรรมองค์ไหน   เราต้องยึดเอาตัวปัจเจกบุคคลเป็นหลัก
เราเรียกว่า   ปัจจุบันธรรม  
แต่ถ้าจะกล่าวตั้งแต่เริ่มต้นของการมีชีวิต   เราต้องเริ่มตั้งแต่ปฏิจจสมุปบาททำหน้าที่ ที่เรียกว่า "ภพ"
เพราะ"ภพ"  ทำให้เกิดตัวอ่อนในครรภ์มารดา หรือก็คือสเปอร์มของบิดาได้ผสมกับไข่ในรังไข่ของมารดา

ถ้าผสมแล้วไม่เกิดตัวอ่อนนั้นแสดงว่า  "ภพ"ไม่ได้ทำหน้าที่