ปลูกรักปักใจ...บทที่14 [1]

ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้หัวใจดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้


ปลูกรักปักใจ...บทที่ 14 : สายลม แสงแดด หาดทราย เกลียวคลื่น


          ตั้งแต่วันที่ชนม์นิภาตอบตกลงจะไปเที่ยวทะเลกับกรวีร์และลูกสาว อาจารย์หนุ่มก็ไม่เป็นอันทำอะไร เอาแต่นับวันรอให้ถึงวันปิดเทอมของลูกสาวไวๆ ระหว่างนี้เขาก็แวะเวียนไปหาหญิงสาวที่สวนหย่อมของมหาวิทยาลัยทุกวัน เพื่อปรึกษาหารือเรื่องโปรแกรมท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเขาก็ติดต่อเรื่องที่พักไว้พร้อมสรรพ ซึ่งก็คือรีสอร์ตของเพื่อนเขานั่นเอง

          และแล้ววันที่กรวีร์และลูกสาวรอคอยก็มาถึง วันนี้สองพ่อลูกแต่งตัวมาในธีมเดียวกัน โดยสวมเสื้อยืดลายขวางสีฟ้าขาวและกางเกงขาสั้น ส่วนหญิงสาวอีกคนที่เพิ่งมาถึง เธอมาในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีซีดและรองเท้าผ้าใบคู่เก่งตามสไตล์เธอ

          คนที่ยังไม่เคยไปทะเลดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการไปเที่ยวพักผ่อนครั้งนี้ ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาหนูน้อยคุยจ้อไม่หยุดถึงสารพัดกิจกรรมที่จะทำเมื่อไปถึงทะเล จนเมื่อเครื่องบินเริ่มทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและไต่ระดับเพดานบินขึ้นเรื่อยๆ หนูน้อยที่เพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินครั้งแรกจึงหยุดเจื้อยแจ้ว จากนั้นก็เอาแต่หลับตาปี๋ด้วยความหวาดเสียว จนเมื่อสัญญาณแจ้งเตือนปลดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้นพร้อมๆ กับความรู้สึกหวาดเสียวที่ค่อยๆ หายไป เด็กหญิงกิ่งกาญจน์จึงกลับมาพูดเป็นต่อยหอยเหมือนเดิม

          เด็กหญิงตัวอวบดูตื่นเต้นกว่าเดิมเมื่อทอดมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กแล้วเห็นหมู่เมฆสีขาวที่จับกลุ่มกันเป็นรูปร่างต่างๆ จากเดิมที่นั่งอยู่ตำแหน่งตรงกลางหนูน้อยจึงขอเปลี่ยนที่นั่งกับแม่ตองที่นั่งริมหน้าต่าง เพื่อจะได้ดูก้อนเมฆและวิวจากมุมสูงแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

          ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงทั้งสามก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่

          “วีร์ ทางนี้” ชายผิวขาวร่างท้วมในชุดเสื้อยืดคอโปโลสีขาวกางเกงขาสั้นสามส่วนร้องทักขึ้น พร้อมโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณให้คนที่เดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้าได้เห็น

          “อ้าวภพ มารับด้วยตัวเองเลยเหรอ” กรวีร์วางมือจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เดินเข้าไปตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ

          ภิรภพ หรือ ภพ เป็นเพื่อนที่รู้จักและสนิทกันตอนเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ หลังเรียนจบภิรภพก็ลงมาปักหลักดูแลกิจการรีสอร์ตของครอบครัวที่กระบี่ นอกจากกระบี่แล้วครอบครัวของภิรภพยังมีกิจการที่ภาคเหนืออีกด้วย ทุกครั้งที่ภิรภพขึ้นไปดูกิจการที่นั่น เขาก็จะแวะไปเยี่ยมเยียนกรวีร์และลูกสาวเสมอ

          “นานๆ เพื่อนมาเที่ยวที ในฐานะเจ้าบ้านที่ดีก็ต้องมาต้อนรับด้วยตัวเองสิ” ภิรภพตอบ ก่อนก้มกระซิบชิดใบหูให้ได้ยินกันสองคน “ไม่เห็นบอกกันมั่งเลย” ว่าพลางปรายตาไปยังหญิงสาวมาดเซอร์ที่กำลังจูงแขนหนูน้อยตัวอวบเดินตามหลังอาจารย์หนุ่มมาติดๆ

          แค่เห็นสายตากรุ้มกริ่มของเพื่อน อาจารย์หนุ่มก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอะไร

          “ใช่ซะที่ไหนเล่า”

          “ถ้าไม่ใช่ งั้นฉันขอจีบนะ” ภิรภพพูดหยั่งเชิง เพื่อจะจับสังเกตท่าทีของเพื่อนสนิท คนที่เคยตั้งธงไว้หลังเลิกรากับอดีตภรรยาว่า จะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว และจะไม่เอาชีวิตไปผูกติดกับผู้หญิงคนไหนอีก ชีวิตนี้มีแค่ลูกสาวก็เพียงพอแล้ว แต่นี่อะไร ผ่านไปไม่กี่ปีก็ควงสาวน้อยมาเปิดตัวซะละ

          “ไม่ได้” อาจารย์หนุ่มตอบกลับแทบจะทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบประโยค เสียงที่เอ่ยออกมานั้นเข้มขึ้นจนคนฟังสัมผัสได้ ภิรภพหัวเราะรอย่างขบขันกับอาการหวงไข่ของกรวีร์

          จะได้กลืนน้ำลายตัวเองก็คราวนี้แหละเพื่อนเอ๋ย เจ้าของรีสอร์ตคิดในใจ ยังไม่ทันจะได้แซ็วอะไรต่อ เสียงเล็กๆ ของหลานสาวที่ไม่ได้เจอกันนานก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อน

          “สวัสดีค่ะอาภพ” เด็กหญิงกิ่งกาญจน์ยกมือไหว้พร้อมย่อเข่าอย่างน่ารัก จากนั้นก็โผเข้าหาคุณอาร่างท้วมอย่างสนิทสนม

           “ไม่ได้เจอกันนานหลานอาโตขึ้นเยอะเลยนะคะ” เจ้าของรีสอร์ตอดทักไม่ได้ เมื่อเห็นว่าหนูน้อยนั้นดูอุดมสมบูรณ์กว่าตอนที่เจอกันครั้งล่าสุดพอสมควร

          “คุณพ่อกับแม่ตองเลี้ยงดีค่า” หนูน้อยบอกเสียงใส ซึ่งคำว่า ‘แม่ตอง’ นั้นสะดุดหูคนฟังเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยไว้ก่อน มีโอกาสเมื่อไหร่ค่อยสืบสาวราวเรื่อง

           “คุณตองครับ นี่ภิรภพเพื่อนผม เจ้าของรีสอร์ตที่เราจะไปพักครับ และนี่คุณตอง” กรวีร์แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน โดยละสถานะระหว่างเขากับหญิงสาวไว้ก่อน เพราะไม่รู้จะบอกกล่าวกับคนอื่นๆ ว่าอย่างไรดี ด้วยอายุที่ห่างกันเป็นรอบ จะแนะนำว่าเป็นเพื่อนมันก็ดูยังไงอยู่

          “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณตอง” ภิรภพฉีกยิ้มจนตาที่เล็กอยู่แล้วนั้นแทบปิดสนิท

          “เช่นกันค่ะ”

          “เราจะไปทะเลกันหรือยังคะ” หนูน้อยที่อดรนทนไม่ไหวที่จะสัมผัสทะเลเอ่ยแทรกขึ้น

          “ไปกันเลยค่ะ” ภิรภพให้คำตอบ ก่อนเดินนำแขกทั้งสามไปยังทิศทางของลานจอดรถ

          เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจ หนูน้อยก็กระโดดโหยงเหยงด้วยความดีใจ สองแขนป้อมฉุดแขนคุณพ่อและแม่ตองให้ออกเดินตามคุณอาอย่างไว
  

          ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสี่ก็มาถึงบ้านพักตากอากาศของภิรภพ ทีแรกกรวีร์ตั้งใจจะเข้าพักในรีสอร์ต แต่ปรากฏว่าถูกนักท่องเที่ยวจองเต็มหมดแล้ว เจ้าของรีสอร์ตเลยเสนอให้มาพักที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวเขาแทน ตอนแรกอาจารย์หนุ่มปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่ภิรภพก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาโน้มน้าวเขา และเมื่อปรึกษากับชนม์นิภาแล้ว หญิงสาวไม่ขัดข้อง เขาจึงยอมตกลงตามคำชวนของเจ้าบ้าน

          เจ้าของบ้านเดินนำแขกทั้งสามเข้าไปในบ้านพักสองชั้นสไตล์ไทยร่วมสมัย ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา ห่างออกมาจากส่วนของรีสอร์ตเล็กน้อยเพื่อความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ข้างในบ้านตกแต่งแบบเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ เน้นกลิ่นอายแบบไทยๆ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

          ภิรภพช่วยแขกขนสัมภาระขึ้นไปบนห้องนอนซึ่งมีทั้งหมดสามห้องด้วยกัน จากนั้นก็พาเดินสำรวจภายในบ้าน ทันทีที่เจ้าของบ้านเลื่อนเปิดประตูตรงระเบียงห้องนอน หนูน้อยที่เพิ่งเคยมาทะเลเป็นครั้งแรกก็ตาโตกับภาพความสวยงามที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ไม่รอช้าเด็กหญิงตัวกลมรีบวิ่งออกไปยืนเกาะขอบระเบียง กวาดตามองดูวิวโดยรอบที่มีทั้งท้องทะเลสีคราม ภูเขาเขียวขจีและหาดทรายสีขาวสะอาด

          “โอ้โฮ ทะเลกว้างและสวยมากเลยค่ะคุณพ่อ แม่ตอง อาถพ สวยกว่าในทีวีที่น้องกิ่งเคยเห็นอีกค่ะ” เด็กหญิงตะโกนบอกอย่างตื่นเต้นพลางกวักมือเรียกให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนออกมาดูภาพความสวยงามตรงหน้าด้วยกัน

          “หนูชอบไหมคะ” กรวีร์ที่เดินตามออกมายืนขนาบข้างขวาของลูกสาวถามขึ้น รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมสัน เห็นลูกสาวมีความสุขและดูสนุกกับการมาเที่ยวครั้งนี้ คนเป็นพ่ออย่างเขาก็พลอยสุขใจไปด้วย

          “ชอบมากเลยค่ะ” หนูน้อยตอบขณะที่สายตายังคงทอดมองไปยังท้องทะเลอันเวิ้งว้างเบื้องหน้า “คุณพ่อถ่ายรูปให้น้องกิ่งหน่อยสิคะ น้องกิ่งจะเอาไปอวดคุณปู่กับอาพงศ์” พูดจบหนูน้อยก็โพสท่ารอให้คุณพ่อถ่ายรูปให้ ถ่ายรูปเดี่ยวเสร็จก็เข้าไปฉุดแขนคุณแม่กำมะลอที่เดินออกมาพอดีให้มาร่วมเฟรมด้วย “แม่ตองมาถ่ายรูปด้วยกันค่ะ”

          หลังถ่ายรูปคู่กับแม่ตองจนพอใจ หนูน้อยก็สลับไปถ่ายคู่กับคุณพ่อและคุณอาจนครบทุกคน จากนั้นก็ให้เจ้าของบ้านเป็นตากล้องถ่ายภาพครอบครัวที่มีตัวหนูน้อยยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคุณพ่อและแม่ตองเป็นการปิดท้าย
    

          “คุณพ่อขา น้องกิ่งขอไปนอนกับแม่ตองได้ไหมคะ” หนูน้อยถามขึ้นขณะเดินตามคุณพ่อไปยังบันได เพื่อจะลงไปหาเจ้าของบ้านที่รออยู่ด้านล่าง

          “ไม่ดีมั้งคะ จะเป็นการรบกวนแม่ตองเปล่าๆ” กรวีร์ไม่อนุญาต เพราะเกรงใจหญิงสาว

          “ไม่รบกวนหรอกค่ะคุณวีร์”

          กรวีร์หันไปมองยังที่มาของเสียง ก็เจอชนม์นิภาที่เดินออกมาจากห้องของเธอพอดี และคงมาทันได้ยินเขาและลูกสาวคุยกันพอดี

          “เย่ๆ แม่ตองอนุญาตแล้ว” หนูน้อยวิ่งเข้าไปเกาะแขนแม่ตองแน่น

          “อย่าเลยครับคุณตอง ยายลูกหมูนอนดิ้นจะตาย ขืนให้ไปนอนกับคุณตอง มีหวังคุณตองได้สะดุ้งตื่นทั้งคืนแน่ครับ”

          “น้องกิ่งเปล่าสักหน่อย” หนูน้อยปฏิเสธไม่เต็มเสียงนัก พลางทำแก้มป่องอย่างแสนงอน

          “แค่นี้เอง ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉันเลยค่ะ”  

          “งั้นก็แล้วแต่คุณตองเลยละกันครับ” กรวีร์ยอมในที่สุด  

          เมื่อตกลงกันได้ผู้ใหญ่ทั้งสองก็จูงแขนหนูน้อยกันคนละข้าง และเดินลงบันไดไปยังห้องรับแขก ที่มีเจ้าของบ้านร่างท้วมนั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่