ปลูกรักปักใจ...บทที่ 13 [2]



ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้หัวใจดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้


ปลูกรักปักใจ...บทที่ 13 : ค่อยเป็นค่อยไป


          รถเก๋งสีเทาหม่นวิ่งเข้ามาจอดยังลานจอดรถของร้านปลูกรัก ทันทีที่รถจอดสนิท ประตูฝั่งข้างคนขับก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยร่างกลมป้อมที่กระโดดเหยงลงมาจากรถ โดยไม่รอให้คุณพ่อมาเปิดประตูให้และอุ้มลงจากรถเหมือนอย่างทุกครั้ง

          ผู้เป็นพ่ออ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้เปล่งคำใดออกมา ประตูรถก็ถูกปิดดังปัง พร้อมกับร่างป้อมของลูกสาวที่วิ่งปรู๊ดไปยังออฟฟิศของร้านอย่างไม่รีรอ ด้วยรู้ดีว่าคุณพ่อต้องดุเป็นแน่ กรวีร์จึงทำได้เพียงส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับการกระทำแสนทโมนของบุตรสาว

          

          “ก๊อกๆๆ มีใครอยู่ไหมเอ่ย” เด็กหญิงกิ่งกาญจน์เยี่ยมหน้าผ่านประตูบานเลื่อนที่เปิดทิ้งไว้ พลางทำท่าสอดส่องสายตาไปทั่วออฟฟิศ

          “อ้าวน้องกิ่ง ไม่เห็นบอกแม่ตองเลยว่าจะมา” ชนม์นิภาละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หันไปมองหน้าลูกสาวกำมะลอที่มาหาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า

          “สวัสดีค่ะแม่ตอง” หนูน้อยเดินเข้ามาทำความเคารพด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนกระโจนเข้าใส่คุณแม่กำมะลอที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้พอดีจนแทบเซ

          “บอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” หนูน้อยบอกเสียงใสพร้อมหัวเราะคิกๆ

          “แม่ตองไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับเลยน่ะสิคะ” พูดจบก็เดินจูงแขนเด็กหญิงตัวอวบไปที่โซฟารับแขกที่อยู่อีกด้านหนึ่งของออฟฟิศ

          “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมกับน้องกิ่งเตรียมมาแล้วเรียบร้อย” กรวีร์ที่เพิ่งเดินมาถึงกล่าวขึ้นพร้อมชูปิ่นโตในมือทั้งสองข้างให้หญิงสาวดู ก่อนสาวเท้ายาวๆ ไปนั่งลงยังโซฟาอีกตัวและวางปิ่นโตทั้งสองเถาลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า

          “ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะคุณวีร์ แถวนี้มีร้านขายอาหารเยอะแยะค่ะ” ชนม์นิภาบอกอย่างเกรงใจ มีอย่างที่ไหนแขกห่อข้าวห่อน้ำมากินเอง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น

          “ไม่ลำบากเลยครับ วันนี้ยายหมูน้อยเข้าครัวช่วยผม เลยอยากเอามาให้คุณตองชิม นี่ก็รบเร้าผมใหญ่เลยให้พามาหาคุณตอง”

          “ของโปรดแม่ตอง...อุ๊ย” เด็กหญิงกิ่งกาญจน์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน เมื่อเกือบจะเผลอหลุดพูดความลับของคุณพ่อออกไป ด้านผู้เป็นพ่อถึงกับเสียวสันหลังวาบ กลัวว่าลูกสาวจะเผลอคายความลับออกมา ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาเป็นเชิงปรามให้ระวังคำพูด

          “หือ ว่าไงนะคะ” เจ้าของร้านสาวหันหน้ามาถามหนูน้อยที่นั่งคลอเคลียอยู่ด้านข้าง เพราะเป็นจังหวะที่รถบนท้องถนนบีบแตรพอดี จึงได้ยินไม่ชัด

          เด็กหญิงกิ่งกาญจน์เกิดอาการอึกอักขึ้นมาในทันที ด้วยคิดหาคำพูดไม่ทัน

          “น้องกิ่งบอกว่าคิดถึงคุณตองน่ะครับ ใช่ไหมลูก” กรวีร์รีบชี้โพรงให้ลูกสาว

          “ความเกือบแตกแล้วไหมล่ะ ตกลงคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่เนี่ยที่จะให้ยายลูกหมูช่วย” อาจารย์หนุ่มคิดในใจ ก่อนลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน

          “ใช่ค่ะ น้องกิ่งบอกว่าคิดถึงแม่ตองที่สุดในโลกเลยค่ะ รู้ไหมคะสองอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอแม่ตอง น้องกิ่งคิดถึ๊งคิดถึงแม่ตองค่ะ” หนูน้อยบอกอย่างออดอ้อน สองแขนป้อมยกขึ้นโอบเอวบางของแม่ตองแน่นเพื่อยืนยันว่าคิดถึงมากแค่ไหน

          “แม่ตองก็คิดถึงน้องกิ่งเหมือนกันค่ะ” ชนม์นิภาวาดแขนเรียวโอบกระชับร่างป้อมแน่นพลางโยกไปมาเบาๆ ด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน “นี่แม่ตองก็กะว่าวันนี้จะเคลียร์งานให้เสร็จ พรุ่งนี้จะได้ไปหาน้องกิ่งที่โรงเรียน”

          “แล้วงานแม่ตองเสร็จหรือยังคะ น้องกิ่งมากวนแม่ตองรึเปล่าคะ” หนูน้อยผละออกจากอ้อมกอดแสนอบอุ่นของคนที่เรียกว่าแม่ เงยหน้ามองแม่ตองตาแป๋ว

          “ไม่กวนเลยค่ะ ดีซะอีกแม่ตองจะได้ไม่เหงา แถมยังได้คนมาช่วยขายต้นไม้อีกต่างหาก ขอยืมตัวลูกหมูช่วยขายต้นไม้วันหนึ่งนะคะคุณวีร์” ประโยคหลังเจ้าของร้านสาวหันไปพูดกับผู้ปกครองของเด็กหญิงพร้อมส่งยิ้มละไมไปให้

          ชนม์นิภาไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเธอนั้นมีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจคนมองแค่ไหน อาจารย์หนุ่มใจเต้นผิดจังหวะทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจของหญิงสาว

          “เชิญคุณตองใช้แรงงานได้เต็มที่เลยครับ ใช้หนักแค่ไหนผมก็ไม่ว่าครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอนุญาต ขณะเดียวกันก็พยายามควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้กลับมาปกติดังเดิม  

          “น้องกิ่งอยู่ช่วยแม่ตองจนปิดร้านเลยได้ไหมคะ”

          “ได้สิคะ ถ้าน้องกิ่งไม่เบื่อซะก่อน”

          “ถ้าได้อยู่กับแม่ตองน้องกิ่งไม่เบื่อแน่นอนค่ะ”

          “แล้วแม่ตองจะคอยดู ว่าจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ากินข้าวอิ่มแล้วนอนหลับปุ๋ยเหมือนวันนั้นนะคะ”

          ชนม์นิภายกเรื่องวันที่เธอไปช่วยสองพ่อลูกจัดสวนขึ้นมาแซ็ว เด็กหญิงตัวอวบหัวเราะคิดคักอย่างชอบใจ ด้านคนพูดแซ็วก็ลืมนึกไปว่าตัวเองก็หลับไปเหมือนกัน คิดถึงตรงนี้ใบหน้านวลของหญิงสาวก็ร้อนวูบขึ้นมาเสียดื้อๆ มีอย่างที่ไหนไปบ้านคนอื่น แต่ดันไปฟุบหลับคาโซฟาซะงั้น เจ้าของบ้านก็เหลือเกิน ไม่ปลุกเธอสักนิด แค่นั้นยังไม่พอยังมีน้ำใจอุ้มเธอขึ้นไปนอนโซฟาอย่างสบายอีกต่างหาก กว่าเธอจะตื่นก็ปาไปเกือบเย็น วันนั้นเธอรู้สึกอายไม่น้อย เลยต้องรีบขอตัวกลับอย่างไว

          “วันนี้น้องกิ่งจะไม่หลับค่ะ” หนูน้อยบอกอย่างมั่นใจ    

          “วันนี้คุณตรีและเด็กๆ ไม่เข้ามาที่ร้านเหรอครับ” กรวีร์ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอยู่เฝ้าร้านคนเดียว

          “วันนี้พี่ตรีพาพี่รุ้งและเด็กๆ ไปเที่ยวน่ะค่ะ”

          “อ๋อ ครับ”

          “คุณพ่อขาน้องกิ่งอยากไปเที่ยวบ้าง คุณพ่อพาน้องกิ่งไปเที่ยวหน่อยได้ไหมคะ” เด็กหญิงตัวอวบย้ายตำแหน่งไปนั่งคลอเคลียข้างคุณพ่อบ้าง พร้อมพูดอ้อนเสียงหวาน

          “ไปสิคะ ว่าแต่น้องกิ่งอยากไปเที่ยวที่ไหนคะ”

          “น้องกิ่งอยากไปเที่ยวทะเลค่ะ ปิดเทอมคุณพ่อพาน้องกิ่งไปเที่ยวทะเลนะคะ”

          “ไปไกลจังลูก”

          “ก็น้องกิ่งยังไม่เคยไปทะเลนี่คะ วันก่อนน้องกิ่งเห็นในรายการทีวีเขาไปเที่ยวทะเลกัน ทะเลส๊วยสวย คุณพ่อพาน้องกิ่งไปเที่ยวทะเลนะคะ นะคะพ่อวีร์สุดหล่อ” ผู้เป็นลูกพูดเสียงออดเสียงอ้อนอ้อน เงยหน้ามองคุณพ่อพร้อมทำตาปริบๆ อย่างน่าเอ็นดู

          “ก็ได้ค่ะ ไว้ปิดเทอมแล้วพ่อจะพาไปนะคะ” ผู้เป็นพ่อยอมในที่สุดเมื่อเห็นสายตาวิงวอนของลูกสาว

          “ไชโย น้องกิ่งจะได้ไปทะเลแล้ว” เด็กช่างอ้อนลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ ก่อนหันไปชวนเจ้าของร้านสาวที่นั่งฟังบทสนทนาของสองพ่อลูกอยู่เงียบๆ “แม่ตองไปเที่ยวด้วยกันนะคะ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่