ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15 [1]

ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ปลูกรักปักใจ...บทที่ 15 : อดีต


         “โอ๊ย”
          เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเด็กหญิงกิ่งกาญจน์เรียกให้สองหนุ่มสาวหลุดจากภวังค์และรีบผละออกจากกันแทบจะทันที กรวีร์ไม่รอช้า รีบวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังถูกพยุงให้ลุกขึ้นโดยหญิงสาวคนหนึ่ง

          “เป็นอะไรคะลูกพ่อ” คนเป็นพ่อถามอย่างร้อนรน

          “ไม่เป็นอะไรค่ะ น้องกิ่งแค่วิ่งมาชนคุณน้าคนนี้ค่ะ” หนูน้อยบอกเสียวอ่อย กลัวโดนคุณพ่อดุเรื่องวิ่งซนไม่ดูทาง “น้องกิ่งขอโทษนะคะที่วิ่งมาชนคุณน้า” หนูน้อยยกมือไหว้ขอโทษตามที่คุณพ่อเคยสอน

          “ผมต้องขอโทษ...” กรวีร์ชะงักคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อได้เห็นใบหน้าเรียวสวยภายใต้แว่นกันแดดสีชาอย่างชัดๆ

          “ภัค” เสียงที่หลุดออกมานั้นแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ ไม่คิดไม่ฝันว่าในชีวิตนี้จะได้เจอเธออีกครั้ง



           “วีร์” ฝ่ายหญิงสาวเองก็มีอาการไม่ต่างกันเมื่อได้เห็นหน้าอดีตสามี ภคพรก้มลงมองหน้าเด็กหญิงโดยอัตโนมัติ และสมองเธอประมวลผลอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้ก็คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากลูกสาวที่เธอทิ้งมาเมื่อเกือบเจ็ดปีที่แล้ว คนเป็นแม่ยืนมองเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา จนผู้เป็นพ่อรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

          “เราไปหาแม่ตองกันดีกว่านะคะ” กรวีร์พูดขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนย่อตัวลงและอุ้มลูกสาวตัวอวบไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน หวังจะพาออกไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันได้ย่างเท้า เสียงของอดีตภรรยาก็หยุดเขาไว้เสียก่อน

          “ใจคอคุณจะไม่ทักทายกันสักหน่อยหรือคะ หรือว่า...” ภคพรเว้นจังหวะพร้อมปรายตามองหญิงสาวอีกคนที่กำลังเดินเข้ามา ซึ่งเธอคาดว่าน่าจะเป็น ‘แม่ตอง’ ที่อดีตสามีพูดถึงเมื่อสักครู่ ก่อนจะต่อให้จบประโยค “คุณกลัวเมียเด็กของคุณจะเข้าใจผิด” ปากบางเหยียดยิ้มหยัน หันไปมองชนม์นิภาอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า

          กรวีร์หันมามองอดีตภรรยาตาขวาง ไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายเลยสักนิด ตั้งแต่วันที่เธอทิ้งเขาและลูกสาวไปอย่างไม่ใยดี เธอก็ไม่เคยติดต่อหรือส่งข่าวคราวมาบ้างเลย ไม่มีแม้กระทั่งสอบถามสารทุกข์สุขดิบของลูกสาว

          ในตอนนั้นเขาพยายามติดต่อ พยายามพูดคุยกับเธอ แต่เธอก็ตัดทุกช่องทางการติดต่อ แต่แล้ววันนี้ วันที่เขาไม่มีอะไรจะพูดกับเธอแล้ว แต่ทำไมเธอถึงอยากจะเสวนากับเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          “น้องกิ่งไปนั่งรอพอที่ตรงโน้นกับแม่ตองนะคะ” กรวีร์วางลูกสาวลงและชี้มือไปยังเก้าอี้ชายหาดที่มีสัมภาระของพวกเขาวางอยู่

          “ค่ะคุณพ่อ” หนูน้อยรับคำอย่างว่าง่าย แล้วก็วิ่งเข้าไปเกาะแขนแม่ตองแน่น และลากไปยังจุดที่คุณพ่อบอกอย่างไม่รีรอ

          ชนม์นิภาชะเง้อมองกรวีร์และหญิงสาวในชุดแม็กซี่เดรสเกาะอกลายท้องฟ้าสีสดใสอย่างอยากรู้อยากเห็น ไม่รู้ทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน อาจารย์หนุ่มที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่ทเป็นนิจถึงได้มีสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น คิดแล้วหญิงสาวก็อดเป็นห่งเขาไม่ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งรอและหันไปมองเขาเป็นระยะๆ

          “ไม่ได้เจอกันนาน หวังว่าคุณคงสบายดีนะคะ” ภคพรเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

          “ผมสบายดี” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ

          ภคพรชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจถามต่อ “แล้วน้องกิ่งล่ะ”

          กรวีร์เขม้นมองอดีตภรรยาอย่างไม่วางใจ เพราะนี่นับเป็นครั้งแรกที่เธอถามถึงลูกสาว

          “สบายดีเหมือนกัน”

          “คุณจะไม่ถามฉันสักหน่อยเหรอคะว่าฉันเป็นอยู่ยังไง สบายดีหรือเปล่า” ภคพรถาม เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ถามคำตอบคำ

          “ไม่ถามผมก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ว่าชีวิตที่ไม่มีผมกับลูก มันทำให้คุณมีความสุขมากแค่ไหน” กรวีร์พูดอย่างขมขื่น นัยน์ตาคมฉายชัดถึงความเจ็บปวดที่เคยเผชิญ แม้เรื่องราวจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่เขายังจำคำพูดของหญิงสาวได้แม่นยำ คำพูดที่เขาไม่คิดว่าจะหลุดออกจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่คน คำพูดที่ทำให้เขาเจ็บทุกครั้งที่นึกถึง ที่เจ็บไม่ใช่เพราะเขารักหรืออาลัยอาวรณ์เธอ แต่เจ็บเพราะสงสารลูก กี่ปีมาแล้วที่เขาต้องทนเห็นแก้วตาดวงใจของตัวเองเฝ้ารอแม่ใจร้าย แม่ที่ทิ้งลูกไปตั้งแต่แบเบาะ แม้เขาจะพยายามอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าแม่ไม่มีวันกลับมา แต่หนูน้อยก็ยังเฝ้ารอและหวังว่าสักวันแม่จะกลับมาอยู่ด้วย

           “นั่นสินะ” หญิงสาวหัวเราะร่วนอย่างมีจริต ต่างจากอีกคนที่สีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “แล้วคุณไม่คิดจะแนะนำแม่ลูกให้รู้จักกันสักหน่อยเหรอคะคุณวีร์”

          “ไม่จำเป็น” กรวีร์ตอบกลับเสียงเข้ม “คุณเป็นคนพูดเองนี่ว่าน้องกิ่งไม่ใช่ลูกคุณ คุณไม่ได้ต้องการให้แกเกิดมา คุณลืมไปแล้วเหรอภัคว่าคุณได้สละสิทธิ์การเป็นแม่ของน้องกิ่งไปแล้ว” ชายหนุ่มพูดช้าๆ ชัดๆ เพื่อเตือนความจำอดีตภรรยาและเตือนตัวเองด้วย เตือนว่าเธอนั้นใจร้ายใจดำแค่ไหน ก่อนจะร่ายยาวตามมาอีกเป็นระลอก

          “ตอนนี้น้องกิ่งยังเด็ก ยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลของผู้ใหญ่ คุณอย่ามาสร้างความผูกพันจอมปลอมกับลูกเลย วันนี้ลูกอาจจะดีใจที่ได้เจอคุณ ได้รู้ว่าแม่แท้ๆ ของแกเป็นใคร แล้วหลังจากวันนี้ไปล่ะ ลูกจะรู้สึกยังไงและจะเศร้าแค่ไหนที่คุณหายไป ถึงคุณไม่เห็นแก่ผม คุณก็ควรนึกถึงจิตใจของลูกบ้าง แต่วันใดวันหนึ่ง วันที่ลูกโตพอจะเข้าใจอะไรๆ ได้มากกว่านี้ วันนั้นถ้าลูกยังอยากที่จะเจอ ยังอยากรู้จักคุณ ผมก็จะเคารพในการตัดสินใจของลูก ผมจะไม่กีดกันคุณกับลูกเลยสักนิด แต่วันนี้ผมขอเถอะนะ” กรวีร์พูดเสียงอ่อนลง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างเว้าวอน

          “โทษที ฉันลืมไป” ภคพรบอกเสียงแผ่ว ดวงตาเรียวหม่นแสงลง ความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านในจิตใจ แต่ก็ต้องพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ ขณะเดียวกันก็ปรายตามองไปยังลูกสาวตัวอวบที่กำลังก่อกองทรายเล่นที่ข้างเก้าอี้ชายหาด โดยมีหญิงสาวร่างเล็กคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

          ชั่วแวบหนึ่งภคพรคิดว่าถ้าคนที่นั่งตรงนั้นเป็นเธอล่ะ แต่แล้วก็ต้องรีบสลัดภาพนั้นออกไปจากในหัว เมื่อคิดได้ว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้ และกรวีร์คงไม่มีวันยอม  

          “ดูท่าเมียใหม่ของคุณจะเข้ากับลูกสาวคุณได้ดีนะคะ” หญิงสาวละสายตาจากภาพสองแม่ลูกกำมะลอ พยายามทำตัวให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้คู่สนทนาจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ  

          “คุณตองเธอเป็นคนจิตใจดี รักและเอ็นดูเด็ก ถึงเธอจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของน้องกิ่ง แต่เธอก็รักน้องกิ่งไม่ต่างจากลูกในไส้ ผิดกับบางคน” กรวีร์อดเปรียบเทียบหญิงสาวทั้งสองไม่ได้

          “ในสายตาคุณ คงไม่มีใครร้ายเท่าฉันอีกแล้วสินะคะ” ผู้เป็นอดีตภรรยาพูดอย่างหยันๆ รู้ตัวเองดีว่าเธอเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง เป็นแม่ที่เห็นแก่ตัว

          “คุณมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม ผมจะได้ขอตัว” กรวีร์ตัดบท  

          “ทำไมคะ กลัวเมียใหม่ว่าเอาเหรอคะที่มาคุยกับเมียเก่าแบบนี้” ว่าพลางหัวเราะหึในลำคอ  

          “คุณตองยังไม่ใช่เมียผม”

          “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ยังมีโอกาสกลับไปหาคุณกับลูกได้น่ะสิ” หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริง ทั้งยังเล่นหูเล่นตาใส่ประหนึ่งว่าพิศวาสอีกฝ่ายเสียเต็มประดา

          กรวีร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างพยายามค้นหาคำตอบ ก่อนพูดไปตามที่ใจคิด “ไม่มีคุณผมกับลูกก็มีความสุขดีอยู่แล้ว อย่ามาทำให้ลูกผมสับสนจะดีกว่า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า”

          “ไม่ต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้นก็ได้ค่ะวีร์ ฉันแค่พูดเล่น แต่ก่อนฉันเคยรู้สึกกับคุณยังไง ตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” ภคพรพูดกลั้วหัวเราะในประโยคแรก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจริงจังในประโยคต่อๆ มา “คุณรีบกลับไปหาเด็กของคุณเถอะค่ะ ก่อนที่คอเธอจะยาวเป็นยีราฟไปเสียก่อน” ภคพรว่า เมื่อมองไปแล้วเป็นจังหวะที่ชนม์นิภาชะเง้อมองมาพอดี

          กรวีร์หันไปมองตามสายตาของภคพรก็พบว่าเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ เห็นอย่างนั้นใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขาก็คลายลง รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้าคมสัน เมื่อกล่าวร่ำลากับอดีตภรรยาเสร็จ ชายหนุ่มก็ตรงดิ่งเข้าไปหาชนม์นิภาทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่