ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ PURINWASA, คุณซูซี่ Susisiri, น้องดาว Lady Star 919, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณออม ออมอำพัน, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณนะ เป่าชาง, น้องมัด ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/36179183
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/36187082
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/36193770
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/36202931
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/36210169
บทที่ 12
https://ppantip.com/topic/36218800
บทที่ 13
https://ppantip.com/topic/36223202
บทที่ 14
https://ppantip.com/topic/36230571
บทที่ 15
วาดตะวันละสายตาจากถนนที่เริ่มว่างแล้วหันขวับมาหา
“คะ?”
เห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมด้านข้างที่เรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ราวกับกำลังพูดถึงสภาพการจราจรในขณะนี้
รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง ชายหนุ่มหันมาสบสายตา
“จะมีคนตาย…” เงียบไปเป็นครู่เพื่อประเมินท่าทีคนฟัง แต่เมื่อเห็นเพียงแววตาตื่นๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น จึงได้บอกต่อ “ตอนนี้ผมรู้แค่นี้เอง”
รถบางตาลงทุกที จนในที่สุดก็แทบไม่มีเหลือให้เห็นแม้แต่คันเดียว ทางหลวงช่วงนี้แทบจะเรียกได้ว่าตัดผ่านเข้าไปในป่า สองข้างทางไม่มีอะไรเลยนอกจากแนวสนรกเรื้อ
ชายหนุ่มผ่อนความเร็วรถลงแล้วค่อยๆ ชะลอเข้าจอดแอบข้างทาง หลังพุ่มไม้ใหญ่ที่แทบจะบดบังรถไว้ได้ทั้งคัน
วาดตะวันเพิ่งค้นหาคำถามเจอ
“คุณรู้เมื่อไหร่คะ”
เขาดับเครื่องยนต์ ละมือจากพวงมาลัยรถ
“คราวนี้ตอนที่นั่งประชุมอยู่ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ได้ยังไง ก็เหมือนทุกครั้ง คืออยู่ดีๆ ก็รู้ ที่จริงไม่อยากให้คุณมาเห็นด้วยหรอก” หันมาสบนัยน์ตาใสแจ๋วที่ยังคงเบิ่งกว้างไม่ยอมเลิก
“แต่คิดดูแล้ว ผมไม่อยากปิดบังวาด อยากให้คุณได้เห็นเอง”
วาดตะวันยิ้มออกมาได้ ปลื้มอกปลื้มใจที่รู้ว่าเขาไว้ใจเธอขนาดนี้
“ขอบคุณค่ะที่ไว้ใจวาด”
สายตาเขามองผ่านเธอไปนอกรถ จึงได้หันมองตาม เห็นกระต่ายป่าสีน้ำตาลตัวใหญ่หยุดนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า มันกำลังมองตรงมา คงสงสัยว่าสัตว์ยักษ์สีดำตรงหน้าเป็นตัวอะไรกันแน่ แต่เพียงครู่เดียวก็เหมือนจะรู้ไม่ใช่พวกเดียวกัน จึงกระโดดหยอยๆ ลับหายไปตามแนวไม้
พอหันกลับมาทางคนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ…บนที่นั่งคนขับ แพทย์สาวก็เห็นอุปกรณ์รับส่งข้อความในมือเขา เห็นกำลังพิมพ์ข้อความอะไรบางอย่างให้วุ่นวาย สลับกับมองออกไปนอกรถเป็นครั้งคราว เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วเธอไม่กล้าถามอะไรอีก ได้แต่มองตามสายตากลับไปที่ถนน
ไกลออกไป บนลาดถนนสูงๆ ต่ำๆ จุดเล็กๆ สีขาวโพลนตัดกับสีดำคล้ำของถนนปรากฎขึ้นอย่างกะทันหัน
“คันนั้นหรือเปล่าคะ”
เธอหันกลับมาหาเขา เห็นคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาคมลึกฉายประกายวับ
“ครับ คันนั้น”
เห็นเขามองไปทางฝั่งตรงข้าม และรถอีกคันก็ปรากฏต่อสายตา เพียงครู่เดียวรถคันนั้นลับหายไปตามโค้งถนน
วาดตะวันรู้สึกถึงมือสาณๆ ที่วางลงบนหลังมือของตัว
“ไม่กลัวใช่ไหม” ความตั้งใจนั้นหมายถึงกลัวที่จะรับรู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเขา
แต่เธอเข้าใจไปอีกทาง มีหรือแพทย์ประจำแผนกฉุกเฉินและหลงใหลการชันสูตรศพเละๆ อย่างเธอจะกลัวภาพอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นมีคนตาย
“ไม่ค่ะ” จึงตอบได้แทบจะในทันที
“ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมอยากให้วาดคอยอยู่ในรถ อย่าตามลงไป จะได้ไหมครับ” น้ำเสียงในประโยคหลังอ่อนโยน เป็นการขอร้องมากกว่าคำสั่ง
“ค่ะ” เธอรับคำแผ่วหวิว ตาจ้องเขม็งไปที่โค้งถนน เฝ้าคอยให้รถคันที่สองโผล่มาให้เห็นอีกครั้ง
แม้จะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ใจก็เต้นระทึกได้อยู่ดี ก็ในเมื่อเคยเห็นแต่คนเจ็บหลังประสบอุบัติเหตุแล้ว เจ็บมากเจ็บน้อยแค่ไหนก็เห็นมาหมด แม้แต่คนสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาก็เห็นจนเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยมานั่งคอยดูอุบัติเหตุที่กำลังจะเกิดแบบนี้มาก่อนเลย ว่าไปตามจริง จะมีใครสักกี่คนที่รู้ล่วงหน้าแล้วมานั่งคอยดูรถชนกันแบบนี้
มีคำถามอีกมากมายมารออยู่ที่ริมฝีปาก ถ้าเขามีความสามารถพิเศษ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริง แล้วทำไมจึงไม่ช่วยคนที่รู้ว่ากำลังจะตายก่อนเหตุร้ายจะเกิด เคยถามอ้อมๆ ครั้งหนึ่งแล้ว และคำตอบที่ว่า
'เป็นเรื่องของชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ผมเข้าไปแทรกแซงไม่ได้'
ในฐานะแพทย์ ยากอยู่หรอกที่จะยอมรับตามนั้น เธอถูกฝึกให้ช่วยชีวิตคนในทุกสถานการณ์ ชะตากรรมไม่ชะตากรรม ก็ไม่รู้ล่ะ ไม่สนใจด้วย รู้ก็แต่ว่าทนเห็นใครสิ้นใจโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ ยิ่งถ้าสมมติว่าคนๆ นั้นเป็นคนรักล่ะ จะปล่อยให้ตายโดยไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ
เห็นสายตาเขาจับนิ่งอยู่ที่รถคันสีขาวซึ่งใกล้เข้ามาทุกขณะก็อดถามอีกไม่ได้
“คุณรู้จักคนในรถนั่นหรือเปล่าคะ”
“ส่วนมากผมจะไม่รู้จักมาก่อนฮะ บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง…หรือแม้แต่เด็ก…”
นั่นดูเหมือนจะสั่นคลอนความรู้สึกของเขาอย่างลึกซึ้ง เสียงทุ้มๆ เบากว่าปกติเมื่อเอ่ยประโยคหลัง
ประโยคถัดมากลับคงน้ำเสียงได้เหมือนเดิม
“…รู้ก็แต่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เกิดขึ้นที่ไหน เท่านั้นเอง”
เขาบีบมือเธอเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ และวาดตะวันก็ก้มลงดู สายตาจับนิ่งอยู่ที่นั่นเพื่อหลบเลี่ยงภาพที่ไม่อยากเห็น กลั้นลมหายใจอยู่นาน จนมีเสียงล้อบดกับพื้นผิวถนนดังสนั่น ตามด้วยเสียงโครมใหญ่ สะเทือนเลื่อนลั่นราวฟ้าถล่ม
รอยบรรพ์ (บทที่ 15)
ขอบคุณ คุณ PURINWASA, คุณซูซี่ Susisiri, น้องดาว Lady Star 919, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณออม ออมอำพัน, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณนะ เป่าชาง, น้องมัด ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/36179183
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/36187082
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/36193770
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36202931
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/36210169
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36218800
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36223202
บทที่ 14 https://ppantip.com/topic/36230571
วาดตะวันละสายตาจากถนนที่เริ่มว่างแล้วหันขวับมาหา
“คะ?”
เห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมด้านข้างที่เรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ราวกับกำลังพูดถึงสภาพการจราจรในขณะนี้
รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง ชายหนุ่มหันมาสบสายตา
“จะมีคนตาย…” เงียบไปเป็นครู่เพื่อประเมินท่าทีคนฟัง แต่เมื่อเห็นเพียงแววตาตื่นๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น จึงได้บอกต่อ “ตอนนี้ผมรู้แค่นี้เอง”
รถบางตาลงทุกที จนในที่สุดก็แทบไม่มีเหลือให้เห็นแม้แต่คันเดียว ทางหลวงช่วงนี้แทบจะเรียกได้ว่าตัดผ่านเข้าไปในป่า สองข้างทางไม่มีอะไรเลยนอกจากแนวสนรกเรื้อ
ชายหนุ่มผ่อนความเร็วรถลงแล้วค่อยๆ ชะลอเข้าจอดแอบข้างทาง หลังพุ่มไม้ใหญ่ที่แทบจะบดบังรถไว้ได้ทั้งคัน
วาดตะวันเพิ่งค้นหาคำถามเจอ
“คุณรู้เมื่อไหร่คะ”
เขาดับเครื่องยนต์ ละมือจากพวงมาลัยรถ
“คราวนี้ตอนที่นั่งประชุมอยู่ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ได้ยังไง ก็เหมือนทุกครั้ง คืออยู่ดีๆ ก็รู้ ที่จริงไม่อยากให้คุณมาเห็นด้วยหรอก” หันมาสบนัยน์ตาใสแจ๋วที่ยังคงเบิ่งกว้างไม่ยอมเลิก
“แต่คิดดูแล้ว ผมไม่อยากปิดบังวาด อยากให้คุณได้เห็นเอง”
วาดตะวันยิ้มออกมาได้ ปลื้มอกปลื้มใจที่รู้ว่าเขาไว้ใจเธอขนาดนี้
“ขอบคุณค่ะที่ไว้ใจวาด”
สายตาเขามองผ่านเธอไปนอกรถ จึงได้หันมองตาม เห็นกระต่ายป่าสีน้ำตาลตัวใหญ่หยุดนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า มันกำลังมองตรงมา คงสงสัยว่าสัตว์ยักษ์สีดำตรงหน้าเป็นตัวอะไรกันแน่ แต่เพียงครู่เดียวก็เหมือนจะรู้ไม่ใช่พวกเดียวกัน จึงกระโดดหยอยๆ ลับหายไปตามแนวไม้
พอหันกลับมาทางคนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ…บนที่นั่งคนขับ แพทย์สาวก็เห็นอุปกรณ์รับส่งข้อความในมือเขา เห็นกำลังพิมพ์ข้อความอะไรบางอย่างให้วุ่นวาย สลับกับมองออกไปนอกรถเป็นครั้งคราว เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วเธอไม่กล้าถามอะไรอีก ได้แต่มองตามสายตากลับไปที่ถนน
ไกลออกไป บนลาดถนนสูงๆ ต่ำๆ จุดเล็กๆ สีขาวโพลนตัดกับสีดำคล้ำของถนนปรากฎขึ้นอย่างกะทันหัน
“คันนั้นหรือเปล่าคะ”
เธอหันกลับมาหาเขา เห็นคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาคมลึกฉายประกายวับ
“ครับ คันนั้น”
เห็นเขามองไปทางฝั่งตรงข้าม และรถอีกคันก็ปรากฏต่อสายตา เพียงครู่เดียวรถคันนั้นลับหายไปตามโค้งถนน
วาดตะวันรู้สึกถึงมือสาณๆ ที่วางลงบนหลังมือของตัว
“ไม่กลัวใช่ไหม” ความตั้งใจนั้นหมายถึงกลัวที่จะรับรู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเขา
แต่เธอเข้าใจไปอีกทาง มีหรือแพทย์ประจำแผนกฉุกเฉินและหลงใหลการชันสูตรศพเละๆ อย่างเธอจะกลัวภาพอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นมีคนตาย
“ไม่ค่ะ” จึงตอบได้แทบจะในทันที
“ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมอยากให้วาดคอยอยู่ในรถ อย่าตามลงไป จะได้ไหมครับ” น้ำเสียงในประโยคหลังอ่อนโยน เป็นการขอร้องมากกว่าคำสั่ง
“ค่ะ” เธอรับคำแผ่วหวิว ตาจ้องเขม็งไปที่โค้งถนน เฝ้าคอยให้รถคันที่สองโผล่มาให้เห็นอีกครั้ง
แม้จะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ใจก็เต้นระทึกได้อยู่ดี ก็ในเมื่อเคยเห็นแต่คนเจ็บหลังประสบอุบัติเหตุแล้ว เจ็บมากเจ็บน้อยแค่ไหนก็เห็นมาหมด แม้แต่คนสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาก็เห็นจนเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยมานั่งคอยดูอุบัติเหตุที่กำลังจะเกิดแบบนี้มาก่อนเลย ว่าไปตามจริง จะมีใครสักกี่คนที่รู้ล่วงหน้าแล้วมานั่งคอยดูรถชนกันแบบนี้
มีคำถามอีกมากมายมารออยู่ที่ริมฝีปาก ถ้าเขามีความสามารถพิเศษ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริง แล้วทำไมจึงไม่ช่วยคนที่รู้ว่ากำลังจะตายก่อนเหตุร้ายจะเกิด เคยถามอ้อมๆ ครั้งหนึ่งแล้ว และคำตอบที่ว่า
'เป็นเรื่องของชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ผมเข้าไปแทรกแซงไม่ได้'
ในฐานะแพทย์ ยากอยู่หรอกที่จะยอมรับตามนั้น เธอถูกฝึกให้ช่วยชีวิตคนในทุกสถานการณ์ ชะตากรรมไม่ชะตากรรม ก็ไม่รู้ล่ะ ไม่สนใจด้วย รู้ก็แต่ว่าทนเห็นใครสิ้นใจโดยไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ ยิ่งถ้าสมมติว่าคนๆ นั้นเป็นคนรักล่ะ จะปล่อยให้ตายโดยไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ
เห็นสายตาเขาจับนิ่งอยู่ที่รถคันสีขาวซึ่งใกล้เข้ามาทุกขณะก็อดถามอีกไม่ได้
“คุณรู้จักคนในรถนั่นหรือเปล่าคะ”
“ส่วนมากผมจะไม่รู้จักมาก่อนฮะ บางครั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง…หรือแม้แต่เด็ก…”
นั่นดูเหมือนจะสั่นคลอนความรู้สึกของเขาอย่างลึกซึ้ง เสียงทุ้มๆ เบากว่าปกติเมื่อเอ่ยประโยคหลัง
ประโยคถัดมากลับคงน้ำเสียงได้เหมือนเดิม
“…รู้ก็แต่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เกิดขึ้นที่ไหน เท่านั้นเอง”
เขาบีบมือเธอเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ และวาดตะวันก็ก้มลงดู สายตาจับนิ่งอยู่ที่นั่นเพื่อหลบเลี่ยงภาพที่ไม่อยากเห็น กลั้นลมหายใจอยู่นาน จนมีเสียงล้อบดกับพื้นผิวถนนดังสนั่น ตามด้วยเสียงโครมใหญ่ สะเทือนเลื่อนลั่นราวฟ้าถล่ม