ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณออม ออมอำพัน, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณลิ ลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ เป่าชาง, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/36179183
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/36187082
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/36193770
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/36202931
บทที่ 11
ชายหนุ่มผละจากโต๊ะหนังสือไปคุกเข่าข้างเดียวลงตรงหน้า แรกๆ เข้าใจว่าหญิงสาวคงยังไม่สบาย อาจเป็นเพราะออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด แต่ผิดคาด พอแตะที่ไหล่ก็ได้ยินเสียงสะอื้น เริ่มจากแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ดังขึ้นตามลำดับ เขาจึงโอบร่างน้อยๆ นั้นมาหาตัว ก้มลงถามด้วยน้ำเสียงอาทร
“มีอะไรหรือตะวัน เป็นอะไร...”
คำตอบคือศีรษะที่ส่ายไปมา และสองมือคว้าแขนข้างหนึ่งของเขาไว้แน่นราวเอาเป็นหลักยึด ขยับเลื่อนตัวให้ใกล้ขึ้นอีก แล้วซุกหน้าลงกับแผงอกกว้างที่คอยอยู่แล้ว
“...ไม่สบายหรือเปล่า”
ศีรษะซึ่งซุกแนบอยู่กับอกส่ายไปมาอีกครั้ง ตามด้วยเสียงพึมพำปนสะอื้น ฟังดูเหน็ดเหนื่อย
“เบียทริซตายแล้วจริงๆ นะคะ”
เมื่อนั่นไม่ใช่คำถาม ชายหนุ่มจึงไม่มีคำตอบใดๆ ให้ ในเมื่ออะไรเป็นอะไรก็ชัดอยู่แล้ว ได้แต่ลูบไล้ผมนุ่มมือที่เริ่มหลุดรุ่ยร่าย พอเข้าใจหรอกว่าหลังถูกทำร้ายและเกือบจะถูกรุกรานทางเพศ ทั้งคนรู้จักยังมีอันเป็นไปในระยะเวลาติดๆ กันอย่างนี้ ต่อให้แกร่งกล้าและใจแข็งแค่ไหนก็ต้องเสียขวัญอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเองทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เฝ้าคอยเหมือนเป็นเป้านิ่งด้วยแล้วอย่างนี้
“ทำไมคะ ฉันไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมต้องตามจองล้างจองผลาญกันอย่างนี้ด้วย” ยังคงพร่ำรำพันต่อไปอีก เสียงใสๆ นั้นร้าวรานทีเดียว
“แล้วเบียทริซ...ตอนที่อยู่โรงพยาบาลยังไม่ค่อยรู้สึกนะคะว่าเบียทริซกับเคซีตายแล้วจริงๆ ถึงจะได้เห็นศพเบียทริซแล้วในคืนนั้น แต่ความรู้สึกมันชาไปหมด พอมาเห็น...” จบประโยคนั้นไม่ได้เมื่อเริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก
“ผมเข้าใจ…ตะวัน…ผมเข้าใจ”
นัยน์ตาหม่นหมองเงยขึ้นมองเขา หยาดน้ำใสหล่อรื้นจนแทบหยด ขนตาหนาเปียกชื้นเกาะตัวกันเป็นแพ
ใบหน้าหมดจดใกล้เสียจนชายหนุ่มเห็นความอ้างว้างแฝงอยู่ที่นั่นด้วย อ้างว้างจนเขาเองก็ใจหาย โอบศีรษะเล็กๆ มาแนบอกอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงต้องการปลอบประโลมอย่างเดียว มีความห่วงหาแทรกเข้ามาด้วย
“ไม่ใช่คุณหรอกตะวัน ที่จริงจะเป็นใครก็ได้ คนมีปัญหาทางจิตแบบนั้นทำร้ายใครก็ได้ทั้งนั้น”
“ถ้าคืนนั้นฉันตายไปเสีย คนอื่นก็ไม่ต้องมารับเคราะห์ใช่ไหมคะ”
เขาจุปากเบาๆ เป็นเชิงห้าม
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณหรอก ใครก็ได้ที่บังเอิญหลงเข้าไปอยู่แถวนั้นในเวลานั้นพอดี”
“แต่ทำไมต้องไปทำร้ายคนอื่นด้วยล่ะคะ เบียทริซเป็นแค่คนแก่ๆ ใจดีที่ไม่เคยคิดร้ายกับใครเลย เคซีก็อีก ฉันแทบไม่รู้จักเคซีเลย เคยก็แต่คุยกันครั้งสองครั้งเท่านั้นเองตอนที่ไปรับกุญแจบ้านพักกับตอนไปคืนกุญแจ”
“คนที่ถึงฆาต อย่างไรเสียก็ต้องเป็นไปตามนั้นครับ วาดตะวัน” เขาพลั้งปากออกไปโดยไม่ตั้งใจ
และผลก็มาเร็วทันตาเห็น หญิงสาวผละออกห่าง สีหน้าที่จ้องมองเขาฉายแววฉงน
“หมายความว่ายังไงคะ”
ชายหนุ่มแก้สถานการณ์ได้ทันท่วงที “ตามความเชื่อในศาสนาพุทธมีว่าอย่างนั้นไม่ใช่หรือ”
“คุณเชื่อเรื่องแบบนั้นด้วยหรือคะ”
ใบหน้าคมคายยิ้มอ่อนโยน
“ก็ไม่รู้สิ บางทีถ้าคิดเสียอย่างนั้นก็อาจช่วยให้สบายใจขึ้นบ้างนะผมว่า”
วาดตะวันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างไม่มีพิธีรีตอง แม้ไม่เข้าใจนัยยะของคำพูดเขาเสียทั้งหมด แต่ในเวลานี้เชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าใครๆ จึงไม่คิดจะถามต่อ วางมือข้างเดียวกันนั้นลงบนแขนเขา แสดงชัดถึงความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้เต็มเปี่ยม
“ฉันควรทำยังไงดีคะ บางทีคิดว่าถ้ากลับเมืองไทยไปเสีย เรื่องนี้ก็คงจบ คนๆ นั้นคงไม่ตามไปถึงเมืองไทยใช่ไหมคะ” ยังคงถ่ายทอดความว้าวุ่นและสับสนในใจให้เขาได้มีส่วนร่วมรู้ต่อไปอีก
“แต่มาคิดอีกที จะยอมให้คนที่ไม่รู้จักมาเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนความตั้งใจถึงขนาดนั้นเลยหรือ”
คำถามนั้นทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปเหมือนกัน รู้อยู่หรอกว่าหญิงสาวควรทำอย่างไรเพื่อยุติเรื่องนี้และอาจเพื่อปกป้องชีวิตผู้หญิงคนอื่นซึ่งจะตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายต่อไป แต่ความห่วงใยมีมากกว่า จะปล่อยให้ไปเสี่ยงอันตรายในลักษณะนั้นได้หรือในเมื่อเธอยังไม่หมดเคราะห์
หากในเวลาเดียวกันถ้าไม่ทำอะไรเสียเลย เรื่องก็จะยังคาราคาซังแบบนี้ไปอีกนาน ตอนนี้มีตำรวจนอกเครื่องแบบคอยติดตามหญิงสาวอยู่แทบตลอดเวลา คนร้ายคงไม่โง่พอที่จะเข้ามาติดกับง่ายๆ สังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าไม่มีวันที่ตำรวจจะจับคนร้ายคนนี้ได้ สังหรณ์นั้นมาจากไหนเขาไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว
แต่วาดตะวันก็มีแผนของตัวเองอยู่เหมือนกัน
“ไม่รู้ว่าถ้าไปขอเช่าบ้านบนเขาหลังนั้นต่ออีกจะได้หรือเปล่านะคะ นี่ก็ครบอาทิตย์แล้วตั้งแต่เมื่อวาน หมดสัญญาที่เช่าไว้ไปแล้ว”
สบตาคู่ที่คราวนี้ฉายแววมาดมั่นและเด็ดเดี่ยว เขาก็เข้าใจ
“คุณแน่ใจหรือ”
แม้จะรู้จักกันเพียงไม่นาน แต่ก็พอมองออกว่าวาดตะวันไม่ใช่คนอ่อนแอ อีกทั้งบางครั้งยังอึดเสียอีกด้วย ยังจำภาพที่เห็นในคืนนั้นได้ดี เขาไปทันได้เห็นเมื่อร่างบอบบางนี้ขึ้นไปพาดอยู่บนบ่าของคนร้ายเรียบร้อยแล้ว และเธอก็กำลังดิ้นสุดเหวี่ยงแม้จะรู้สึกตัวเพียงครึ่งๆ กลางๆ คนที่สู้ได้ขนาดนั้น มีหรือจะยอมถอยง่ายๆ
“แน่สิคะ” เสียงใสฟังดูหนักแน่น “ว่าแต่ตำรวจห้ามคนเข้าไปบริเวณนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“เทปเหลืองยังอยู่ก็แต่รอบนอกของตัวบ้านเท่านั้นครับ คิดว่าตำรวจคงให้เข้าไปในบ้านได้เพราะภายในบ้านไม่ใช่ที่เกิดเหตุ ถ้าคุณแน่ใจว่าจะทำอย่างนั้นก็เอาอย่างนี้ดีไหม ไปแวะที่ในตัวเมืองก่อน จะได้ตกลงกับซินดี้ว่าขอเช่าต่อ ผมจัดการเรื่องนั้นให้เอง ก็คงต้องเช็กก่อนว่ามีคนจองไว้แล้วหรือยัง และเจ้าของบ้านเขาจะให้เช่าต่อไหม ถ้าจำเป็นคุณค้างที่บ้านเก่าของพ่อผมที่ในเมืองสักคืนก็ได้ เมื่อไหร่ที่ตกลงว่าคุณเช่าบ้านบนเขาต่อได้ คุณก็ค่อยไปพักที่นั่น อย่างนี้ดีไหม”
นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเธอเช่นกัน
“จะไม่รบกวนคุณจนเกินไปหรอกหรือคะ”
“ไม่รบกวนเลย ตะวัน เพียงอยากรู้ว่าคุณแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะเอาตัวเข้าเสี่ยงแบบนั้น คุณรู้ใช่ไหมว่าหมายถึงอะไร”
“แน่ใจสิค่ะ” ประโยคแรกหนักแน่น ประโยคหลังเบาลง เบาหวิวจนอีกฝ่ายแทบไม่ได้ยินเลยทีเดียว “...คุณจะอยู่แถวนั้นด้วยใช่ไหมคะ”
“ผมไม่ไปไหนหรอก จะไม่ไปไหนจนกว่าจะแน่ใจว่าคุณปลอดภัยแล้ว” เสียงทุ้มลึกนุ่มนวล เป็นคำมั่นสัญญาที่มีให้อย่างเต็มอกเต็มใจ เรียกรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากอวบอิ่มได้ทันตาเห็น
“เราขนของๆ คุณไปไว้ที่บ้านแจน่าก่อน แล้วเอาจดหมายนั่นไปให้ตำรวจ” เขาวางแผนต่อพร้อมกับขยับลุก
แพทย์สาวลุกตาม เมื่อมองเห็นทางออก อากัปกิริยาจึงเปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉงทีเดียว
รอยบรรพ์ (บทที่ 11)
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณออม ออมอำพัน, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณลิ ลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ เป่าชาง, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/36179183
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/36187082
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/36193770
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36202931
ชายหนุ่มผละจากโต๊ะหนังสือไปคุกเข่าข้างเดียวลงตรงหน้า แรกๆ เข้าใจว่าหญิงสาวคงยังไม่สบาย อาจเป็นเพราะออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด แต่ผิดคาด พอแตะที่ไหล่ก็ได้ยินเสียงสะอื้น เริ่มจากแผ่วเบาแล้วค่อยๆ ดังขึ้นตามลำดับ เขาจึงโอบร่างน้อยๆ นั้นมาหาตัว ก้มลงถามด้วยน้ำเสียงอาทร
“มีอะไรหรือตะวัน เป็นอะไร...”
คำตอบคือศีรษะที่ส่ายไปมา และสองมือคว้าแขนข้างหนึ่งของเขาไว้แน่นราวเอาเป็นหลักยึด ขยับเลื่อนตัวให้ใกล้ขึ้นอีก แล้วซุกหน้าลงกับแผงอกกว้างที่คอยอยู่แล้ว
“...ไม่สบายหรือเปล่า”
ศีรษะซึ่งซุกแนบอยู่กับอกส่ายไปมาอีกครั้ง ตามด้วยเสียงพึมพำปนสะอื้น ฟังดูเหน็ดเหนื่อย
“เบียทริซตายแล้วจริงๆ นะคะ”
เมื่อนั่นไม่ใช่คำถาม ชายหนุ่มจึงไม่มีคำตอบใดๆ ให้ ในเมื่ออะไรเป็นอะไรก็ชัดอยู่แล้ว ได้แต่ลูบไล้ผมนุ่มมือที่เริ่มหลุดรุ่ยร่าย พอเข้าใจหรอกว่าหลังถูกทำร้ายและเกือบจะถูกรุกรานทางเพศ ทั้งคนรู้จักยังมีอันเป็นไปในระยะเวลาติดๆ กันอย่างนี้ ต่อให้แกร่งกล้าและใจแข็งแค่ไหนก็ต้องเสียขวัญอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเองทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เฝ้าคอยเหมือนเป็นเป้านิ่งด้วยแล้วอย่างนี้
“ทำไมคะ ฉันไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมต้องตามจองล้างจองผลาญกันอย่างนี้ด้วย” ยังคงพร่ำรำพันต่อไปอีก เสียงใสๆ นั้นร้าวรานทีเดียว
“แล้วเบียทริซ...ตอนที่อยู่โรงพยาบาลยังไม่ค่อยรู้สึกนะคะว่าเบียทริซกับเคซีตายแล้วจริงๆ ถึงจะได้เห็นศพเบียทริซแล้วในคืนนั้น แต่ความรู้สึกมันชาไปหมด พอมาเห็น...” จบประโยคนั้นไม่ได้เมื่อเริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก
“ผมเข้าใจ…ตะวัน…ผมเข้าใจ”
นัยน์ตาหม่นหมองเงยขึ้นมองเขา หยาดน้ำใสหล่อรื้นจนแทบหยด ขนตาหนาเปียกชื้นเกาะตัวกันเป็นแพ
ใบหน้าหมดจดใกล้เสียจนชายหนุ่มเห็นความอ้างว้างแฝงอยู่ที่นั่นด้วย อ้างว้างจนเขาเองก็ใจหาย โอบศีรษะเล็กๆ มาแนบอกอีกครั้ง คราวนี้ไม่เพียงต้องการปลอบประโลมอย่างเดียว มีความห่วงหาแทรกเข้ามาด้วย
“ไม่ใช่คุณหรอกตะวัน ที่จริงจะเป็นใครก็ได้ คนมีปัญหาทางจิตแบบนั้นทำร้ายใครก็ได้ทั้งนั้น”
“ถ้าคืนนั้นฉันตายไปเสีย คนอื่นก็ไม่ต้องมารับเคราะห์ใช่ไหมคะ”
เขาจุปากเบาๆ เป็นเชิงห้าม
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณหรอก ใครก็ได้ที่บังเอิญหลงเข้าไปอยู่แถวนั้นในเวลานั้นพอดี”
“แต่ทำไมต้องไปทำร้ายคนอื่นด้วยล่ะคะ เบียทริซเป็นแค่คนแก่ๆ ใจดีที่ไม่เคยคิดร้ายกับใครเลย เคซีก็อีก ฉันแทบไม่รู้จักเคซีเลย เคยก็แต่คุยกันครั้งสองครั้งเท่านั้นเองตอนที่ไปรับกุญแจบ้านพักกับตอนไปคืนกุญแจ”
“คนที่ถึงฆาต อย่างไรเสียก็ต้องเป็นไปตามนั้นครับ วาดตะวัน” เขาพลั้งปากออกไปโดยไม่ตั้งใจ
และผลก็มาเร็วทันตาเห็น หญิงสาวผละออกห่าง สีหน้าที่จ้องมองเขาฉายแววฉงน
“หมายความว่ายังไงคะ”
ชายหนุ่มแก้สถานการณ์ได้ทันท่วงที “ตามความเชื่อในศาสนาพุทธมีว่าอย่างนั้นไม่ใช่หรือ”
“คุณเชื่อเรื่องแบบนั้นด้วยหรือคะ”
ใบหน้าคมคายยิ้มอ่อนโยน
“ก็ไม่รู้สิ บางทีถ้าคิดเสียอย่างนั้นก็อาจช่วยให้สบายใจขึ้นบ้างนะผมว่า”
วาดตะวันใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างไม่มีพิธีรีตอง แม้ไม่เข้าใจนัยยะของคำพูดเขาเสียทั้งหมด แต่ในเวลานี้เชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าใครๆ จึงไม่คิดจะถามต่อ วางมือข้างเดียวกันนั้นลงบนแขนเขา แสดงชัดถึงความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้เต็มเปี่ยม
“ฉันควรทำยังไงดีคะ บางทีคิดว่าถ้ากลับเมืองไทยไปเสีย เรื่องนี้ก็คงจบ คนๆ นั้นคงไม่ตามไปถึงเมืองไทยใช่ไหมคะ” ยังคงถ่ายทอดความว้าวุ่นและสับสนในใจให้เขาได้มีส่วนร่วมรู้ต่อไปอีก
“แต่มาคิดอีกที จะยอมให้คนที่ไม่รู้จักมาเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนความตั้งใจถึงขนาดนั้นเลยหรือ”
คำถามนั้นทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปเหมือนกัน รู้อยู่หรอกว่าหญิงสาวควรทำอย่างไรเพื่อยุติเรื่องนี้และอาจเพื่อปกป้องชีวิตผู้หญิงคนอื่นซึ่งจะตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายต่อไป แต่ความห่วงใยมีมากกว่า จะปล่อยให้ไปเสี่ยงอันตรายในลักษณะนั้นได้หรือในเมื่อเธอยังไม่หมดเคราะห์
หากในเวลาเดียวกันถ้าไม่ทำอะไรเสียเลย เรื่องก็จะยังคาราคาซังแบบนี้ไปอีกนาน ตอนนี้มีตำรวจนอกเครื่องแบบคอยติดตามหญิงสาวอยู่แทบตลอดเวลา คนร้ายคงไม่โง่พอที่จะเข้ามาติดกับง่ายๆ สังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าไม่มีวันที่ตำรวจจะจับคนร้ายคนนี้ได้ สังหรณ์นั้นมาจากไหนเขาไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว
แต่วาดตะวันก็มีแผนของตัวเองอยู่เหมือนกัน
“ไม่รู้ว่าถ้าไปขอเช่าบ้านบนเขาหลังนั้นต่ออีกจะได้หรือเปล่านะคะ นี่ก็ครบอาทิตย์แล้วตั้งแต่เมื่อวาน หมดสัญญาที่เช่าไว้ไปแล้ว”
สบตาคู่ที่คราวนี้ฉายแววมาดมั่นและเด็ดเดี่ยว เขาก็เข้าใจ
“คุณแน่ใจหรือ”
แม้จะรู้จักกันเพียงไม่นาน แต่ก็พอมองออกว่าวาดตะวันไม่ใช่คนอ่อนแอ อีกทั้งบางครั้งยังอึดเสียอีกด้วย ยังจำภาพที่เห็นในคืนนั้นได้ดี เขาไปทันได้เห็นเมื่อร่างบอบบางนี้ขึ้นไปพาดอยู่บนบ่าของคนร้ายเรียบร้อยแล้ว และเธอก็กำลังดิ้นสุดเหวี่ยงแม้จะรู้สึกตัวเพียงครึ่งๆ กลางๆ คนที่สู้ได้ขนาดนั้น มีหรือจะยอมถอยง่ายๆ
“แน่สิคะ” เสียงใสฟังดูหนักแน่น “ว่าแต่ตำรวจห้ามคนเข้าไปบริเวณนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“เทปเหลืองยังอยู่ก็แต่รอบนอกของตัวบ้านเท่านั้นครับ คิดว่าตำรวจคงให้เข้าไปในบ้านได้เพราะภายในบ้านไม่ใช่ที่เกิดเหตุ ถ้าคุณแน่ใจว่าจะทำอย่างนั้นก็เอาอย่างนี้ดีไหม ไปแวะที่ในตัวเมืองก่อน จะได้ตกลงกับซินดี้ว่าขอเช่าต่อ ผมจัดการเรื่องนั้นให้เอง ก็คงต้องเช็กก่อนว่ามีคนจองไว้แล้วหรือยัง และเจ้าของบ้านเขาจะให้เช่าต่อไหม ถ้าจำเป็นคุณค้างที่บ้านเก่าของพ่อผมที่ในเมืองสักคืนก็ได้ เมื่อไหร่ที่ตกลงว่าคุณเช่าบ้านบนเขาต่อได้ คุณก็ค่อยไปพักที่นั่น อย่างนี้ดีไหม”
นั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเธอเช่นกัน
“จะไม่รบกวนคุณจนเกินไปหรอกหรือคะ”
“ไม่รบกวนเลย ตะวัน เพียงอยากรู้ว่าคุณแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะเอาตัวเข้าเสี่ยงแบบนั้น คุณรู้ใช่ไหมว่าหมายถึงอะไร”
“แน่ใจสิค่ะ” ประโยคแรกหนักแน่น ประโยคหลังเบาลง เบาหวิวจนอีกฝ่ายแทบไม่ได้ยินเลยทีเดียว “...คุณจะอยู่แถวนั้นด้วยใช่ไหมคะ”
“ผมไม่ไปไหนหรอก จะไม่ไปไหนจนกว่าจะแน่ใจว่าคุณปลอดภัยแล้ว” เสียงทุ้มลึกนุ่มนวล เป็นคำมั่นสัญญาที่มีให้อย่างเต็มอกเต็มใจ เรียกรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากอวบอิ่มได้ทันตาเห็น
“เราขนของๆ คุณไปไว้ที่บ้านแจน่าก่อน แล้วเอาจดหมายนั่นไปให้ตำรวจ” เขาวางแผนต่อพร้อมกับขยับลุก
แพทย์สาวลุกตาม เมื่อมองเห็นทางออก อากัปกิริยาจึงเปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉงทีเดียว