ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ sixty-half, คุณออม ออมอำพัน, จารย์จี GTW, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องดาว Lady Star 919, คุณซูซี่ Susisiri, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ เป่าชาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/36179183
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/36187082
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/36193770
บทที่ 10
หญิงสูงวัยเหลียวหลังมาพิจารณาใบหน้าใสๆ ที่ยังคงมีริ้วรอยจากการถูกทำร้าย โคลงศีรษะไปมาขณะเดินนำขึ้นบันได
“ทำร้ายกันขนาดนี้เลยนะ”
วาดตะวันได้แต่ยิ้ม ใช่แต่เพียงถูกทำร้ายถึงขั้นนี้หรอก ยังมีคนต้องพลอยเสียชีวิตเพราะเรื่องนี้ไปด้วย รอยบากบนหน้าผากของคนตายแต่ละคน ประกอบกับตัวหนังสือที่สลักลงบนหน้าท้องของทั้งเคซีและเบียทริซนั้นบ่งชัดอยู่แล้วว่าคนร้ายมีเป้าหมายที่ใคร และจะไม่หยุดจนกว่าเธอยอมออกมานอกขอบเขตการคุ้มครองของตำรวจ
ทั้งเมื่อไม่มีเบียทริซเสียแล้ว ลูกหลานของแกก็เข้าครอบครองบ้านหลังนั้น เวลานี้ทั้งบ้านถูกปิดไว้ก่อนจนกว่าจะตกลงกันได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป เธอจึงต้องย้ายออกจากที่นั่นโดยเร็วที่สุดทั้งๆ ที่ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ยังออกจากโรงพยาบาลไปไหนไม่ได้ด้วยซ้ำ
อีกครั้งที่คนซึ่งเพิ่งรู้จักได้เพียงอาทิตย์เดียวแก้ปัญหานั้นให้แทบจะในทันที เมื่อเขาบอกว่าได้คุยกับป้าของเขาคนที่ว่าเป็นแม่ของผู้บัญชาการตำรวจประจำเมืองให้แล้ว และแกก็ยินดีให้เธอไปอยู่ด้วยโดยยกห้องใต้เพดานให้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สุด ทั้งยังมีทางขึ้นแยกต่างหากจากบริเวณอื่นของบ้าน
“ใครเคยอยู่ห้องนี้คะ” เธออดถามไม่ได้
หญิงสูงวัยผู้เป็นเจ้าของบ้านเหลียวมองรอบตัวราวทบทวนความทรงจำ
“จริงๆ ไม่เคยมีใครอยู่หรอก เมื่อก่อนเป็นห้องเก็บของ พอน้องสะใภ้เขามาที่นี่บ่อย ก็เลยจัดห้องนี้ไว้ให้”
“น้องสะใภ้หรือคะ”
“แม่ของเอริคไงล่ะ”
คำตอบนั้นทำให้วาดตะวันหูผึ่งขึ้นมาได้อีกครั้ง ...แม่ของ 'เขา' แม่ของเขาเคยอยู่ห้องนี้ แม่ซึ่งดูเหมือนเขาจะมีความผูกพันแนบแน่นแม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
“แม่ของเอริค?”
ขยับให้ใกล้คนสูงวัยกว่าขึ้นอีกนิด และเมื่อหล่อนนั่งลงที่ขอบเตียง เธอก็นั่งลงข้างๆ
“กันตา แม่ของเอริค เป็นคนไทยเหมือนหนูนี่แหละ แต่กันตาโตที่นี่ มาอยู่อเมริกาตั้งแต่อายุขวบเดียว พูดไทยยังไม่ชัดเท่าเอริคเลย ที่จริงก็ไม่รู้หรอกนะว่าพูดไทยชัดๆ มันเป็นยังไง กันตาเป็นคนบอกเองว่าเอริคพูดไทยได้ชัดกว่า” ใบหน้าอวบอูมอย่างคนใจดีมีรอยแย้มเยื้อนตลอดเวลาที่พูดถึง 'น้องสะใภ้'
และคนซึ่งกำลังตั้งอกตั้งใจฟังก็พอบอกได้ไม่ยากว่ามีความทรงจำดีๆ อยู่ที่นี่มากทีเดียว
“คุณแม่ของเอริคเสียแล้วใช่ไหมคะ”
“กันตาเพิ่งตายได้ไม่นาน ปกติเอริคทำงานอยู่ที่เมืองไทย ก็มาทันได้เห็นแม่ก่อนตาย ตอนนี้ก็เลยลังเลเรื่องจะกลับเมืองไทยอีกเพราะห่วงทางนี้หลายๆ อย่าง จริงๆ แล้วเอริคชอบอยู่เมืองไทยมากกว่าที่นี่นะหนู” ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนสะกดกลั้นน้ำตาแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องเสีย
“ห้องน้ำต้องลงไปข้างล่างนะหนู จะมีปัญหาอะไรไหม เคยจะแบ่งห้องบนนี้เป็นห้องน้ำด้วย แต่ช่างมาดูแล้วบอกว่าต่อท่อน้ำขึ้นมาลำบาก”
เมื่อรู้ว่าห้องนี้จัดแต่งไว้ให้ใคร และเคยมีใครมาพักอยู่เสมอ วาดตะวันไม่ลังเลอีกแล้ว ต่อให้ห้องน้ำอยู่นอกบ้านอย่างสมัยก่อนก็ไม่เดือดร้อน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า”
ชั้นต่ำลงไปเป็นชั้นสองของบ้าน บันไดจากห้องใต้หลังคานำลงไปที่ทางเดินซึ่งแบ่งเป็นสองฝั่ง ผนังทาสีนวล มีรูปถ่ายเก่าๆ ใส่กรอบแขวนไว้เป็นระยะไปจนสุดทางเดิน จากตรงนี้มองไปทางห้องน้ำ แม้จะเห็นจากระยะไกล แต่ก็พอมองออกว่ามีขนาดใหญ่ทีเดียว
“ห้องน้ำห้องนั้นยกให้หนูใช้คนเดียว” หล่อนชี้ไปทางฝั่งขวาก่อนเดินนำไปทางนั้น “ลองไปดูเสียหน่อยดีไหม เผื่อมีอะไรขาดเหลือ”
แพทย์สาวทำท่าจะเดินตามไป หากทว่าสายตาไปสะดุดอยู่ที่รูปถ่ายบนผนังซึ่งอยู่ใกล้เชิงบันไดที่สุดเสียก่อน ผู้หญิงในรูปยังอยู่ในวัยสาว ใบหน้าซึ่งมีเครื่องหน้าบอบบางนั้นหมดจดงดงามราวศิลปินฝีมือเอกมาวาดเอาไว้ ผมยาวรวบไว้ทางด้านหลัง ร่างเล็กๆ สวมกระโปรงตัวยาว มีเสื้อโค้ตทับอีกชั้น มือขวาจูงเด็กชายตัวน้อยในชุดเสื้อกางเกงติดกัน มีเสื้อชั้นนอกตัวหนาอีกตัว ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดู มีเค้าว่าโตขึ้นจะเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเอาการ ที่สำคัญคือนัยน์ตาคมกริบทีเดียว
ผู้ชายซึ่งยืนเคียงข้างหญิงสาวมีรูปร่างใหญ่โต ใบหน้าคมคาย ผมสีน้ำตาล ตัดสั้นเรียบร้อย เขาอยู่ในเครื่องแบบ เสื้อสีน้ำตาลอ่อน เนกไทสีน้ำตาลเข้ม มีเหรียญตราบอกตำแหน่งครบครัน กางเกงสีเขียวขี้ม้า เข็มขัดดำ นั่นเป็นเครื่องแบบของนายอำเภอที่เธอเคยเห็น ในอ้อมแขนล่ำสันมีเด็กผู้หญิงรูปร่างผอมจนเหมือนกากไม้แห้งๆ ทำให้เสื้อโค้ตสีครีมที่สวมเหมือนจะตัวใหญ่กว่าความเป็นจริง เพราะห่อร่างบอบบางนั้นไว้อย่างมิดชิด หมวกผ้าสีเดียวกับโค้ตที่สวมทำให้เห็นก็เพียงใบหน้าซูบตอบที่โผล่ออกมา ผมสีทองม้วนเป็นขอดเคลียอยู่สองข้างแก้ม
ภาพนั้นดูออกว่าถ่ายที่หน้าบ้านของใครสักคน ภูเขาซึ่งเห็นเป็นฉากอยู่ข้างหลังดูคุ้นตา
“นั่นกันตา แล้วนั่นก็เอริค” ผู้เป็นเจ้าของบ้านชี้ที่หญิงสาวและเด็กชายในรูป “แล้วนั่นก็เฮลีย์กับเวสลีย์” ชี้ต่อไปยังเด็กหญิงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“รูปนี้ถ่ายก่อนที่ทรอยจะเกิด ทรอยเป็นน้องชายของเอริค รูปนี้รู้สึกจะถ่ายก่อนเฮลีย์ตายไม่นาน”
“คนนี้คงไม่ใช่พ่อของเอริคใช่ไหมคะ” เธอชี้ไปที่ชายหนุ่มในรูป
“ไม่ใช่หรอก แต่เอริคก็คิดเสมอว่าเวสเป็นพ่อ เวสเป็นน้องชายของป้าไงล่ะ”
วาดตะวันพยายามซึมซับข้อมูลเหล่านั้นไว้ทั้งหมด ก็ทำไมจะไม่สนใจล่ะ รูปนี้เป็นคนในครอบครัวของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ของเขา เหมือนผู้หญิงที่เคยฝันเห็นไม่มีผิดเพี้ยน ผู้หญิงในฝันของเธอเป็นแม่ของเขาจริงๆ อย่างนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะฝันถึงใครคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อนเลย แม้แต่ในรูปก็ตาม
ยิ่งพิจารณาให้ใกล้ขึ้น ก็ยิ่งแน่ใจว่าเหมือน ไม่ใช่แค่เหมือน แต่เป็นคนเดียวกันด้วยซ้ำ ขนลุกซู่จนต้องลูบแขนตัวเองอยู่ไปมาเมื่อถาม
“แม่ของเอริคเป็นอะไรตายคะ”
“เป็นมะเร็งที่สมอง”
ภาพของผู้ชายที่เห็นเพียงเลือนๆ ในความฝันแทรกเข้ามา
“แล้วพ่อล่ะคะ”
“พ่อของเอริคน่ะหรือ ตายตั้งแต่เอริคยังไม่คลอดเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเอริคไม่เคยเห็นพ่อจริงๆ เลยสิคะ”
เมื่อยืนอยู่ข้างรูปถ่ายของน้องสะใภ้อย่างนี้ก็เกิดการเปรียบเทียบ แจน่าอดไม่ได้ที่จะพิจารณาใบหน้านวลผ่องของหญิงสาว ผิวแก้มใส เนียนและบาง ไรผมเส้นละเอียดระต้นคอกลมกลึง คิ้วเข้ม นัยน์ตาแจ่มใส ขนตาหนาเป็นแผง ปากอิ่มเต็ม ดูนุ่มละมุน พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าหลานชายยอมเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลกเพื่อผู้หญิงคนนี้เพราะอะไร ก็ในเมื่อเหมือนแม่ของตัวถึงขนาดนี้
“เอริคก็เหมือนป้าแหละ เคยเห็นแต่ในรูป…ทั้งรูปร่าง ทั้งหน้าตา…เหมือนเอริคไม่มีผิด เหมือนจนแทบจะเรียกได้ว่าออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ชื่อต้นของเอริคก็เป็นชื่อพ่อนะ เป็นชื่อไทย เรียกยากมาก ป้าออกเสียงไม่ถูกหรอก เอริคเป็นชื่อกลาง มาจากชื่อพ่ออเมริกันที่รับกันตามาเลี้ยงตั้งแต่อายุได้ขวบเดียว”
รอยบรรพ์ (บทที่ 10)
ขอบคุณ คุณ sixty-half, คุณออม ออมอำพัน, จารย์จี GTW, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องดาว Lady Star 919, คุณซูซี่ Susisiri, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ เป่าชาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/36179183
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/36187082
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/36193770
หญิงสูงวัยเหลียวหลังมาพิจารณาใบหน้าใสๆ ที่ยังคงมีริ้วรอยจากการถูกทำร้าย โคลงศีรษะไปมาขณะเดินนำขึ้นบันได
“ทำร้ายกันขนาดนี้เลยนะ”
วาดตะวันได้แต่ยิ้ม ใช่แต่เพียงถูกทำร้ายถึงขั้นนี้หรอก ยังมีคนต้องพลอยเสียชีวิตเพราะเรื่องนี้ไปด้วย รอยบากบนหน้าผากของคนตายแต่ละคน ประกอบกับตัวหนังสือที่สลักลงบนหน้าท้องของทั้งเคซีและเบียทริซนั้นบ่งชัดอยู่แล้วว่าคนร้ายมีเป้าหมายที่ใคร และจะไม่หยุดจนกว่าเธอยอมออกมานอกขอบเขตการคุ้มครองของตำรวจ
ทั้งเมื่อไม่มีเบียทริซเสียแล้ว ลูกหลานของแกก็เข้าครอบครองบ้านหลังนั้น เวลานี้ทั้งบ้านถูกปิดไว้ก่อนจนกว่าจะตกลงกันได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป เธอจึงต้องย้ายออกจากที่นั่นโดยเร็วที่สุดทั้งๆ ที่ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ยังออกจากโรงพยาบาลไปไหนไม่ได้ด้วยซ้ำ
อีกครั้งที่คนซึ่งเพิ่งรู้จักได้เพียงอาทิตย์เดียวแก้ปัญหานั้นให้แทบจะในทันที เมื่อเขาบอกว่าได้คุยกับป้าของเขาคนที่ว่าเป็นแม่ของผู้บัญชาการตำรวจประจำเมืองให้แล้ว และแกก็ยินดีให้เธอไปอยู่ด้วยโดยยกห้องใต้เพดานให้เพราะมีความเป็นส่วนตัวที่สุด ทั้งยังมีทางขึ้นแยกต่างหากจากบริเวณอื่นของบ้าน
“ใครเคยอยู่ห้องนี้คะ” เธออดถามไม่ได้
หญิงสูงวัยผู้เป็นเจ้าของบ้านเหลียวมองรอบตัวราวทบทวนความทรงจำ
“จริงๆ ไม่เคยมีใครอยู่หรอก เมื่อก่อนเป็นห้องเก็บของ พอน้องสะใภ้เขามาที่นี่บ่อย ก็เลยจัดห้องนี้ไว้ให้”
“น้องสะใภ้หรือคะ”
“แม่ของเอริคไงล่ะ”
คำตอบนั้นทำให้วาดตะวันหูผึ่งขึ้นมาได้อีกครั้ง ...แม่ของ 'เขา' แม่ของเขาเคยอยู่ห้องนี้ แม่ซึ่งดูเหมือนเขาจะมีความผูกพันแนบแน่นแม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม
“แม่ของเอริค?”
ขยับให้ใกล้คนสูงวัยกว่าขึ้นอีกนิด และเมื่อหล่อนนั่งลงที่ขอบเตียง เธอก็นั่งลงข้างๆ
“กันตา แม่ของเอริค เป็นคนไทยเหมือนหนูนี่แหละ แต่กันตาโตที่นี่ มาอยู่อเมริกาตั้งแต่อายุขวบเดียว พูดไทยยังไม่ชัดเท่าเอริคเลย ที่จริงก็ไม่รู้หรอกนะว่าพูดไทยชัดๆ มันเป็นยังไง กันตาเป็นคนบอกเองว่าเอริคพูดไทยได้ชัดกว่า” ใบหน้าอวบอูมอย่างคนใจดีมีรอยแย้มเยื้อนตลอดเวลาที่พูดถึง 'น้องสะใภ้'
และคนซึ่งกำลังตั้งอกตั้งใจฟังก็พอบอกได้ไม่ยากว่ามีความทรงจำดีๆ อยู่ที่นี่มากทีเดียว
“คุณแม่ของเอริคเสียแล้วใช่ไหมคะ”
“กันตาเพิ่งตายได้ไม่นาน ปกติเอริคทำงานอยู่ที่เมืองไทย ก็มาทันได้เห็นแม่ก่อนตาย ตอนนี้ก็เลยลังเลเรื่องจะกลับเมืองไทยอีกเพราะห่วงทางนี้หลายๆ อย่าง จริงๆ แล้วเอริคชอบอยู่เมืองไทยมากกว่าที่นี่นะหนู” ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนสะกดกลั้นน้ำตาแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องเสีย
“ห้องน้ำต้องลงไปข้างล่างนะหนู จะมีปัญหาอะไรไหม เคยจะแบ่งห้องบนนี้เป็นห้องน้ำด้วย แต่ช่างมาดูแล้วบอกว่าต่อท่อน้ำขึ้นมาลำบาก”
เมื่อรู้ว่าห้องนี้จัดแต่งไว้ให้ใคร และเคยมีใครมาพักอยู่เสมอ วาดตะวันไม่ลังเลอีกแล้ว ต่อให้ห้องน้ำอยู่นอกบ้านอย่างสมัยก่อนก็ไม่เดือดร้อน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า”
ชั้นต่ำลงไปเป็นชั้นสองของบ้าน บันไดจากห้องใต้หลังคานำลงไปที่ทางเดินซึ่งแบ่งเป็นสองฝั่ง ผนังทาสีนวล มีรูปถ่ายเก่าๆ ใส่กรอบแขวนไว้เป็นระยะไปจนสุดทางเดิน จากตรงนี้มองไปทางห้องน้ำ แม้จะเห็นจากระยะไกล แต่ก็พอมองออกว่ามีขนาดใหญ่ทีเดียว
“ห้องน้ำห้องนั้นยกให้หนูใช้คนเดียว” หล่อนชี้ไปทางฝั่งขวาก่อนเดินนำไปทางนั้น “ลองไปดูเสียหน่อยดีไหม เผื่อมีอะไรขาดเหลือ”
แพทย์สาวทำท่าจะเดินตามไป หากทว่าสายตาไปสะดุดอยู่ที่รูปถ่ายบนผนังซึ่งอยู่ใกล้เชิงบันไดที่สุดเสียก่อน ผู้หญิงในรูปยังอยู่ในวัยสาว ใบหน้าซึ่งมีเครื่องหน้าบอบบางนั้นหมดจดงดงามราวศิลปินฝีมือเอกมาวาดเอาไว้ ผมยาวรวบไว้ทางด้านหลัง ร่างเล็กๆ สวมกระโปรงตัวยาว มีเสื้อโค้ตทับอีกชั้น มือขวาจูงเด็กชายตัวน้อยในชุดเสื้อกางเกงติดกัน มีเสื้อชั้นนอกตัวหนาอีกตัว ใบหน้าของเด็กน้อยน่ารักน่าเอ็นดู มีเค้าว่าโตขึ้นจะเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเอาการ ที่สำคัญคือนัยน์ตาคมกริบทีเดียว
ผู้ชายซึ่งยืนเคียงข้างหญิงสาวมีรูปร่างใหญ่โต ใบหน้าคมคาย ผมสีน้ำตาล ตัดสั้นเรียบร้อย เขาอยู่ในเครื่องแบบ เสื้อสีน้ำตาลอ่อน เนกไทสีน้ำตาลเข้ม มีเหรียญตราบอกตำแหน่งครบครัน กางเกงสีเขียวขี้ม้า เข็มขัดดำ นั่นเป็นเครื่องแบบของนายอำเภอที่เธอเคยเห็น ในอ้อมแขนล่ำสันมีเด็กผู้หญิงรูปร่างผอมจนเหมือนกากไม้แห้งๆ ทำให้เสื้อโค้ตสีครีมที่สวมเหมือนจะตัวใหญ่กว่าความเป็นจริง เพราะห่อร่างบอบบางนั้นไว้อย่างมิดชิด หมวกผ้าสีเดียวกับโค้ตที่สวมทำให้เห็นก็เพียงใบหน้าซูบตอบที่โผล่ออกมา ผมสีทองม้วนเป็นขอดเคลียอยู่สองข้างแก้ม
ภาพนั้นดูออกว่าถ่ายที่หน้าบ้านของใครสักคน ภูเขาซึ่งเห็นเป็นฉากอยู่ข้างหลังดูคุ้นตา
“นั่นกันตา แล้วนั่นก็เอริค” ผู้เป็นเจ้าของบ้านชี้ที่หญิงสาวและเด็กชายในรูป “แล้วนั่นก็เฮลีย์กับเวสลีย์” ชี้ต่อไปยังเด็กหญิงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“รูปนี้ถ่ายก่อนที่ทรอยจะเกิด ทรอยเป็นน้องชายของเอริค รูปนี้รู้สึกจะถ่ายก่อนเฮลีย์ตายไม่นาน”
“คนนี้คงไม่ใช่พ่อของเอริคใช่ไหมคะ” เธอชี้ไปที่ชายหนุ่มในรูป
“ไม่ใช่หรอก แต่เอริคก็คิดเสมอว่าเวสเป็นพ่อ เวสเป็นน้องชายของป้าไงล่ะ”
วาดตะวันพยายามซึมซับข้อมูลเหล่านั้นไว้ทั้งหมด ก็ทำไมจะไม่สนใจล่ะ รูปนี้เป็นคนในครอบครัวของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ของเขา เหมือนผู้หญิงที่เคยฝันเห็นไม่มีผิดเพี้ยน ผู้หญิงในฝันของเธอเป็นแม่ของเขาจริงๆ อย่างนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะฝันถึงใครคนหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อนเลย แม้แต่ในรูปก็ตาม
ยิ่งพิจารณาให้ใกล้ขึ้น ก็ยิ่งแน่ใจว่าเหมือน ไม่ใช่แค่เหมือน แต่เป็นคนเดียวกันด้วยซ้ำ ขนลุกซู่จนต้องลูบแขนตัวเองอยู่ไปมาเมื่อถาม
“แม่ของเอริคเป็นอะไรตายคะ”
“เป็นมะเร็งที่สมอง”
ภาพของผู้ชายที่เห็นเพียงเลือนๆ ในความฝันแทรกเข้ามา
“แล้วพ่อล่ะคะ”
“พ่อของเอริคน่ะหรือ ตายตั้งแต่เอริคยังไม่คลอดเลย”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเอริคไม่เคยเห็นพ่อจริงๆ เลยสิคะ”
เมื่อยืนอยู่ข้างรูปถ่ายของน้องสะใภ้อย่างนี้ก็เกิดการเปรียบเทียบ แจน่าอดไม่ได้ที่จะพิจารณาใบหน้านวลผ่องของหญิงสาว ผิวแก้มใส เนียนและบาง ไรผมเส้นละเอียดระต้นคอกลมกลึง คิ้วเข้ม นัยน์ตาแจ่มใส ขนตาหนาเป็นแผง ปากอิ่มเต็ม ดูนุ่มละมุน พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าหลานชายยอมเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลกเพื่อผู้หญิงคนนี้เพราะอะไร ก็ในเมื่อเหมือนแม่ของตัวถึงขนาดนี้
“เอริคก็เหมือนป้าแหละ เคยเห็นแต่ในรูป…ทั้งรูปร่าง ทั้งหน้าตา…เหมือนเอริคไม่มีผิด เหมือนจนแทบจะเรียกได้ว่าออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ชื่อต้นของเอริคก็เป็นชื่อพ่อนะ เป็นชื่อไทย เรียกยากมาก ป้าออกเสียงไม่ถูกหรอก เอริคเป็นชื่อกลาง มาจากชื่อพ่ออเมริกันที่รับกันตามาเลี้ยงตั้งแต่อายุได้ขวบเดียว”