ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ แอม วิเชียรฉาย, คุณ ดาบ อนุชา, น้องดาว Lady Star 919, คุณลิ ลายลิขิต, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณออม ออมอำพัน, คุณ เป่าซาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/36179183
บทที่ 8
ภาพถ่ายขนาดใหญ่นั้นไม่ต่างอะไรกับฝันร้าย ใบหน้าของหญิงสาวผู้ตายยับเยินเสียจนแทบไม่เห็นรูปหน้าเดิม ที่สะดุดตาที่สุดก็เหนือหว่างคิ้ว…ตรงกึ่งกลางหน้าผากพอดี…มีรอยบากในแนวตั้ง เป็นขีดสั้นๆ เพียงขีดเดียว รอยนั้นเห็นได้ชัดเจนในเมื่อเลือดถูกล้างออกจนหมดก่อนหน้า
วาดตะวันชี้ลงที่รอยบากบนนั้นเมื่อคิดว่าต้องมีความหมายอะไรสักอย่าง
“รอยนี่…”
นายตำรวจวัยกลางคนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ บนม้าบุนวมซึ่งยื่นต่อออกมาจากผนังห้องด้านที่เป็นหน้าต่าง
“เรายังเดากันไม่ออกว่าหมายความว่าอะไร แต่คิดว่าคงมีความหมายอะไรสักอย่าง ที่อยากให้คุณหมอดูก็รูปนี้”
เขาดึงภาพถ่ายขนาดเดียวกันอีกภาพออกมาจากซองสีน้ำตาล วางซ้อนลงบนภาพแรกในมือของแพทย์สาว ภาพนั้นมองออกว่าเป็นบริเวณหน้าท้องของผู้ตาย เลือดถูกล้างออกหมดแล้วเช่นกัน จึงเห็นรอยช้ำเป็นวงใหญ่กึ่งกลางท้องน้อยพอดี ที่น่าตระหนกที่สุดคือรอยบากเป็นตัวอักษร แม้จะโย้เย้ไปบ้าง แต่ก็อ่านได้ไม่ยากว่า gimme DrT*
“ดี.อาร์.ที? หมายถึงอะไรคะ” เธอหันมาถาม และเขาก็ดึงปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกพร้อมสมุดเล่มเล็ก เขียนอะไรขยุกขยิกลงบนนั้นก่อนส่งให้ดู
วาดตะวันใจหายวาบเมื่อเห็นลายมือเป็นตัวพิมพ์ว่า Dr. T. จะเป็นตัวย่อชื่อใครไปไม่ได้นอกจากเธอเอง ชื่อซึ่งทุกคนใช้เรียกเพราะออกเสียงง่ายกว่าเมื่อตัดคำว่า ‘วาด’ ออกไป คนร้ายคนนั้นรู้ว่าเธอเป็นใคร รู้จักแม้แต่ชื่อที่ใครๆ ใช้เรียก
ชัดเจนแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนวนเวียนอยู่รอบตัวเธอทั้งสิ้น ทั้งบ้านพักบนเขาซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ ทั้งผู้หญิงคนตายซึ่งเธอก็รู้จัก เคซีทำงานอยู่ในสำนักงานบ้านและที่ดินที่ไปติดต่อเช่าบ้านพัก ยิ่งกว่านั้นเธอยังเป็น ‘เหยื่อ’ รายแรกที่หลุดรอดมาได้ และนายตำรวจเจ้าของคดีนี้ทั้งสองคนก็เชื่อตรงกันว่าคนร้ายจะย้อนรอยกลับมาอีกอย่างแน่นอน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นที่ไหน และเมื่อไรเท่านั้นเอง
แต่นี่เคซีต้องมารับเคราะห์แทนเธอใช่ไหม คนร้ายทำร้ายและฆ่าหล่อนเพื่อระบายความแค้นที่เธอหลุดรอดไป และเพื่อส่งข้อความนี้มาท้าทาย
“หมายความว่า...” เสียงที่ถามแหบแห้ง ไม่กล้าแม้แต่จะจบประโยค
อีกฝ่ายจึงต่อให้ “ก็พอเดาได้ว่าคนร้ายต้องการตัวหมอ นี่เป็นสารที่ส่งผ่านมาด้วย”
นิ้วหนาๆ ชี้ลงที่ข้อความบนหน้าท้องของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในรูป
“ไม่น่าเลย” ประโยคหลังยิ่งเบาลงอีก “เขา…เอ่อ…ข่มขืนเธอหรือเปล่าคะ”
“นั่นเป็นเรื่องที่เราก็ไม่เข้าใจ กรณีนี้ไม่มีการข่มขืน ทำให้ตอนแรกที่เห็นศพ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกัน จนถอดเสื้อออกแล้วเห็นรอยสักนี้”
“เคซีตายเพราะฉันหรือคะ” คำถามนั้นเหมือนยาขมที่แทบสำลักออกมาเป็นคำพูด
“อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นเสียทีเดียวเลยหมอ” ความคุ้นเคยกันในลักษณะนั้นทำให้เขาอ่อนโยนกับหญิงสาววัยคราวลูกได้เสมอมา
“แต่นี่ก็ชัดอยู่แล้วนี่คะ” ผงกศีรษะลงบนรอยสักที่ท้องของคนตายในรูป “ที่ผ่านๆ มา เขาทำร้ายคนหนึ่งแล้วหยุดไปหลายเดือนก่อนจะทำร้ายคนต่อไป นี่สองคืนติดๆ กันเลย คนตายนี่ฉันก็รู้จัก”
คราวนี้นายตำรวจอาวุโสปิดปากเงียบ ความสุขุมและประสบการณ์นานปีทำให้รู้ขอบเขตว่าอะไรควรสรุป อะไรควรยั้งไว้ก่อน ผิดกับเพื่อนร่วมงานผู้อ่อนกว่าทั้งวัยและประสบการณ์ ฝ่ายนั้นยังคงยืนคุมเชิงอยู่เงียบเชียบข้างเตียงคนไข้ รู้มาแต่ต้น ก่อนที่จะได้ นิโคลัส มาเป็นคู่หู ว่าชายหนุ่มใจร้อน เก็บอะไรไว้กับตัวไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันในระดับหนึ่งอย่างนี้ จึงได้ขอร้องกึ่งบังคับให้สงบปากสงบคำเมื่อมาสอบปากคำแพทย์สาวอีกครั้งในคราวนี้
“อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นเลยคุณหมอ ไม่สบายใจเปล่าๆ เอาเป็นว่าตอนนี้ขอให้ระวังตัวก็แล้วกัน ดีแล้วที่หมอจะอยู่ที่นี่ไปสักพักก่อน ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป”
เธอผงกศีรษะยอมรับแต่โดยดี
“ก็คงสักสามสี่วันล่ะค่ะ นานกว่านั้นคงไม่ไหว”
เมื่ออยู่ประเทศนี้ตามลำพัง ญาติใกล้ชิดคนเดียวที่มีก็อยู่เสียห่างไกล และเธอก็ไม่คิดจะขอความช่วยเหลือ ไม่คิดจะเล่าให้ฟังด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าน้าจะบอกให้พ่อรู้ คราวนี้ล่ะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแน่ๆ ดีไม่ดีพ่อมาด้วยตัวเองเพื่อเอาเธอกลับบ้าน ซึ่งแน่นอนเธอยังไม่พร้อมจะกลับ ด้วยตั้งใจจะขอขยายเวลาฝึกงานในฐานะแพทย์ประจำบ้านไปอีกปีเพื่อจะได้ทำงานในแผนกนิติเวชแบบเต็มเวลา แล้วอย่างนี้จะมีทางเลือกอื่นอีกหรือ
“ยังมีอีกรูปที่อยากให้คุณดู” มือใหญ่ๆ ดึงกระดาษอีกแผ่นจากซองแล้วส่งให้
เป็นภาพถ่ายเอกสารของรูปสเก็ตช์ซึ่งไม่ชัดเจนสักเท่าไรนัก มีเพียงรูปหน้าคร่าวๆ ของผู้ชายวัยประมาณกลางคน ผมลีบลู่ติดหนังศีรษะ ดูเหมือนเปียกน้ำ รูปหน้าและองค์ประกอบของใบหน้าดูไม่มีอะไรโดดเด่น คิ้วหนา ตาฝังอยู่ลึกใต้แนวคิ้ว จมูกโด่ง งองุ้มน้อยๆ ที่ปลาย ริมฝีปากบาง ร่างไว้เพียงเลือนๆ
“รูปใครคะ”
“เพื่อนของคุณ...เอริค…”
เขาไม่พยายามออกเสียงนามสกุลอ่านยากนั้นอีก แค่นี้ก็คิดว่าหญิงสาวคงรู้แล้วว่าหมายถึงใคร
“…เขาเห็นคนร้ายไม่ชัดเพราะมืดและฝนก็กำลังตกหนัก แต่ก็พออธิบายให้เจ้าหน้าที่สเก็ตช์ภาพได้บ้าง ได้ออกมาอย่างนี้ คุณคิดว่าเคยเห็นผู้ชายในรูปนี้หรือรู้จักใครหน้าตาคล้ายๆ อย่างนี้หรือเปล่า รูปอาจไม่ชัด หน้าก็ดูโหลไปนิด แต่นี่เป็นสิ่งแรกที่ใกล้เคียงคนร้ายที่สุดเท่าที่เรามี”
วาดตะวันกลับไปพิจารณาดวงตาว่างเปล่าซึ่งฝังอยู่ลึกใต้คิ้วหนาอีกครั้ง สะกิดใจกับนัยน์ตาคู่นั้น พยายามทบทวนความทรงจำอย่างสุดความสามารถ
รอยบรรพ์ (บทที่ 8)
ขอบคุณ คุณ แอม วิเชียรฉาย, คุณ ดาบ อนุชา, น้องดาว Lady Star 919, คุณลิ ลายลิขิต, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณออม ออมอำพัน, คุณ เป่าซาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/36170552
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/36179183
ภาพถ่ายขนาดใหญ่นั้นไม่ต่างอะไรกับฝันร้าย ใบหน้าของหญิงสาวผู้ตายยับเยินเสียจนแทบไม่เห็นรูปหน้าเดิม ที่สะดุดตาที่สุดก็เหนือหว่างคิ้ว…ตรงกึ่งกลางหน้าผากพอดี…มีรอยบากในแนวตั้ง เป็นขีดสั้นๆ เพียงขีดเดียว รอยนั้นเห็นได้ชัดเจนในเมื่อเลือดถูกล้างออกจนหมดก่อนหน้า
วาดตะวันชี้ลงที่รอยบากบนนั้นเมื่อคิดว่าต้องมีความหมายอะไรสักอย่าง
“รอยนี่…”
นายตำรวจวัยกลางคนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ บนม้าบุนวมซึ่งยื่นต่อออกมาจากผนังห้องด้านที่เป็นหน้าต่าง
“เรายังเดากันไม่ออกว่าหมายความว่าอะไร แต่คิดว่าคงมีความหมายอะไรสักอย่าง ที่อยากให้คุณหมอดูก็รูปนี้”
เขาดึงภาพถ่ายขนาดเดียวกันอีกภาพออกมาจากซองสีน้ำตาล วางซ้อนลงบนภาพแรกในมือของแพทย์สาว ภาพนั้นมองออกว่าเป็นบริเวณหน้าท้องของผู้ตาย เลือดถูกล้างออกหมดแล้วเช่นกัน จึงเห็นรอยช้ำเป็นวงใหญ่กึ่งกลางท้องน้อยพอดี ที่น่าตระหนกที่สุดคือรอยบากเป็นตัวอักษร แม้จะโย้เย้ไปบ้าง แต่ก็อ่านได้ไม่ยากว่า gimme DrT*
“ดี.อาร์.ที? หมายถึงอะไรคะ” เธอหันมาถาม และเขาก็ดึงปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกพร้อมสมุดเล่มเล็ก เขียนอะไรขยุกขยิกลงบนนั้นก่อนส่งให้ดู
วาดตะวันใจหายวาบเมื่อเห็นลายมือเป็นตัวพิมพ์ว่า Dr. T. จะเป็นตัวย่อชื่อใครไปไม่ได้นอกจากเธอเอง ชื่อซึ่งทุกคนใช้เรียกเพราะออกเสียงง่ายกว่าเมื่อตัดคำว่า ‘วาด’ ออกไป คนร้ายคนนั้นรู้ว่าเธอเป็นใคร รู้จักแม้แต่ชื่อที่ใครๆ ใช้เรียก
ชัดเจนแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนวนเวียนอยู่รอบตัวเธอทั้งสิ้น ทั้งบ้านพักบนเขาซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ ทั้งผู้หญิงคนตายซึ่งเธอก็รู้จัก เคซีทำงานอยู่ในสำนักงานบ้านและที่ดินที่ไปติดต่อเช่าบ้านพัก ยิ่งกว่านั้นเธอยังเป็น ‘เหยื่อ’ รายแรกที่หลุดรอดมาได้ และนายตำรวจเจ้าของคดีนี้ทั้งสองคนก็เชื่อตรงกันว่าคนร้ายจะย้อนรอยกลับมาอีกอย่างแน่นอน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นที่ไหน และเมื่อไรเท่านั้นเอง
แต่นี่เคซีต้องมารับเคราะห์แทนเธอใช่ไหม คนร้ายทำร้ายและฆ่าหล่อนเพื่อระบายความแค้นที่เธอหลุดรอดไป และเพื่อส่งข้อความนี้มาท้าทาย
“หมายความว่า...” เสียงที่ถามแหบแห้ง ไม่กล้าแม้แต่จะจบประโยค
อีกฝ่ายจึงต่อให้ “ก็พอเดาได้ว่าคนร้ายต้องการตัวหมอ นี่เป็นสารที่ส่งผ่านมาด้วย”
นิ้วหนาๆ ชี้ลงที่ข้อความบนหน้าท้องของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในรูป
“ไม่น่าเลย” ประโยคหลังยิ่งเบาลงอีก “เขา…เอ่อ…ข่มขืนเธอหรือเปล่าคะ”
“นั่นเป็นเรื่องที่เราก็ไม่เข้าใจ กรณีนี้ไม่มีการข่มขืน ทำให้ตอนแรกที่เห็นศพ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกัน จนถอดเสื้อออกแล้วเห็นรอยสักนี้”
“เคซีตายเพราะฉันหรือคะ” คำถามนั้นเหมือนยาขมที่แทบสำลักออกมาเป็นคำพูด
“อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นเสียทีเดียวเลยหมอ” ความคุ้นเคยกันในลักษณะนั้นทำให้เขาอ่อนโยนกับหญิงสาววัยคราวลูกได้เสมอมา
“แต่นี่ก็ชัดอยู่แล้วนี่คะ” ผงกศีรษะลงบนรอยสักที่ท้องของคนตายในรูป “ที่ผ่านๆ มา เขาทำร้ายคนหนึ่งแล้วหยุดไปหลายเดือนก่อนจะทำร้ายคนต่อไป นี่สองคืนติดๆ กันเลย คนตายนี่ฉันก็รู้จัก”
คราวนี้นายตำรวจอาวุโสปิดปากเงียบ ความสุขุมและประสบการณ์นานปีทำให้รู้ขอบเขตว่าอะไรควรสรุป อะไรควรยั้งไว้ก่อน ผิดกับเพื่อนร่วมงานผู้อ่อนกว่าทั้งวัยและประสบการณ์ ฝ่ายนั้นยังคงยืนคุมเชิงอยู่เงียบเชียบข้างเตียงคนไข้ รู้มาแต่ต้น ก่อนที่จะได้ นิโคลัส มาเป็นคู่หู ว่าชายหนุ่มใจร้อน เก็บอะไรไว้กับตัวไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันในระดับหนึ่งอย่างนี้ จึงได้ขอร้องกึ่งบังคับให้สงบปากสงบคำเมื่อมาสอบปากคำแพทย์สาวอีกครั้งในคราวนี้
“อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นเลยคุณหมอ ไม่สบายใจเปล่าๆ เอาเป็นว่าตอนนี้ขอให้ระวังตัวก็แล้วกัน ดีแล้วที่หมอจะอยู่ที่นี่ไปสักพักก่อน ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป”
เธอผงกศีรษะยอมรับแต่โดยดี
“ก็คงสักสามสี่วันล่ะค่ะ นานกว่านั้นคงไม่ไหว”
เมื่ออยู่ประเทศนี้ตามลำพัง ญาติใกล้ชิดคนเดียวที่มีก็อยู่เสียห่างไกล และเธอก็ไม่คิดจะขอความช่วยเหลือ ไม่คิดจะเล่าให้ฟังด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าน้าจะบอกให้พ่อรู้ คราวนี้ล่ะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแน่ๆ ดีไม่ดีพ่อมาด้วยตัวเองเพื่อเอาเธอกลับบ้าน ซึ่งแน่นอนเธอยังไม่พร้อมจะกลับ ด้วยตั้งใจจะขอขยายเวลาฝึกงานในฐานะแพทย์ประจำบ้านไปอีกปีเพื่อจะได้ทำงานในแผนกนิติเวชแบบเต็มเวลา แล้วอย่างนี้จะมีทางเลือกอื่นอีกหรือ
“ยังมีอีกรูปที่อยากให้คุณดู” มือใหญ่ๆ ดึงกระดาษอีกแผ่นจากซองแล้วส่งให้
เป็นภาพถ่ายเอกสารของรูปสเก็ตช์ซึ่งไม่ชัดเจนสักเท่าไรนัก มีเพียงรูปหน้าคร่าวๆ ของผู้ชายวัยประมาณกลางคน ผมลีบลู่ติดหนังศีรษะ ดูเหมือนเปียกน้ำ รูปหน้าและองค์ประกอบของใบหน้าดูไม่มีอะไรโดดเด่น คิ้วหนา ตาฝังอยู่ลึกใต้แนวคิ้ว จมูกโด่ง งองุ้มน้อยๆ ที่ปลาย ริมฝีปากบาง ร่างไว้เพียงเลือนๆ
“รูปใครคะ”
“เพื่อนของคุณ...เอริค…”
เขาไม่พยายามออกเสียงนามสกุลอ่านยากนั้นอีก แค่นี้ก็คิดว่าหญิงสาวคงรู้แล้วว่าหมายถึงใคร
“…เขาเห็นคนร้ายไม่ชัดเพราะมืดและฝนก็กำลังตกหนัก แต่ก็พออธิบายให้เจ้าหน้าที่สเก็ตช์ภาพได้บ้าง ได้ออกมาอย่างนี้ คุณคิดว่าเคยเห็นผู้ชายในรูปนี้หรือรู้จักใครหน้าตาคล้ายๆ อย่างนี้หรือเปล่า รูปอาจไม่ชัด หน้าก็ดูโหลไปนิด แต่นี่เป็นสิ่งแรกที่ใกล้เคียงคนร้ายที่สุดเท่าที่เรามี”
วาดตะวันกลับไปพิจารณาดวงตาว่างเปล่าซึ่งฝังอยู่ลึกใต้คิ้วหนาอีกครั้ง สะกิดใจกับนัยน์ตาคู่นั้น พยายามทบทวนความทรงจำอย่างสุดความสามารถ