ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณลิ ลายลิขิต, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ เป่าชาง, คุณซูซี่ Susisiri, คุณออม ออมอำพัน, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36164577
บทที่ 6
เสี้ยววินาทีต่อมามือใหญ่ๆ คว้าคอเสื้อกันหนาวทางด้านหลังแล้วกระชากอย่างไม่ปรานีปราศรัย ปกเสื้อตัวในรัดลำคอตัดทางเดินของลมหายใจเข้าออก วาดตะวันสำลัก รู้สึกถึงอีกมือที่คว้าแขนแล้วลากกลับมาข้างหลัง ได้ยินเสียงสบถหยาบๆ คายๆ วาดตะวันดิ้นสุดฤทธิ์ ทั้งดิ้น ทั้งเตะ สองแขนป่ายเปะปะเมื่อถูกจับให้หันไปหาหมัดลุ่นๆ ที่กระแทกลงบนปากครึ่งจมูกครึ่ง ทั้งหน้าผงะหงายไปข้างหลัง
หมัดเดียวนั้นทำเอามึน แขนขาอ่อนเปลี้ยไปพร้อมกัน เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนทั้งตัวถูกกระชากอีกครั้ง พยายามต่อสู้อีก และหลังมือสากๆ ก็ฟาดลงมาอย่างรุนแรงที่ข้างแก้ม แสงสว่างวาบปลาบเข้ามาในดวงตา หูอื้อจนไม่ได้ยินอะไรไปชั่วขณะ
แต่เธอก็ไม่ยอมหมดฤทธิ์ง่ายๆ อย่างดีก็แค่ตาย นิ้วมือทั้งสิบนิ้วเกร็งเขม็ง แล้วข่วนไปบนใบหน้าที่เห็นรางๆ ในความมืด ผลคือกำปั้นอัดอย่างหนักหน่วงเข้าที่ท้อง คราวนี้ร่างบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้น หูตาพร่าพราย สติวูบหายไปพักหนึ่ง
มีแสงอะไรบางอย่างสาดจ้าแทรกฝ่าความมืด ได้ยินเหมือนเสียงเครื่องยนต์ หรือเธอคิดไปเอง ในจิตสำนึกที่คงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด มีความรู้สึกเหมือนถูกกระชาก แล้วทั้งร่างถูกเหวี่ยง จากนั้นก็เหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง แล้วตกลงมาจากเบื้องสูง
ไม่มีแรงประคับประคองตัวเองหรือต่อต้านอะไรอีกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้ถูกดึงถูกกระชาก มารู้สึกตัวครึ่งๆ กลางๆ อีกทีก็ลงไปกองอยู่กับพื้นเปียกๆ เยียบเย็นจนร้าวเข้าไปในทรวงอก ได้ยินเสียงตึกตักของอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกล มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ใครจะเจ็บก็ไม่รู้แหละ สมองมึนตึ้อและไม่รับรู้เรื่องราวอะไรอีกแล้ว
จนในที่สุดก็ได้ยินเสียงทุ้มๆ ที่เริ่มคุ้นเคย...นุ่มนวลและปลอบประโลม เสียงนั้นกระซิบบอก
“หมอตะวัน...คุณไม่เป็นไรแล้ว คุณปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องพยายามลืมตาหรอก”
เธอกำลังพยายามลืมตาหรือ ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอย่างนั้น
เสียงครางอ่อนหวิว คิดว่าจำเสียงเขาได้ แต่ก็ไม่แน่ใจ
“เอริค?”
รู้สึกเหมือนทั้งตัวลอยขึ้นสูง ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความหนาวเย็น สบายจนไม่คิดจะทำอะไรอีก ไม่แม้จะลืมตาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
จะหมดสติไปนานแค่ไหนแพทย์สาวไม่อาจรู้ได้ พอพยายามลืมตาอีกครั้งก็ได้ยินเสียงพูดคุยกัน เสียงเหมือนคนหลายคนตะโกนให้โหวกเหวกไปหมด หนังตาหนักอึ้ง เจ็บร้าวไปทั้งตัว เจ็บแปลบที่หัวคิ้วจนต้องฝืนปรือตาขึ้นดู
คนแรกที่เห็นคือคนซึ่งเธอจำได้ดี หล่อนสบตาเธออย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไรนัก เสียงห้าวๆ จากอีกด้านทำเอาตกใจแทบสิ้นสติไปอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ยังมึนงงและเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ก็ยังฝืนพลิกศีรษะไปทางนั้น
“ตรวจหาร่องรอยข่มขืนด้วยใช่ไหม”
คำๆ เดียวนั้นทำเอาวาดตะวันตาสว่างทันที เธอตะโกนถามสุดเสียง
“เฮ้ย ทำไมต้องตรวจหาร่องรอยข่มขืน” ไม่รู้ตัวเลยว่าที่ตะโกนไปนั้นเป็นภาษาไทย
แต่เสียงนั้นคงเบามากเพราะเห็นผู้หญิงทางฝั่งขวาก้มลงหาจนใกล้
“ว่าไงนะหมอ”
“ฉันไม่ได้ถูกข่มขืน” เธอร้องบอกเสียงสั่น
พยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วใจหาย มีหลายช่วงตอนที่จำอะไรไม่ได้ และอีกหลายช่วงที่จำได้เพียงรางเลือน ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ประโยคต่อมาจึงอ่อนระโหย
“หรือว่า...ฉันถูกข่มขืนหรือ” อุทานชื่อเดียวที่เรียกความอุ่นใจให้กลับคืนมาได้ในเวลานี้ เธอต้องการคำยืนยันจากเขา
“เอริค”
วาดตะวันยันตัวลุกนั่งอย่างลำบากยากเย็น แพทย์ฝึกหัดหนุ่มและพยาบาลสาวใหญ่ถลาเข้ามาจับไหล่แล้วกดเบาๆ เพื่อให้กลับลงนอน แต่เธอไม่สนใจ ฝืนตัวนั่งจนได้ สบนัยน์ตาสีน้ำทะเลของคนซึ่งยืนอยู่ปลายเตียงอย่างจะเอาเรื่อง อาการมึนงงหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ก็ทำไมต้องตรวจด้วยล่ะ ฉันไม่ได้ถูกข่มขืนสักหน่อย”
ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดกับตัวเองจริงมีหรือจะไม่รู้ ในขณะที่มีบาดแผลแทบจะทั่วทั้งตัว ทั้งเจ็บทั้งขัดยอกจนไม่รู้แล้วว่าตรงไหนเป็นแผลเกิดจากอะไรบ้าง แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติบริเวณนั้นเลยแม้แต่น้อยนิด ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องอย่างนี้มาก่อนก็เถอะ มันก็พอบอกกันได้อยู่หรอกถ้ามีอะไรจริงๆ
นายตำรวจหนุ่มชี้ไปทางคนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าคนนี้ต่างหากที่เป็นคนสั่ง
หญิงสาวเบี่ยงเบนสายตาคาดคั้นไปทางนั้นแทน และฝ่ายนั้นก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรต้องปิดบัง ว่าไปตามจริง ในฐานะแพทย์ประจำบ้านซึ่งทำงานในห้องฉุกเฉินและเป็นผู้ชันสูตรศพผู้ตายสองคน เธอมีส่วนร่วมรู้เห็นเรื่องนี้อยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
“เราสงสัยว่าเป็นคนร้ายที่กำลังตามล่าตัวอยู่ไงล่ะหมอตะวัน วิธีการใกล้เคียงกันหลายอย่าง ก็เลยต้องให้แน่ใจว่าเขาทันได้ข่มขืนหมอหรือเปล่า เพราะนั่นจะเป็นหลักฐานยืนยันด้วยอีกทาง”
ใจหายวาบเมื่อรู้อย่างนั้น แพทย์สาวลืมอาการบาดเจ็บของตัวไปเลย
“หมายถึงคนร้ายที่ข่มขืนผู้หญิงหรือคะ”
นี่เธอใกล้ความตายขนาดนั้นเลยหรือ ผู้หญิงสองคนหลังที่ถูกคนร้ายคนนั้นข่มขืนต่างก็ถูกซ้อมจนตายอย่างทารุณทั้งคู่ เธอเองที่เป็นคนชันสูตรศพ และถ้าพิจารณาบาดแผลตามที่เห็นแล้วมาเทียบกับแผลของตัวเอง ก็เป็นไปได้ว่าเธอถูกผู้ชายคนเดียวกันทำร้าย นักจิตวิทยาที่ปรึกษาของแผนกอาชญากรรมเคยบอกว่าคนร้ายคนนี้มีความเกลียดชังผู้หญิงชนิดฝังรากลึก การข่มขืนและการทำร้ายร่างกายในแบบที่เพิ่งประสบกับตัวเองเข้าลักษณะนั้นจริงๆ จำได้เลือนๆ ว่ายิ่งสู้ ผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งหัวเสีย ความรุนแรงที่แสดงออกมาจากความโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้มากกว่าอะไรอื่น ถ้านั่นเป็นคนร้ายคนเดียวกับที่ก่อคดีมาร่วมปีแล้วจริง การตรวจหาร่องรอยข่มขืนจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ก็เลยต้องยอมแต่โดยดี
“เข้าใจแล้วค่ะ”
สบตาพยาบาลสูงวัยซึ่งยังคงรีๆ รอๆ อยู่บริเวณนั้นเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าต้องการให้หล่อนนั่นแหละเป็นคนตรวจให้ การตรวจหาร่องรอยข่มขืนและเก็บตัวอย่างสิ่งตกค้างภายในนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ปกติหมอจะให้พยาบาลทำแทนอยู่แล้ว เธอเองก็เคยทำและเข้าใจขั้นตอนเหล่านั้นได้ดี
“เราจะออกไปคอยข้างนอก”
รอยบรรพ์ (บทที่ 6)
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณลิ ลายลิขิต, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ เป่าชาง, คุณซูซี่ Susisiri, คุณออม ออมอำพัน, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36127426
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36134360
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36141907
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36149284
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36156203
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36164577
เสี้ยววินาทีต่อมามือใหญ่ๆ คว้าคอเสื้อกันหนาวทางด้านหลังแล้วกระชากอย่างไม่ปรานีปราศรัย ปกเสื้อตัวในรัดลำคอตัดทางเดินของลมหายใจเข้าออก วาดตะวันสำลัก รู้สึกถึงอีกมือที่คว้าแขนแล้วลากกลับมาข้างหลัง ได้ยินเสียงสบถหยาบๆ คายๆ วาดตะวันดิ้นสุดฤทธิ์ ทั้งดิ้น ทั้งเตะ สองแขนป่ายเปะปะเมื่อถูกจับให้หันไปหาหมัดลุ่นๆ ที่กระแทกลงบนปากครึ่งจมูกครึ่ง ทั้งหน้าผงะหงายไปข้างหลัง
หมัดเดียวนั้นทำเอามึน แขนขาอ่อนเปลี้ยไปพร้อมกัน เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนทั้งตัวถูกกระชากอีกครั้ง พยายามต่อสู้อีก และหลังมือสากๆ ก็ฟาดลงมาอย่างรุนแรงที่ข้างแก้ม แสงสว่างวาบปลาบเข้ามาในดวงตา หูอื้อจนไม่ได้ยินอะไรไปชั่วขณะ
แต่เธอก็ไม่ยอมหมดฤทธิ์ง่ายๆ อย่างดีก็แค่ตาย นิ้วมือทั้งสิบนิ้วเกร็งเขม็ง แล้วข่วนไปบนใบหน้าที่เห็นรางๆ ในความมืด ผลคือกำปั้นอัดอย่างหนักหน่วงเข้าที่ท้อง คราวนี้ร่างบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้น หูตาพร่าพราย สติวูบหายไปพักหนึ่ง
มีแสงอะไรบางอย่างสาดจ้าแทรกฝ่าความมืด ได้ยินเหมือนเสียงเครื่องยนต์ หรือเธอคิดไปเอง ในจิตสำนึกที่คงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด มีความรู้สึกเหมือนถูกกระชาก แล้วทั้งร่างถูกเหวี่ยง จากนั้นก็เหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง แล้วตกลงมาจากเบื้องสูง
ไม่มีแรงประคับประคองตัวเองหรือต่อต้านอะไรอีกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้ถูกดึงถูกกระชาก มารู้สึกตัวครึ่งๆ กลางๆ อีกทีก็ลงไปกองอยู่กับพื้นเปียกๆ เยียบเย็นจนร้าวเข้าไปในทรวงอก ได้ยินเสียงตึกตักของอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกล มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ใครจะเจ็บก็ไม่รู้แหละ สมองมึนตึ้อและไม่รับรู้เรื่องราวอะไรอีกแล้ว
จนในที่สุดก็ได้ยินเสียงทุ้มๆ ที่เริ่มคุ้นเคย...นุ่มนวลและปลอบประโลม เสียงนั้นกระซิบบอก
“หมอตะวัน...คุณไม่เป็นไรแล้ว คุณปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องพยายามลืมตาหรอก”
เธอกำลังพยายามลืมตาหรือ ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอย่างนั้น
เสียงครางอ่อนหวิว คิดว่าจำเสียงเขาได้ แต่ก็ไม่แน่ใจ
“เอริค?”
รู้สึกเหมือนทั้งตัวลอยขึ้นสูง ความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความหนาวเย็น สบายจนไม่คิดจะทำอะไรอีก ไม่แม้จะลืมตาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
จะหมดสติไปนานแค่ไหนแพทย์สาวไม่อาจรู้ได้ พอพยายามลืมตาอีกครั้งก็ได้ยินเสียงพูดคุยกัน เสียงเหมือนคนหลายคนตะโกนให้โหวกเหวกไปหมด หนังตาหนักอึ้ง เจ็บร้าวไปทั้งตัว เจ็บแปลบที่หัวคิ้วจนต้องฝืนปรือตาขึ้นดู
คนแรกที่เห็นคือคนซึ่งเธอจำได้ดี หล่อนสบตาเธออย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไรนัก เสียงห้าวๆ จากอีกด้านทำเอาตกใจแทบสิ้นสติไปอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ยังมึนงงและเจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ก็ยังฝืนพลิกศีรษะไปทางนั้น
“ตรวจหาร่องรอยข่มขืนด้วยใช่ไหม”
คำๆ เดียวนั้นทำเอาวาดตะวันตาสว่างทันที เธอตะโกนถามสุดเสียง
“เฮ้ย ทำไมต้องตรวจหาร่องรอยข่มขืน” ไม่รู้ตัวเลยว่าที่ตะโกนไปนั้นเป็นภาษาไทย
แต่เสียงนั้นคงเบามากเพราะเห็นผู้หญิงทางฝั่งขวาก้มลงหาจนใกล้
“ว่าไงนะหมอ”
“ฉันไม่ได้ถูกข่มขืน” เธอร้องบอกเสียงสั่น
พยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วใจหาย มีหลายช่วงตอนที่จำอะไรไม่ได้ และอีกหลายช่วงที่จำได้เพียงรางเลือน ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ประโยคต่อมาจึงอ่อนระโหย
“หรือว่า...ฉันถูกข่มขืนหรือ” อุทานชื่อเดียวที่เรียกความอุ่นใจให้กลับคืนมาได้ในเวลานี้ เธอต้องการคำยืนยันจากเขา
“เอริค”
วาดตะวันยันตัวลุกนั่งอย่างลำบากยากเย็น แพทย์ฝึกหัดหนุ่มและพยาบาลสาวใหญ่ถลาเข้ามาจับไหล่แล้วกดเบาๆ เพื่อให้กลับลงนอน แต่เธอไม่สนใจ ฝืนตัวนั่งจนได้ สบนัยน์ตาสีน้ำทะเลของคนซึ่งยืนอยู่ปลายเตียงอย่างจะเอาเรื่อง อาการมึนงงหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ก็ทำไมต้องตรวจด้วยล่ะ ฉันไม่ได้ถูกข่มขืนสักหน่อย”
ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดกับตัวเองจริงมีหรือจะไม่รู้ ในขณะที่มีบาดแผลแทบจะทั่วทั้งตัว ทั้งเจ็บทั้งขัดยอกจนไม่รู้แล้วว่าตรงไหนเป็นแผลเกิดจากอะไรบ้าง แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติบริเวณนั้นเลยแม้แต่น้อยนิด ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องอย่างนี้มาก่อนก็เถอะ มันก็พอบอกกันได้อยู่หรอกถ้ามีอะไรจริงๆ
นายตำรวจหนุ่มชี้ไปทางคนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าคนนี้ต่างหากที่เป็นคนสั่ง
หญิงสาวเบี่ยงเบนสายตาคาดคั้นไปทางนั้นแทน และฝ่ายนั้นก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรต้องปิดบัง ว่าไปตามจริง ในฐานะแพทย์ประจำบ้านซึ่งทำงานในห้องฉุกเฉินและเป็นผู้ชันสูตรศพผู้ตายสองคน เธอมีส่วนร่วมรู้เห็นเรื่องนี้อยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
“เราสงสัยว่าเป็นคนร้ายที่กำลังตามล่าตัวอยู่ไงล่ะหมอตะวัน วิธีการใกล้เคียงกันหลายอย่าง ก็เลยต้องให้แน่ใจว่าเขาทันได้ข่มขืนหมอหรือเปล่า เพราะนั่นจะเป็นหลักฐานยืนยันด้วยอีกทาง”
ใจหายวาบเมื่อรู้อย่างนั้น แพทย์สาวลืมอาการบาดเจ็บของตัวไปเลย
“หมายถึงคนร้ายที่ข่มขืนผู้หญิงหรือคะ”
นี่เธอใกล้ความตายขนาดนั้นเลยหรือ ผู้หญิงสองคนหลังที่ถูกคนร้ายคนนั้นข่มขืนต่างก็ถูกซ้อมจนตายอย่างทารุณทั้งคู่ เธอเองที่เป็นคนชันสูตรศพ และถ้าพิจารณาบาดแผลตามที่เห็นแล้วมาเทียบกับแผลของตัวเอง ก็เป็นไปได้ว่าเธอถูกผู้ชายคนเดียวกันทำร้าย นักจิตวิทยาที่ปรึกษาของแผนกอาชญากรรมเคยบอกว่าคนร้ายคนนี้มีความเกลียดชังผู้หญิงชนิดฝังรากลึก การข่มขืนและการทำร้ายร่างกายในแบบที่เพิ่งประสบกับตัวเองเข้าลักษณะนั้นจริงๆ จำได้เลือนๆ ว่ายิ่งสู้ ผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งหัวเสีย ความรุนแรงที่แสดงออกมาจากความโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้มากกว่าอะไรอื่น ถ้านั่นเป็นคนร้ายคนเดียวกับที่ก่อคดีมาร่วมปีแล้วจริง การตรวจหาร่องรอยข่มขืนจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ก็เลยต้องยอมแต่โดยดี
“เข้าใจแล้วค่ะ”
สบตาพยาบาลสูงวัยซึ่งยังคงรีๆ รอๆ อยู่บริเวณนั้นเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าต้องการให้หล่อนนั่นแหละเป็นคนตรวจให้ การตรวจหาร่องรอยข่มขืนและเก็บตัวอย่างสิ่งตกค้างภายในนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ปกติหมอจะให้พยาบาลทำแทนอยู่แล้ว เธอเองก็เคยทำและเข้าใจขั้นตอนเหล่านั้นได้ดี
“เราจะออกไปคอยข้างนอก”