ผมนัดกับเพื่อนจะคุยงานกัน ถามมันว่าจะเจอกันที่ไหน เพื่อนบอกไปร้านไอ้อ้อ (เพื่อนอีกคนนึง) กันมั้ย มันเพิ่งเปิดร้านขายของกินอยู่แถวๆตลาดราชวัตร ก็เลยตกลงไปเจอกันที่ร้าน


เป็นร้านตึกแถวห้องเดียวเล็กๆ แถมมีต้นไม้กทม.อยู่หน้าร้านอีก ขับรถมาไม่สังเกตุหาไม่เจอแน่นอน


ตำแหน่งร้านขับเลยตลาดราชวัตรมุ่งหน้าศรีย่าน ตลาดอยู่ซ้ายมือ ผ่านแยกไฟแดงไป เจอสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการอยู่ขวามือซ้ายมือเป็นร้านโกชาชัก เลยไปประมาณ 4-5 ห้องแถวก็จะเจอร้านชื่อ “กระบอกแก้ว” ติดกับเซเว่นอีเลเว่น


    ร้านนี้เคยไปขายอยู่ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมอยู่พักนึง แล้วยังไงไม่รู้เหมือนกันถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ ใครอยากรู้ถามเจ้าของร้านดูล่ะกันนะครับ มาว่ากันที่อาหารที่มีขายกันเลยดีกว่า...

    เมนูแรก “ปลาช่อนกระบอก” หรือปลาช่อนลอดถ้ำ ใช้ปลาช่อนขนาดประมาณ 7-8 ขีด คลุกกับเครื่องสมุนไพรพวกข่า, ตะไคร้, ใบมะกรูด ปรุงรสตามสูตรของร้าน หมักไว้ให้เข้าเนื้อแล้วเอามาใส่ในกระบอกไม้ไผ่ทั้งปลาทั้งเครื่องหมักนั่นแหละ



ปิดฝาให้เรียบร้อยแล้วเอามาอังไฟให้ค่อยๆระอุจนสุกได้ที่ ด้วยวิธีนี้เนื้อปลาที่ได้จะมีความฉ่ำและหวานจากรสของเนื้อปลาเอง และคุณค่าสารอาหารต่างก็จะยังอยู่ไม่สลายไปกับความร้อนหรือน้ำมันอย่างเช่นการทอด น้ำที่เกิดจากการปรุงในกระบอกเค้าจะเสริฟแยกมาให้ด้วย เอาไว้ราดตัวปลาให้เกิดความชุ่มฉ่ำเพิ่มขึ้นและรสชาติที่จัดจ้านขึ้นไปอีก ทานคู่กับผักและน้ำจิ้มรสแซ่บ จัดเป็นเมนูเพื่อสุขภาพดีๆเมนูนึงเลย




    เมนูต่อไปครับ “ปูกระบอก” ใช่แล้วครับ วิธีเดียวกันกับปลาช่อนกระบอกนั่นแหละแต่เปลี่ยนวัตถุดิบเป็นปูเนื้อแทน ใช้ปูขนาดสามตัวโล หนึ่งกระบอกใช้ปูหนึ่งกิโลใช่ครับ กระบอกจะใหญ่กว่าปลาช่อนนิดหน่อย คลุกเคล้าและหมักสมุนไพรจนเข้าที่แล้วนำมาใส่กระบอก



อังไฟให้ความร้อนระอุขึ้นมาจนสุกเช่นเดียวกัน พอถึงตอนนี้ขาทานปูจริงจังอาจมีคำถามขึ้นมาว่า แล้วกระดองปูไปไหน? ไม่ได้ไปไหนครับ เค้าเอามาปิ้งให้มันปูสุกได้ที่ แล้วเอามาเสริฟพร้อมหอมแดง, มะนาว, พริกขี้หนู แยกมาต่างหาก


สามารถเอามาคลุกข้าวสวยร้อนๆกินให้ฟินกันไปข้างนึงเลย (รูปประกอบเอามาจากเพจร้าน)

    เมนูที่สามตามมาติดๆครับ เป็นเมนูเด็ดจากเมืองโคราช “ไก่กะเต็ด” ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ แต่อร่อยแน่ๆ ในภาษาโคราช “กะเต็ด” หมายถึงการเขย่าของที่อยู่ในหม้อให้โดนความร้อนทั่วๆกัน ถ้าเป็นคนรุ่นเก่าทีเคยเห็นการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำสมัยก่อนที่จะมีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าน่าจะนึกภาพออก พอข้าวเดือดเอาไม้ขัดหม้อมาขัดไว้ (ไม้นี้นอกจากจะใช้ขัดหม้อแล้วยังใช้ตีลูกได้เจ็บแสบยิ่งนัก อันนี้จากประสบการณ์ตรง) รินน้ำข้าวออก แล้วจะมีการเขย่าหม้อข้าวซักนิดหน่อยให้ข้าวมันร่วนๆ แบบเดียวกันเลยครับ




เค้าใช้ไก่อ่อนหนึ่งตัวหมักกับเครื่องปรุงสมุนไพรอีกเช่นเดิม ปรุงรสแล้วหมักไว้ให้เข้าเนื้อ เมื่อพร้อมแล้วในหม้อจะวางใบยอและตะไคร้ลงไปก่อน ที่ต้องมีสองสิ่งนี้เพราะตะไคร้จะเพิ่มความหอม ใบยอจะช่วยให้เนื้อไก่ไม่ไหม้ติดก้นหม้อในตอนที่ตั้งไฟ แล้วค่อยนำไก่ที่หมักแล้วเรียงลงไป ปิดฝาหม้อตั้งไฟอ่อนแล้วคอยเขย่าไปเรื่อยๆจนสุกทั่วกัน การปรุงด้วยวิธีนี้เนื้อไก่จะนุ่มจากการถูกเขย่าและฉ่ำไปด้วยน้ำปรุงรสและน้ำที่ออกมาจากเนื้อไก่เองเวลาได้รับความร้อน รสชาติต่างๆจึงถูกเก็บกักไว้ไม่สูญหายไปไหน



ใบยอที่ปูไว้ก้นหม้อสามารถนำมาทานแกล้มกับไก่ได้สบายๆเสริฟกับน้ำจิ้มรสเด็ดของทางร้าน จะทานเป็นกับข้าวหรือจะทานเป็นกับแกล้ม อันนี้แล้วแต่ชอบเลยครับ

    เมนูที่สี่ “ปูกะเต็ด” ใช่แล้วครับ เหมือนไก่กะเต็ดทุกอย่างแต่เปลี่ยนจากไก่เป็นปูม้าแทนใช้ปูม้าขนาด 5 ตัวโล



หนึ่งที่ใช้ปูหนึ่งกิโล ทำวิธีเดียวกันเด๊ะๆเลยครับแต่ใช้ตะไคร้รองก้นหม้ออย่างเดียวไม่ได้ใส่ใบยอ สายซีฟู้ดน่าจะถูกใจเมนูนี้


    เมนูที่ห้า “เมี่ยงปลาดุกย่างไร้ก้าง” อันนี้คอปลาดุกไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เนื้อปลาดุกล้วนๆเลาะก้างออกปรุงรสแล้วย่างให้หอม กินแกล้มกับผักและน้ำจิ้มรสเยี่ยม


    นอกจากนี้ ที่ร้านจะมีเมนูข้าวหน้าต่างๆไว้ให้บริการด้วย
    - ข้าวหน้าคั่วกลิ้งเบค่อนหมูสับ
    - ข้าวหน้าหมูคุโรบุตะ
    - ข้าวหน้าแซลม่อน
    - ข้าวหน้าปลาซาบะ
    - ข้าวหน้าปลาดุก    อันนี้ถือว่าเด็ด ปลาไหลก็ปลาไหลเถอะ เจอปลาดุกเข้าไปยังต้องยอม...


    เมนูปูทั้งสองอย่างต้องสั่งล่วงหน้านะครับ เพราะทางร้านไม่ได้สต็อคปูสดไว้ที่ร้าน จะรับออเดอร์มาแล้วรุ่งขึ้นถึงจะไปเอาปูเป็นกลับมาปรุงที่ร้าน รูปปูกระบอกจึงไปเอามาจากเพจร้าน ส่วนปูกะเต็ดโชคดีที่เจ้าของร้านเอาปูสดมาเผื่อไว้กินเองจึงโดนโจรอย่างเราปล้นไปในที่สุด

วันนั้นค่าเสียหายมี ปลาช่อนกระบอก 260 + ไก่กะเต็ด 220 + ปูกะเต็ด 600 + ข้าวหน้าปลาดุก 2 กล่อง 110 ปลาช่อนฟูอันนั้นลองชิม ไม่จ่ายตังค์ 555 ค่าอาหารเบ็ดเสร็จทั้งหมด 1,190 บาท ปูม้าโลนึง, ปลาช่อนตัวนึง, ไก่ตัวนึง สำหรับผมถือว่าโอเค อันนี้ไม่รวมค่าเครื่องดื่มมีฟองที่มีเฮียร้านข้างๆคอยเดินเอามาเติมให้ตลอด เพราะน่าจะแพงแซงหน้าค่าอาหารไปเยอะ

    ที่ร้านมีบริการส่งอาหารผ่าน app lalamove ครับ แนะนำว่าสั่งไปทานที่บ้านง่ายกว่า หน้าร้านค่อนข้างเล็กและหายาก อาหารใช้เวลาทำค่อนข้างนาน ยกเว้นข้าวหน้าต่างๆ ที่จอดรถต้องวัดดวงเอา สั่งผ่าน app เสียค่าส่งแล้วนั่งรอกินบางทีอาจจะถูกกว่าขับรถมากินเองนะครับ ช่องติดต่อกับทางร้านครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/fishinsidebamboo/
สั่งอาหารได้ทาง line ID 0970952587
หรือโทร. 0867066165, 0836851140, 0815544110
*แก้ไขวรรคตอน