ธรรม แท้จริงคืออะไรกันแน่

สวัสดีครับ
ผมลองปฏิบัติ ในด้านของ สัจจานุโลมิกญาณ
ไปเรื่อยๆ  จับอารมณ์จิต และ วิญญาณ
ไขว้สำหรับไปมา ความรู้สึกคล้าย กับ ภพชาติ ก่อนๆ
ก่อนจะมาปัจุบันมันก็ดับลงไปเรื่ิอยๆๆๆ

อย่างเราจับอารมณ์นึงขึ้นมา ทำ สัจจานุโลมิกญาณ
สลับไปมา ก็จะเห็นว่า อารมณ์นี้ จิตนี้ มันเกิดมันดับยังไง สามารถสืบสาวราวเรื่องของที่มาในอารมณ์นั้น
ข้ามภพข้ามชาติยาวเหยียด

เป็นการปฏิบัติที่ผมชอบและตรงจริตมาก
เพราะมันไม่ต้องมีบัญญัติ มี รูปธรรม อะไรมาฉุดรั้งจิตเลย มีความเป็นอิสระ ว่าง และเบาสบาย


แต่พอเล่นสลับไปมาเรื่อยๆ มันก็ไม่จบ
พอใช้กำลังของสมาธิ ตัดสัญญา และ อวิชาทั้งหลาย
รูปนามธาตุขันธ์ ทุบกะจาย

พอไปจนสุดแล้ว มันก็เจอกับโจทย์เก่า
ที่ผมเคยตั้งไปเป็นกระทู้เเรก เรื่องกสิณ
คือดวงแก้วข้างในหน้าผาก ที่ไม่ว่าจะย่อจะกำจัดยังไง
มันก็ไม่มีวันสลายหายไปได้
เพราะดวงแก้วนี้เองที่ทำให้ผมไม่สามารถ เล่นกสิณอะไรตามชอบใจได้ เพราะมันไม่ยอมให้ครอบงำเลย
พอตั้งกสิณจะครอบไว้ มันก็กระโดดออกมาเป็นอาทิสมานกายในรูปขอบฤาษีบ้าง พาหรมณ์บ้าง อะไรทำนองนี้  


ดวงแก้ว ดวงนี้ผมก็ไม่รู้เรียกว่าอะไร
พอทำจนสุดความสามารถแล้ว
ไม่สามารถเอาชนะได้
ก็ต้องยอมศิโรราบให้เขา

ทันทีที่จิตยอมลงดวงแก้วก็ค่อยๆหายไป
กลายเป็นเห็นสภาวะนึง เป็นสภาวะแห่งสัจจะ
เป็นความจริงสูงสุด เป็นองค์ธรรมบริสุทธิ์เเท้
ที่ดำรงอยู่มาโดยตลอด  เป็นความรัก
เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในความไม่มี
เว้นแต่จะมีผู้มาเคลื่อนให้ปรากฏ
ออกเป็นรูปลักษณ์ต่างๆกันไป
แต่เบื้องหลังคือสภาวะนี้ ดำรงซ่อนเล้นอยู่


หัวใจขณะนั้นก็มีแต่ความอิ่มเอม นอบน้อม กับสิ่งนี้
ความทะยานอยากในใจก็ค่อยๆทุเลา
เหลือแต่ความนบนอบ อยากจะสลายหายกลืนไปรวมกับสภาวะนี้เหลือเกินครับ


แต่ผมก็ไม่ได้บรรลุอะไรนะครับ
ออกจากสมาธิมาก็ยัง
มีกิเลสเหมือนเดิม แต่ก็พอมีสติระลึกได้
กิเลสอารมณ์มันก็เบาลง

ถ้าท่านใดอ่านแล้วไม่ถูกใจ
ก็ขอโทษด้วยนะครับ
ผมก็พิมพ์ไปตามความเป็นจริง
ไม่มีความรู้ทางบาลีอะไรเลย
ไม่มีเจตนาจะอวดอะไร

แต่ปฏิบัติคนเดียวแล้วมันเหงา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่