ฤดูกาลที่เปลี่ยนไป วัตถุดิบก็เปลี่ยนไป เมื่อยามซากุระผลิบาน ผมแวะเวียนมา
Kuon No tsuki ร้าน
Kappo ที่ผมชอบที่สุดในไทย ที่นี่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูมากนักสำหรับหลายๆคนแต่สำหรับผู้ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเช่นผมแล้วที่นี่คงเป็นร้านประจำของหลายๆท่าน และเป็นหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในไทยอย่างไม่ต้องสงสัย
Kappo เป็นอาหาร
omakase ที่เราจะไว้ใจเชฟให้จัดเตรียมอาหารทั้งหมด โดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลเหมือนSushi Omakase ต่างกันที่ร้าน kappoส่วนใหญ่นั้นจะไม่มีซูชิเลยหรือมีน้อยมาก โดยส่วนมากจะเป็นอาหารที่ปรุงอย่างปราณีตทั้ง จานเรียกน้ำย่อย ซาชิมิ ต้ม ทอด ซุป จานย่าง ข้าวและขนมหวาน ซึ่งต้องอาศัยฝีมือเชฟที่รอบด้านมากกว่าแค่ซูชิ
ตอนนี้ร้านมีเฉพาะแค่ Kappou แล้ว มีสองคอร์สคือ 5000++ และ 7500++ อย่างที่ผมได้รับประทานในวันนี้ หรือถ้าใครอยากประหยัดทางร้านมีคอร์ส 4000++ ในเวลากลางวันด้วยครับ คอร์ส7500++ นี้เพิ่มจากอีกคอร์สนึงแค่สามจาน อาจจะดูโหดร้ายแต่วัตถุดิบที่ใช้นั้นก็แตกต่างกัน และรวมทั้งปริมาณที่ให้นั้นเรียกว่าจุใจสุดๆ
ด้วยความที่ไม่ได้มีแค่sushi ทำให้เราสามารถรับประทานอะไรได้หลากหลายมากกว่า วัตถุดิบจากญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีดีแค่ซีฟู้ดต่างๆแล้วยังมีวัตถุดิบดีๆจากพื้นดินอีกด้วย เห็ดต่างๆหรือผัก ที่หลายอย่างแพงกว่าปลาในร้านomakaseอีกนะ อย่างในวันนี้นอกจากพวกเนื้อkuroge wagyu หรือ uni แล้วเรายังได้ลองวัตถุดิบตามฤดูกาลอย่าง Shin tamaneki (หัวหอมใหม่) ,Takenokoจากคุมาโมโตะ (หน่อไม้ญี่ปุ่นสด หัวนึงนี้แพงมาก) หรือจะเป็นกุ้งซากุระและotaru ika จากtoyama ที่ประทับใจสุดเห็นจะเป็น fugu ผมไม่เคยเจอร้านไหนในไทยเสริฟ์ ปลาตัวนี้เลยครับซึ่งเชฟทำออกมาอร่อยได้เกินความคาดหมายของร้านที่ไม่ใช่ร้านfuguเฉพาะทาง หรือจะเป็น Hanasansho ดอกซานโชะวัตถุดิบชั้นสูงของฤดูใบไม้ผลิที่เเค่หัวเท่าบล็อคโคลี่ก็หลายพันเเล้ว ร้านในไทยที่กล้าเสริฟ์นี้มีไม่กี่ร้านครับ
อีกจุดเด่นที่ผมชอบในร้านนี้คือความจริงใจที่ผมสัมผัสได้จากการพูดคุยกับเชฟคือเชฟตั้งใจจะเสริฟ์ของดีที่สุดให้สมกับความไว้วางใจของลูกค้าเรีกยว่าวันนั้นวัตถุดิบถ้าไม่ดีจริงเชฟก็จะไม่เลือกมาเสริฟ์ นอกจากนี้เชฟยังมีการเก็บลูกค้าทุกๆท่านเป็นเวลากว่าห้าปีอีกด้วย ลูกค้าชอบอะไร เคยทานอะไร ไม่ชอบอะไร เชฟก็จะจัดให้เหมาะสมกับลูกค้าครับ สามารถเเจ้งตอนเวลาที่จองมาได้เลย
มื้อนี้ความจริงมีจานอร่อยหลายจานมากๆแต่ที่คิดว่าเป็นไฮไลท์ในวันนี้คือ Fugu sashimi อันแสนหาทานยากในไทย ที่เสริฟ์มาพร้อมกับshirakoชิ้นโตให้มาแบบสะใจมากๆ , ซุป Takenoko และ Hamaguiri ที่อาจจะดูเรียบง่ายแต่มีรสที่ซับซ้อนและมีมิติมากๆจากทั้งหอย เห็ดและวากาเมะ สุดท้ายก็หูฉลามทอดมากับ Shin manju มันสดญี่ปุ่น และกุ้งซากุระสด ก็เป็นอีกจานที่ไม่ควรพลาดครับ
จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ
จานแรกเชฟเสริฟ์ Yari ika ยัดไส้ ankimo จานนี้ดูเหมือนจะง่ายๆแต่มันแฝงอะไรหลายๆอย่าง อย่างเเรกคือ ตัวปลาหมึกที่เสริฟ์มานั้นมีสองเท็กเจอร์คือส่วนที่หนวดกรอบหนึบ และเนื้อส่วนตัวที่ยัดไส้อังกิโมะเนื้อเนียนนุ่มละลายในปาก หากอังกิโมะนั้นเป็นของเเช่เเข็งหรือไม่ดีเราจะรู้สึกถึงความทรายหรือไม่เนียนบ้าง ปลาหมึกด้านนอกนั้นต้มมาได้ดีเนื้อไม่สุกจนเหนียว เเต่ว่านานพอจนรสซอสหวานอมเค็มอ่อนๆนั้นซึมซาบเข้าเนื้อ ก่อนจะตัดรสด้วยใบคิโนเมะด้านบนที่มีรสเปรี้ยวฉุนเฉพาะตัว หรือจะลองกินกับวาซาบิ รสฉุนที่ช่วยดับความมันของตับปลาก็ไม่ผิดอะไร
จานต่อมาเชฟเสริฟ์ซูชิ ซาบะ ซูชินี้อาจจะแตกต่างจากEdomae sushi ที่คุ้นชิน ข้าวซูชิที่นี้จะปรุงรสไม่เหมือนกับร้านSushi ข้าวปรุงรสอ่อนๆ ไม่ใส่น้ำส้มสายชูมาก รสหวานนำเปรี้ยวมีผสมใบชิโสะและงาคั่ว ห่อมาด้วยสาหร่ายที่เพิ่มรสอุมามิ ปลาย่างที่ผิวอ่อนๆของสด รสเข้มข้นเนื้อมันตัวปลาไม่ได้ดองมา เนื้อมันหวานมาก เป็นอีกจานที่เเสดงถึงความยอดเยี่ยมของวัตถุดิบได้ดีครับ
จานซุปวันนี้เป็น ตัวเเทนฤดูใบไม้ผลิอย่าง ทาเคโนโกะ หรือหน่อไม้สด วันนี้เป็นของที่เก็บเกี่ยวจากkumamoto โดนเชฟเสริฟ์มากกับซุปดาชิจากหอยฮามากุริ วากาเมะและ ชิทาเกะสด
เป็นจานที่ประทับใจมากๆ อาจจะดูเรียบง่ายรสซับซ้อนและบาลานซ์รสได้อย่างยอดเยี่ยม ซุปหอยนั้นมีรสอุมามิจากหอยอย่างเต็มเปี่ยม ซดได้ลื่นคอไม่รู้สึกฝาดหอยแบบซุปหอยทั่วไป มีกลิ่นเห็ดหอมสดอ่อนๆช่วยเพิ่มมิติให้ซุปหอยมีกลิ่นหอมอ่อนๆ วากาเมะเพิ่มความอูมามิและความกรุบกรอบ (shin wakame) หน่อไม้เชฟปรุงมาได้ดีครับดี กลิ่นเฉพาะตัวไม่มากทำให้รับประทานได้ง่าย มีความกรอบนุ่มและหวานมากๆ ฝีมีดสวยมากปราณีตสุดๆ หอยฮามากุริตัวใหญ่นั้นต้มมาได้ดีไม่สุกเกินไปจนเหนียว อร่อยมากครับ
จานซาชิมิวันนี้ จานแรกเป็น ปลาคัทซึโอะ กับกุ้ง botan ที่เชฟนำไป kombujime สามารถรับประทานกับซอสได้ถึงสามแบบตามความชอบคือซอสnori tsukudani หรือซอสโชยุสาหร่าย ซอสmirinและsake สุดท้ายคือซอสponzuทำเองของทางร้าน
คัทซึโอะนั้นเชฟลนไฟมาบางๆเนื้อนุ่มไม่คาวเลือดถือว่าเป็นของดีเลยครับ กุ้งโบตันก็เป็นของดีมีความกรุบเนื้อไม่เละรสหวานเข้มข้นขึ้นจากการคอมบุจิเมะ
จานต่อมาถือเป็นไฮไลท์ของวันนี้ Fugu โดยมีทั้งshirakoย่าง shirakocreamที่โรย shiahimi ต้มหอม เเละซาชิมิจากเนื้อและหนังลวกน้ำร้อน
ยอดเยี่ยมมม ไม่นึกฝันว่าผมจะได้รับประทานฟุกุในไทย ตัวชิราโกะของฟุกุที่นั้นถือเป็นShirakoชั้นสูงมีราคาสูงที่มีราคาสูงกว่าชนิดอื่นๆ ที่นี้ให้มาชิ้นใหญ่มาก มันถูกย่างมาสุกนิดๆที่ผิวเพิ่มความหอม ชิราโกะเนื้อเนียนละลายในปากครีมมี่สุดๆ เป็นของชั้นเลิศที่แม้แต่ในญี่ปุ่นยังหาเทียบยาก พริกญี่ปุ่นที่ใส่มาอย่างพอเหมาะนั้นช่วยขับความหวานได้ดีมาก ส่วนหนังนั้นผมแนะนำให้จิ้มกินกับพอนซึเชฟลวกมาสุกกำลังดีไม่เหนียวมีความกรุบๆ เนื้อฟุกุนี้ลองกินสลับกับทั้งโชยุเเละคลุกกับครีมชิราโกะดูครับผมว่าก็เข้ากันดีมาก
จานนี้เชฟเสริฟ์มาสามอย่าง อย่างแรกหอยHokkigai ที่นี้ใช้ของดีมากๆ เท็กเจอร์หนึบๆ ตัวใหญ่ไม่เหนียว เนื้อหวานมากๆ เรียกว่าร้านomakase sushi บางร้านยังอายเลยครับ ผมเเนะนำว่าแนะนำบีบซูดาจิ กินกับมิรินสาเก คำที่สองอย่าง อูนิ นั้นผมแนะนำว่าลองกินเปล่ากินกับวาซาบิเพื่อตัดเลี่ยน ส่วนshirobaigai หรือหอยหวานนั้นนำไปย่างโชยุ รสอันนี้ด้วยความที่รสจัดสุด ผมแนะนำให้ทานหอยเนื้อเด้งกรอบอันนี้เป็นอันสุดท้าย
จานต่อมาเชฟเสริฟ์อาหารสามอย่าง โดยมี ปลาamadai ทอดเสริฟ์มากับไดกอนโอโรชิ รับประทานกับ Anno imo ย่าง และสุดท้ายคือ Unagi kabayaki
อย่างเเรกที่ขอชมคือamadaiทอด เมนูจานนี้มีหลายร้านในไทยก็เสริฟ์กัน แต่ที่ผมว่าที่นี้ทำออกมาได้ดีแตกต่างจนอย่างชื่นชมครับ เกล็ดนั้นทอดมาได้สุกกำลังดีไม่กรอบจนเเข็งหรือนานจนไหม้ขม ชิ้นปลาไม่อมน้ำมัน ที่สำคัญตัวเนื้อปลายังคงความนุ่มและฉ่ำ ดีมากๆ ผมแนะนำให้ลองทานเปล่าๆและเหลือบางส่วนไว้บีบใส่มะนาว ซึดาจิเพื่อเปลี่ยนรส
ส่วน อูนางินั้นเป็นของย่างสดๆ ปลาไหลเนื้อฟูมันละลายเลยในปาก ผิวกรอบ ตัวซอสรสค่อนข้างหวานนำไม่ค่อยเค็ม ผมอยากให้ลองกินกับยำแตงกวาเมียวกะและวากาเมะ ที่มีรสเปรี้ยวอมหวานอ่อนสดชื่นมีกลิ่นฉุนเมียวกะ มันเข้ากันได้ดีทีเดียวครับ
มาถึงจานที่รอคอยของฤดูใบไม้ผลิสำหรับผม เชฟเสริฟ์ Kagoshima wagyu A4 ปรุงแบบshabu ในichiban dashi เสริฟมากับshin tamanegi ต้ม และดอกฮานะชานโช จานคลาสสิกของร้านkappo ช่วงใบไม้ผลิ ซึ่ง kuon no tsukiก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เเม้หน้าตาจะดูจืดแต่รสชาตินั้น อร่อยยย และflavorfulสุดๆ หอมหัวใหญ่ที่ปกติจะมีความฉุนเผ็ดพอเป็นshintamanegiแล้วมีแต่ความหวานละมุนไม่มีรสเผ็ด เนื้อที่มันละลายนั้นตัดกับรสเปรี้ยวเผ็ดเฉพาะตัวจากดอกไม้ ก่อนปิดท้ายด้วยรสอุมามิจากซุปอุ่นๆ ดีมากครับ
หูฉลาม มันฟรั่ง และกุ้งฝอย เห้ยหลายคนคงไม่เชื่อว่า ของสามสิ่งนี้จะเสริฟ์มาด้วยกันและสามารถผสมผสานออกมาได้ดีมากๆ โดยเชฟเลือกเสริฟ์หูฉลามทอดมากับ Shin manju มันสดญี่ปุ่น และซากุระเอบิสด ที่ถูกปรุงมาในหม้อร้อน
มันคล้ายกับหูฉลามน้ำแดงแบบจีนแต่มีความซับซ้อนกว่า ซุปดาชิแบบญี่ปุ่นที่เพิ่มความเหนียวด้วยมันฟรั่ง มันนอกจากช่วยเพิ่มรสหวานนิดๆแล้วช่วยให้รสซุปรสเค็มนำเข้มข้น อุมามิ กลมกล่อมขึ้น กลิ่นไหม้นิดจากหม้อร้อนและความเผ็ดร้อนจากพริกไทดำช่วยเสริมมิติให้กับซุปได้อย่างดี กุ้งนั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มความอุมามิเเล้วยังช่วยเพิ่มกลิ่นอายทะเลและผสมผสานมันฟรั่งให้เข้ากับหูฉลามชามนี้ได้อย่างลงตัว ความกรอบจากกุ้ง ความกรุบๆของหูฉลามและความนุ่มของมันฟรั่ง อร่อยมากๆครับ
ก่อนเข้าจานหลัก เชฟเสริฟ์โรลฟองเต้าหู้สดที่ถูกนำไปทอดบางเสริฟ์มากกับไส้ปูซูไวและข้าวโพด จานนี้ ยูบะทอดมาบางๆไม่กรอบมาก มีความหวานจากปูและข้าวโพด เป็นจานที่เรียบๆแต่หวานอร่อยทีเดียวเลยครับผมแนะนำให้ลองกิบกับเกลือและมะนาวะซึดาชิดูช่วยขับรสได้ดีทีเดียว
ข้าวในวันนี้เป็นข้าวอบ ทาเคโนโกะกับปลาหมึกหิ่งห้อยจากโทยามะ ก่อนออนท็อปด้วยใบคิโนเมะ กรอบหวานจากหน่อไม้ หนึบเด้งจากปลาหมึกหิ่งห้อย ปลาหมึกหิ่งห้อยนี้มีหลายเกรดครับ ลองกินของสดในฤดูกาลดูตัวปลาหมึกนี้เท็กเจอร์เเตกต่างทีเดียวครับ ก่อนปิดท้ายด้วยความกรอบของปลาข้าวสาร ที่นี้ยังคงเป็นอีกร้านที่ทำข้าวอบได้ประทับใจผมมากๆ
ส่วนเครื่องเคียงข้าวในวันนี้มีเนื้อตุ๋น ไข่ปลาเม็นไทโกะ ซุปมิโซะ และ ผักดอง สำหรับผมเเค่จานข้าวก็คุ้มค่ากับการมาเยือน Kuon no tsuki แล้วครับ
ขนมหวานจานแรกเป็นผลไม้ชั้นเลิศ อย่าง Amao stawberry และ ส้ม Decopon เสริฟ์มากับ milk pudding
Monaka ไส้ไอซ์ครีมรสนมทำจากนมนำเข้าเองจากญี่ปุ่น ตัวไอซ์ครีมนี้เนื้อเหนียว ครีมมี่มากๆเเละรสไม่หวาน ดีมากๆครับ
#Score: AD
Visit : April-2024
🗺เเผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/82xFELTZMTHwGng76
⏰เวลาเปิดปิด: 12–3 PM, 6–10 PM ปิดทุกวันจันทร์
💵ค่าเสียหาย: ~ 7,500 baht / person
⌨️เว็บไซต์ร้าน:
https://www.facebook.com/KappouKuonnoTsuki
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (
https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (
https://goo.gl/gHPnnG)
Blogdit:
https://www.blockdit.com/eatliketheboss
Email : eatlikethebossth@gmail.com
[SR] บอสพาชิม: Kuon No tsuki Kappo ยามซากุระผลิบาน (Bangkok,Thailand)
Kappo เป็นอาหาร omakase ที่เราจะไว้ใจเชฟให้จัดเตรียมอาหารทั้งหมด โดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลเหมือนSushi Omakase ต่างกันที่ร้าน kappoส่วนใหญ่นั้นจะไม่มีซูชิเลยหรือมีน้อยมาก โดยส่วนมากจะเป็นอาหารที่ปรุงอย่างปราณีตทั้ง จานเรียกน้ำย่อย ซาชิมิ ต้ม ทอด ซุป จานย่าง ข้าวและขนมหวาน ซึ่งต้องอาศัยฝีมือเชฟที่รอบด้านมากกว่าแค่ซูชิ
ตอนนี้ร้านมีเฉพาะแค่ Kappou แล้ว มีสองคอร์สคือ 5000++ และ 7500++ อย่างที่ผมได้รับประทานในวันนี้ หรือถ้าใครอยากประหยัดทางร้านมีคอร์ส 4000++ ในเวลากลางวันด้วยครับ คอร์ส7500++ นี้เพิ่มจากอีกคอร์สนึงแค่สามจาน อาจจะดูโหดร้ายแต่วัตถุดิบที่ใช้นั้นก็แตกต่างกัน และรวมทั้งปริมาณที่ให้นั้นเรียกว่าจุใจสุดๆ
ด้วยความที่ไม่ได้มีแค่sushi ทำให้เราสามารถรับประทานอะไรได้หลากหลายมากกว่า วัตถุดิบจากญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีดีแค่ซีฟู้ดต่างๆแล้วยังมีวัตถุดิบดีๆจากพื้นดินอีกด้วย เห็ดต่างๆหรือผัก ที่หลายอย่างแพงกว่าปลาในร้านomakaseอีกนะ อย่างในวันนี้นอกจากพวกเนื้อkuroge wagyu หรือ uni แล้วเรายังได้ลองวัตถุดิบตามฤดูกาลอย่าง Shin tamaneki (หัวหอมใหม่) ,Takenokoจากคุมาโมโตะ (หน่อไม้ญี่ปุ่นสด หัวนึงนี้แพงมาก) หรือจะเป็นกุ้งซากุระและotaru ika จากtoyama ที่ประทับใจสุดเห็นจะเป็น fugu ผมไม่เคยเจอร้านไหนในไทยเสริฟ์ ปลาตัวนี้เลยครับซึ่งเชฟทำออกมาอร่อยได้เกินความคาดหมายของร้านที่ไม่ใช่ร้านfuguเฉพาะทาง หรือจะเป็น Hanasansho ดอกซานโชะวัตถุดิบชั้นสูงของฤดูใบไม้ผลิที่เเค่หัวเท่าบล็อคโคลี่ก็หลายพันเเล้ว ร้านในไทยที่กล้าเสริฟ์นี้มีไม่กี่ร้านครับ
อีกจุดเด่นที่ผมชอบในร้านนี้คือความจริงใจที่ผมสัมผัสได้จากการพูดคุยกับเชฟคือเชฟตั้งใจจะเสริฟ์ของดีที่สุดให้สมกับความไว้วางใจของลูกค้าเรีกยว่าวันนั้นวัตถุดิบถ้าไม่ดีจริงเชฟก็จะไม่เลือกมาเสริฟ์ นอกจากนี้เชฟยังมีการเก็บลูกค้าทุกๆท่านเป็นเวลากว่าห้าปีอีกด้วย ลูกค้าชอบอะไร เคยทานอะไร ไม่ชอบอะไร เชฟก็จะจัดให้เหมาะสมกับลูกค้าครับ สามารถเเจ้งตอนเวลาที่จองมาได้เลย
มื้อนี้ความจริงมีจานอร่อยหลายจานมากๆแต่ที่คิดว่าเป็นไฮไลท์ในวันนี้คือ Fugu sashimi อันแสนหาทานยากในไทย ที่เสริฟ์มาพร้อมกับshirakoชิ้นโตให้มาแบบสะใจมากๆ , ซุป Takenoko และ Hamaguiri ที่อาจจะดูเรียบง่ายแต่มีรสที่ซับซ้อนและมีมิติมากๆจากทั้งหอย เห็ดและวากาเมะ สุดท้ายก็หูฉลามทอดมากับ Shin manju มันสดญี่ปุ่น และกุ้งซากุระสด ก็เป็นอีกจานที่ไม่ควรพลาดครับ
จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ
จานแรกเชฟเสริฟ์ Yari ika ยัดไส้ ankimo จานนี้ดูเหมือนจะง่ายๆแต่มันแฝงอะไรหลายๆอย่าง อย่างเเรกคือ ตัวปลาหมึกที่เสริฟ์มานั้นมีสองเท็กเจอร์คือส่วนที่หนวดกรอบหนึบ และเนื้อส่วนตัวที่ยัดไส้อังกิโมะเนื้อเนียนนุ่มละลายในปาก หากอังกิโมะนั้นเป็นของเเช่เเข็งหรือไม่ดีเราจะรู้สึกถึงความทรายหรือไม่เนียนบ้าง ปลาหมึกด้านนอกนั้นต้มมาได้ดีเนื้อไม่สุกจนเหนียว เเต่ว่านานพอจนรสซอสหวานอมเค็มอ่อนๆนั้นซึมซาบเข้าเนื้อ ก่อนจะตัดรสด้วยใบคิโนเมะด้านบนที่มีรสเปรี้ยวฉุนเฉพาะตัว หรือจะลองกินกับวาซาบิ รสฉุนที่ช่วยดับความมันของตับปลาก็ไม่ผิดอะไร
จานต่อมาเชฟเสริฟ์ซูชิ ซาบะ ซูชินี้อาจจะแตกต่างจากEdomae sushi ที่คุ้นชิน ข้าวซูชิที่นี้จะปรุงรสไม่เหมือนกับร้านSushi ข้าวปรุงรสอ่อนๆ ไม่ใส่น้ำส้มสายชูมาก รสหวานนำเปรี้ยวมีผสมใบชิโสะและงาคั่ว ห่อมาด้วยสาหร่ายที่เพิ่มรสอุมามิ ปลาย่างที่ผิวอ่อนๆของสด รสเข้มข้นเนื้อมันตัวปลาไม่ได้ดองมา เนื้อมันหวานมาก เป็นอีกจานที่เเสดงถึงความยอดเยี่ยมของวัตถุดิบได้ดีครับ
จานซุปวันนี้เป็น ตัวเเทนฤดูใบไม้ผลิอย่าง ทาเคโนโกะ หรือหน่อไม้สด วันนี้เป็นของที่เก็บเกี่ยวจากkumamoto โดนเชฟเสริฟ์มากกับซุปดาชิจากหอยฮามากุริ วากาเมะและ ชิทาเกะสด
เป็นจานที่ประทับใจมากๆ อาจจะดูเรียบง่ายรสซับซ้อนและบาลานซ์รสได้อย่างยอดเยี่ยม ซุปหอยนั้นมีรสอุมามิจากหอยอย่างเต็มเปี่ยม ซดได้ลื่นคอไม่รู้สึกฝาดหอยแบบซุปหอยทั่วไป มีกลิ่นเห็ดหอมสดอ่อนๆช่วยเพิ่มมิติให้ซุปหอยมีกลิ่นหอมอ่อนๆ วากาเมะเพิ่มความอูมามิและความกรุบกรอบ (shin wakame) หน่อไม้เชฟปรุงมาได้ดีครับดี กลิ่นเฉพาะตัวไม่มากทำให้รับประทานได้ง่าย มีความกรอบนุ่มและหวานมากๆ ฝีมีดสวยมากปราณีตสุดๆ หอยฮามากุริตัวใหญ่นั้นต้มมาได้ดีไม่สุกเกินไปจนเหนียว อร่อยมากครับ
จานซาชิมิวันนี้ จานแรกเป็น ปลาคัทซึโอะ กับกุ้ง botan ที่เชฟนำไป kombujime สามารถรับประทานกับซอสได้ถึงสามแบบตามความชอบคือซอสnori tsukudani หรือซอสโชยุสาหร่าย ซอสmirinและsake สุดท้ายคือซอสponzuทำเองของทางร้าน
คัทซึโอะนั้นเชฟลนไฟมาบางๆเนื้อนุ่มไม่คาวเลือดถือว่าเป็นของดีเลยครับ กุ้งโบตันก็เป็นของดีมีความกรุบเนื้อไม่เละรสหวานเข้มข้นขึ้นจากการคอมบุจิเมะ
จานต่อมาถือเป็นไฮไลท์ของวันนี้ Fugu โดยมีทั้งshirakoย่าง shirakocreamที่โรย shiahimi ต้มหอม เเละซาชิมิจากเนื้อและหนังลวกน้ำร้อน
ยอดเยี่ยมมม ไม่นึกฝันว่าผมจะได้รับประทานฟุกุในไทย ตัวชิราโกะของฟุกุที่นั้นถือเป็นShirakoชั้นสูงมีราคาสูงที่มีราคาสูงกว่าชนิดอื่นๆ ที่นี้ให้มาชิ้นใหญ่มาก มันถูกย่างมาสุกนิดๆที่ผิวเพิ่มความหอม ชิราโกะเนื้อเนียนละลายในปากครีมมี่สุดๆ เป็นของชั้นเลิศที่แม้แต่ในญี่ปุ่นยังหาเทียบยาก พริกญี่ปุ่นที่ใส่มาอย่างพอเหมาะนั้นช่วยขับความหวานได้ดีมาก ส่วนหนังนั้นผมแนะนำให้จิ้มกินกับพอนซึเชฟลวกมาสุกกำลังดีไม่เหนียวมีความกรุบๆ เนื้อฟุกุนี้ลองกินสลับกับทั้งโชยุเเละคลุกกับครีมชิราโกะดูครับผมว่าก็เข้ากันดีมาก
จานนี้เชฟเสริฟ์มาสามอย่าง อย่างแรกหอยHokkigai ที่นี้ใช้ของดีมากๆ เท็กเจอร์หนึบๆ ตัวใหญ่ไม่เหนียว เนื้อหวานมากๆ เรียกว่าร้านomakase sushi บางร้านยังอายเลยครับ ผมเเนะนำว่าแนะนำบีบซูดาจิ กินกับมิรินสาเก คำที่สองอย่าง อูนิ นั้นผมแนะนำว่าลองกินเปล่ากินกับวาซาบิเพื่อตัดเลี่ยน ส่วนshirobaigai หรือหอยหวานนั้นนำไปย่างโชยุ รสอันนี้ด้วยความที่รสจัดสุด ผมแนะนำให้ทานหอยเนื้อเด้งกรอบอันนี้เป็นอันสุดท้าย
จานต่อมาเชฟเสริฟ์อาหารสามอย่าง โดยมี ปลาamadai ทอดเสริฟ์มากับไดกอนโอโรชิ รับประทานกับ Anno imo ย่าง และสุดท้ายคือ Unagi kabayaki
อย่างเเรกที่ขอชมคือamadaiทอด เมนูจานนี้มีหลายร้านในไทยก็เสริฟ์กัน แต่ที่ผมว่าที่นี้ทำออกมาได้ดีแตกต่างจนอย่างชื่นชมครับ เกล็ดนั้นทอดมาได้สุกกำลังดีไม่กรอบจนเเข็งหรือนานจนไหม้ขม ชิ้นปลาไม่อมน้ำมัน ที่สำคัญตัวเนื้อปลายังคงความนุ่มและฉ่ำ ดีมากๆ ผมแนะนำให้ลองทานเปล่าๆและเหลือบางส่วนไว้บีบใส่มะนาว ซึดาจิเพื่อเปลี่ยนรส
ส่วน อูนางินั้นเป็นของย่างสดๆ ปลาไหลเนื้อฟูมันละลายเลยในปาก ผิวกรอบ ตัวซอสรสค่อนข้างหวานนำไม่ค่อยเค็ม ผมอยากให้ลองกินกับยำแตงกวาเมียวกะและวากาเมะ ที่มีรสเปรี้ยวอมหวานอ่อนสดชื่นมีกลิ่นฉุนเมียวกะ มันเข้ากันได้ดีทีเดียวครับ
มาถึงจานที่รอคอยของฤดูใบไม้ผลิสำหรับผม เชฟเสริฟ์ Kagoshima wagyu A4 ปรุงแบบshabu ในichiban dashi เสริฟมากับshin tamanegi ต้ม และดอกฮานะชานโช จานคลาสสิกของร้านkappo ช่วงใบไม้ผลิ ซึ่ง kuon no tsukiก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เเม้หน้าตาจะดูจืดแต่รสชาตินั้น อร่อยยย และflavorfulสุดๆ หอมหัวใหญ่ที่ปกติจะมีความฉุนเผ็ดพอเป็นshintamanegiแล้วมีแต่ความหวานละมุนไม่มีรสเผ็ด เนื้อที่มันละลายนั้นตัดกับรสเปรี้ยวเผ็ดเฉพาะตัวจากดอกไม้ ก่อนปิดท้ายด้วยรสอุมามิจากซุปอุ่นๆ ดีมากครับ
หูฉลาม มันฟรั่ง และกุ้งฝอย เห้ยหลายคนคงไม่เชื่อว่า ของสามสิ่งนี้จะเสริฟ์มาด้วยกันและสามารถผสมผสานออกมาได้ดีมากๆ โดยเชฟเลือกเสริฟ์หูฉลามทอดมากับ Shin manju มันสดญี่ปุ่น และซากุระเอบิสด ที่ถูกปรุงมาในหม้อร้อน
มันคล้ายกับหูฉลามน้ำแดงแบบจีนแต่มีความซับซ้อนกว่า ซุปดาชิแบบญี่ปุ่นที่เพิ่มความเหนียวด้วยมันฟรั่ง มันนอกจากช่วยเพิ่มรสหวานนิดๆแล้วช่วยให้รสซุปรสเค็มนำเข้มข้น อุมามิ กลมกล่อมขึ้น กลิ่นไหม้นิดจากหม้อร้อนและความเผ็ดร้อนจากพริกไทดำช่วยเสริมมิติให้กับซุปได้อย่างดี กุ้งนั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มความอุมามิเเล้วยังช่วยเพิ่มกลิ่นอายทะเลและผสมผสานมันฟรั่งให้เข้ากับหูฉลามชามนี้ได้อย่างลงตัว ความกรอบจากกุ้ง ความกรุบๆของหูฉลามและความนุ่มของมันฟรั่ง อร่อยมากๆครับ
ก่อนเข้าจานหลัก เชฟเสริฟ์โรลฟองเต้าหู้สดที่ถูกนำไปทอดบางเสริฟ์มากกับไส้ปูซูไวและข้าวโพด จานนี้ ยูบะทอดมาบางๆไม่กรอบมาก มีความหวานจากปูและข้าวโพด เป็นจานที่เรียบๆแต่หวานอร่อยทีเดียวเลยครับผมแนะนำให้ลองกิบกับเกลือและมะนาวะซึดาชิดูช่วยขับรสได้ดีทีเดียว
ข้าวในวันนี้เป็นข้าวอบ ทาเคโนโกะกับปลาหมึกหิ่งห้อยจากโทยามะ ก่อนออนท็อปด้วยใบคิโนเมะ กรอบหวานจากหน่อไม้ หนึบเด้งจากปลาหมึกหิ่งห้อย ปลาหมึกหิ่งห้อยนี้มีหลายเกรดครับ ลองกินของสดในฤดูกาลดูตัวปลาหมึกนี้เท็กเจอร์เเตกต่างทีเดียวครับ ก่อนปิดท้ายด้วยความกรอบของปลาข้าวสาร ที่นี้ยังคงเป็นอีกร้านที่ทำข้าวอบได้ประทับใจผมมากๆ
ส่วนเครื่องเคียงข้าวในวันนี้มีเนื้อตุ๋น ไข่ปลาเม็นไทโกะ ซุปมิโซะ และ ผักดอง สำหรับผมเเค่จานข้าวก็คุ้มค่ากับการมาเยือน Kuon no tsuki แล้วครับ
ขนมหวานจานแรกเป็นผลไม้ชั้นเลิศ อย่าง Amao stawberry และ ส้ม Decopon เสริฟ์มากับ milk pudding
Monaka ไส้ไอซ์ครีมรสนมทำจากนมนำเข้าเองจากญี่ปุ่น ตัวไอซ์ครีมนี้เนื้อเหนียว ครีมมี่มากๆเเละรสไม่หวาน ดีมากๆครับ
#Score: AD
Visit : April-2024
🗺เเผนที่ : https://maps.app.goo.gl/82xFELTZMTHwGng76
⏰เวลาเปิดปิด: 12–3 PM, 6–10 PM ปิดทุกวันจันทร์
💵ค่าเสียหาย: ~ 7,500 baht / person
⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://www.facebook.com/KappouKuonnoTsuki
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Blogdit: https://www.blockdit.com/eatliketheboss
Email : eatlikethebossth@gmail.com
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้