[CR] บอสพาชิม: รีวิว Kuon No Tsuki Sushi&Kappo

Kuon No Tsuki Sushi& Kappo (Bangkok,Thailand)


Kuon No Tsuki เป็นร้านอาหารสไตล์Omakaseที่ไม่ได้เสริฟ์เพียงปลาดิบเเละซูชิ เเต่ยังมีอาหารร้อน ทั้งย่าง ต้ม ซุป ทอด เเบบ Kappo Kaiseki อีกด้วย

อาหารประเภท Kappo นั้นอาจจะไม่คุ้นหูคนไทยมากนักเเละไม่นิยมในประเทศไทยเเบบร้านซูชิโอมาคาเซะ เเต่ทว่าในญี่ปุ่นเเล้ว Kappo นั้นได้รับความนิยมไม่เเพ้ Sushi Omakase เลยทีเดียว สรุปง่ายๆเเล้ว Kappo คือ Omakase ที่มีมากกว่าsushi ในทางธรรมเนียมเเล้วมันจะมีจานปลาดิบ จานต้ม จานซุป จานย่าง จานทอด ข้าว ขนมหวาน

Kuon No Tsuki เป็นร้านอยู่ในซอยเล็กๆต้นถนนเอกมัย ในระยะไม่ไกลนักเราสามารถที่จะเดินมาได้จากบีทีเอส เอกมัย หรือถ้าขับรถมาเเล้วก็สามารถจอดรถได้เลยที่หน้าร้านครับสะดวกมากมาย ซอยเเละตัวร้านต้องสังเกตสักนิดอาจจะต้องระวังขับเลยครับ

ข้อดีประการหนึ่งเลยของร้านนี้คือ มีเสริฟ์มื้อเที่ยงเเบบชุดจัดเต็ม ที่สำหรับฟู้ดดี้หัวใจพ่อบ้านเเม่บ้านเเบบเพื่อนผมหลายๆท่าน คงดีใจด้วยความปลื้มปริ่มเเน่นอน เพราะหาร้านไฟนืไดน์นนิ่งที่เสริฟ์จัดหนักในมื้อเที่ยงได้น้อยมากๆ

เเม้จะมีมื้อเที่ยงเเต่ผมไปกินตอนเย็นครับ วันนั้นผมมาถึงร้านสายกว่าเวลาที่จองเนื่องจากการจราจรที่ติดขัดเป็นอย่างมาก ทางที่ดีคือเราควรจะโทรหาร้านเพื่อเเจ้งเวลาในกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันพนักงานของร้านก็ไม่เกิดอาการทางเสียงใดๆทั้งสิ้นทั้งยังเเสดงความเห็นใจเเละส่งกำลังใจให้ผมเเละทีมงานฝ่าฟันรถติดมาถึงร้านให้เร็วที่สุด ตรงนี้ผมประทับใจมากครับ ดังนั้นเพื่อเราจะได้รับประสบการณ์อาหารที่สดใหม่ปรุงสดต่อจานเมื่อมีความล่าช้าทุกครั้งนะครับ

ตัวร้านKuon no tsuki ตบเเต่งสไตล์เรียบๆประดับประดาด้วยหินสีดำเเละไม้สีอ่อนเป็นหลัก เมื่อเราถึงหน้าร้านบริกรของทางร้านจะยืนรอต้อนรับที่หน้าร้านเเละช่วยจัดการที่จอดรถเหมือนร้าน kaseki ดีๆในญี่ปุ่นเลย


สำหรับในส่วนของอาหารนั้น จุดเด่นของทางร้านสำหรับผมนั้นจะเสริฟ์ซูชิสลับกับอาหารชนิดอื่นๆ ทำให้ก็ไม่เชิงเป็นคับโป๊ะเสียทีเดียวเเต่ว่าจะเรียกร้านซูชิผมก็ยังเรียกได้ไม่เต็มปาก เอาเป็นว่าเราจะได้กินอาหารญี่ปุ่นสองสไตล์ภายในมื้อเดียว ลำดับการเสริฟ์ที่ไม่เรียงตามลำดับเเบบคัปโป๊ะหรือไคเซกิปกติ ตรงนี้โดยส่วนตัวผมชื่นชอบที่เราจะได้สนุกสนานไปกับมื้ออาหาร เเต่ในอีกทางผมว่าลำดับการเสริฟ์ที่เเปลกเเบบนี้ลดทอนความสามารถในการเปล่งประกายของการรับประทานอาหารเเบบเซทเมนูไปมากทีเดียว บางครั้งโดยส่วนตัวผมรู้สึกขัดๆที่กินซุปหรือของร้อนๆเเล้วสลับไปมากับอาหารอุณหภูมิห้องเเบบซูชิ

ทางร้าน Kuon No tsuki นั้นมีเชฟสองคนซึ่งเก่งอาหารคนละสไตล์ เชฟShintaro Narisawa ผู้ซึ่งปรุงอาหารร้อนให้กับเราในทุกจาน เเละเชฟอีกท่านคือ Tsuneo Saito จะดูเเลในเรื่องซูชิเเละซาชิมิ

สำหรับอาหารของทางร้านนั้นสนนราคาที่ 4500++ เเละ 6500++ โดยในวันนี้นั้นเราเลือกเซ็ท6500++ ที่ผมขอเปลี่ยนซุปหูฉลามตามปกติ เนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่รับประทานหูฉลามด้วยเหตุผลส่วนบุคคล ตรงนี้แอบผิดหวังนิดนึงตรงที่ผมย้ำตอนจองอย่างหนักเเน่น ย้ำอีกครั้งตอนทางร้านโทรมาคอนเฟริม์โต๊ะ เเถมก่อนเริ่มมื้ออาหารยังย้ำพนักงานอีก เเต่ผมก็ยังได้หูฉลามอยู่ดีส่วนตัวแอบเสียดายวัตุถดิบเหมือนกันจะขอทาน เชฟก็ไม่ยอมรีบนำไปเปลี่ยนให้ใหม่ทันทีแอบเซ็งนิดๆ

อาหารในมื้อนี้จะมีอะไรบ้างไปชมจากรูปได้เลยครับ


เมื่อผมเข้ามานั่ง เชฟได้นำไข่ตุ๋นมาเสริฟ์เป็นจานเเรก โดยไข่ตุ๋นที่นี้จะใส่ซอสมันกุ้งและเนื้อกุ้งมาด้านบนและเสริฟ์มาเเบบเย็นครับ รสเนื้อไข่ตุ๋นมีเนื้อเเน่นๆออกครีมมี่ ตัวซอสนั้นมีความเข้มข้นคล้ายล็อปสเตอร์Bisqueที่ไม่มีกลิ่นคาวเลย อร่อยดีสำหรับคนที่ชอบรสออกครีมๆเป็นไข่ตุ๋นที่แปลกเเหวกเเนวครับ แต่ส่วนตัวผมว่ารสมันครีมมี่หนักไปนิดสำหรับเป็นอาหารจานเปิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหารญี่ปุ่น


จานต่อมาที่เชฟเสริฟ์ทำเอาผมตกใจเลยเพราะเชฟเล่นเสริฟ์แฮมเบอร์เกอร์ แฮมเบอร์เกอร์ของทางร้านนั้นจะมีไส้เป็นเนื้อปูคร็อคเกะกับใบชิโสะเเละซอสสาหร่ายดองโชยุสูตรพิเศษของเชฟ

คำนี้อร่อยดีเลยครับ ตัวขนมปังที่กรอบที่ผิวนั้นหอมเนยจางๆ ตัวซอสสาหร่ายสูตรเฉพาะของเชฟก็อร่อยมากๆ มันให้รสเค็มอุมามิเเสนอ่อนละมุนขับรสหวานของเนื้อปูที่เป็นไส้ได้อย่างยอดเยี่ยม ใบชิโสะให้กลิ่นสดชื่นนิดๆที่ปลายจมูกเข้ากับคำนี้อย่างน่าสนใจ เป็นจานที่ยอดเยี่ยมมากๆครับโดยเฉพาะคร็อกเกะที่กรอบบางที่ผิวเเต่ข้างในกับชุ่มช่ำไปด้วยน้ำจากเนื้อปู เเต่ที่ไม่ชอบนิดนึงเห็นจะเป็นตัวเท็กเจอร์ของเนื้อปูที่ใส่มานั้นโดนผิวสัมผัสจากขนมปังกลบหมด ถ้าเสริฟ์เป็นคร็อคเกะเนื้อปูเลยอย่างเดียวก็น่าจะอร่อยไปอีกเเบบเลยเหมือนกัน




ถัดไปเชฟเสริฟ์ปลาอามะไดต้มในดาชิสาเกก่อนตบเเต่งด้วยต้นอ่อนต้นหอมกับดอกไม้ด้านล่างใส่จุนไซ ซุปดาชิในจานนี้รสค่อนข้างอ่อนช่วยชูรสหวานของเนื้อปลา ตัวจุนไซนั้นนิ่มไปนิดจนไม่ป็อปในปากเท่าที่ควร ดอกชิโสะที่ให้กลิ่นเปรี้ยวฉุนสดชื่นกับรสเผ็ดฉุนอ่อนๆของต้นอ่อนหอมก็ช่วยขับรสของปลาได้ดีทีเดียว ทำได้ดีเลยครับจานนี้


สลับมาที่ซาชิมิกันบ้าง ในวันนี้เชฟเสริฟ์ ปลาฮากะซึโอะ ปลาไท เนื้อทูน่าอากามิที่ถูกอาบุรินิดนึงกินกับเกลือและมะนาวหรือยุสุโชยุที่ส่วนตัวว่ารสยุสุไม่ออก

สำหรับตัวปลาที่ไม่ค่อยคุ้นหูอย่างตัวHakatsuoนั้นเชฟบอกว่าเป็นญาติของkatsuoเเต่ต่างกัน จานนี้สิ่งเเรกเลยคือผมไม่ชอบเลยกลิ่นดินของใบเเป๊ะก๊วยที่ใช้ตบเเต่งนั้นติดเนื้อปลาดิบไม่รู้ว่าเชฟตั้งใจหรือไม่นะครับ ส่วนตัวผมว่ากลิ่นดินของมันนั้นไม่ค่อยเข้ากับซาชิมิ เเต่นอกนั้นตัวเนื้อปลาก็สดมีคุณภาพดีครับ โดยเฉพาะปลาไทที่ผมชื่นชอบเนื้อที่หวาน มันนิดๆ กรอบเด้ง อร่อยมาก


เชฟยังเสริฟ์เป็นซูชิ คำนี้คือเนื้อปลาคาวาฮางิกับตับของมัน คำนี้เนื้อปลาคาวาฮางินั้นเด้งสู้ฟันกรุบๆมันนิดๆ เข้ากันได้อย่างลงตัวกับตับของมันที่เพิ่มความครีมมี่นิด ตัดกับข้าวรสหวานนำเปรี้ยว ลงตัวดีทีเดียว


กลับมาที่อาหารปรุงร้อนกันต่อ เชฟเสริฟ์ปลาNodokuro หรือปลาคอดำรมควัน คำนี้อร่อยมากๆรับ เนื้อปลาสุกที่ผิวนอกเเต่เนื้อด้านในยังคงดิบนิดๆ ให้เท็กเจอร์นุ่มๆกรุบนิดๆส่งกลิ่นหอมควัน รสของเนื้อนั้นมันๆคล้ายปลาหิมะย่างเค็มนิดๆตัดกับมัสตาร์ดรสฉุนร้อนอรอ่ยดีมาก โดยเราจะทานกับผักป๋วยเล้งต้มสลับกันเพื่อลดความเลี่ยนครับ เป็นอีกหนึ่งจานที่ผมชอบที่สุดในวันนี้ครับ


ลับมากินซูชิกันต่อ เชฟเลือกอูนิเป็นคำต่อมา ตัวอูนินั้นสดไม่เละใช้ของดีสุดๆเลยครับ อร่อยหวานละมุนเลย เเต่ส่วนตัวว่าวาซาบิเยอะไปนิด จนฉุนกลบรสหวานของอูนิไปหน่อย


ตับอังคิโมะนึ่งกับซอสรสหวานรับประทานกับวาซาบิเพื่อลดเลี่ยน อังคิโมะของที่นี้มาในเเบบคอนข้างเฟริม์ไม่นิ่มเละมากนัก ซึ่งส่วนตัวเเล้วผมชอบอังคิโมะที่ค่อนข้างนิ่มเเบบละลายในปากมากกว่า ตัวกลิ่นนั้นยังคาวนิด ถ้าเทียบกับร้านซูชิดีๆที่เคยกินเเล้วอังคิโมะของที่นี้ยังห่างอยู่ระดับนึง


คำนี้เป็นเนื้อคาโกชิมะวากิว A5 ส่วนสันในดรายเอจและทรัฟเฟิล เคียงด้วยใบพริกญี่ปุ่นคลุกน้ำมันงา คำนี้เนื้อนั้นนุ่มมากๆสุกมาในระดับเพอรเฟ้กต์มีรสหวานอมเค็มจากซอสรสสูตรพิเศษของทางร้าน ตัดรสอของใบพริกที่เผ็ดนิดๆได้อย่างลงตัว ที่ไม่ชอบเห็นจะเป็นเนื้อปรุงรสมาจืดไปนิดจนมีความรู้สึกคาวเลือดในปากและกลิ่นทรัฟเฟิลไม่ออก


เชฟเริ่มเร่งเครื่องด้วย โอโทโร่ซูชิ โทโร่ของที่นี้จะเป็นกรอบเด้งนิดๆแทรกมัน


ตัดรสกันให้เบาลงมาหน่อย ชามนี้ปกติเป็นโซเมงหูฉลามครับเเต่สำหรับผมเชฟเสริฟ์เป็นโซเมงกุ้งคุรมะเเทน ชามนี้เรียกว่าอร่อยเลยละครับตัวน้ำซุปคล้ายน้ำเเดงในอาหารจีนเเต่มีความครีมมี่หอมกระดูก หอมกลิ่นขิงอ่อนจางๆรสกลมกล่อม เส้นโซเมงนั้นต้มมาได้อย่างพอดีกรุบๆเเละคล่องคอ เข้ากันดีเลยกับกุ้งชุบเเป้งบางๆทอดเนื้อเด้งรสหวาน ยอดเยี่ยมมากครับ


คำต่อมาเชฟเสริฟ์ อากามิซูชิที่ขูดผิวซุดาชิลงไป คำนี้เชฟใส่โชยุค่อนข้างน้อยให้เราได้รสของเนื้อทูน่าเเดงอย่างเต็มที่ ตัดด้วยกลิ่นมะนาวนิดๆ กล่มกล่อมใช้ได้เลยครับ


สำหรับจานนี้ผมค่อนข้างสงสัยถึงความเข้ากันของเป๋าฮื้อเเละอูนิในตอนเเรกเเต่เมื่อลองกินเเล้วผมก็เปลี่ยนความคิดครับ จานนี้เป็นอาหารที่ผมยกให้เป็นดาวเด่นในคำคืนนี้ Awabi และ Uni ในเวอร์ชั่นของ Kuon no Tsuki นั้นเสริฟ์มาพร้อมกับ เยลลี่รสดาชิผสมน้ำส้มสายชู ก่อนจะตบเเต่งด้วยดอกไม้ ต้นอ่อนต้นหอม ซึ่งดาชิเยลลี่นี้ละครับที่ช่วยให้ส่วนผสมทั้งสองเข้ากันได้ ดาชิผสมน้ำส้มสายชูที่เค็มติดเปรี้ยวปลายลิ้นเป็นสะพานเชื่อมอูนิรสหวานเค็มนิดๆให้เข้ากับเป๋าอื้อเนื้อหวานนุ่มหนึบได้อย่างน่าสนใจ จานนี้

ทีมงานทั้งสองของเรารู้สึกว่ารสค่อนข้างจะจัดเข้มข้นไปนิด เเต่แน่นอนมันก็เป็นจานที่อร่อยมากๆอย่างเถียงไม่ได้


จานสุดท้ายในอาหารวันนี้คือข้าว ข้าวอบของทางร้านเป็นข้าวอบเห็ดห้าชนิดผัดเนยกับเนื้อปลาเเซลม่อนเเละอิคุระ จานนี้อร่อยครับ ข้าวเนื้อร่วนหอมกลิ่นเนยปรุงรสมาอ่อนๆนั้นเข้ากับปลาเเซลมม่อนมันหวานได้อย่างดี เพิ่มความสนุกสนานด้วยผิวสัมผัสในปากของเห็ดนานาชนิดและอิคุระเเสนป็อป ยอดเยี่ยมมากๆครับเป็นหนึ่งในร้านที่ทำข้าวอบสไตล์ญี่ปุ่นได้ดีที่ดีสุดในไทย



ชื่อสินค้า:   Kuon​ no​ Tsuki
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่