วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 29

กระทู้คำถาม
วันที่ฟ้าเปิด 
ดรัสวันต์  และ  Q 


29

       แปะกวงเดินมาเห็นคนรอคิวเข้าห้องน้ำอยู่ด้านหลังร้าน ก็นึกแปลกใจจึงเดินไปเคาะประตูเรียก

      “ใครอยู่ในห้องน้ำ คนเขารออยู่”

      “เสร็จแล้วครับ” มีเสียงขานรับออกมา แล้วสักพักแสวงก็เดินออกมาพร้อมกับปาดเหงื่อที่หน้าผาก

     “อ้อ อาแสวงเองรึ ทำไมเข้าห้องน้ำนานนัก คนเขารอจะเข้า”

     “ผมปวดท้องครับอาแปะ ไม่รู้ไปทานอะไรมา” แสวงตอบด้วยท่าทางที่ยังคงรู้สึกปั่นป่วนไม่สบายภายในกระเพาะ

      “ปวดท้องหรือ ท้องเสียด้วยหรือเปล่า เอายาไหม ที่นี่มีหมดทั้งยาโรคกระเพาะ ยาแก้ท้องเสีย” อาแปะพยายามขายสินค้า

      “ค่อยยังชั่วแล้วครับ” ปฏิเสธแล้วชะเง้อมองไปรอบร้านที่ตอนนี้เงียบปราศจากลูกค้า

      นายหญิง ! แสวงสะดุ้งวาบอยู่ในใจ เขารีบเดินจากหลังร้านมามองหาทุกซอกทุกมุมของร้านที่อัดแน่นไปด้วยสินค้าจนแทบไม่มีทางเดิน 

      ก่อนหน้านี้ เขาเห็นเนตริยายืนคุยอยู่กับหลิน เขาจึงนอนใจว่าผู้หญิงทั้งสองคงมีเรื่องคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งตามประสาผู้หญิง และเขากะว่าจะเข้าห้องน้ำครู่เดียว แต่เกิดปวดท้องขึ้นมาทำให้ต้องใช้เวลาในห้องน้ำนานไปหน่อย 

     แสวงเดินหาทั่วร้านจนมาทะลุออกหน้าร้าน มองไปที่รถที่จอดอยู่ ภายในรถก็ว่างเปล่าไม่มีนายหญิงมานั่งรอ 

      คุณเนตรหายไป !  

      แสวงหนาวเยือกไปทั้งตัวแล้วเริ่มเหงื่อซึม นี่เขาจะทำอย่างไร

      แปะกวงมองท่าทางเดินงุ่นง่านอีกทั้งสีหน้าเดือดร้อนของแสวงอย่างแปลกใจ แล้วอดที่จะถามออกมาไม่ได้ว่า

     “ลื้อเป็นอาไร อาแสวง เดินหาอะไร ถ้าอยากได้ของในร้าน บอกอั๊ว เดี๋ยวจะหาให้”

     “คุณเนตรหายไปไหน แปะเห็นไหม เมื่อกี้ยังเห็นคุยกับหลินอยู่เลย”

     แปะกวงชะงักแล้วมองไปรอบตัว จริงซิ หลานสาวของแกก็ไม่อยู่ตรงนั้น

     “อั๊วก็มัวแต่นั่งทำบัญชีอยู่หลังร้าน” แล้วแปะกวงก็ตัดสินใจเรียก “หลิน  อาหลิน” แปะกวงเดินเรียกไปรอบร้าน ก็ไม่มีเสียงขานรับ 

     ชายทั้งสองยืนมองหน้ากันด้วยความวิตกกังวล

     “เอ ยังไงกัน หลินก็ไม่อยู่ หายไปไหนกันหรือจะพากันออกไปเดินเล่นที่ตลาด” แปะกวงคาดเดา

     “ไม่น่าเป็นไปได้นะครับ” 

     พอดีลูกจ้างของร้านเดินผ่านมา แปะกวงจึงเรียกไว้  

     “ลื้อเห็นอาหลินหรือเปล่า”

     “เห็นเมื่อกี้ นั่งรถออกไปกับผู้ชายคนนั้นที่เคยมาบ่อยๆ กับผู้หญิงอีกคน”

     “ห๊ะ ! หลินนั่งรถออกไปกับผู้ชาย ! ทำไมอีออกไปโดยไม่มาขออนุญาตอั๊ว” สิ่งที่อาแปะกลัวที่สุดคือกลัวหลานสาวหนีตามผู้ชายไป “แล้วผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ! ”

     “คนที่มาบ่อยๆ ท่าทางรวยๆ ที่ขับรถป้ายแดงไง”

     “อาธเนศ” แปะกวงครางออกมา ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่

     แสวงได้ยินชื่อธเนศ เขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล 

     “เห็นผู้หญิงนั่งไปกันสองคนหรือคนเดียว” แสวงหันไปซักไซ้คนงาน

      “สองคน”

     เป็นคำตอบที่แสวงหนาวเยือกไปทั้งตัว และหัวใจยิ่งเต้นโครมครามหนักขึ้นเมื่อหันไปเห็นรถตู้โดยสารประจำทางเลี้ยวเข้ามาจอด ณ ท่าจอดรถ 

     ทันทีที่รถจอดสนิท ร่างสูงของปกป้องก้าวลงมาแล้วหันไปมองหาคนมารับ ในที่สุดก็เห็นรถของเขาจอดรออยู่ที่หน้าร้านแปะกวง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะทุกทีแสวงจะจอดรอใกล้กับท่ารถมากกว่าจะไปจอดตรงนั้น

     “นายน้อย” แสวงเรียก ท่าทางกระหืดกระหอบรีบวิ่งมาหาพร้อมสีหน้าเดือดร้อนของคนสนิทนั้น ทำให้ปกป้องเริ่มใจไม่ดี  

     “มีอะไรหรือ”

     “เอ่อ คุณเนตร..”

    “คุณเนตร ?!  ทำไม” ปกป้องถามเกือบเป็นตะโกน

    “คุณเนตรหายไป”

     ปกป้องตกตะลึง หัวใจเหมือนตกวูบลงสู่ที่ต่ำ 

    “หายไปได้อย่างไร !” เสียงที่กราดเกรี้ยวนั้น ทำเอาแสวงหน้าซีดหนักยิ่งขึ้น

     “คือ เธอขอติดรถมารับนายด้วยครับ” แสวงเริ่มเล่า “ผมเห็นเธอแต่งตัวสวยเตรียมตัวมารับนายเต็มที่ก็เลยไม่อยากขัดใจ ระหว่างรอ เธอขอไปเดินเล่นที่ร้านอาแปะ ผมเห็นเธอคุยอยู่กับหลินก็วางใจ เผอิญผมปวดท้องไปเข้าห้องน้ำ พอออกมา..เอ่อ หายไปทั้งคู่ ทั้งหลินและคุณเนตร”

    “ทั้งหลินและเนตร” ปกป้องทวนคำอย่างแปลกใจ

     “ครับทั้งคู่  อาแปะก็กำลังกลุ้มใจห่วงหลานสาวเหมือนกัน” 

    “แล้วมีใครเห็นไหมว่าผู้หญิงสองคนนั่นออกไปกับใคร” 

     แสวงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะตอบว่า “ธเนศ”

     ปกป้องตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความโมโหเคียดแค้น และเหนือสิ่งอื่นใด เขารู้สึกเจ็บไปทั้งใจ 

     เนตริยา... สัญญาที่เธอให้ไว้ว่าจะไม่หนี มันคือคำลวงอย่างนั้นหรือ ความรู้สึกดีๆ ที่เขาคิดว่าหล่อนมีให้เขา นั่นคือมารยาหญิงใช่ไหม แล้วผู้ชายหน้าโง่อย่างเขาก็ตกหลุมพรางเชื่อว่าหล่อนจริงใจ

     “เนตร ในที่สุดคุณก็ไม่รักษาสัญญา” ปกป้องหลุดเสียงครางออกมาด้วยความผิดหวัง 

     แสวงชะงัก มองท่าทางผิดหวังของปกป้องแล้วรีบเตือนสติว่า

     “นายคิดว่าคุณเนตรสมยอมไปกับไอ้ธเนศหรือครับ”

     ดวงตาแดงก่ำของผู้ชายที่กำลังผิดหวัง เหมือนจะยืนยันเช่นนั้น

     “ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผมว่าไอ้ธเนศมันต้องมาล่อลวงคุณเนตรแน่นอนเลยครับ เพราะเธอกระตือรือร้นอยากจะมารับนายมากนะครับ อุตส่าห์แต่งชุดสวยที่นายซื้อให้ คงอยากให้นายเห็นจะได้ดีใจ”

     ปกป้องอึ้งไป แต่สีหน้าเริ่มกระจ่างขึ้น

     “งั้นหรือ”

     “อย่ามัวแต่ระแวงแคลงใจเธอเลยนะครับ เราต้องรีบไปช่วยเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือไอ้ธเนศ”

      ไม่ทันขาดคำแสวง ปกป้องก็ก้าวพรวดๆ ไปที่รถที่จอดอยู่ ทั้งสองรีบขึ้นรถแล้วปกป้องก็ขับออกมาจากที่นั่นราวกับพายุ ไปยังทิศทางที่เขาเชื่อว่า ธเนศไม่มีที่ซ่อนที่ไหนจะดีที่สุดเท่าค่ายสะมะแอ
 

      หลินเช็ดน้ำตาพยายามหยุดร้องไห้ หล่อนไม่เชื่อว่าปกป้องจะเคราะห์ร้ายเช่นนั้น

      “คุณแน่ใจหรือว่ารถตู้ที่คว่ำใช่รถโดยสารประจำทาง คนขับรถตู้เขาขับทุกวันจนชินทางแล้ว ไม่น่าพลาด”

      “แน่ใจซิ คนที่บอกเขาก็รู้จักดี เห็นเขาบอกว่าตกลงไปในเหวข้างทางเลยนะ” ธเนศยิ่งจะใส่สีให้เหตุการณ์ดูสยดสยอง

      “ฮือ ฮือ หลินไม่เชื่อ !” เด็กสาวร้องไห้ออกมาอีก สักพักก็นึกขึ้นได้แล้วชะโงกหน้าไปถามเนตริยาที่นั่งข้างหน้า ”แล้วคุณเนตรแน่ใจหรือว่าหมอป้องกลับจากสตูลมาวันนี้”

      เนตริยาพยายามบังคับตัวเองให้หยุดสั่นด้วยความตกใจ ใจหาย หล่อนเองก็เฝ้าแต่ปฏิเสธอยู่ในใจว่าไม่จริง ปกป้องจะต้องไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเขาเป็นอะไรไปจริงๆ หล่อนจะทำอย่างไร ไม่ใช่เพราะกลัวไม่ได้กลับบ้าน แต่ยามนี้ หัวใจของหญิงสาวร่ำร้องบอกตัวเองว่าหล่อนอยากเห็นหน้าเขาอีกครั้ง อยากจะบอก อยากจะพูดให้เขาได้รู้ถึงความรู้สึกดีๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของหล่อน

      เนตริยาพยายามกล้ำกลืนความรู้สึก แล้วตอบหลินว่า

     “เอ่อ  เขาบอกว่าจะกลับวันนี้”

     “หมอป้องอาจจะพลาดรถ ไม่ได้กลับวันนี้ก็ได้” หลินพยายามหลอกตัวเองต่อไป ในขณะที่เนตริยาก็อยากจะหลอกตัวเองให้เชื่อเช่นนั้นเหมือนกันถ้าก่อนหน้านี้แสวงไม่มาบอกว่าปกป้องจะมาช้าเพราะรถเสียเวลา 

     ใช่แล้ว เขากลับมาวันนี้แน่นอน 

      ถึงจะรู้เช่นนี้แต่หญิงสาวปิดปากเงียบ ไม่อยากบอกออกไปให้หลินเสียขวัญ แล้วหล่อนก็เพิ่งเริ่มสังเกตว่าการที่หลินเสียใจและออกอาการมากมายเช่นนี้ แสดงว่าหลินมีใจให้ปกป้องอย่างนั้นหรือ ผู้หญิงสองคนกำลังตกอยู่บนที่นั่งเดียวกันงั้นหรือ เนตริยารู้สึกสะท้อนใจแล้วหันไปมองหลินที่นั่งร้องไห้อยู่ที่เบาะหลัง

      เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ แต่หลินกลับรู้สึกว่ามันช่างเนิ่นนานผิดปกติ

      “ไหนคุณบอกว่ากิโลเมตรที่ 20 ทำไมยังไม่ถึงสักที” หลินเริ่มโวยวายกับธเนศด้วยจิตใจร้อนรน แล้วรีบเช็ดน้ำตาให้ดวงตาหายพร่ามัวพลางมองไปรอบตัว หล่อนคุ้นเคยกับเส้นทางในตำบลนี้อยู่พอสมควรแม้นานๆ ครั้งจะมีโอกาสไปถึงในเมือง แต่สวนยางและบ้านเรือนที่ห่างหายออกไปแต่เป็นสภาพป่าเข้ามาแทนที่ทำให้เด็กสาวรู้สึกแปลกๆ แล้วเริ่มเอะใจยิ่งขึ้นเมื่อธเนศชะลอรถตรงสามแยก เขาเปิดไฟเลี้ยวขวาทำท่าจะเลี้ยวเข้าไปในถนนลูกรังที่มุ่งสู่ดงป่าทึบข้างหน้า
 
      “จะเข้าเมืองแล้วทำไมถึงเลี้ยวมาทางนี้” หลินที่นั่งอยู่เบาะหลังทำเสียงตกใจทันทีเมื่อธเนศเลี้ยวรถเข้าไปยังถนนดังกล่าว มันไม่ใช่เส้นทางเข้าเมืองแน่นอน “นายจะไปไหน” ถามเสียงสั่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่