วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
ทันใดนั้น ธเนศผุดลุกขึ้นดึงมีดจากเอวออกมาและตวัดไปข้างหน้าเต็มแรง
เนตริยาเห็นเช่นนั้นรีบตะโกนบอกปกป้อง
“ระวังค่ะ !”
ปกป้องยังไวพอที่จะกระโดดหลบทันทำให้ไม่โดนที่สำคัญ แต่ทว่าคมจากปลายมีดยังฝากรอยแผลลึกไว้ที่บริเวณต้นแขนซ้ายของปกป้อง แม้แผลจะไม่กว้างแต่ลึกมาก แล้วเลือดก็ไหลออกมาทันทีเมื่อธเนศชักมีดกลับ
เนตริยากรีดร้องตกใจเมื่อเห็นเลือดสดๆ ของปกป้องไหลริน
31
ปกป้องรีบใช้มือขวากดปิดปากแผลไว้ เขาต้องห้ามเลือดให้หยุดไหล
ธเนศยังคงก้าวเข้ามาพร้อมกับมีดในมือ หัวเราะร่าอย่างพอใจที่เห็นปกป้องได้เลือด ปกป้องอาศัยช่วงขาที่ยาวกว่ารีบตวัดขาขวาเตะเข้าที่มือของธเนศอย่างแรงจนมีดหลุดกระเด็นไปไกล
“โอ๊ย ! ” ธเนศหลุดเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดรีบกุมมือข้างที่ถูกเตะ แรงเตะของปกป้องนั้นรุนแรงขนาดทำให้กระดูกมือของเขาหักได้ ธเนศทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
“การต่อสู้จบลงแล้ว” สะมะแอรีบตัดบทก่อนที่ปกป้องจะเข้าไปกระทืบซ้ำ สีหน้าสะมะแอไม่พอใจอย่างยิ่งที่ธเนศโกงการต่อสู้โดยใช้มีดลอบกัดปกป้องเช่นนั้น แบบนี้ถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาไม่ควรปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป “คุณหมอพาภรรยากลับบ้านได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เนตริยารีบวิ่งไปดูอาการที่แผลของปกป้องทันที
“สะมะแอ ! ” ธเนศอุทานอย่างไม่เชื่อหูว่าสะมะแอจะทำแบบนี้ มันดูเหมือนเข้าข้างปกป้อง หัวหน้าค่ายอย่างสะมะแอไม่น่าปล่อยให้คนที่บุกรุกเข้าค่ายมาเช่นนี้กลับไปง่ายๆ แต่สะมะแอมาตัดบทลงเช่นนี้แถมคืนผู้หญิงให้ไปอีกด้วย เท่ากับเขาเป็นฝ่ายแพ้ คนในค่ายนี้จะมองเขาอย่างไร ธเนศจ้องหน้าสะมะแอด้วยความไม่พอใจที่ทำให้เขาเสียหน้า แต่ดวงตาวาวโรจน์ของหัวหน้าค่ายที่จ้องตอบกลับมานั้นสามารถทำให้ธเนศหนาวเยือกขึ้นมาได้ มันทำให้เขาต้องข่มอาการฮึดฮัดขัดใจเอาไว้ก่อน เขากับสะมะแอมีเรื่องที่จะต้องคุยกันแน่นอน
“ขอโทษด้วยหมอ ฉันเองก็ไม่พอใจนักที่มีเรื่องวุ่นวายแบบนี้ในค่ายของฉัน” แม้สะมะแอจะเอ่ยปากขอโทษออกมา แต่สีหน้านั้นยังไม่คลายความบึ้งตึง “ทีหลังหมอช่วยดูแลเมียให้ดีๆ ก็แล้วกัน และอย่าได้ฝ่าด่านเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตฉันแบบนี้อีก” สะมะแอขู่
“ครับสะมะแอ” ปกป้องรับคำ โล่งอกที่สะมะแอยังมีความยุติธรรม ตัดสินไปตามความผิดถูกไม่เข้าข้างคนของเขา
“พวกคุณกลับกันได้แล้ว” สะมะแอรีบไล่ให้คนนอกทั้งสามคนกลับออกไปก่อนเพราะเขามีเรื่องที่ต้องสะสางกับธเนศ
แสวงขับรถออกมาจากค่ายของสะมะแอแล้ว ทั้งหมดต่างโล่งใจที่ผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายออกมาได้อย่างปลอดภัย ปกป้องนั่งอยู่ที่เบาะหลังโดยมี
เนตริยาอยู่เคียงข้างไม่ห่าง
“คุณเนตรไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” ปกป้องถามพลางมองสำรวจทั่วร่างหญิงสาว “ไอ้ธเนศมันทำอะไรคุณหรือเปล่า” เขาถามย้ำออกไป แม้จะสังเกตเห็นว่าชุดพื้นเมืองที่หล่อนสวมใส่นั้นอยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่มีรอยฉีกขาด แค่นี้ก็พอทำให้มั่นใจว่าเขามาทันเวลา
เนตริยาส่ายหน้าปฏิเสธ รู้สึกหนาวเยือกจับใจเมื่อย้อนระลึกถึงเวลาวิกฤตเช่นนั้น ได้อาศัยวิชาป้องกันตัวที่มีอยู่พอประทังเวลาช่วยตัวเองไปได้บ้าง แต่หากปกป้องมาไม่ทัน หล่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของธเนศหรือไม่ เพราะธเนศมีมีด
“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยทันเวลา ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่แผลของคุณ” เนตริยามองไปที่แผล
“ไกลหัวใจครับ ผมไม่เป็นอะไรมาก ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“แต่แผลลึกมากเลยนะคะ ทำอย่างไรเลือดจะหยุดไหล” หญิงสาวกล่าวเสียงสั่นด้วยความวิตกเมื่อเลือดแดงฉานนั้นยังคงไหลซึมออกมาจากแผลไม่หยุด ชนิดที่ถ้าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ใจแข็งพอคงจะเป็นลมไปแล้ว
ปกป้องก้มลงไปดึงกล่องสีขาวออกมาจากใต้เบาะหน้าข้างคนขับ มันคือกล่องปฐมพยาบาล
เนตริยาเห็นสิ่งนั้นแล้วรู้สึกโล่งใจราวกับได้เห็นกล่องวิเศษ
“มา ฉันทำให้” หญิงสาวไม่อยากให้ปกป้องละมือที่กดแผลออก หล่อนรับกล่องนั้นมาเปิดขึ้น ภายในกล่องปฐมพยาบาลมีครบทั้งสำลี ผ้ากอซสำหรับพันแผล หญิงสาวใช้แอลกอฮอล์ชนิดที่เป็นขวดสเปรย์ฉีดลงที่บริเวณแผลเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วใช้สำลีม้วนรวมกันเป็นก้อนใหญ่ซ้อนทบด้วยผ้ากอซปิดปากแผลแล้วใช้เทปปิดทับอย่างแน่นหนาเพื่อประทังไว้ก่อน
“โชคดีจังนะคะที่ในรถมีอุปกรณ์พร้อม” เนตริยากล่าวอย่างโล่งอก ที่อย่างน้อยก็สามารถให้การพยาบาลเบื้องต้นแก่เขาได้
“ก็รถหมอนี่ครับ”
เนตริยาค้อน แล้วยิ้มจางๆ ออกมาได้เป็นครั้งแรก
“แถมมีพยาบาลจำเป็นแต่รู้งานแบบนี้อีกด้วย ไม่แน่นะถ้าอยู่ไปนานๆ คุณจะกลายเป็นพยาบาลไปจริงๆ “ ปกป้องหลุดปากพูดออกไปโดยไม่ทันคิดอะไร แต่ครั้นพอเห็นเนตริยาอึ้งไป เขาก็ชะงักแล้วนึกถึงความเป็นจริง
“ที่จริงผมน่าจะบอกคุณก่อนหน้านี้นะว่าผมกำลังจะส่งคุณกลับบ้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คุณจะได้ไม่ไปหลงเชื่อไอ้ธเนศว่ามันจะพาคุณกลับบ้าน” ปกป้องประชดแล้วเมินมองไปทางอื่น
เนตริยาเบิกตากว้างกับคำกล่าวหาของเขา
“อะไรนะคะ ! คุณคิดว่าฉันเต็มใจไปกับธเนศเพราะต้องการจะกลับบ้านอย่างนั้นหรือ” เนตริยาขึ้นเสียงสูง รู้สึกโกรธระคนน้อยใจ
แม้ปกป้องจะรู้มาจากหลินว่าธเนศมาหลอกผู้หญิงสองคนนี้ว่าอย่างไร แต่เขาก็อยากพิสูจน์ อยากได้ยินความจริงจากปากเนตริยาว่ามันไม่ใช่อย่างที่ธเนศกล่าวอ้างในตอนนั้น
“ผมไม่ทราบว่าความจริงมันเป็นยังไง ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเห็นคุณคุยอะไรบางอย่างกับเขา”
เนตริยาจ้องมองผู้ชายตรงหน้าอย่างแทบไม่เชื่อสายตา น้ำตาแห่งความน้อยใจเริ่มคลอหน่วย
“ธเนศบอกว่าคุณรถคว่ำ แล้วเขาจะพาฉันกับหลินไปดูว่าคุณปลอดภัยหรือไม่ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ก็ลองไปถามหลินดู”
“มุกตื้นๆ แค่นี้ ไม่น่าจะหลอกผู้หญิงฉลาดๆ อย่างคุณได้”
เนตริยาเม้มปากแน่น ทั้งเจ็บใจตัวเองและเจ็บกับคำพูดของเขา
“นั่นน่ะซิคะ ถ้าไม่ใช่เพราะความห่วงใยมาบังตา ฉันคงจะไม่เสียรู้คนเลวแบบนั้น” หญิงสาวประชดแล้วขยับตัวออกห่างไปนั่งชิดประตูด้วยอาการหมางเมิน ในใจสะท้อนสะท้านไปด้วยความน้อยใจจนน้ำตาแทบรินร่วง แต่หล่อนก็ต้องพยายามสะกดกลั้นอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้เขาคิดว่าหล่อนบีบน้ำตาให้เขาเห็นใจ
ปกป้องแอบยิ้ม ได้ยินแค่นี้เขาก็เต็มตื้นไปทั้งหัวใจแล้วว่าหล่อนเป็นห่วงเขา แต่เวลานี้เขาเพลียเกินกว่าจะงอนง้อขอโทษ อาการเสียเลือดเริ่มส่งผลให้ปกป้องอ่อนล้าลง เขาทอดตัวพิงพนักหลับตา
เนตริยาเห็นอาการเช่นนั้นของชายหนุ่ม หัวใจก็พลันอ่อนยวบลงด้วยความสงสาร หล่อนควรจะระลึกถึงความดีของเขาที่ดั้นด้นมาช่วยเธอถึงกลางป่าและควรเห็นใจที่เขาเหนื่อยล้าและได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือหล่อนออกมาจากรังโจร มากกว่าจะมาแง่งอนกับคำพูดบางคำของเขา
เนตริยาขยับเข้ามาใกล้กุมมือของปกป้องแน่นเพื่อให้กำลังใจและความอบอุ่น ดวงตาที่หลับสนิทและคอที่อ่อนพับเช่นนั้น ทำให้หญิงสาวกังวลว่าเขาหลับไปด้วยความอ่อนเพลียหรือว่าหมดสติกันแน่
“คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ” หล่อนกระซิบบอกเขาเสียงสั่น ในใจวูบไหวไปด้วยความเป็นห่วง บอกตัวเองว่าไม่อยากสูญเสียเขาไป
ปกป้องไม่ได้หลับและเขาได้ยินชัดเจน ยามนี้เขาถามตัวเองว่าเขาจะห้ามใจไม่ให้รักผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร
แสวงขับรถผ่านด่านทั้งสองออกมาแล้ว แต่ยังต้องข้ามภูเขาอีกลูก และพบว่าหลังเขาแห่งนี้ฝนกำลังตกกระหน่ำรุนแรงแทบไม่ลืมหูลืมตา พื้นถนนลูกรังที่อุ้มน้ำฝนมาพักหนึ่งแล้วเริ่มแฉะและมีน้ำขังอยู่ตามหลุมบ่อทำให้แสวงต้องชะลอความเร็วของรถลง
เมฆฝนดำทะมึนครอบคลุมฟ้าจนมืดมิดราวกับเวลากลางคืน แสวงได้อาศัยเพียงแสงไฟสปอร์ตไลต์นำทางไปบนถนนเลียบเขาที่ทั้งแคบและเป็นหลุมบ่อจนเขาต้องพยายามเบี่ยงรถเพื่อหลบหลุมเหล่านั้นเพราะกลัวว่าจะติดหล่ม
“ค่อยๆ ไปเถอะ แสวง อย่าให้กระเทือนนัก เดี๋ยวเลือดจะไหลออกมาอีก” เนตริยากล่าวอย่างเป็นห่วงคนข้างๆ จนต้องพยายามประคองเขาไว้
เสียงโครมครืนบางอย่าง ทำให้แสวงต้องหยุดรถเงี่ยหูฟัง เขาตัดสินใจเปิดสปอร์ตไลต์อีกคู่หนึ่งที่ติดอยู่บนหลังคารถ แสงสว่างที่ส่องกราดไปข้างหน้า ทำให้เห็นว่าในช่วงโค้งหักศอกห่างออกไปเพียง 200 เมตร มีดินและหินที่ถล่มจากบนเขามากองปิดถนน
“แย่แล้วครับ ดินถล่มปิดทาง เราจะไปได้อย่างไร” แสวงบ่นออกมาด้วยความกังวลใจ
ปกป้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้ว่ามีอุปสรรคขวางทางเช่นนั้น แสวงหันมามองนายน้อยของเขาราวกับจะปรึกษา
“ถอยหลังเถอะแสวง เราอย่ามาจอดอยู่อย่างนี้เลย อันตราย เดี๋ยวเกิดดินถล่มลงมาใส่เราอีก” ปกป้องสั่งการ
คนสนิทค่อยๆ ถอยรถมาจนถึงช่วงที่กว้างพอให้เขากลับรถเพื่อขับออกไปให้พ้นเขตอันตราย
“เราจะไปทางไหนคะ มีแต่ป่าทั้งนั้น” เนตริยากล่าวอย่างหวาดหวั่น “แล้วแผลของคุณ ต้องได้รับการรักษา” เพราะตอนนี้ทั้งสำลีและผ้ากอซเริ่มชุ่มโชกไปด้วยเลือดที่ยังคงซึมออกมา
พอกลับรถได้แล้วแสวงจึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ก่อนที่เราจะขึ้นเขาลูกนี้ ผมเห็นมีถนนเล็กๆ แยกเข้าไปในป่า บางทีอาจจะมีบ้านคนก็ได้นะครับนาย”
“ลองไปดู ถ้ามีบ้านคน เราจะได้ไปขออาศัยชั่วคราว”
แสวงหันกลับมามองยังเบาะหลังอีกรอบ “อดทนไว้นะครับนายน้อย ถ้าข้างหน้ามีบ้านคน เราจะไปขอพักและทำแผลกันที่นั่น”
แสวงรีบออกรถไปยังทิศทางนั้นทันที
พอลงจากเขา ฝนจางลงจนพอมีแสงสว่างบ้าง ทำให้เห็นว่ามีทางแยกเลี้ยวซ้าย ซึ่งเป็นทางแคบๆ สำหรับมอเตอร์ไซค์ แต่รถกระบะโฟร์วีลไดร้ฟคันนี้ก็สามารถลุยฝ่าทางแคบๆ นี้เข้าไปได้
จนไม่นานก็พบว่ามีบ้านชาวบ้านตั้งอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กชั้นเดียวยกพื้นเตี้ยๆ
“เราเจอบ้านแล้วครับ คอยอยู่ในรถก่อนนะครับนาย ผมจะลงไปเจรจา” แสวงบอกแล้วก้าวลงจากรถเข้าไปเรียกเจ้าของบ้านออกมาพูดคุยกับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นสามีภรรยาวัยกลางคนอยู่สักพัก แสวงจึงกลับมาบอกว่า
“เขาอนุญาตให้เราเข้าไปพักได้ครับ”
ปกป้องพยักหน้าแล้วค่อยๆ ก้าวลงจากรถ บาดแผลนั้นยังคงทำให้เขาปวดแปลบ อีกทั้งอาการเสียเลือดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายจะหน้ามืด ดีแต่แสวงช่วยประคองไว้ทัน
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 31
เนตริยาเห็นเช่นนั้นรีบตะโกนบอกปกป้อง
“ระวังค่ะ !”
ปกป้องยังไวพอที่จะกระโดดหลบทันทำให้ไม่โดนที่สำคัญ แต่ทว่าคมจากปลายมีดยังฝากรอยแผลลึกไว้ที่บริเวณต้นแขนซ้ายของปกป้อง แม้แผลจะไม่กว้างแต่ลึกมาก แล้วเลือดก็ไหลออกมาทันทีเมื่อธเนศชักมีดกลับ
เนตริยากรีดร้องตกใจเมื่อเห็นเลือดสดๆ ของปกป้องไหลริน
31
ปกป้องรีบใช้มือขวากดปิดปากแผลไว้ เขาต้องห้ามเลือดให้หยุดไหล
ธเนศยังคงก้าวเข้ามาพร้อมกับมีดในมือ หัวเราะร่าอย่างพอใจที่เห็นปกป้องได้เลือด ปกป้องอาศัยช่วงขาที่ยาวกว่ารีบตวัดขาขวาเตะเข้าที่มือของธเนศอย่างแรงจนมีดหลุดกระเด็นไปไกล
“โอ๊ย ! ” ธเนศหลุดเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวดรีบกุมมือข้างที่ถูกเตะ แรงเตะของปกป้องนั้นรุนแรงขนาดทำให้กระดูกมือของเขาหักได้ ธเนศทรุดลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
“การต่อสู้จบลงแล้ว” สะมะแอรีบตัดบทก่อนที่ปกป้องจะเข้าไปกระทืบซ้ำ สีหน้าสะมะแอไม่พอใจอย่างยิ่งที่ธเนศโกงการต่อสู้โดยใช้มีดลอบกัดปกป้องเช่นนั้น แบบนี้ถือว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาไม่ควรปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป “คุณหมอพาภรรยากลับบ้านได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เนตริยารีบวิ่งไปดูอาการที่แผลของปกป้องทันที
“สะมะแอ ! ” ธเนศอุทานอย่างไม่เชื่อหูว่าสะมะแอจะทำแบบนี้ มันดูเหมือนเข้าข้างปกป้อง หัวหน้าค่ายอย่างสะมะแอไม่น่าปล่อยให้คนที่บุกรุกเข้าค่ายมาเช่นนี้กลับไปง่ายๆ แต่สะมะแอมาตัดบทลงเช่นนี้แถมคืนผู้หญิงให้ไปอีกด้วย เท่ากับเขาเป็นฝ่ายแพ้ คนในค่ายนี้จะมองเขาอย่างไร ธเนศจ้องหน้าสะมะแอด้วยความไม่พอใจที่ทำให้เขาเสียหน้า แต่ดวงตาวาวโรจน์ของหัวหน้าค่ายที่จ้องตอบกลับมานั้นสามารถทำให้ธเนศหนาวเยือกขึ้นมาได้ มันทำให้เขาต้องข่มอาการฮึดฮัดขัดใจเอาไว้ก่อน เขากับสะมะแอมีเรื่องที่จะต้องคุยกันแน่นอน
“ขอโทษด้วยหมอ ฉันเองก็ไม่พอใจนักที่มีเรื่องวุ่นวายแบบนี้ในค่ายของฉัน” แม้สะมะแอจะเอ่ยปากขอโทษออกมา แต่สีหน้านั้นยังไม่คลายความบึ้งตึง “ทีหลังหมอช่วยดูแลเมียให้ดีๆ ก็แล้วกัน และอย่าได้ฝ่าด่านเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตฉันแบบนี้อีก” สะมะแอขู่
“ครับสะมะแอ” ปกป้องรับคำ โล่งอกที่สะมะแอยังมีความยุติธรรม ตัดสินไปตามความผิดถูกไม่เข้าข้างคนของเขา
“พวกคุณกลับกันได้แล้ว” สะมะแอรีบไล่ให้คนนอกทั้งสามคนกลับออกไปก่อนเพราะเขามีเรื่องที่ต้องสะสางกับธเนศ
แสวงขับรถออกมาจากค่ายของสะมะแอแล้ว ทั้งหมดต่างโล่งใจที่ผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายออกมาได้อย่างปลอดภัย ปกป้องนั่งอยู่ที่เบาะหลังโดยมี
เนตริยาอยู่เคียงข้างไม่ห่าง
“คุณเนตรไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” ปกป้องถามพลางมองสำรวจทั่วร่างหญิงสาว “ไอ้ธเนศมันทำอะไรคุณหรือเปล่า” เขาถามย้ำออกไป แม้จะสังเกตเห็นว่าชุดพื้นเมืองที่หล่อนสวมใส่นั้นอยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่มีรอยฉีกขาด แค่นี้ก็พอทำให้มั่นใจว่าเขามาทันเวลา
เนตริยาส่ายหน้าปฏิเสธ รู้สึกหนาวเยือกจับใจเมื่อย้อนระลึกถึงเวลาวิกฤตเช่นนั้น ได้อาศัยวิชาป้องกันตัวที่มีอยู่พอประทังเวลาช่วยตัวเองไปได้บ้าง แต่หากปกป้องมาไม่ทัน หล่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของธเนศหรือไม่ เพราะธเนศมีมีด
“ขอบคุณนะคะที่มาช่วยทันเวลา ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่แผลของคุณ” เนตริยามองไปที่แผล
“ไกลหัวใจครับ ผมไม่เป็นอะไรมาก ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“แต่แผลลึกมากเลยนะคะ ทำอย่างไรเลือดจะหยุดไหล” หญิงสาวกล่าวเสียงสั่นด้วยความวิตกเมื่อเลือดแดงฉานนั้นยังคงไหลซึมออกมาจากแผลไม่หยุด ชนิดที่ถ้าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่ใจแข็งพอคงจะเป็นลมไปแล้ว
ปกป้องก้มลงไปดึงกล่องสีขาวออกมาจากใต้เบาะหน้าข้างคนขับ มันคือกล่องปฐมพยาบาล
เนตริยาเห็นสิ่งนั้นแล้วรู้สึกโล่งใจราวกับได้เห็นกล่องวิเศษ
“มา ฉันทำให้” หญิงสาวไม่อยากให้ปกป้องละมือที่กดแผลออก หล่อนรับกล่องนั้นมาเปิดขึ้น ภายในกล่องปฐมพยาบาลมีครบทั้งสำลี ผ้ากอซสำหรับพันแผล หญิงสาวใช้แอลกอฮอล์ชนิดที่เป็นขวดสเปรย์ฉีดลงที่บริเวณแผลเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วใช้สำลีม้วนรวมกันเป็นก้อนใหญ่ซ้อนทบด้วยผ้ากอซปิดปากแผลแล้วใช้เทปปิดทับอย่างแน่นหนาเพื่อประทังไว้ก่อน
“โชคดีจังนะคะที่ในรถมีอุปกรณ์พร้อม” เนตริยากล่าวอย่างโล่งอก ที่อย่างน้อยก็สามารถให้การพยาบาลเบื้องต้นแก่เขาได้
“ก็รถหมอนี่ครับ”
เนตริยาค้อน แล้วยิ้มจางๆ ออกมาได้เป็นครั้งแรก
“แถมมีพยาบาลจำเป็นแต่รู้งานแบบนี้อีกด้วย ไม่แน่นะถ้าอยู่ไปนานๆ คุณจะกลายเป็นพยาบาลไปจริงๆ “ ปกป้องหลุดปากพูดออกไปโดยไม่ทันคิดอะไร แต่ครั้นพอเห็นเนตริยาอึ้งไป เขาก็ชะงักแล้วนึกถึงความเป็นจริง
“ที่จริงผมน่าจะบอกคุณก่อนหน้านี้นะว่าผมกำลังจะส่งคุณกลับบ้านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คุณจะได้ไม่ไปหลงเชื่อไอ้ธเนศว่ามันจะพาคุณกลับบ้าน” ปกป้องประชดแล้วเมินมองไปทางอื่น
เนตริยาเบิกตากว้างกับคำกล่าวหาของเขา
“อะไรนะคะ ! คุณคิดว่าฉันเต็มใจไปกับธเนศเพราะต้องการจะกลับบ้านอย่างนั้นหรือ” เนตริยาขึ้นเสียงสูง รู้สึกโกรธระคนน้อยใจ
แม้ปกป้องจะรู้มาจากหลินว่าธเนศมาหลอกผู้หญิงสองคนนี้ว่าอย่างไร แต่เขาก็อยากพิสูจน์ อยากได้ยินความจริงจากปากเนตริยาว่ามันไม่ใช่อย่างที่ธเนศกล่าวอ้างในตอนนั้น
“ผมไม่ทราบว่าความจริงมันเป็นยังไง ก่อนหน้านี้ผมก็เคยเห็นคุณคุยอะไรบางอย่างกับเขา”
เนตริยาจ้องมองผู้ชายตรงหน้าอย่างแทบไม่เชื่อสายตา น้ำตาแห่งความน้อยใจเริ่มคลอหน่วย
“ธเนศบอกว่าคุณรถคว่ำ แล้วเขาจะพาฉันกับหลินไปดูว่าคุณปลอดภัยหรือไม่ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ก็ลองไปถามหลินดู”
“มุกตื้นๆ แค่นี้ ไม่น่าจะหลอกผู้หญิงฉลาดๆ อย่างคุณได้”
เนตริยาเม้มปากแน่น ทั้งเจ็บใจตัวเองและเจ็บกับคำพูดของเขา
“นั่นน่ะซิคะ ถ้าไม่ใช่เพราะความห่วงใยมาบังตา ฉันคงจะไม่เสียรู้คนเลวแบบนั้น” หญิงสาวประชดแล้วขยับตัวออกห่างไปนั่งชิดประตูด้วยอาการหมางเมิน ในใจสะท้อนสะท้านไปด้วยความน้อยใจจนน้ำตาแทบรินร่วง แต่หล่อนก็ต้องพยายามสะกดกลั้นอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้เขาคิดว่าหล่อนบีบน้ำตาให้เขาเห็นใจ
ปกป้องแอบยิ้ม ได้ยินแค่นี้เขาก็เต็มตื้นไปทั้งหัวใจแล้วว่าหล่อนเป็นห่วงเขา แต่เวลานี้เขาเพลียเกินกว่าจะงอนง้อขอโทษ อาการเสียเลือดเริ่มส่งผลให้ปกป้องอ่อนล้าลง เขาทอดตัวพิงพนักหลับตา
เนตริยาเห็นอาการเช่นนั้นของชายหนุ่ม หัวใจก็พลันอ่อนยวบลงด้วยความสงสาร หล่อนควรจะระลึกถึงความดีของเขาที่ดั้นด้นมาช่วยเธอถึงกลางป่าและควรเห็นใจที่เขาเหนื่อยล้าและได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือหล่อนออกมาจากรังโจร มากกว่าจะมาแง่งอนกับคำพูดบางคำของเขา
เนตริยาขยับเข้ามาใกล้กุมมือของปกป้องแน่นเพื่อให้กำลังใจและความอบอุ่น ดวงตาที่หลับสนิทและคอที่อ่อนพับเช่นนั้น ทำให้หญิงสาวกังวลว่าเขาหลับไปด้วยความอ่อนเพลียหรือว่าหมดสติกันแน่
“คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ” หล่อนกระซิบบอกเขาเสียงสั่น ในใจวูบไหวไปด้วยความเป็นห่วง บอกตัวเองว่าไม่อยากสูญเสียเขาไป
ปกป้องไม่ได้หลับและเขาได้ยินชัดเจน ยามนี้เขาถามตัวเองว่าเขาจะห้ามใจไม่ให้รักผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร
แสวงขับรถผ่านด่านทั้งสองออกมาแล้ว แต่ยังต้องข้ามภูเขาอีกลูก และพบว่าหลังเขาแห่งนี้ฝนกำลังตกกระหน่ำรุนแรงแทบไม่ลืมหูลืมตา พื้นถนนลูกรังที่อุ้มน้ำฝนมาพักหนึ่งแล้วเริ่มแฉะและมีน้ำขังอยู่ตามหลุมบ่อทำให้แสวงต้องชะลอความเร็วของรถลง
เมฆฝนดำทะมึนครอบคลุมฟ้าจนมืดมิดราวกับเวลากลางคืน แสวงได้อาศัยเพียงแสงไฟสปอร์ตไลต์นำทางไปบนถนนเลียบเขาที่ทั้งแคบและเป็นหลุมบ่อจนเขาต้องพยายามเบี่ยงรถเพื่อหลบหลุมเหล่านั้นเพราะกลัวว่าจะติดหล่ม
“ค่อยๆ ไปเถอะ แสวง อย่าให้กระเทือนนัก เดี๋ยวเลือดจะไหลออกมาอีก” เนตริยากล่าวอย่างเป็นห่วงคนข้างๆ จนต้องพยายามประคองเขาไว้
เสียงโครมครืนบางอย่าง ทำให้แสวงต้องหยุดรถเงี่ยหูฟัง เขาตัดสินใจเปิดสปอร์ตไลต์อีกคู่หนึ่งที่ติดอยู่บนหลังคารถ แสงสว่างที่ส่องกราดไปข้างหน้า ทำให้เห็นว่าในช่วงโค้งหักศอกห่างออกไปเพียง 200 เมตร มีดินและหินที่ถล่มจากบนเขามากองปิดถนน
“แย่แล้วครับ ดินถล่มปิดทาง เราจะไปได้อย่างไร” แสวงบ่นออกมาด้วยความกังวลใจ
ปกป้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรู้ว่ามีอุปสรรคขวางทางเช่นนั้น แสวงหันมามองนายน้อยของเขาราวกับจะปรึกษา
“ถอยหลังเถอะแสวง เราอย่ามาจอดอยู่อย่างนี้เลย อันตราย เดี๋ยวเกิดดินถล่มลงมาใส่เราอีก” ปกป้องสั่งการ
คนสนิทค่อยๆ ถอยรถมาจนถึงช่วงที่กว้างพอให้เขากลับรถเพื่อขับออกไปให้พ้นเขตอันตราย
“เราจะไปทางไหนคะ มีแต่ป่าทั้งนั้น” เนตริยากล่าวอย่างหวาดหวั่น “แล้วแผลของคุณ ต้องได้รับการรักษา” เพราะตอนนี้ทั้งสำลีและผ้ากอซเริ่มชุ่มโชกไปด้วยเลือดที่ยังคงซึมออกมา
พอกลับรถได้แล้วแสวงจึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ก่อนที่เราจะขึ้นเขาลูกนี้ ผมเห็นมีถนนเล็กๆ แยกเข้าไปในป่า บางทีอาจจะมีบ้านคนก็ได้นะครับนาย”
“ลองไปดู ถ้ามีบ้านคน เราจะได้ไปขออาศัยชั่วคราว”
แสวงหันกลับมามองยังเบาะหลังอีกรอบ “อดทนไว้นะครับนายน้อย ถ้าข้างหน้ามีบ้านคน เราจะไปขอพักและทำแผลกันที่นั่น”
แสวงรีบออกรถไปยังทิศทางนั้นทันที
พอลงจากเขา ฝนจางลงจนพอมีแสงสว่างบ้าง ทำให้เห็นว่ามีทางแยกเลี้ยวซ้าย ซึ่งเป็นทางแคบๆ สำหรับมอเตอร์ไซค์ แต่รถกระบะโฟร์วีลไดร้ฟคันนี้ก็สามารถลุยฝ่าทางแคบๆ นี้เข้าไปได้
จนไม่นานก็พบว่ามีบ้านชาวบ้านตั้งอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กชั้นเดียวยกพื้นเตี้ยๆ
“เราเจอบ้านแล้วครับ คอยอยู่ในรถก่อนนะครับนาย ผมจะลงไปเจรจา” แสวงบอกแล้วก้าวลงจากรถเข้าไปเรียกเจ้าของบ้านออกมาพูดคุยกับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นสามีภรรยาวัยกลางคนอยู่สักพัก แสวงจึงกลับมาบอกว่า
“เขาอนุญาตให้เราเข้าไปพักได้ครับ”
ปกป้องพยักหน้าแล้วค่อยๆ ก้าวลงจากรถ บาดแผลนั้นยังคงทำให้เขาปวดแปลบ อีกทั้งอาการเสียเลือดทำให้ชายหนุ่มรู้สึกคล้ายจะหน้ามืด ดีแต่แสวงช่วยประคองไว้ทัน