วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
23
เนตริยาเดินออกมาจากห้องในตอนเช้า และได้เห็นภาพชินตาที่ปกป้องมักจะนั่งอ่านหนังสือรอเธออยู่ที่โต๊ะอาหารนั้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีที่วันนี้
เขาอยู่รับประทานอาหารเช้าร่วมกับเธอ ไม่ได้ออกไปข้างนอกอย่างวันก่อนๆ ซึ่งตอนแรกหล่อนก็กริ่งเกรงอยู่ว่าเขาอาจจะไม่อยากอยู่เห็นหน้าหล่อน
เพราะยังไม่พอใจเรื่องเมื่อคืน
หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม แต่ปกป้องก็ยังไม่เงยหน้าจากหนังสือ หล่อนรู้ว่าเขาได้ยินเสียงหล่อนมานั่งที่โต๊ะแล้วแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เนตริยาเอ่ยทักขึ้นก่อนเป็นครั้งแรกนับแต่หล่อนมาอยู่ที่นี่
ได้ผล ปกป้องเงยหน้าขึ้นมองใบหน้ายิ้มน้อยๆ นั้นอย่างแปลกใจ
“ครับ อรุณสวัสดิ์”
“วันนี้มีอะไรทานบ้างนะ” หล่อนทำท่าสนใจอาหารตรงหน้า ที่วันนี้เป็นข้าวต้มพร้อมกับข้าวหลายอย่างให้เลือก “น่าทานจังเลยนะคะ” พูดเสร็จก็หันไปเปิดฝาโถกระเบื้องชั้นดีที่บรรจุข้าวต้มร้อนๆ หล่อนเอื้อมมือไปหยิบถ้วยข้าวต้มตรงหน้าชายหนุ่มมา แล้วตักข้าวต้มร้อนๆ ควันกรุ่นนั้นใส่จนเต็มถ้วยแล้วนำมาวางให้ตรงหน้าเขา
“แฮ่ะ นาดีร์ไม่อยู่ ฉันตักให้คุณแล้วกัน” เนตริยาออกตัวเขินๆ
ปกป้องเองก็แปลกใจไม่น้อยที่วันนี้หล่อนดูอารมณ์ดีผิดแปลกไปจากทุกวัน แถมพูดจาอ่อนหวานแล้วยังมีน้ำใจตักข้าวให้เขาอีกด้วย
“ขอบคุณครับ ที่จริงผมน่าจะทำให้คุณมากกว่า” แล้วปกป้องก็จัดแจงตักข้าวต้มใส่ถ้วยของหญิงสาวพร้อมทั้งใช้ตะเกียบคีบปลาแดดเดียวไปวางไว้ให้บนจานแบ่ง
หญิงสาวยิ้มขอบคุณ พยายามสบตาคนตรงหน้า กระนั้นสีหน้าปกป้องก็ยังเคร่งขรึมไม่ร่าเริง คงเป็นเพราะความน้อยใจ เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน
เมื่อใดที่ปกป้องคิดถึงคำพูดประโยคนั้นของเนตริยาขึ้นมา ก็อดแปลบปลาบในใจไม่ได้ ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกนั้นไว้ไม่แสดงออกมา เขาคิดว่าการงอนใส่ผู้หญิงเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างหนึ่งสำหรับเขา
หญิงสาวเข้าใจถึงสาเหตุแห่งความเงียบขรึมนั้นได้เป็นอย่างดี สิ่งที่หล่อนเผลอพลั้งปากพูดออกไปนั้นทำให้ปกป้องเสียความรู้สึก ซึ่งหล่อนไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าอย่างนั้น เนตริยาจึงพยายามเอาอกเอาใจเขาเป็นพิเศษเพื่อชดเชยในสิ่งที่เธอทำไป
แม้เนตริยาจะรู้ตัวว่าผิด แต่ด้วยสถานะของหล่อนในตอนนี้ก็ยากที่จะให้คำขอโทษหลุดออกมาจากปาก หล่อนไม่สามารถพูดคำๆ นั้นออกมา จึงได้แต่เพียงพูดให้เขาเข้าใจเสียใหม่ว่า
“เมื่อวานฉันอาจจะลืมบอกคุณไปว่า ถ้าหากจะมีใครไปส่งฉันกลับบ้านจริงๆ ฉันอยากให้คนๆ นั้นเป็นคุณ” สายตาแสดงความจริงใจและเว้าวอนนั้นยากที่ชายหนุ่มคนไหนจะไม่ใจอ่อน
ปกป้องจ้องตาเธออีกครั้ง ราวกับจะย้ำว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้น ไม่ได้หูฝาดไป
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจนาดีร์นะ แต่ฉัน เอ่อ...” เหมือนเนตริยาจะเขินอายที่จะพูดถึงความรู้สึกในใจออกมาแต่หล่อนก็ต้องพูดให้เขาเข้าใจความคิดของเธอ “....ฉันไว้ใจคุณมากกว่า” แก้มที่ขาวนวลใสเริ่มมีสีชมพูจางๆ แล้วหล่อนก็แก้เขินด้วยการทำเป็นก้มหน้าก้มตารับประทานข้าวต้มตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
ปกป้องรู้สึกดีขึ้นมากมายกับคำพูดของหญิงสาว ในตอนนี้ความน้อยใจที่กรุ่นมาตั้งแต่เมื่อคืนได้จางหายไปจากใจหมดสิ้น
“ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ขอบคุณนะครับที่ไว้ใจผม”
เนตริยายิ้มและรู้สึกสบายใจที่ได้เห็นรอยยิ้มจากเขา ความรู้สึกหนักอึ้งและบรรยากาศอึมครึมระหว่างกันค่อยคลายลงไป
“วันนี้คุณจะเข้าหมู่บ้านอีกไหมคะ”
“ยังครับ วันนี้ต้องเตรียมงานก่อนเข้าหมู่บ้านพรุ่งนี้”
“ตรวจสุขภาพหรือคะ”
“ไม่ใช่ครับ ที่บ้านหัวไทรเราตรวจสุขภาพไปแล้ว ผมจะเข้าไปสอนเรื่องการดูแลสุขภาพ”
“เข้าไปสอนหรือคะ ให้ฉันช่วยกดสไลด์ตอนคุณบรรยายก็ได้นะ” เนตริยาอาสาอย่างกระตือรือร้นเอาใจ
คราวนี้ปกป้องหัวเราะออกมา
“ที่นี่บ้านป่านะคุณ ไม่ใช่การบรรยายที่โรงแรมหรูอย่างในกรุงเทพฯ”
เนตริยาทำหน้าเหลอ ไม่เข้าใจว่าพูดผิดตรงไหน เพราะเวลาวิทยากรสอนหรือบรรยาย ทุกคนก็ใช้ Powerpoint presentation ช่วยทั้งนั้น
“ขอบคุณนะครับที่อาสาจะช่วยกดสไลด์ให้” ปกป้องพยายามกลั้นหัวเราะ “แต่ในหมู่บ้าน บางครั้งไฟฟ้าก็ดับๆ ติดๆ หรือไม่ก็ไม่มีไฟฟ้าเลยอย่าง
บ้านดงใส เพราะฉะนั้นสื่อการสอนที่ดีที่สุดคือแผ่นภาพโปสเตอร์ อย่าไปหวังพึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ส่วนหมู่บ้านที่มีไฟฟ้าโชคดีหน่อยที่เราจะสามารถฉายให้เขาดูสไลด์ภาพนิ่งหรือวิดีโอ ซึ่งเราก็ต้องเข้าไปฉายในบ้านใครสักหลังที่พอจะปิดหน้าต่างแล้วมืดหน่อย เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วผมจะอธิบายว่าคุณจะช่วยผมได้อย่างไร”
หลังอาหารเช้า ปกป้องเข้าไปนั่งรอในห้องทำงานแล้ว ไม่นานเนตริยาก็เดินตามเข้าไป
“นี่ครับคุณเนตร เอกสารและรูปภาพประกอบสำหรับงานของคุณ” ปกป้องชี้ไปที่โปสเตอร์สีสันสะดุดตาหลายชุด “วันนี้เราจะเตรียมงานเพื่อไปให้
ความรู้ชาวบ้านกัน และคุณจะต้องช่วยผมสอน”
“สอน ? ฉันเนี่ยนะสอนชาวบ้าน”
“ทำไมจะสอนไม่ได้ ทีนักศึกษาแพทย์ คุณยังเคยบรรยายมาแล้วเลย ผมรู้ว่าคุณสอนหนังสือได้”
เนตริยานิ่งไปอย่างยอมรับ ปกป้องจึงอธิบายต่อ
“ก่อนอื่น คุณต้องทำความเข้าใจสภาพในหมู่บ้านก่อน ที่บ้านหัวไทรคุณก็เคยเข้าไปเห็นมาแล้วตอนที่เราไปตรวจสุขภาพ จะเห็นว่าเขามีเพียงลานโล่งที่มีแค่หลังคา ไม่มีห้องบรรยายใดๆ เพราะฉะนั้นสื่อการสอนที่ดีที่สุดคือแผ่นภาพ ชาวบ้านบางคนอ่านหนังสือไม่ออก การสื่อด้วยภาพและการอธิบายเท่านั้นที่จะทำให้เขาเข้าใจได้”
ปกป้องลุกขึ้นไปยกกระดานไวท์บอร์ดขนาดเล็กที่มีขาสี่ขาจากมุมห้องออกมากางให้ดู แล้วเอาแผ่นโปสเตอร์หลายแผ่นที่ซ้อนกันเป็นชุดมาหนีบติดไว้ที่ด้านบนของกระดาน
“เวลาบรรยาย เราก็จะพลิกภาพไปเรื่อยๆ ” เขาบอกแล้วพลิกแผ่นภาพโปสเตอร์ตลบไปข้างหลังกระดานทีละภาพ
“ค่ะ เข้าใจ”
“โปสเตอร์ที่ผมเตรียมไว้แต่ละชุดแบ่งออกเป็นชุดละเรื่อง ความสั้นยาวต่างกัน ส่วนบอร์ดด้านหลัง” เขาพลิกอีกด้านซึ่งเป็นกระดานสำหรับเขียน
“ถ้าคุณต้องการจะเขียนอธิบายอะไรเพิ่มเติม ก็พลิกด้านหลังนี้มาใช้เขียน”
“แล้วจะให้ฉันสอนเรื่องอะไร”
“เดี๋ยว ให้ผมอธิบายทั้งหมดก่อน ตอนแรกผมจะเริ่มสอนเรื่องโภชนาการ อาหารหลัก 5 หมู่ วิธีเลือกซื้ออาหารและเครื่องปรุงที่ปลอดภัย วิธีการอ่านฉลากและเครื่องหมาย อย. แล้วหลังจากนั้นจะสอนเรื่องการดูแลสุขภาพปากและฟัน เรื่องพวกนี้ชาวบ้านทั้งหมดจะนั่งฟังอยู่รวมกัน หลังจากนั้น เราจะแบ่งชาวบ้านออกเป็น 2 กลุ่ม แยกชายหญิง เพราะจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวและการดูแลอนามัยสตรี หัวข้อนี้ผมจะให้คุณพูด”
“ห๊ะ ! จะให้ฉันสอนเรื่องนี้หรือ” เนตริยาอุทาน อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
“ทำไมจะสอนไม่ได้ คุณเป็นผู้หญิงย่อมรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว”
เนตริยายังคงอึกอัก ชายหนุ่มหันไปหยิบชุดโปสเตอร์ที่ให้ความรู้ในเรื่องที่เขาเอ่ยถึง
“นี่ไง มีทั้งรูปภาพและคำอธิบายช่วยสอนให้อยู่แล้ว คุณก็พูดไปตามนี้” เขาพลิกให้หล่อนดูภาพต่างๆ ครั้นพอมาถึงภาพมดลูก เนตริยารีบเบือนหน้าหนีทันทีด้วยความอายแล้วรีบแก้ตัวว่า
“แต่มันไม่เหมือนกันนี่ เรื่องที่ฉันเคยบรรยายให้นักศึกษาแพทย์ฟังเป็นเรื่องที่ฉันมีความรู้และประสบการณ์ดีอยู่แล้ว แต่เรื่องแบบนี้.....”
“แหม...คุณเนตร เรื่องการดูแลอนามัยสตรีจะยากตรงไหนกัน เป็นเรื่องของผู้หญิงแท้ๆ คุณก็เป็นผู้หญิงแถมมีความรู้สูงจะมารู้น้อยกว่าผู้ชายได้ยังไง ส่วนเรื่องวางแผนครอบครัวและเพศศึกษา ผมคิดว่าคุณต้องพอมีความรู้อยู่บ้างล่ะน่า แล้วคำอธิบายต่างๆ คุณก็แค่อธิบายไปตามที่ผมเตรียมไว้ให้” ปกป้องหยิบตำราคู่มือการสอนวิชาดังกล่าวออกมาวางให้ตรงหน้า
“เรื่องความรู้ ใช่ ฉันสามารถศึกษาจากคู่มือนี้ได้ก็จริง แต่จะให้พูดออกมา มัน ..” หล่อนยังคงอัดอั้นกับเรื่องนี้ จึงพยายามต่อรองด้วยการย้อนถามกลับ “แล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ไม่มีฉัน คุณก็ต้องบรรยายเรื่องนี้เหมือนกัน ทำไมตอนนั้นทำได้”
“ครับผมทำได้ แต่ถ้าคุณแบ่งหัวข้อไปบรรยายให้กลุ่มผู้หญิง ส่วนผมบรรยายให้กลุ่มผู้ชาย มันจะช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องมานั่งรอผมคนเดียว คุณลองคิดดูว่าผมเป็นผู้ชายแล้วมาอธิบายเรื่องนี้กับคุณแค่สองต่อสองคุณยังอาย นับประสาอะไรกับถ้าผมไปอธิบายสอนพวกผู้หญิงชาวบ้านที่มีทั้งสาวโสดและไม่โสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมุสลิม เขาลุกเดินหนีผมไปเลย เหลือแต่คนแก่คนเฒ่าที่จะเห็นการบรรยายของผมเป็นเรื่องตลกโปกฮาของพวกเขาไป ผมเคยไปบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ยะลามาแล้ว สรุปว่าการบรรยายวันนั้นไม่มีผู้หญิงได้ความรู้กันเลย”
เนตริยาพยายามกลั้นหัวเราะ หล่อนพอจะนึกภาพออกถึงเหตุการณ์ที่เขาเล่าว่าเขาคงทั้งอึดอัดและขัดเขินน่าดู
“คุณเป็นผู้หญิง เป็นผู้บรรยายให้ผู้หญิงด้วยกันฟัง เหตุการณ์แบบนั้นคงจะไม่เกิดขึ้น”
หญิงสาวนิ่งคิดอย่างยอมรับ หากเป็นเธอ แล้วมีผู้ชายมาสอนเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้คนเยอะๆ หล่อนก็คงวางหน้าไม่ถูกเหมือนกัน
“เอาน่า ถือว่าช่วยๆ ผมหน่อยละกัน”
“แล้วคุณจะแบ่งพวกผู้หญิงไปนั่งฟังอีกที่หนึ่งหรือ”
“ครับ ให้ไปนั่งในบ้านหัวหน้ากลุ่มสตรี ไม่ได้นั่งกลางลานโล่ง จะได้เป็นสัดเป็นส่วน ไม่ต้องมาเขินอายพวกผู้ชาย ให้เป็นบรรยากาศแบบผู้หญิงๆ นั่งคุยกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย” เนตริยาเริ่มรู้สึกโน้มเอียงที่จะยอมทำตามคำขอของปกป้อง แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจในบางเรื่อง “เรื่องความรู้ทางทฤษฎีฉันก็พอจะถ่ายทอดให้ได้ แต่ถ้าเป็นในทางปฏิบัติ หากเจอคำถาม...เอ่อ ลึกซึ้งฉันก็ตอบไม่ได้หรอก” เสียงตอนท้ายที่แผ่วลงเพราะทั้งขัดเขินและไม่มั่นใจนั้นทำให้ชายหนุ่มแอบอมยิ้ม
เขาเข้าใจดีถึงความไร้เดียงสาของหล่อนในเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลาที่ปกป้องติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเนตริยา เขาสืบรู้มาว่าหล่อนยังโสดเพราะหลังเลิกงานก็ตรงกลับบ้านทุกวัน ไม่ได้ออกไปกับชายหนุ่มคนไหน หรือหากหล่อนมีใครอยู่ในหัวใจก็พิสูจน์ได้ไม่ยาก เพราะถ้ามีจริงแล้วหล่อนถูกจับมาอยู่ห่างไกลคนรักแบบนี้ หล่อนคงแสดงอาการหงุดหงิดแทบคลั่งด้วยความคิดถึงคนรัก แต่นี่ บุคคลที่หล่อนแสดงความห่วงใยมีเพียงบิดามารดา
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 23
เขาอยู่รับประทานอาหารเช้าร่วมกับเธอ ไม่ได้ออกไปข้างนอกอย่างวันก่อนๆ ซึ่งตอนแรกหล่อนก็กริ่งเกรงอยู่ว่าเขาอาจจะไม่อยากอยู่เห็นหน้าหล่อน
เพราะยังไม่พอใจเรื่องเมื่อคืน
หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม แต่ปกป้องก็ยังไม่เงยหน้าจากหนังสือ หล่อนรู้ว่าเขาได้ยินเสียงหล่อนมานั่งที่โต๊ะแล้วแต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เนตริยาเอ่ยทักขึ้นก่อนเป็นครั้งแรกนับแต่หล่อนมาอยู่ที่นี่
ได้ผล ปกป้องเงยหน้าขึ้นมองใบหน้ายิ้มน้อยๆ นั้นอย่างแปลกใจ
“ครับ อรุณสวัสดิ์”
“วันนี้มีอะไรทานบ้างนะ” หล่อนทำท่าสนใจอาหารตรงหน้า ที่วันนี้เป็นข้าวต้มพร้อมกับข้าวหลายอย่างให้เลือก “น่าทานจังเลยนะคะ” พูดเสร็จก็หันไปเปิดฝาโถกระเบื้องชั้นดีที่บรรจุข้าวต้มร้อนๆ หล่อนเอื้อมมือไปหยิบถ้วยข้าวต้มตรงหน้าชายหนุ่มมา แล้วตักข้าวต้มร้อนๆ ควันกรุ่นนั้นใส่จนเต็มถ้วยแล้วนำมาวางให้ตรงหน้าเขา
“แฮ่ะ นาดีร์ไม่อยู่ ฉันตักให้คุณแล้วกัน” เนตริยาออกตัวเขินๆ
ปกป้องเองก็แปลกใจไม่น้อยที่วันนี้หล่อนดูอารมณ์ดีผิดแปลกไปจากทุกวัน แถมพูดจาอ่อนหวานแล้วยังมีน้ำใจตักข้าวให้เขาอีกด้วย
“ขอบคุณครับ ที่จริงผมน่าจะทำให้คุณมากกว่า” แล้วปกป้องก็จัดแจงตักข้าวต้มใส่ถ้วยของหญิงสาวพร้อมทั้งใช้ตะเกียบคีบปลาแดดเดียวไปวางไว้ให้บนจานแบ่ง
หญิงสาวยิ้มขอบคุณ พยายามสบตาคนตรงหน้า กระนั้นสีหน้าปกป้องก็ยังเคร่งขรึมไม่ร่าเริง คงเป็นเพราะความน้อยใจ เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน
เมื่อใดที่ปกป้องคิดถึงคำพูดประโยคนั้นของเนตริยาขึ้นมา ก็อดแปลบปลาบในใจไม่ได้ ชายหนุ่มพยายามข่มความรู้สึกนั้นไว้ไม่แสดงออกมา เขาคิดว่าการงอนใส่ผู้หญิงเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างหนึ่งสำหรับเขา
หญิงสาวเข้าใจถึงสาเหตุแห่งความเงียบขรึมนั้นได้เป็นอย่างดี สิ่งที่หล่อนเผลอพลั้งปากพูดออกไปนั้นทำให้ปกป้องเสียความรู้สึก ซึ่งหล่อนไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าอย่างนั้น เนตริยาจึงพยายามเอาอกเอาใจเขาเป็นพิเศษเพื่อชดเชยในสิ่งที่เธอทำไป
แม้เนตริยาจะรู้ตัวว่าผิด แต่ด้วยสถานะของหล่อนในตอนนี้ก็ยากที่จะให้คำขอโทษหลุดออกมาจากปาก หล่อนไม่สามารถพูดคำๆ นั้นออกมา จึงได้แต่เพียงพูดให้เขาเข้าใจเสียใหม่ว่า
“เมื่อวานฉันอาจจะลืมบอกคุณไปว่า ถ้าหากจะมีใครไปส่งฉันกลับบ้านจริงๆ ฉันอยากให้คนๆ นั้นเป็นคุณ” สายตาแสดงความจริงใจและเว้าวอนนั้นยากที่ชายหนุ่มคนไหนจะไม่ใจอ่อน
ปกป้องจ้องตาเธออีกครั้ง ราวกับจะย้ำว่าสิ่งที่เขาได้ยินนั้น ไม่ได้หูฝาดไป
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจนาดีร์นะ แต่ฉัน เอ่อ...” เหมือนเนตริยาจะเขินอายที่จะพูดถึงความรู้สึกในใจออกมาแต่หล่อนก็ต้องพูดให้เขาเข้าใจความคิดของเธอ “....ฉันไว้ใจคุณมากกว่า” แก้มที่ขาวนวลใสเริ่มมีสีชมพูจางๆ แล้วหล่อนก็แก้เขินด้วยการทำเป็นก้มหน้าก้มตารับประทานข้าวต้มตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย
ปกป้องรู้สึกดีขึ้นมากมายกับคำพูดของหญิงสาว ในตอนนี้ความน้อยใจที่กรุ่นมาตั้งแต่เมื่อคืนได้จางหายไปจากใจหมดสิ้น
“ผมดีใจที่ได้ยินแบบนี้ ขอบคุณนะครับที่ไว้ใจผม”
เนตริยายิ้มและรู้สึกสบายใจที่ได้เห็นรอยยิ้มจากเขา ความรู้สึกหนักอึ้งและบรรยากาศอึมครึมระหว่างกันค่อยคลายลงไป
“วันนี้คุณจะเข้าหมู่บ้านอีกไหมคะ”
“ยังครับ วันนี้ต้องเตรียมงานก่อนเข้าหมู่บ้านพรุ่งนี้”
“ตรวจสุขภาพหรือคะ”
“ไม่ใช่ครับ ที่บ้านหัวไทรเราตรวจสุขภาพไปแล้ว ผมจะเข้าไปสอนเรื่องการดูแลสุขภาพ”
“เข้าไปสอนหรือคะ ให้ฉันช่วยกดสไลด์ตอนคุณบรรยายก็ได้นะ” เนตริยาอาสาอย่างกระตือรือร้นเอาใจ
คราวนี้ปกป้องหัวเราะออกมา
“ที่นี่บ้านป่านะคุณ ไม่ใช่การบรรยายที่โรงแรมหรูอย่างในกรุงเทพฯ”
เนตริยาทำหน้าเหลอ ไม่เข้าใจว่าพูดผิดตรงไหน เพราะเวลาวิทยากรสอนหรือบรรยาย ทุกคนก็ใช้ Powerpoint presentation ช่วยทั้งนั้น
“ขอบคุณนะครับที่อาสาจะช่วยกดสไลด์ให้” ปกป้องพยายามกลั้นหัวเราะ “แต่ในหมู่บ้าน บางครั้งไฟฟ้าก็ดับๆ ติดๆ หรือไม่ก็ไม่มีไฟฟ้าเลยอย่าง
บ้านดงใส เพราะฉะนั้นสื่อการสอนที่ดีที่สุดคือแผ่นภาพโปสเตอร์ อย่าไปหวังพึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ส่วนหมู่บ้านที่มีไฟฟ้าโชคดีหน่อยที่เราจะสามารถฉายให้เขาดูสไลด์ภาพนิ่งหรือวิดีโอ ซึ่งเราก็ต้องเข้าไปฉายในบ้านใครสักหลังที่พอจะปิดหน้าต่างแล้วมืดหน่อย เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วผมจะอธิบายว่าคุณจะช่วยผมได้อย่างไร”
หลังอาหารเช้า ปกป้องเข้าไปนั่งรอในห้องทำงานแล้ว ไม่นานเนตริยาก็เดินตามเข้าไป
“นี่ครับคุณเนตร เอกสารและรูปภาพประกอบสำหรับงานของคุณ” ปกป้องชี้ไปที่โปสเตอร์สีสันสะดุดตาหลายชุด “วันนี้เราจะเตรียมงานเพื่อไปให้
ความรู้ชาวบ้านกัน และคุณจะต้องช่วยผมสอน”
“สอน ? ฉันเนี่ยนะสอนชาวบ้าน”
“ทำไมจะสอนไม่ได้ ทีนักศึกษาแพทย์ คุณยังเคยบรรยายมาแล้วเลย ผมรู้ว่าคุณสอนหนังสือได้”
เนตริยานิ่งไปอย่างยอมรับ ปกป้องจึงอธิบายต่อ
“ก่อนอื่น คุณต้องทำความเข้าใจสภาพในหมู่บ้านก่อน ที่บ้านหัวไทรคุณก็เคยเข้าไปเห็นมาแล้วตอนที่เราไปตรวจสุขภาพ จะเห็นว่าเขามีเพียงลานโล่งที่มีแค่หลังคา ไม่มีห้องบรรยายใดๆ เพราะฉะนั้นสื่อการสอนที่ดีที่สุดคือแผ่นภาพ ชาวบ้านบางคนอ่านหนังสือไม่ออก การสื่อด้วยภาพและการอธิบายเท่านั้นที่จะทำให้เขาเข้าใจได้”
ปกป้องลุกขึ้นไปยกกระดานไวท์บอร์ดขนาดเล็กที่มีขาสี่ขาจากมุมห้องออกมากางให้ดู แล้วเอาแผ่นโปสเตอร์หลายแผ่นที่ซ้อนกันเป็นชุดมาหนีบติดไว้ที่ด้านบนของกระดาน
“เวลาบรรยาย เราก็จะพลิกภาพไปเรื่อยๆ ” เขาบอกแล้วพลิกแผ่นภาพโปสเตอร์ตลบไปข้างหลังกระดานทีละภาพ
“ค่ะ เข้าใจ”
“โปสเตอร์ที่ผมเตรียมไว้แต่ละชุดแบ่งออกเป็นชุดละเรื่อง ความสั้นยาวต่างกัน ส่วนบอร์ดด้านหลัง” เขาพลิกอีกด้านซึ่งเป็นกระดานสำหรับเขียน
“ถ้าคุณต้องการจะเขียนอธิบายอะไรเพิ่มเติม ก็พลิกด้านหลังนี้มาใช้เขียน”
“แล้วจะให้ฉันสอนเรื่องอะไร”
“เดี๋ยว ให้ผมอธิบายทั้งหมดก่อน ตอนแรกผมจะเริ่มสอนเรื่องโภชนาการ อาหารหลัก 5 หมู่ วิธีเลือกซื้ออาหารและเครื่องปรุงที่ปลอดภัย วิธีการอ่านฉลากและเครื่องหมาย อย. แล้วหลังจากนั้นจะสอนเรื่องการดูแลสุขภาพปากและฟัน เรื่องพวกนี้ชาวบ้านทั้งหมดจะนั่งฟังอยู่รวมกัน หลังจากนั้น เราจะแบ่งชาวบ้านออกเป็น 2 กลุ่ม แยกชายหญิง เพราะจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวและการดูแลอนามัยสตรี หัวข้อนี้ผมจะให้คุณพูด”
“ห๊ะ ! จะให้ฉันสอนเรื่องนี้หรือ” เนตริยาอุทาน อดที่จะหน้าแดงไม่ได้
“ทำไมจะสอนไม่ได้ คุณเป็นผู้หญิงย่อมรู้เรื่องพวกนี้ดีอยู่แล้ว”
เนตริยายังคงอึกอัก ชายหนุ่มหันไปหยิบชุดโปสเตอร์ที่ให้ความรู้ในเรื่องที่เขาเอ่ยถึง
“นี่ไง มีทั้งรูปภาพและคำอธิบายช่วยสอนให้อยู่แล้ว คุณก็พูดไปตามนี้” เขาพลิกให้หล่อนดูภาพต่างๆ ครั้นพอมาถึงภาพมดลูก เนตริยารีบเบือนหน้าหนีทันทีด้วยความอายแล้วรีบแก้ตัวว่า
“แต่มันไม่เหมือนกันนี่ เรื่องที่ฉันเคยบรรยายให้นักศึกษาแพทย์ฟังเป็นเรื่องที่ฉันมีความรู้และประสบการณ์ดีอยู่แล้ว แต่เรื่องแบบนี้.....”
“แหม...คุณเนตร เรื่องการดูแลอนามัยสตรีจะยากตรงไหนกัน เป็นเรื่องของผู้หญิงแท้ๆ คุณก็เป็นผู้หญิงแถมมีความรู้สูงจะมารู้น้อยกว่าผู้ชายได้ยังไง ส่วนเรื่องวางแผนครอบครัวและเพศศึกษา ผมคิดว่าคุณต้องพอมีความรู้อยู่บ้างล่ะน่า แล้วคำอธิบายต่างๆ คุณก็แค่อธิบายไปตามที่ผมเตรียมไว้ให้” ปกป้องหยิบตำราคู่มือการสอนวิชาดังกล่าวออกมาวางให้ตรงหน้า
“เรื่องความรู้ ใช่ ฉันสามารถศึกษาจากคู่มือนี้ได้ก็จริง แต่จะให้พูดออกมา มัน ..” หล่อนยังคงอัดอั้นกับเรื่องนี้ จึงพยายามต่อรองด้วยการย้อนถามกลับ “แล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ไม่มีฉัน คุณก็ต้องบรรยายเรื่องนี้เหมือนกัน ทำไมตอนนั้นทำได้”
“ครับผมทำได้ แต่ถ้าคุณแบ่งหัวข้อไปบรรยายให้กลุ่มผู้หญิง ส่วนผมบรรยายให้กลุ่มผู้ชาย มันจะช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องมานั่งรอผมคนเดียว คุณลองคิดดูว่าผมเป็นผู้ชายแล้วมาอธิบายเรื่องนี้กับคุณแค่สองต่อสองคุณยังอาย นับประสาอะไรกับถ้าผมไปอธิบายสอนพวกผู้หญิงชาวบ้านที่มีทั้งสาวโสดและไม่โสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมุสลิม เขาลุกเดินหนีผมไปเลย เหลือแต่คนแก่คนเฒ่าที่จะเห็นการบรรยายของผมเป็นเรื่องตลกโปกฮาของพวกเขาไป ผมเคยไปบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ยะลามาแล้ว สรุปว่าการบรรยายวันนั้นไม่มีผู้หญิงได้ความรู้กันเลย”
เนตริยาพยายามกลั้นหัวเราะ หล่อนพอจะนึกภาพออกถึงเหตุการณ์ที่เขาเล่าว่าเขาคงทั้งอึดอัดและขัดเขินน่าดู
“คุณเป็นผู้หญิง เป็นผู้บรรยายให้ผู้หญิงด้วยกันฟัง เหตุการณ์แบบนั้นคงจะไม่เกิดขึ้น”
หญิงสาวนิ่งคิดอย่างยอมรับ หากเป็นเธอ แล้วมีผู้ชายมาสอนเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้คนเยอะๆ หล่อนก็คงวางหน้าไม่ถูกเหมือนกัน
“เอาน่า ถือว่าช่วยๆ ผมหน่อยละกัน”
“แล้วคุณจะแบ่งพวกผู้หญิงไปนั่งฟังอีกที่หนึ่งหรือ”
“ครับ ให้ไปนั่งในบ้านหัวหน้ากลุ่มสตรี ไม่ได้นั่งกลางลานโล่ง จะได้เป็นสัดเป็นส่วน ไม่ต้องมาเขินอายพวกผู้ชาย ให้เป็นบรรยากาศแบบผู้หญิงๆ นั่งคุยกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย” เนตริยาเริ่มรู้สึกโน้มเอียงที่จะยอมทำตามคำขอของปกป้อง แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจในบางเรื่อง “เรื่องความรู้ทางทฤษฎีฉันก็พอจะถ่ายทอดให้ได้ แต่ถ้าเป็นในทางปฏิบัติ หากเจอคำถาม...เอ่อ ลึกซึ้งฉันก็ตอบไม่ได้หรอก” เสียงตอนท้ายที่แผ่วลงเพราะทั้งขัดเขินและไม่มั่นใจนั้นทำให้ชายหนุ่มแอบอมยิ้ม
เขาเข้าใจดีถึงความไร้เดียงสาของหล่อนในเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลาที่ปกป้องติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเนตริยา เขาสืบรู้มาว่าหล่อนยังโสดเพราะหลังเลิกงานก็ตรงกลับบ้านทุกวัน ไม่ได้ออกไปกับชายหนุ่มคนไหน หรือหากหล่อนมีใครอยู่ในหัวใจก็พิสูจน์ได้ไม่ยาก เพราะถ้ามีจริงแล้วหล่อนถูกจับมาอยู่ห่างไกลคนรักแบบนี้ หล่อนคงแสดงอาการหงุดหงิดแทบคลั่งด้วยความคิดถึงคนรัก แต่นี่ บุคคลที่หล่อนแสดงความห่วงใยมีเพียงบิดามารดา