วันที่ฟ้าเปิด The Movie 9

กระทู้คำถาม
การเตรียมงานเป็นไปอย่างราบรื่นจนจะถึงกำหนดเปิดกองถ่ายอีกไม่กี่วัน  ซึ่งปาริชาติช่วยไปหาฤกษ์ทำพิธีบวงสรวงเปิดกล้องมาให้เพื่อเป็นศิริมงคลและหนังจะได้ประสบความสำเร็จ รวิดาจะเริ่มถ่ายฉากที่อยู่ในกรุงเทพให้หมดก่อน ก่อนที่เธอจะยกกองลงไปที่จังหวัดอื่น

          รวิดาจัดเตรียมพิธีบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์ โดยมีพราหมณ์เป็นผู้ทำพิธี นักแสดงทุกคนเข้ามาร่วมพิธี รวมถึงทีมงานทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถ่ายทำ

          “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงนะครับ ผมดีใจด้วยครับคุณรวิดา” ธนิตกล่าวเมื่อเขามาถึงยังพิธี และเจอรวิดา

          “ขอบคุณมากค่ะ นับต่อจากนี้ไปฉันคงเหนื่อยขึ้นอีกหลายเท่าตัว” รวิดาขำกับคำพูดของเธอ

          “เดี๋ยวคุณก็ชินครับ”

          รวิดายังขำกับความคิดนี้ของเธอ “ฉันเริ่มชินมานานแล้วค่ะ”

          ทั้งคู่หัวเราะกับมุขนี้ รวิดามองดูบรรยากาศในงานพิธี ตอนนี้คนเริ่มเยอะแล้ว และทันใดนั้นเธอก็เห็นรถตู้ที่มีตราของกองทัพแล่นเข้ามาจอดหน้างาน

          “ขออนุญาตนะคะคุณธนิต ฉันขอตัวไปต้อนรับแขกก่อน” รวิดาพูดเสร็จเธอก็เดินไปหน้างาน

          ธนิตมองภาพนั้นพร้อมความรู้สึกน้อยใจเล็กน้อยที่รวิดาให้ความสำคัญกับแขกผู้มาใหม่มากกว่า เขาพยายามมองในแง่ของเรื่องงาน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำธนิตรู้สึกดีขึ้น เพราะเขาเห็นชายในเครื่องแบบชุดทหารที่ลงมาจากรถตู้คือติณณ์

          รวิดาเดินไปถึงรถตู้ก็เห็นนายทหารสองคนที่เป็นตัวแทนจาก กอ.รมน. มาร่วมพิธี หนึ่งในนั้นคือติณณ์ และนายทหารอีกคนคือ พลโท อธิชัย

          “สวัสดีค่ะ ท่าน ผอ. อธิชัย” รวิดาทำความเคารพต่อผู้อาวุโส ก่อนจะหันมาทักทายติณณ์  “สวัสดีค่ะผู้พัน” รวิดายิ้มหวานกับนายทหารที่ยืนอยู่ตรงหน้า

          “สวัสดีครับคุณรวิดา” ติณณ์ยิ้มให้กับหญิงสาวเช่นกัน “วันนี้ท่าน ผอ.จะมาเป็นผู้แถลงข่าวครับ เพราะท่านจะต้องเป็นตัวแทนของกองทัพในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน”

          “ขอบคุณค่ะ” รวิดาหันไปทางพลโท อธิชัยพร้อมกับเชื้อเชิญ “พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว ขอเชิญเข้าไปในงานค่ะ”

          รวิดาเดินนำทั้งคู่ไปนั่งยังเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ภายในเต้นท์ปะรำพิธี เมื่อได้เวลาฤกษ์แล้วพิธีบวงสรวงจึงเริ่มขึ้น พราหมณ์เป็นผู้เริ่มทำพิธีในการบูชาสักการะเทพแห่งศิลปะการแสดง เพื่อขอพรให้การถ่ายทำประสบความสำเร็จและปราศจากปัญหาอุปสรรคหรือภยันตรายใด ๆ ตลอดจนได้รับชื่อเสียงเป็นที่นิยมชมชอบของผู้ชมภาพยนตร์

          เมื่อเสร็จสิ้นพิธีก็มีงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ พันโท อธิชัยอธิบายถึงแผนยุทธศาสตร์ครั้งนี้ในการใช้ภาพยนตร์เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ และพูดถึงความมั่นใจที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ในพื้นที่ให้มากยิ่งขึ้น

 

          วันเปิดกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องวันที่ฟ้าเปิดได้เริ่มขึ้นในวันแรก ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ฉากแรกที่จะถ่ายทำกันคือฉากบ้านของปกป้องที่กรุงเทพฯ จะเป็นฉากที่ปกป้องและมารดาของเขากำลังพูดคุยถึงปัญหาที่เขาจะต้องไปเข้ารับการคัดเลือกทหาร

          บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ลักษณะธรรมดาทั่วไปที่กองถ่ายเช่า ถูกใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำแค่ 3 ซีน สำหรับซีนแรกจะใช้นักแสดงแค่ 2 คนคือภูวดล และนักแสดงอีกคนที่จะมารับบทเป็นแม่ของปกป้อง ในวันนี้ภูวดลถูกแต่งตัวและแต่งหน้าให้อยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปี ฝ่ายเมคอัพให้เขาใส่วิกผมเพื่อจะให้ดูเป็นวัยรุ่นผมยาวระดับคอ และยังแต่งหน้าให้ดูอ่อนใส โกนหนวดโกนเคราจนเรียบ ภูวดลกำลังซ้อมท่องบทกับผู้ฝึกซ้อมนักแสดง เขาพยายามทบทวนอารมณ์ของบทจากที่เขาตีความมาก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับฉากแรกของภูวดลนั้นทำให้เขาค่อนข้างจะตื่นเต้นอยู่พอสมควร

          รวิดานั่งอยู่หลังจอมอนิเตอร์คอยตรวจสอบมุมกล้องและแสง เมื่อเธอเห็นว่าทุกอย่างพร้อม ทั้งนักแสดงทั้งทีมงาน เธอจึงสั่ง

          “แอคชั่น"

          ภูวดลซึ่งรับบทปกป้องเริ่มเดินเปิดประตูเข้าบ้าน เขาใส่เสื้อยืดกางเกงยีน รองเท้าผ้าใบเหมือนวัยรุ่นทั่วไป สีหน้าของเขาเป็นปกติเหมือนวันทุกวันไม่มีอะไรผิดปกติ เขากำลังจะเดินขึ้นบันไดที่อยู่ก่อนห้องนั่งเล่น แต่เมื่อกำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันได เขาเหลือบไปเห็นแม่ของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอกำลังอ่านเอกสารฉบับหนึ่ง

          ปกป้องทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของผู้เป็นแม่

          “มีอะไรหรือครับแม่ ทำไมวันนี้แม่ดูแปลกไป”

          “แม่มีเรื่องหนึ่งอยากจะพูดกับลูกสักหน่อย”

          “มีอะไรเหรอครับ”

          “มีจดหมายถึงลูกให้ไปเกณฑ์ทหาร ลูกจะเอายังไงดี”

          รวิดาสังเกตการแสดงของทั้งคู่ ในฉากนี้พูดถึงตอนที่ปกป้องได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหาร ซึ่งชายหนุ่มจะต้องแสดงสีหน้าลำบากใจไม่อยากไปตามหมายเรียก ซึ่งก่อนจะเริ่มถ่ายทำ รวิดาพยายามติวบทกับภูวดลรอบหนึ่งมาแล้วเพื่อให้เขาสามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างที่เธอคิด

          สำหรับบทพูดทั้งคู่สามารถจดจำบทได้อย่างแม่นยำ แต่ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่รวิดาคาดหวังเพียงอย่างเดียว เธอยังต้องการให้นักแสดงทั้งสองถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างที่หนังสือนิยายถ่ายทอดออกมา นั่นจึงทำให้มีการเทคใหม่หลายครั้ง และยังมีการติวนักแสดงในระหว่างนั้นด้วย

          และในเทคที่ 4 ซีนที่ 1 ภูวดลก็สามารถแสดงบทบาทที่รวิดาพอใจได้ เขาสามารถทำให้ผู้กำกับเชื่อได้ว่านั้นคือปกป้องจากในหนังสือนิยายที่ออกมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม รวิดาสั่งคัท นักแสดงและทีมงานทุกคนทำท่าโล่งใจ

          ทั่วทั้งกองเตรียมตัวที่จะถ่ายซีนต่อไป ซึ่งคือช่วงหลังจากที่ปกป้องเข้าไปอยู่ในค่ายทหารแล้ว 3 เดือน แล้วเขาได้กลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้านเพราะเป็นช่วงพักฝึก ในซีนต่อไปช่างแต่งหน้าต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์ของภูวลดให้ดูเหมือนคนที่ฝึกทหารมาแล้ว 3 เดือน และฝึกอย่างหนักด้วย ช่างแต่งหน้าต้องเปลี่ยนสีผิวของภูวดลให้คล้ำลงเหมือนตากแดดมานาน ฝ่ายจัดเตรียมเสื้อผ้าให้นักแสดง ให้ภูวดลสวมเสื้อยืดสีเขียวกางเกงทหารเกณฑ์ และรองเท้าคอมแบท

          ในระหว่างที่ทีมงานกำลังเซ็ทฉาก รวิดาเดินเข้าไปคุยกับภูวดลเพื่อหวังจะลดความกดดันจากนักแสดง

          “น่าประทับใจนะคะ หลายเทคหน่อย แต่ก็น่าพอใจมาก” รวิดากล่าวชื่นชมนักแสดง

          “หลังจากที่ได้บทไป ผมซ้อมบทนี้หน้ากระจกทุกวันเลยครับ ทำให้ผมรู้ว่าสีหน้าและแววตาจะออกมาเป็นอย่างไร และเมื่อถึงวันที่มีการซ้อมจริงกับนักแสดง ผมก็รู้ว่านักแสดงที่จะมาแสดงร่วมกับผมก็ซ้อมมาหนักเหมือนกัน การแสดงในวันนี้ผมก็แค่ทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเองครับ”

              ภูวดลตอบด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ทำให้รวิดาวางใจมากยิ่งขึ้น

          ทีมงานให้สัญญาณกับผู้กำกับว่าพร้อมแล้ว ทั้งการจัดฉากปรับแสงและตัวละครก็พร้อมแสดง ภูวดลเดินเข้าฉากและเตรียมแสดงตามสคริปต์ที่เขาได้รับมา รวิดาเดินไปยังหลังจอมอนิเตอร์อีกครั้งเพื่อเช็คความพร้อมทุกอย่าง และเมื่อเธอแน่ใจจึงสั่ง

              “แอคชั่น” ...

 

          กองถ่ายภาพยนตร์เรื่องวันที่ฟ้าเปิด ใช้เวลาร่วมเดือนในการถ่ายทำฉากที่อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด ทั้งฉากที่ปกป้องมีการนัดแนะพูดคุยกับวิษณุที่ร้านอาหาร ฉากในค่ายฝึกทหารก็ถูกเซ็ทขึ้นมาโดยการจำลองสถานที่ และยังรวมถึงฉากการประชุมวิชาการที่เนตริยาขึ้นพูดบนเวทีและได้พบกับปกป้องเป็นครั้งแรก

          นักแสดงสาวสวยผมยาวที่รับบทเป็นเนตริยา เธอสวมบทบาทเนตริยาในตอนนั้นที่มีความมั่นใจอย่างมาก ในการที่จะทำงานวางแผนยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามบทในนิยายแล้วเธอเป็นนายทหารยศร้อยเอกที่เพิ่งจะมีโอกาสมาจับงานทางด้านความมั่นคง เธอยังใหม่ในงานนี้จึงทำให้ยังไม่อาจรับรู้ถึงอุปสรรคต่าง ๆ ในการทำงาน

          นักแสดงจะต้องขึ้นพูดบนเวทีด้วยความมั่นใจ บทจะเป็นการพูดถึงแผนยุทธศาสตร์ที่ถอดออกมาจากตำราเป๊ะ ๆ และภูวดลที่รับบทเป็นปกป้องจะต้องทำหน้าเย้ยหยันเนตริยาอยู่ข้างล่างเวที

          ด้วยความเป็นนักแสดงหน้าใหม่ของหญิงสาว ทำให้เธอต้องเทคใหม่หลายรอบ ทั้ง ๆ ที่นักแสดงก็ซ้อมบทพูดมาอย่างดีแล้ว อาจจะเป็นเพราะการแสดงต่อหน้ากล้องที่ค่อนข้างจะกดดันสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ แต่เมื่อผ่านไปหลายเทคและมีการติวบทจากผู้กำกับ จึงทำให้การแสดงออกมาดีเป็นที่น่าพอใจของรวิดา

          สำหรับดาราชายสมทบที่มารับบทเป็นวิษณุ เขาเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์ในการแสดงอยู่แล้ว แต่ไม่เคยได้รับบทที่โดดเด่นอะไร จึงทำให้คนไม่ค่อยรู้จักนักแสดงคนนี้ เขาสามารถสวมบทบาทของวิษณุได้ดีเพราะเขาดูท่าทางเคร่งขรึมซึ่งตรงกับลักษณะของตัวละครที่ถอดออกมาจากในนิยาย

 

          ฉากการถ่ายทำที่อยู่ในกรุงเทพฯ ครบทุกฉาก งานของธนิตที่เป็นผู้เขียนบทนั้นจบสิ้นลงตั้งแต่ส่งมอบบทภาพยนตร์ให้รวิดาตรวจสอบจนไม่ต้องมีการแก้ไขอะไรอีกแล้ว แต่เขาก็ยังอาสาเข้ามาคอยดูแลงานถ่ายทำแม้ไม่ได้มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอะไร ธนิตหวังที่จะยืนเคียงข้างรวิดาในการวิเคราะห์การแสดง เขาพยายามทุ่มเทกับงานมากเป็นพิเศษหากได้อยู่ใกล้ชิดกับรวิดา

          “บทที่เราถ่ายทำไปในกรุงเทพฯ เป็นบทที่ยังไม่ยากเท่าไหร่ และนักแสดงยังแสดงได้ดีนะครับ พวกเขาถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกออกมาได้ตามบท แต่บทที่จะต้องไปถ่ายทำที่จันทบุรีนั้นจะมีการแสดงอารมณ์ที่เข้มข้นกว่านี้ คุณคงต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีก”

          ธนิตพูดเมื่อเขานั่งอยู่ข้างรวิดาที่กำลังนั่งดูเทปการแสดงในสตูดิโอ ผู้กำกับมักจะคอยตรวจสอบผลงานดึก ๆ ดื่น ๆ ในยามที่ทีมงานคนอื่นกลับบ้านกันไปหมดแล้ว คงมีเพียงแต่ธนิตคนเดียวเท่านั้นที่จะยอมกลับบ้านดึกพร้อมรวิดา

          “เพราะคุณคอยช่วยดูตรงนี้ให้ ทำให้ฉันสามารถบรีฟนักแสดงให้เล่นตามบทได้” รวิดาหันมายิ้มเป็นเชิงขอบคุณธนิต “คุณจะตามกองถ่ายลงไปที่จันทบุรีด้วยไหมคะ”

          ธนิตคิดในใจว่าเขาอยากจะลงไปทำงานในกองถ่ายด้วยทุกที่ แต่ติดปัญหาที่เขาไม่สามารถเดินทางไกลติดตามไปได้ เพราะต้องคอยดูแลบริษัทของเขาเองด้วย หากเป็นการถ่ายทำในกรุงเทพฯ ธนิตยังพอปลีกเวลามาช่วยงานในกองถ่ายได้ เพราะใช้ข้ออ้างกับบริษัทว่ามาติดตามงาน แต่การเดินทางไกลไปต่างจังหวัดนั้นคงจะเกินหน้าที่ที่ธนิตจะลงไปทำได้

          “ผมคงไม่สามารถติดตามลงไปได้ ขอโทษด้วยครับ”

          รวิดารู้สึกซาบซึ้งใจธนิตจนแสดงออกมาเป็นรอยยิ้มขอบคุณ เธอคิดว่าธนิตเองคงอยากจะติดตามงานบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนจนกระทั่งนำมันไปใช้ในถ่ายทำในการแสดง

          “แหม... ขอโทษอะไรกันคะ คุณธนิตไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องลงมาทำงานตรงนี้ซักหน่อย แค่คุณอุตส่าห์มาฉันก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วค่ะ” รวิดาพูด

          ธนิตรู้สึกใจหายเมื่อรู้ว่าช่วงเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่เขาแอบปลื้มใกล้จะจบลงแล้ว ช่วงเวลาเกือบเดือนมานี้เขากระตือรือร้นที่จะแบ่งเวลามากองถ่ายในวันที่เขาว่างเว้นจากงาน หรือช่วงเวลาหลังเลิกงานที่รวิดากำลังง่วนอยู่ในสตูดิโอ เขาก็จะเข้ามาในฐานะที่ปรึกษาเกี่ยวกับบทภาพยนตร์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่