วันที่ฟ้าเปิด บทส่งท้าย

กระทู้สนทนา


นิยายรักท่ามกลางความรุนแรงของภัยก่อการร้ายในภาคใต้  
นายทหารหนุ่มสาวที่แม้จะเป็นเพียงหมากตัวเล็กๆ ได้พยายามผลักดันให้เกิดสันติสุข
แม้เขาจะต้องเสี่ยงภัยร่วมกัน แต่ก็นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญ ก่อให้เกิดแนวทางสันติภาพ
และความผูกพันระหว่างกัน




วันที่ฟ้าเปิด

โดย ดรัสวันต์  และ psycho_factory

บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/34077884
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/34107606
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/34135769
บทท่ 4 http://ppantip.com/topic/34164519
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/34192440
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/34218363
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/34249970
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/34281006
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/34313170
บทที่ 10    http://ppantip.com/topic/34344565
บทที่ 11    http://ppantip.com/topic/34375612
บทที่ 12    http://ppantip.com/topic/34404412
บทที่ 13    http://ppantip.com/topic/34432565
บทที่ 14    http://ppantip.com/topic/34461568
บทที่ 15    http://ppantip.com/topic/34645857
บทที่ 16    http://ppantip.com/topic/34673950
บทที่ 17    http://ppantip.com/topic/34701202
บทที่ 18    http://ppantip.com/topic/34728036

บทส่งท้าย

    ดวงหน้าที่กระจ่างไปด้วยความหวังของเนตริยาก่อนหน้านี้ ซีดสลดลงทันทีด้วยความผิดหวังอย่างที่หล่อนไม่ได้ตั้งตัวตั้งใจจะรับกับมัน

    นานหลายนาทีกว่าหญิงสาวจะรวบรวมสติและความเข้มแข็งกลับคืนมา

    “เขาไม่อยู่หรอกหรือ” เสียงถามแผ่วเบาเหมือนรำพึงกับตัวเอง

    “ครับ นายน้อยไปอเมริกาเดือนนึงแล้ว” แสวงตอบแล้วเดินเข้าไปหยิบบางสิ่งจากห้องทำงานของปกป้องมาให้เนตริยาดู

    “นี่คือจดหมายที่นายน้อยส่งมาหาผมจากต่างประเทศครับ” แสวงยื่นซองจดหมายที่มีตราประทับของประเทศสหรัฐอเมริกาให้เนตริยาดู

    มือบอบบางที่เอื้อมมารับจดหมายนั้นสั่นระริก

    “นายหญิงจะอ่านก็ได้นะครับ นายน้อยเขียนมาเล่าถึงความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตที่นั่น นายบอกว่าทั้งหนาวทั้งลำบากมากเลยครับ  มีหลายสิ่งมากมายที่นายน้อยไปพบเจอมาก็จะเขียนมาเล่าให้ผมฟัง แต่ส่วนใหญ่ก็บ่นเป็นห่วงคิดถึงบ้าน”

    เนตริยาเปิดจดหมายออกอ่าน ในจดหมายนั้นปกป้องเล่าถึงการใช้ชีวิตในเมืองหนึ่งของอเมริกาและถามไถ่ถึงความเป็นไปของบ้านป่าและตำบลแห่งนี้ด้วยความห่วงใย

    “นายน้อยไปเรียนหมอที่ต่างประเทศครับ นายบอกว่าจะได้ไม่ต้องเป็นหมอเถื่อนอีกแล้ว และบอกว่าคงต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะจบ เป็นห่วงทางบ้านและทางเมืองไทยมาก แต่มันจำเป็นต้องไป” แสวงพยายามอธิบาย ในใจสงสารหญิงสาวยิ่งนัก เพราะคาดเดาได้ว่า ทั้งสองคงไม่ได้ติดต่อกัน และเนตริยาไม่รู้เรื่องที่ปกป้องเดินทางไปต่างประเทศมาก่อน

    เนตริยารับฟังเงียบๆ ตอนนี้หล่อนเริ่มปรับตัวปรับใจกับความผิดหวังได้แล้ว

    “นายเตรียมกระดาษเขียนจดหมายที่จ่าหน้าซองไว้แล้ว” แสวงยื่นแผ่นจดหมายอากาศหรือ Aerogramme สีฟ้าให้ดู “นายบอกให้ผมเขียนเล่าเรื่องความเป็นไปที่บ้านป่ากับเรื่องสวนยางของนายที่สงขลาไปให้นายทราบเดือนละครั้ง กระดาษแบบนี้พับเป็นซองได้ในตัวแล้วเอาไปหย่อนตู้ไปรษณีย์ได้เลย ไม่ต้องติดแสตมป์อีกแล้วใช่ไหมครับ”

    “ใช่จ้ะ” เนตริยายืนยัน แล้วก้มลงมองจดหมายที่ยังถืออยู่ในมือ ที่มุมซองนั้นมีที่อยู่ของปกป้อง “ฉันขอเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้ได้ไหม”

    “ได้ครับนายหญิง” แสวงยินดีมอบสิ่งที่เป็นตัวแทนของนายน้อยให้กับเนตริยา

    หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วมองไปรอบบ้านราวกับจะระลึกถึงความหลัง

    “นายหญิงจะกลับเลยหรือเปล่าครับ อยู่ทานอาหารกลางวันฝีมือนาดีร์ก่อนไหมครับแล้วค่อยกลับ”

    เนตริยายังไม่ตอบ  ใจหนึ่งอยากจะรักษาน้ำใจคนที่เอื้อเฟื้อ แต่อีกใจที่อ่อนแอกลับรู้สึกทนไม่ได้หากจะต้องนั่งรับประทานอาหารคนเดียวโดยไม่มีปกป้องมาคอยดูแลเอาใจใส่เหมือนเคย

    “ขอเวลาฉันสักประเดี๋ยวนะแสวง”

    “ได้ครับ” แล้วแสวงก็ถอยออกมาปล่อยให้หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องทำงานของปกป้อง เขาเข้าใจดีถึงความรู้สึกที่ทั้งสองมีต่อกัน และเวลานี้นายหญิงของเขาคงอยากจะมีเวลาเป็นส่วนตัวระลึกถึงนายน้อย

    ที่นั่น ในห้องทำงานที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม ตู้ เตียงพยาบาล โต๊ะทำงานที่เขาเคยนั่งอยู่ประจำ เนตริยายังคงระลึกถึงครั้งนั้นที่หล่อนแอบเข้ามาเห็นว่าปกป้องหลับฟุบไปกับโต๊ะทำงาน ชีวิตที่เหนื่อยหนักกับการออกไปดูแลชาวบ้านที่ป่วยไข้ บวกกับภารกิจที่เขามีต่อชาติบ้านเมืองในฐานะทหารแห่งหน่วยข่าวกรองฯ ที่จะต้องเสี่ยงภัยในการหาข่าวเพื่อความมั่นคงของประเทศอีกด้วยนั้น ก่อให้เกิดความรู้สึกรักและศรัทธาเขาอย่างท่วมท้น

    เนตริยาไล้มือไปบนโต๊ะทำงานของปกป้อง พลันเหลือบไปเห็นรูปๆ หนึ่งถูกใส่กรอบวางอยู่บนโต๊ะ เป็นรูปที่ถ่ายคู่กันเมื่อตอนไปเที่ยวไร่กาแฟ

    เนตริยายิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วยเมื่อมองภาพนั้น และในเมื่อไม่มีใครอยู่ตรงนี้ น้ำตาที่หล่อนสู้สะกดกลั้นไว้ก่อนหน้านี้ถูกปลดปล่อยออกมา หล่อนร้องไห้ด้วยความรักและคิดถึงปกป้อง...ชายผู้เป็นที่รักที่สุดของหัวใจ

    ยามนี้ แม้ไม่มีเขาอยู่ตรงนี้ แต่หล่อนกลับรู้สึกว่าหัวใจของเขายังมีเธออยู่เสมอ เพราะภาพนี้ ...ภาพวันชื่นคืนสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในครั้งนั้น ภาพที่ถูกตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาเสมือนเป็นเครื่องเตือนใจ สะท้อนให้หล่อนได้รู้ว่าหัวใจของเขามีหล่อนเสมอมา  เพียงเท่านี้เนตริยาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าหล่อนจะไปตามหาหัวใจของหล่อนให้เจอ

    เนตริยาบอกลาแสวงและนาดีร์พร้อมกับขอเอารูปในกรอบนั้นกลับไปด้วย


    หลายวันนับจากเนตริยากลับมาจากบ้านป่า อาการตรอมใจของหล่อนหายเป็นปลิดทิ้งเพราะหล่อนเริ่มมีความหวังใหม่ขึ้นมาแทนที่ เวลานี้เนตริยามีที่อยู่ที่จะติดต่อปกป้องได้แล้ว หล่อนเริ่มต้นเขียนจดหมายไปหาเขา เล่าให้เขาฟังว่าหล่อนกลับไปที่บ้านป่าและได้รู้ว่าเขาเดินทางมาเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา หล่อนได้ที่อยู่ของเขาจากแสวง เธอไต่ถามถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตในต่างแดน ถามถึงการเรียนของเขาด้วยความเป็นห่วงและท้ายที่สุดเธอบอกว่าเธอคิดถึงเขามากเพียงใด


    ปกป้องดึงถุงมือกันหนาวออกเพื่อไขกุญแจเปิดตู้ไปรษณีย์ด้านหน้าทางเข้าอพาร์ตเม้นท์ มีจดหมายจากเมืองไทยอยู่ในช่องนั้น เขารู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้รับการติดต่อจากเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นจดหมายจากคุณแม่ของเขาที่แสดงความห่วงใย จากแสวงที่คอยบอกเล่าความเป็นไปในละแวกบ้านป่าโดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลที่ช่วยให้ปกป้องนอนใจได้ว่าชาวบ้านจะได้รับการดูแลรักษายามไม่มีเขาอยู่ที่นั่น และจากครูวิษณุที่บอกเล่าความเป็นไปของบ้านเมืองให้เขาทราบโดยเฉพาะความคืบหน้าของแผนยุทธศาสตร์ ที่ขณะนี้การพูดคุยสันติภาพครั้งแรกได้เริ่มแล้ว และสถิติของการก่อความไม่สงบและความรุนแรงต่างๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เริ่มลดลงกว่าปีก่อน

    แต่จดหมายฉบับที่เขาถืออยู่ในมือนี้ พอเห็นชื่อคนส่ง หัวใจของปกป้องก็เต้นแรงขึ้นด้วยความแปลกใจและปิติตื้นตัน

    “เนตริยา” เขาพึมพำชื่อคนที่อยู่ในหัวใจของเขาออกมา

    เขารีบขึ้นไปบนห้องพัก ถอดเสื้อโค้ทและเครื่องกันหนาวต่างๆ ออก ก่อนจะค่อยๆ บรรจงเปิดจดหมายออกอ่านด้วยหัวใจพองฟูด้วยความดีใจ

    ในเนื้อความของจดหมายนั้น บอกให้เขารู้ว่าเนตริยาอุตส่าห์ดั้นด้นกลับไปหาเขาถึงบ้านป่า ปกป้องอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ที่เขาเป็นฝ่ายไม่ยอมติดต่อกับเธอเลย แต่เนตริยากลับเป็นฝ่ายติดตามจนได้ที่อยู่ของเขามาเช่นนี้

    “โธ่ เนตร” ปกป้องครางออกมา และอยากจะบอกหล่อนว่า ‘คุณไม่รู้หรอกว่าผมรักคุณมากแค่ไหน ยิ่งรักมากก็ยิ่งทรมานใจที่ต้องพรากจากกันเช่นนี้ ผมอยากจะรีบเรียนให้จบจะได้กลับไปหาคุณเร็วๆ แต่มันก็ยากเหลือเกิน’ พลางเหลือบตามองตำรับตำรากองโตบนโต๊ะทำงานที่เขาต้องอ่านให้หมด ตำราที่ยากอยู่แล้วแถมเป็นภาษาอังกฤษที่ปกป้องไม่ได้เก่งมากนักก็ทำให้เขาท้อแท้อยู่หลายครั้ง

    เนตริยาแนบที่อยู่อีเมลของหล่อนมาให้ เพื่อปกป้องจะได้ตอบกลับไปได้สะดวกรวดเร็วกว่าการเขียนจดหมายส่งทางไปรษณีย์ ชายหนุ่มบอกเล่าถึงความดีใจที่ได้รับจดหมายจากเธอ และขอโทษที่ไม่ได้บอกให้เธอรู้เรื่องที่เขาเดินทางมาเรียนต่อ เขาเล่าถึงความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญ ทั้งเรื่องภาษาและการใช้ชีวิตในต่างแดนที่เขาต้องปรับตัว มันทำให้เขาคิดว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่เขาจะสามารถสอบเข้าโรงเรียนแพทย์และเรียนจบกลับมา แต่จดหมายที่เขาได้รับจากเธอครั้งนี้จะเป็นกำลังใจอย่างดีที่จะทำให้เขาต่อสู้กับความยากลำบากและตั้งมั่นที่จะเรียนแพทย์ให้จบให้ได้

    หลังจากทั้งสองมีอีเมลของกันและกันแล้วก็ทำให้ติดต่อกันง่ายขึ้น รวดเร็วและประหยัดกว่าการส่งไปรษณีย์ แล้วจากนั้นก็เริ่มพัฒนาไปสู่การสื่อสารที่สามารถเห็นหน้ากันโดยผ่านระบบสไกพ์ ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้ากัน ปกป้องถึงกับน้ำตาซึม ชีวิตโดดเดี่ยวอ้างว้างในต่างแดนที่ผ่านมานั้นเขาใช้วิธีเรียนหนัก ท่องหนังสือให้หนักเข้าไว้เพื่อจะได้ไม่คิดถึงบ้าน แต่เมื่อได้เห็นหน้าคนรักที่ยังคิดถึงเขาไม่เสื่อมคลาย ทำให้ปกป้องมีกำลังใจมากขึ้น

    ไม่ต่างจากเนตริยา การได้พูดคุยแสดงความคิดถึงห่วงหาระหว่างกันมาตลอดช่วงหนึ่งนั้น ปกป้องทำให้หญิงสาวมั่นใจในหัวใจรักของเขาที่มีต่อหล่อน เพียงแต่เขายังมีภาระการเรียนที่ต้องทำให้สำเร็จ เขาจึงไม่อยากที่จะเหนี่ยวรั้งให้หล่อนเฝ้ารอเขาเนิ่นนานขนาดนั้น

    เนตริยาย้ำเตือนให้เขาเข้าใจว่าหล่อนต้องการเป็นกำลังใจให้เขา ตราบใดที่หัวใจของเขามีหล่อนอยู่ตรงนั้น ต่างคนต่างจะเป็นกำลังใจให้กัน และจะช่วยไม่ให้ท้อแท้ได้ง่ายๆ

    ความตั้งใจจริงของเนตริยาเช่นนี้ ทำให้ปกป้องมีกำลังใจทุกครั้งยามที่เจอเรื่องลำบาก เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขามีคนที่เขารักคอยเป็นกำลังใจให้ แม้จะอยู่ห่างกัน

    ครั้งหนึ่งที่เนตริยาถามถึงความยากลำบากในการเรียนและการใช้ชีวิตที่โน่น ปกป้องเคยบ่นว่า

    ‘ถ้าผมเรียนที่เมืองไทย อ่านตำราภาษาไทย กินอาหารไทย ไม่ต้องมาลำบากกับความหนาวเย็นที่นี่ ผมคงเรียนได้เร็วกว่านี้’

    ‘เนตรเข้าใจค่ะ ตอนเนตรไปอยู่ใหม่ๆ ก็ประสบปัญหาเหมือนคุณ แต่โชคดีที่เนตรมีบัดดี้เป็นผู้หญิงคนไทย เราแบ่งงานกัน อย่างเขาช่วยท่องหนังสือให้เนตรฟัง แล้วเนตรช่วยทำกับข้าวให้ อะไรแบบนี้ที่เราไม่ต้องทำคนเดียวทุกอย่าง คุณพอจะหาเพื่อนแบบนั้นได้ไหม’

    ‘เป็นความคิดที่ดีนะ ผมจะลองหาทางดู แต่เท่าที่เรียนด้วยกัน ไม่มีคนไทยเลย ส่วนคนไทยอื่นๆ ในเมืองนี้ยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่’

    หลังจากที่คุยกันครั้งนั้น  เนตริยาก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งว่าเธอไม่ควรปล่อยให้ปกป้องคลำหาหนทางช่วยตัวเองแต่เพียงลำพังเช่นนี้  เธอจะต้องช่วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่