วันที่ฟ้าเปิด โดย ดรัสวันต์ และ psycho_factory

กระทู้สนทนา

นิยายรักท่ามกลางความรุนแรงของภัยก่อการร้ายในภาคใต้  
นายทหารหนุ่มสาวที่แม้จะเป็นเพียงหมากตัวเล็กๆ ได้พยายามผลักดันให้เกิดสันติสุข
แม้เขาจะต้องเสี่ยงภัยร่วมกัน แต่ก็นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญ ก่อให้เกิดแนวทางสันติภาพ
และความผูกพันระหว่างกัน


วันที่ฟ้าเปิด

โดย ดรัสวันต์  และ psycho_factory

บทที่ 1

        สนามบินหาดใหญ่ช่วงสายๆ วันเสาร์เช่นนี้ไม่คับคั่งแต่อย่างใด เนตริยามีภารกิจที่จะเข้าร่วมการประชุมสัมมนาในวันจันทร์และต่อเนื่องไปจนตลอดอาทิตย์ แต่หล่อนเลือกเดินทางมาก่อนล่วงหน้าเพราะอยากจะมีเวลาพักผ่อน เที่ยวช้อปปิ้งที่หาดใหญ่ และพบปะเพื่อนเก่าสมัยเรียนหนังสือ ที่นัดหมายจะพาหล่อนไปเที่ยวชมหาดสมิหราอันมีชื่อเสียงของจังหวัดสงขลา ซึ่งช่วงนี้อากาศดีไม่มีมรสุมเหมาะแก่การท่องเที่ยว

        เนตริยาลากกระเป๋าเดินทางขนาดกลางออกมาจากห้องผู้โดยสารขาเข้า แล้วเริ่มมองหารถของโรงแรมที่ติดต่อไว้ว่าจะมารับ แต่เป็นนานสองนานก็ไม่เห็นคนของโรงแรมมายกป้ายรับแขกแต่อย่างใด อดรนทนไม่ได้หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.ติดต่อโรงแรม

        คำตอบที่ได้รับทำให้หญิงสาวต้องอุทานออกมา

        “อะไรนะคะ รถรับแขกคนอื่นออกไปแล้วไม่ได้รอดิฉัน แล้วเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องรับส่งแขก เขาไม่แจ้งหรือคะว่าฉันจองรถโรงแรมไว้ให้มารับ” เนตริยาต่อว่าอย่างหงุดหงิด

        “ทางโรงแรมต้องขอโทษที่มีเรื่องผิดพลาดเช่นนี้  เดี๋ยวเราจะส่งรถอีกคันไปรับค่ะ”

        “ฉันจะต้องรอประมาณกี่นาทีคะ”

        “ไม่นานค่ะ ส่งออกไปตอนนี้แล้วค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ”

        เนตริยาวางหูไปได้ไม่ถึง 10 นาที ก็มีชายร่างสันทัด ผิวคล้ำท่าทางเป็นคนพื้นที่ เดินตรงเข้ามาหาพร้อมทั้งถามขึ้นว่า

        “คุณเนตริยาหรือเปล่าครับ โรงแรมส่งรถมารับ”

        “ใช่ค่ะ แหม เร็วดีจริง” เนตริยายิ้มออกมาอย่างโล่งอก หล่อนอยากเข้าที่พักเร็วๆ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไปเที่ยวทะเล

        ชายผู้นั้นเอื้อมมือมารับกระเป๋าเดินทางแล้วเดินนำออกไปที่ประตูด้านหน้าที่มีรถเก๋งโตโยต้าแคมรี่คันใหญ่สีดำจอดอยู่  ดูเผินๆ ก็คล้ายรถโรงแรมทั่วไป แต่ไม่มีตราโลโก้ของโรงแรม ซึ่งเนตริยาสังเกตเห็นและตั้งคำถามขึ้นว่า

        “อ้าว  ไม่ใช่รถโรงแรมหรอกหรือ”

        คนขับยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถแล้วหันมาตอบว่า

        “โรงแรมเหมาเช่ารถบริษัทเราครับ บางคันมีตรา บางคันไม่มีตรา”

        เนตริยาพยักหน้าเข้าใจแล้วก้าวเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง

        รถโรงแรมขับออกไปจากสนามบินไปบนเส้นทางที่สองข้างทางเป็นสวนยางร่มครึ้ม จนเมื่อเกือบถึงถนนใหญ่ จู่ๆ รถก็จอดลง แล้วทันใดนั้น ประตูหลังก็ถูกเปิดออก ชายในชุดดำก้าวพรวดเข้ามานั่งประชิด จังหวะที่เนตริยาเกือบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ สิ่งหนึ่งก็ถูกโปะที่จมูก กลิ่นฉุนๆ นั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่หล่อนจำได้
        

        รถกระบะโฟร์วีลแบบสองตอนห้อตะบึงไปบนถนนหลวงสายหลักจากหาดใหญ่ที่จะพาทั้งสามมุ่งหน้าไปยังจังหวัดสตูล ชายชุดดำที่นั่งตอนหน้าคู่คนขับคอยหันมามองเบาะหลังที่ร่างบอบบางของหญิงสาวนอนไร้สติอยู่ ร่างนั้นถูกจับให้นอนยาวไปตามความยาวของเบาะหลัง เกือบชั่วโมงของการเดินทางหลังจากมีการเปลี่ยนจากรถเก๋งมาเป็นรถกระบะคันนี้

        คนขับเหลือบตามองปฏิกิริยาของคนข้างๆ ที่คอยหันไปมองเบาะหลังอย่างเป็นห่วงตลอดเวลา

        “เดี๋ยวช่วงที่ขึ้นเขา ผมว่านายย้ายไปนั่งประคองเธอหน่อยก็ดีนะครับ  เพราะโค้งหักศอกหลายโค้ง รถเหวี่ยงแรงๆ แบบนั้น ผมเกรงว่าหัวเธอจะกระแทก”

        ปกป้องถอนหายใจ ยอมรับอยู่ในใจว่าเป็นห่วง แต่เขาตัดสินใจแล้วที่จะทำภารกิจนี้ ถึงแม้มันจะเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง แต่เขาต้องทำให้สำเร็จ และความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้คือมาตรการสูงสุด

        แสวงเลี้ยวรถจากทางหลวงหมายเลข 4 ที่อำเภอรัตภูมิ แยกเข้าถนนสาย 406 ที่จะพาพวกเขามุ่งสู่อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล อำเภอทางด้านเหนือของจังหวัดที่เป็นแนวต่อเขตระหว่างจังหวัดตรัง พัทลุง และสงขลา

        แล่นมาตามถนนสายดังกล่าวได้ไม่นาน รถก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนที่เงียบสงัด นานๆ จึงจะมีรถผ่านมาสักคัน เป็นจังหวะดีที่แสวงจะจอดรถเพื่อให้เจ้านายของเขาย้ายไปนั่งเบาะหลัง

        ปกป้องค่อยๆ รั้งร่างบางที่นอนหมดสติอยู่ที่เบาะหลังดึงให้ลุกขึ้นนั่งพิงอกเขาแล้วโอบแขนแข็งแรงประคองไปรอบเอว เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้เพราะแม้จะมีเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลังแต่ก็ไม่สามารถป้องกันศีรษะไม่ให้กระแทกได้ยามที่รถเหวี่ยงแรงๆ

        แสวงหันมามองให้แน่ใจว่าทั้งสองอยู่ในท่าที่มั่นคงก่อนจะออกรถตลุยไปบนเส้นทางไต่เขาที่ทั้งขรุขระและสูงชัน

        แว่บหนึ่งของแววตาลูกน้องที่มองสบตาเขาตอนนั้น ทำให้ปกป้องอดรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าไม่ได้ ยอมรับว่าเขินไม่น้อยที่ต้องมานั่งกอดร่างหญิงสาวไว้เช่นนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาส แต่หากเขาไม่ทำเช่นนี้หล่อนต้องเป็นอันตรายแน่นอน

        โค้งหักศอกซ้ายแล้วดำดิ่งสู่โค้งหักศอกขวา เป็นอะไรที่ทำให้ร่างทั้งสองสะบัดโยนไปมา ปกป้องกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า พร้อมทั้งใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งป้องศีรษะหญิงสาวไว้กันกระแทก กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินมาจากร่างนุ่มนวลในอ้อมกอดนั้น ทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงผิดปกติ

        แรงกระแทกเพราะรถสะดุดหินก้อนใหญ่ข้างหน้าทำให้ปกป้องต้องอุทานเสียงดัง

        “ระวังหน่อย แสวง ! ”

        “ขอโทษครับนาย” คนขับรีบขอโทษ เหลือบตามองหน้าบึ้งๆ ของเจ้านายจากกระจกส่องหลัง

        ผ่านเส้นทางมหาโหด มาได้สักพัก ถนนลูกรังเริ่มทอดตรงผ่านสวนยางแน่นทึบสลับกับแนวป่าไม้ร่มครึ้มชั่วนาตาปี  ปกป้องค่อยๆ คลายแขนออก เขาประคองร่างนั้นไว้เพียงหลวมๆ  อดที่จะก้มลงมองแก้มเนียน และดวงตาที่หลับสนิทคู่นั้นไม่ได้ แพขนตาหนางอนช้อย ส่งให้ดวงตาหวานปานจะหยดหากหล่อนได้ลืมตาขึ้น

        ใบหน้านี้เขาจำได้แม่นยำตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยเห็นหล่อนเข้าร่วมการบรรยายทางวิชาการที่โรงพยาบาลที่เขาเคยไปฝึกงาน

        ร้อยเอกหญิงเนตริยา วิสุทธิภา หล่อนมาในชุดนายทหารบกสังกัดสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง กองบัญชาการกองทัพไทย ใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั้น ดูไม่ต่างจากเด็กที่เพิ่งจบใหม่ ในขณะที่นักวิชาการที่ร่วมบรรยายคนอื่นๆ ต่างมีตำแหน่งรองศาสตราจารย์เป็นอย่างน้อย เขาไม่แน่ใจว่าเด็กจบใหม่อย่างสาวน้อยผู้นี้จะมีประสบการณ์มากมายอะไร  อย่างดีก็แค่หยิบกระดาษที่เตรียมออกมาแล้วอ่านๆ ตามนั้น

        แต่พอหญิงสาวเริ่มบรรยาย หล่อนก็ทำให้เขาทึ่งกับวิธีการพูดที่ทอดน้ำสียงอ่อนโยนมีจังหวะจะโคนไม่น่าเบื่อ ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงนั้นดูคล้ายแย้มยิ้มเวลาพูด ช่างมีเสน่ห์จนเขาไม่อาจไถ่ถอนสายตาจากไปได้ง่ายๆ อีกทั้งเนื้อหาวิชาการที่เขาเคยนึกปรามาสก่อนหน้านี้ หล่อนกลับสามารถบรรยายได้อย่างคล่องแคล่วจนทำให้เขาแน่ใจว่าความรู้ของหล่อนแน่นปึกจริงๆ

        ในที่ประชุมนั้นส่วนใหญ่เป็นแพทย์และนักศึกษาแพทย์ ส่วนเขาเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากต่างจังหวัดที่เข้ามาฝึกงานเพิ่มเติมในโรงพยาบาลแห่งนี้  เช่นนี้แล้ว เขาน่าจะนั่งเงียบๆ เป็นผู้สังเกตการณ์อยู่หลังห้องมากกว่า  แต่ไม่ใช่คนอย่างเขา

        เพราะเมื่อผู้ดำเนินรายการเปิดเวทีให้มีการซักถาม เขายกมือขึ้น แล้วเดินออกมาที่หน้าไมค์ พร้อมทั้งยิงคำถามตรงไปยังร้อยเอกหญิงเนตริยา

        ‘ผมมีคำถามเกี่ยวกับจิตวิทยาความมั่นคงของภาคใต้’

        ‘กรุณาแนะนำตัวด้วยครับ’ พิธีกรผู้ดำเนินรายการติงขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนที่ออกมาตั้งคำถามจะต้องแนะนำตัวก่อน

        ‘ผมชื่อปกป้อง เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากจังหวัดยะลา ผมมีคำถามสำหรับผู้กองเนตริยา’

        เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประสานสายตากับหญิงสาว  หล่อนตั้งอกตั้งใจฟังคำถามเขาเต็มที่

        ‘คือปัญหาภาคใต้ที่มีมานานมาก ส่งผลกระทบถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม โดยเฉพาะประชากรที่บาดเจ็บล้มตายทำให้ภาครัฐต้องหมดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลไปมากมายแบบนี้ ทางกองทัพใช้หลักจิตวิทยาอย่างไรในการแก้ปัญหาครับ’

        ปกป้องจำได้ว่าคำตอบที่ได้รับ เต็มไปด้วยการอ้างอิงทฤษฎีและศัพท์แสงทางวิชาการ ไม่มีอะไรที่มาจากประสบการณ์

        พอหญิงสาวตอบคำถามเสร็จ หล่อนขมวดท้ายลงที่ข้อสรุปว่าการดำเนินงานทางจิตวิทยานั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องอาศัยเวลา

        ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะออกมา มันชวนให้เขามั่นใจว่าหล่อนคือเด็กจบใหม่ที่มีแต่คำพูดสวยงามเท่านั้น

        รอยยิ้มและแววตาของเขาคงสะท้อนความรู้สึกสบประมาทที่มีในใจ เนตริยาจึงถามขึ้นว่า

        ‘ไม่ทราบว่าดิฉันตอบคำถามคุณปกป้องแล้วหรือยัง’

        เขาโบกมือปฏิเสธที่จะถามต่อให้ป่วยการ กินเวลาคนอื่นเปล่าๆ

        ‘คงไม่ถามแล้วครับ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาอย่างที่ท่านวิทยากรพูดนั่นแหล่ะครับ’ เขาตอบแล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม โดยมีสายตาของหล่อนจับจ้องเขาเขม็ง

        ตอนที่งานสัมมนาเลิก เขาเห็นหญิงสาวก้าวขึ้นรถคันหรูที่แล่นเข้ามาเทียบพร้อมพลขับที่เป็นทหาร ใครคนหนึ่งพูดมาเข้าหูว่า ‘ลูกสาวเจ้ากรมฯ’

        และตอนนี้ ‘ลูกสาวเจ้ากรมฯ’ ตกมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
        

        อาการขยับตัว คล้ายกับจะรู้สึกตัว ทำให้ปกป้องคลายแขนออก แล้วจับตัวหญิงสาวให้นั่งพิงพนักชิดไปทางประตูด้านซ้าย ส่วนเขาถอยออกมานั่งห่างๆ รอให้หล่อนรู้สึกตัว ยาสลบที่เขาใช้นั้นไม่มากมายอะไร มีผลให้หล่อนหมดสติไปเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น

        “อือม” เสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง แล้วตามมาด้วยดวงตาที่พยายามจะลืมขึ้นจากอาการง่วงงุน

        เมื่อหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัวเต็มที่ หล่อนขยับตัวมองไปรอบๆ อย่างพยายามจะนึกให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น

        ภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้น  ใบหน้าของคนแปลกหน้าที่หล่อนมองเห็นนั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือก นี่หล่อนอยู่ที่ไหน กับใคร

        “นายเป็นใคร ! ”  แล้วรีบมองไปรอบตัว รถกำลังแล่นไปข้างหน้าที่สองข้างทางเป็นป่ามืดทึบ ใจหายวาบพยายามกระถดถอยหนีไปชิดประตูแต่หล่อนก็ไม่อาจหนีไปไหนพ้นจนมุมอยู่ตรงนั้น “จะพาฉันไปไหน”

        ปกป้องมองหล่อนด้วยสายตานิ่งๆ มีแววกร้าวกระด้างอยู่ในดวงตาคู่นั้น ชายหนุ่มบอกตัวเองว่าเขาต้องเล่นบทนี้ บทที่หล่อนจะต้องกลัวเกรงเขา

        “ผมเป็นใคร คุณไม่ต้องรู้หรอก ส่วนจะพาคุณไปไหน เดี๋ยวคุณก็รู้เอง คุณแค่ทำใจให้สบาย ทำตามที่ผมบอกแล้วคุณจะปลอดภัย”

        เนตริยาหันหน้าหันหลังมองไปรอบตัวอย่างหวาดกลัว  รถที่ยังห้อตะบึงไปข้างหน้า ทิ้งฝุ่นแดงตลบอยู่เบื้องหลังจนไม่อาจมองเห็นว่าข้างหลังคือที่ไหน

        “นายต้องการอะไร จับฉันมาเรียกค่าไถ่หรือ”

        “อยู่ไปก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง”

        “อยู่ไปก่อน !? หมายความว่ายังไง” เสียงที่ถามเริ่มสั่นด้วยความกลัวจับใจ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกล้อเล่นแน่แล้ว หล่อนถูกลักพาตัวมาจริงๆ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าหล่อนจะพบเจอกับเรื่องแบบนี้

        ไม่มีคำตอบจากชายผู้นั้น แล้วรถก็แล่นมาหยุดลงที่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง เขาเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วหันไปมองหญิงสาวที่ยังคงนั่งตัวแข็งอยู่ภายในไม่กล้าก้าวออกมา

        ปกป้องยกไหล่ไม่สนใจ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปบนบ้านไม้ที่ยกพื้นสูงหลังนั้น

        แสวงเปิดประตูก้าวลงจากรถ มองหน้าผู้เป็นนายและผู้หญิงในรถสลับกันไปมาแล้วตัดสินใจเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวที่ท้ายกระบะ ซึ่งตอนนี้มีฝุ่นแดงจับจนเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงลูกรัง

        เนตริยามองไปรอบตัวที่เป็นป่าแน่นทึบ ถามตัวเองว่านี่หล่อนจะทำอย่างไร ความคิดแรกคือ หนี !

        หญิงสาวค่อยๆ เปิดประตูก้าวลงจากรถ มองซ้ายมองขวา ไม่มีใครอยู่แถวนี้ ทั้งสองคนเดินขึ้นบ้านไปแล้ว มือเท้าหล่อนก็ไม่ได้ถูกพันธนาการไว้แต่อย่างใด หล่อนมองขึ้นไปบนบ้านอีกครั้ง ไม่มีใคร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่