วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 12

กระทู้คำถาม
วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์  และ  Q 


12

      วันนี้เป็นอีกวันที่ปกป้อง เนตริยาและแสวงขับรถออกไปยังหมู่บ้านรอบข้าง กิจวัตรที่ดำเนินไปอย่างไม่ขาดระยะ บางหมู่บ้านแม้จะไม่มีใครเจ็บใครป่วย แต่ปกป้องก็ต้องออกไปเยี่ยมเยียนให้ความรู้ด้านสุขภาพอนามัย

      เขาเชื่อว่าความเจ็บป่วยนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะผู้คนขาดความรู้ในการดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง ชายหนุ่มมุ่งหวังที่จะทำงานป้องกันมากกว่าจะรอ
ให้ชาวบ้านล้มป่วยแล้วต้องคอยตามรักษา เพราะเขาเองก็ระลึกอยู่เสมอว่าเขาไม่ใช่หมอ ถ้าไม่รีบป้องกันแล้วให้หมอเถื่อนอย่างเขามารักษาจะกลาย
เป็นเรื่องยาก และหากเกินกำลังที่เขาจะรักษาได้ เขาก็ต้องนำส่งโรงพยาบาลในเมืองด้วยระยะทางที่ไกลกว่า 50 กิโลเมตร และถ้ามีคนป่วยพร้อมกัน
ทีเดียวหลายคน เขาคนเดียวก็รับไม่ไหว บางคนก็ไม่มีรถที่จะเดินทางไปเอง บางคนยังต้องประกอบอาชีพรายวัน หากวันไหนที่ชาวบ้านหยุดงาน
นั่นหมายถึงจะไม่มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองและครอบครัวได้ 

      แม้รัฐบาลจะมีนโยบายด้านการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้คนยากจนไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลก็ตาม แต่เรื่องเวลาและค่าใช้จ่ายในการ
เดินทางเป็นปัญหาสำคัญกว่า

      ปกป้องสานต่องานของนายแพทย์ปริญญ์อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา เขาทำงานอุทิศตนให้กับคนในพื้นที่อย่างจริงจัง

      สำหรับคนในหมู่บ้านล้วนมองว่าปกป้องเป็นชายหนุ่มที่จิตใจดีมีความโอบอ้อมอารี แต่สำหรับเนตริยานั้น เธอกลับมองปกป้องด้วยสายตาที่
เคลือบแคลงสงสัยและไม่ไว้วางใจ

      เมื่ออยู่ต่อหน้าเนตริยา ชายหนุ่มจะพยายามทำท่าทางเคร่งขรึมดุดันและบางครั้งกราดเกรี้ยวเหมือนมหาโจรใส่หล่อนแต่บางครั้งปกป้องก็เผลอ
ลืมตัวปฏิบัติต่อหล่อนอย่างเมตตาอ่อนโยน ทำให้เนตริยาไม่เข้าใจและไม่อยากจะไว้วางใจชายผู้นี้ได้อย่างเต็มที่ 

      แต่สิ่งหนึ่งที่หญิงสาวต้องยอมรับคือ ความเป็นสุภาพบุรุษของเขา ปกป้องไม่เคยเข้ามาใกล้ชิดหล่อนจนเกินงาม ไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวหรือ
ถือโอกาสรังแกหล่อน ทั้งๆ ที่เชลยอย่างหล่อนไม่มีทางสู้หรือหนีพ้นเงื้อมมือเขาไปได้ มีแต่การรังแกด้วยวาจาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง
แต่นั่น หล่อนรู้ว่าเขาแกล้งทำ
 

      เมื่อยาและเวชภัณฑ์เริ่มร่อยหรอลง ปกป้องจำเป็นต้องเข้าเมืองเพื่อไปซื้อของเหล่านั้นมาเก็บไว้ แม้เขาจะเชื่อใจว่าแสวงสามารถดูแลเรื่องนี้
แทนเขาได้ แต่ปกป้องก็จำเป็นต้องเข้าไปในเมืองด้วยตัวเองเพราะภารกิจที่เขามีต่อวิษณุ ซึ่งนอกจากเขาจะต้องส่งข่าวถึงความเคลื่อนไหวของ
กลุ่มคนที่เขาคอยจับตามองอยู่ในแถบนี้แล้ว เขายังต้องการรู้ว่าการลักพาเนตริยาส่งผลกระทบอะไรบ้าง เพราะเวลาก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว
ที่เนตริยาหายตัวไป ยังไม่มีข่าวคราวทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่อใดๆ ซึ่งเขาแน่ใจว่าพลโทเนติศักดิ์คงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอื้อฉาวทั้งที่คงห่วงใยลูกสาวจนแทบคลั่ง และจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อติดตามลูกสาวกลับคืนมา

      แต่การที่ปกป้องจำเป็นต้องเข้าเมืองเช่นนี้ เขาจะทำอย่างไรกับเนตริยา ความห่วงใยของเขาที่มีต่อหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มไม่อยากละทิ้งหล่อน
ไว้อย่างมีอิสระในบ้านนี้เพียงลำพัง แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าหล่อนเข็ด ไม่กล้าหนีก็ตาม

      ปกป้องตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับหญิงสาว หลังจากทั้งสองเสร็จจากรับประทานอาหารเย็นกันแล้ว

     “พรุ่งนี้ ผมจะไม่อยู่” เขาเริ่มขึ้น พร้อมทั้งจับตาดูปฏิกิริยาจากเนตริยา หล่อนหยุดชะงักมองหน้าเขาในขณะที่สมองแล่นปราดๆ ไปด้วยความคิด
เรื่องหาทางหนี

      “ผมไม่อยากทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียว แต่ครั้นจะพาคุณไปด้วย ก็คงไม่ได้” เขาไม่ยอมบอกว่าเขาจะเข้าเมือง

     “แล้ว...”

     ปกป้องถอนหายใจ เขาไม่อยากทำอย่างนี้เลย 

     “ผมคงต้องขังคุณไว้ในบ้านนี้”

     “อะไรนะ ! ” เนตริยาอุทานพร้อมกับผุดลุกขึ้นยืน “ขังฉันไว้ที่นี่ ! นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ” หล่อนแผดเสียงราวกับเด็กเอาแต่ใจ  

     คำว่า ขัง ทำให้เนตริยาสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตั้งแต่ถูกจับมาจนทุกวันนี้ หล่อนมีอิสระอยู่ในบ้านอย่างเต็มที่ ไม่เคยต้องถูกขังหรือพันธนาการแต่อย่างใด แล้วนี่เธอกำลังจะถูกขัง...ขังตลอดวันที่เขาจะไม่อยู่ เธอจะต้องบ้าตายแน่ๆ แล้วเธอจะหนีได้อย่างไร

      ปกป้องลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับหญิงสาว ใบหน้าคร้ามคมนั้นนิ่งเฉยเย็นชา อีกทั้งแววตากร้าวขึ้นด้วยความไม่พอใจกับปฏิกิริยาเช่นนั้นของเนตริยา เพราะตั้งแต่หล่อนบาดเจ็บครั้งนั้น ดูเหมือนเขาจะทะนุถนอมเอาอกเอาใจหล่อนมากจนเกินไป จนหล่อนได้ใจและคิดว่าจะทำฤทธิ์ทำเดชกับเขาอย่างไรก็ได้กระมัง 

     ปกป้องพยายามข่มอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิดแล้วกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า

     “ผมจำเป็นจริงๆ ไม่มีใครอยากจะทำอย่างนั้นหรอก อีกทั้งมันยังปลอดภัยสำหรับคุณเอง” 

     แต่เนตริยาไม่ฟังเหตุผลของเขาแม้แต่น้อย

     “ไม่ ! ไม่นะ ฉันไม่ยอม !” แผดเสียงใส่เขา

     ปกป้องยืดตัวขึ้น แค่นี้เขาก็เครียดพออยู่แล้ว กลัวเหลือเกินว่าช่วงที่เขาไม่อยู่จะมีอันตรายเกิดขึ้นกับหล่อน แต่หล่อนซิยังมาทำฤทธิ์ใส่เขาอีก
ชายหนุ่มเริ่มเหลืออด

     “ไม่ยอมแล้วยังไง” ปกป้องทำท่ายียวนไม่ลดละ

     เนตริยากำมือแน่น จ้องตอบไม่ลดละด้วยทิฐิไม่แพ้กัน หล่อนไม่ต้องการตกอยู่ในสภาพที่ถูกขังอยู่ในห้องทั้งวัน หล่อนจะต้องคลั่งตายแน่ๆ 

     อาการดื้อถือดีต่อต้านของหล่อนเท่ากับกระพือโหมอารมณ์โกรธของชายหนุ่ม

     “มาทำเป็นแข็งข้อแบบนี้ คุณนึกว่าตัวเองเป็นใคร เป็นนายหญิงของบ้านนี้หรือไง !” 

     เนตริยาชะงักหน้าซีดกับท่าทางกราดเกรี้ยวของชายหนุ่ม แล้วกลับแดงด้วยโทสะ 

     ปกป้องก้าวเข้าไปจนชิดแล้วก้มลงมาบอกด้วยเสียงเข้มว่า

     “ถ้าอยากเป็นนายหญิงของบ้าน คืนนี้ไปนอนห้องโน้น” พร้อมทั้งชี้มือไปที่ห้องนอนของเขา

     เนตริยาผงะถอย

     “คนบ้า ! เรื่องอะไรฉันไปนอนที่นั่น ! ” หล่อนโกรธจนเสียงสั่นกับความหมายของประโยคนั้น ทั้งโกรธทั้งอายจนอยากจะทำร้ายเขาให้สาสม 

     “เอาแต่ใจตัวแบบนี้ เห็นทีจะต้องสั่งสอนกันหน่อยไหม” 

     แต่เนตริยาไม่รอให้เขาสั่งสอน หล่อนจับคอเสื้อเขาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างดึงแขนเขาสูงขึ้นพร้อมกับเตะตัดขาให้ชายหนุ่มเสียหลักแล้ว
หมายจะทุ่มเขาลงพื้นด้วยท่าป้องกันตัวแบบยูโด แต่คนที่เรียนยุทธวิธีต่อสู้ขั้นสูงอย่างปกป้องก็ไวพอที่จะเบี่ยงขาหลบทันและตั้งมั่นไม่เสียการทรงตัว
เนตริยาจึงทุ่มเขาไม่ลง แล้วตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดนเขารวบไว้ทั้งตัว 

     “เก่งมากผู้กอง แต่ท่าทางจะอ่อนซ้อมไปหน่อย” ปกป้องชมจากใจจริง เขาพอใจที่เธอมีวิชาป้องกันตัว แล้วบอกสอนต่อให้ว่า “วิธีต่อสู้แบบประชิดตัว คุณต้องมีความฉับไวมากกว่านี้ ไม่ให้คู่ต่อสู้ตั้งตัวได้”

     เนตริยาฮึดฮัดขัดใจ มือที่ยังเหนี่ยวคอเสื้อเขาเตรียมจะทุ่มอีกรอบนั้น ทำให้ปกป้องโน้มใบหน้าลงมา

    “ถ้าอยากให้ผมจูบ บอกดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องดึงคอเสื้อลงมาหรอก” 

     เนตริยายามนี้โกรธจนไม่สามารถคิดกระบวนท่าใดมาล้มเขาได้ ทำเพียงทุบเปรี้ยงไปบนอกเขาไม่ยั้ง จนปกป้องต้องรวบมือไว้

     “บอกให้อยู่เฉยๆ ว่าง่ายๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังใช่ไหม” ปกป้องขู่เสียงกร้าว ตาวาวโรจน์ ยามเขาโกรธ ทั้งน้ำเสียงและพละกำลังนั้นราวกับ
จะฆ่าเธอได้ด้วยสองมือ เนตริยาตัวสั่นแล้วเหมือนแข้งขาจะอ่อนหมดแรงด้วยความกลัว 

     “ปล่อยนะ” ดวงตาแดงก่ำที่วาววับไปด้วยน้ำใสๆ ฉายแววตื่นตระหนกเมื่อรู้ตัวว่าวิชาป้องกันตัวที่เธอเคยฝึกฝนมานั้นทำอะไรเขาไม่ได้  “ฉันเจ็บ” เสียงแผ่วโหยอ่อนยอมนั้นชวนสงสารยิ่งนัก

     ปกป้องเริ่มรู้สึกตัว เขาคลายแขนที่รัดร่างอ่อนนุ่มจนแทบจะแหลกลาญนั้นออก

     พอเขาปล่อยหล่อนเป็นอิสระ ร่างเนตริยาเซไปเล็กน้อยเพราะแข้งขาอ่อนแรงทำให้ปกป้องต้องรีบคว้าแขนข้างหนึ่งไว้ก่อนที่หล่อนจะล้มลง
แต่พอหญิงสาวทรงตัวได้ก็สะบัดแขนออกแล้วรีบวิ่งหนีเข้าห้องลงกลอนประตูมือไม้สั่น แล้วร่างบางก็ทรุดฮวบหมดแรงอยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นโครมคราม
ด้วยความกลัว 

     นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้กำลังกราดเกรี้ยวใส่หล่อน หญิงสาวลูบคลำตามเนื้อตัวที่ถูกเขารัดจนรวดร้าวไปหมด แล้วน้ำตาก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน พร่างพรู
ลงมาอาบแก้มไม่ขาดสาย พยายามกัดริมฝีปากข่มเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกไปฟ้องความอ่อนแอ แต่ก็ไม่สำเร็จ ในใจนึกก่นด่าคนที่ทำร้ายเธอ
เนตริยาพยายามเอาความโกรธเข้าข่มความกลัว แต่ไม่สำเร็จหล่อนไม่อาจบังคับร่างกายให้หายสั่นได้ 

     ปกป้องยังคงยืนจ้องมองไปที่บานประตูห้องนอนของหญิงสาวที่ปิดสนิทนั่น มีเสียงร้องไห้แว่วออกมา อารมณ์โกรธของชายหนุ่มค่อยคลายลง
เขาถอนหายใจหนักหน่วง ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายหรือใช้ความรุนแรงกับเนตริยาแม้แต่น้อย แต่ท่าทางอาละวาดเอาแต่ใจตัวเช่นนั้น ช่วยไม่ได้เลยที่เขาจำเป็นต้องกำราบ หากเขาอ่อนยอมตั้งแต่ต้น หล่อนจะทำฤทธิ์ทำเดชใส่เขาอีก แล้วเขาจะยิ่งควบคุมหล่อนยากยิ่งขึ้น

     คืนนั้น ทั้งปกป้องและเนตริยาต่างนอนไม่หลับ 

     หญิงสาวครุ่นคิดหวาดระแวงถึงความน่ากลัวของเขา 

     ถ้าอยากเป็นนายหญิงของบ้าน คืนนี้ไปนอนห้องโน้น คำพูดประโยคนั้นทำให้หล่อนอดที่จะสะดุ้งผวาไม่ได้ เพราะหากตอนนั้นเขาฉุดกระชากหล่อนเข้าไปในห้องนอนของเขา หล่อนจะช่วยตัวเองได้อย่างไร ถึงวันนี้เขาไม่ทำ แต่ใครจะรับประกันได้ว่า สักวันหนึ่งเขาจะไม่รังแกเธอ  

     ไม่ได้ หล่อนจะรอให้ถึงวันนั้นไม่ได้ หล่อนต้องรีบหาทางหนี  แต่...จะหนีอย่างไร 

     ไม่เคยมีคำตอบสำหรับเนตริยา  หล่อนผล็อยหลับไปพร้อมน้ำตา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่