วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
13
ระหว่างทางจากอำเภอเมืองกลับบ้าน ปกป้องนั่งเงียบอย่างใช้ความคิดตามเคย และแสวงที่ทำหน้าที่ขับไม่อยากรบกวนสมาธิของผู้เป็นนาย
วันนี้ทั้งสองใช้เวลาในการตรวจรับยาและเวชภัณฑ์ที่สั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นร้านที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ทั้งสองคงถูกสงสัยว่าจะซื้อยารักษาโรคไปทำไมมากมายเช่นนี้ แต่ที่ไม่สงสัยเพราะเจ้าของร้านคุ้นเคยกับนายแพทย์ปริญญ์มาแรมปี อีกทั้งเมื่อครั้งที่ปกป้องมาช่วยงานใหม่ๆ บิดาของเขาก็พามาแนะนำกับเจ้าของร้านขายยาและร้านค้าเจ้าประจำจนเป็นที่รู้จักว่าปกป้องคือบุตรชายที่จะมาสานต่องานของนายแพทย์ปริญญ์
นอกจากยาและเวชภัณฑ์แล้ว ยังต้องซื้อข้าวสาร อาหารแห้งและของใช้จำเป็นเข้าบ้านอีกมากมาย รวมทั้งของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงให้เนตริยา
ซึ่งก่อนหน้านั้นปกป้องก็แวะไปธนาคารเพื่อถอนเงินและเช็กยอดการโอนเงินรายได้จากการทำสวนยางของเขาในแต่ละเดือน ซึ่งรายได้อาจจะมากบ้างน้อยบ้างเป็นเพราะราคายางมีการขึ้นลงไม่แน่นอน
ส่วนเงินเดือนทางทหารของเขานั้น เป็นบัญชีลับที่เขาเก็บสมุดเงินฝากไว้ในตู้เซฟของธนาคาร ปกป้องไม่เคยเก็บไว้กับตัวให้ใครก็ตามที่เห็น
สมุดบัญชีนี้จะสงสัยถึงแหล่งที่มาของเงินเดือนของเขา
วันนี้ชายหนุ่มจ่ายเงินไปหลายหมื่นทีเดียว รวมถึงข้าวของบางอย่างที่เขาไปพบเห็นที่ร้านค้า เป็นของสวยงามที่ทำให้เขานึกถึงเนตริยา ทั้งๆ ที่
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีสายตามองสินค้าเหล่านี้เลย เป็นเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองของหญิงสาวชาวใต้ ประกอบด้วยผ้าโสร่งปาเต๊ะ สีและลวดลายอ่อนหวาน
กับเสื้อผ้าลูกไม้แขนกระบอกเข้ารูปสีหวานเข้าชุดกับผ้านุ่ง มันชวนให้เขาจินตนาการไปว่าหากเนตริยาได้ใส่ชุดนี้ หล่อนคงดูงดงามบอบบาง
ปกป้องคิดและเผลอยิ้มกับตัวเอง
แต่พอซื้อเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็มานั่งกังวลต่อไปว่าหากเขานำเสื้อผ้าชุดนี้ไปมอบให้เนตริยา หล่อนคงทำหน้าตาประหลาดใจแล้วย้อนถามว่า
ซื้อให้หล่อนทำไม เขาคงไม่มีคำตอบ มันเป็นอารมณ์หวานๆ อุ่นๆ ที่เกิดขึ้นในใจยามนั้นที่ทำให้เขาตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าให้หล่อน อารมณ์ที่เขาอธิบาย
ไม่ได้ ปกป้องถอนหายใจมองถุงเสื้อผ้าในมือแล้วจับมันซุกลงที่เบาะหลังรวมกับข้าวของอื่นๆ ที่ขนซื้อมาวันนี้
ปกป้องยกข้อมือขึ้นดูเวลา อีกชั่วโมงหนึ่งก็จะค่ำแล้ว ในใจเป็นห่วงคนทางบ้าน เย็นนี้หล่อนจะประท้วงไม่ยอมกินข้าวอีกไหม เพราะที่เขาใช้อารมณ์รุนแรงกับหล่อนเมื่อคืน หล่อนคงยังโกรธเขาและคงไม่ยอมให้อภัยง่ายๆ แน่นอน เขารู้ตัวว่าเขาลุแก่โทสะ ทั้งๆ ที่ไม่ชอบความรุนแรง แต่เมื่อทำไปแล้ว
ก็หวังว่านั่นคือบทเรียนที่หล่อนจะไม่กล้าแข็งข้อกับเขาอีก
ไม่เพียงปัญหาเนตริยาที่ทำให้เขามานั่งคิดวิตกอยู่เช่นนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้จากวิษณุ ก็ทำให้เขาหนักใจไม่น้อย เพราะถ้าพลโทเนติศักดิ์เข้าแจ้งความแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบหาเนตริยา เขายังไม่หนักใจนักเพราะตำรวจท้องที่อาจจะมีศักยภาพก็จริง แต่ก็เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งเขาหลุดออกมาจากพื้นที่นั้นแล้ว จะไปสืบเสาะในจังหวัดไหนก็ยากยิ่งเพราะจังหวัดที่รายรอบสงขลามีหลายจังหวัด เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
ยิ่งเงียบหายไม่มีการติดต่อเรียกค่าไถ่จากเขา ยิ่งทำให้ไม่มีเบาะแสที่จะตามหาได้
แต่นี่ วิษณุยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและคงระดมกำลังสายสืบทุกคนในจังหวัดต่างๆ แถบนี้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา เพราะเห็นว่าผู้ที่ถูกลักพาตัวเป็นนายทหาร เช่นนี้แล้วเขายิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น ประสบการณ์การหาข่าวของทีมงานในสังกัดวิษณุไม่เป็นรองใคร เช่นนี้แล้วปฏิบัติการของเขา
เหมือนอยู่ใต้จมูกวิษณุแค่นี้เอง
วูบหนึ่งที่ปกป้องรู้สึกไม่มั่นใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป แต่ทิฐิมานะบอกเขาว่าทุกอย่างล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาถอยหลังไม่ได้แม้ก้าวเดียว
อาการทอดถอนใจ สีหน้าและแววตาของผู้เป็นนายที่ดูกังวลเป็นอย่างมากจนผู้ร่วมทางสังเกตได้นั้น แสวงไม่กล้าถามอะไร ในใจอยากจะคิดว่า
ปกป้องน่าจะเป็นห่วงคนทางบ้านที่จับหล่อนขังไว้เช่นนั้นทั้งวัน ทำให้แสวงทะยานเครื่องยนต์ออกไปด้วยความเร็วฝ่าความมืดมิดของผืนป่าที่ปกคลุม
อยู่ชั่วนาตาปี
กว่าที่ปกป้องและแสวงจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำมืดมากแล้ว นาดีร์ออกมาต้อนรับการกลับมาของทั้งคู่
“เป็นอย่างไรบ้าง คุณเนตรทานข้าวไหม” ชายหนุ่มยิงคำถามออกไปทันที
นาดีร์ทำท่าอึกอัก ชายหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ว่านาดีร์คงไม่รู้หรอก เพราะอาหารที่เตรียมไว้ให้เนตริยา ถูกจัดไว้ด้านในตัวบ้านที่ถูกล็อกกุญแจแน่นหนา
แต่นาดีร์อยู่ด้านนอก
ปกป้องก้าวพรวดๆ ขึ้นบันไดไปบนบ้าน จัดการไขกุญแจประตูทางเข้า เขาไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ จากคนที่อยู่ในนั้น เมื่อสำรวจประตูบ้านทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้ว ไม่มีร่องรอยการงัดแงะใดๆ ทำให้เขามั่นใจว่าเนตริยาคงไม่คิดทำเรื่องวุ่นวายอะไรอีก ขณะนี้หล่อนคงขังตัวเองอยู่ในห้องนอนเพราะไม่อยากออกมาเห็นหน้าเขา เขาเชื่อว่าหล่อนยังไม่นอนและต้องได้ยินเสียงรถของเขากลับมา
ปกป้องเดินไปหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของหญิงสาว ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากเห็นหน้า อยากจะมั่นใจว่าหล่อนสบายดี แต่เท่าที่ทำคือค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะบานประตูไม้ที่ปิดสนิทอย่างแผ่วเบา พร้อมกับส่งใจไปบอกให้หล่อนฝันดี
เสียงสายน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำเนิ่นนาน ปกป้องใช้เวลาอยู่ในนั้นมากกว่าปกติ เขาอยากจะใช้ช่วงเวลานี้ในการสยบความวุ่นวายมากมาย
ในหัวของเขา และในที่สุดแสงไฟทุกดวงในบ้านก็ดับลง แสงสว่างดวงเล็กกลางป่าใหญ่มอดดับไป ความเงียบสงบหวนกลับคืนสู่ป่าผืนนี้อีกครั้ง
รุ่งเช้าเนตริยาค่อยๆ เดินออกมาจากห้องด้วยความหวาดระแวง สีหน้าและท่าทางของปกป้องครั้งล่าสุด ทำให้หล่อนนึกขยาดและไม่อยากคิดเลยว่าหากหล่อนเจอกับอารมณ์ที่รุนแรงแบบนั้นอีก หล่อนจะทำอย่างไร ทันใดนั้นปกป้องก็เดินออกมาจากห้องนอนของเขา สายตาของเขาและเนตริยาสบกันเข้าอย่างจัง แล้วเป็นหญิงสาวที่หลบตาก่อน ปกป้องจึงรีบถามขึ้นว่า
“เป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ในใจนึกอยากจะบอกว่า ไม่เห็นต้องถาม หล่อนก็ปกติดีอย่างที่เห็น
ปกป้องเตรียมใจไว้แล้วกับปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาเดินตามหล่อนไปนั่งที่โต๊ะอาหารและเอ่ยขึ้นว่า
“ผมขอโทษ”
เนตริยาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้พูด
“ผมขอโทษเรื่องเมื่อคืนนั้น ที่เสียงดังใส่คุณและยังใช้กำลังกับคุณด้วย” ปกป้องพูดพร้อมแสดงสีหน้ารู้สึกผิด เนตริยาสัมผัสได้ถึงความจริงใจใน
ประโยคนั้น มันทำให้หล่อนคลายความหวาดกลัวและความกังวลลงไปได้มาก
“ผมไม่ได้ตั้งใจที่ใช้กำลังรุนแรงกับคุณ และผมก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
ถ้าคุณจะยอมเชื่อฟังและทำตามที่ผมบอก”
แม้จะเป็นการขอโทษ แต่เสียงที่เข้มเน้นในประโยคท้ายก็ทำให้หญิงสาวต้องกลืนน้ำลายลงคอถามตัวเองว่าหล่อนมีทางเลือกอื่นอีกหรือ
“ทานข้าวนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แล้วเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาตักข้าวใส่จานให้หล่อนด้วยตัวเอง
เนตริยารู้สึกดีขึ้นกับท่าทางที่เขาพยายามเอาใจหล่อนแล้วจ้องมองใบหน้าของปกป้องอีกครั้งด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง
“นายโกนหนวด ?!” เนตริยาอุทานออกมา
ปกป้องยิ้มแล้วทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้าม
“ผมโกนหนวดแล้วเป็นไง หล่อขึ้นบ้างไหม” แกล้งถามออกไปแต่ในใจรู้สึกเขินอยู่บ้าง ปกป้องเริ่มไว้หนวดและเครามาตั้งแต่บิดาเขาเสียไป
เพราะนอกจากจะช่วยให้เขารู้สึกกลมกลืนกับชาวบ้านแถบนี้แล้วยังช่วยเสริมบุคลิกให้ดูเข้ม ดูน่าเกรงขาม เขาไม่อยากเป็นหมอหน้าอ่อนที่ใครจะ
ปรามาสหรือไม่เชื่อถือเขา
เนตริยาเผลอค้อนออกไป
ใบหน้าของปกป้องที่ไร้หนวดเคราทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าคุ้นเคย ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เนตริยาแอบชำเลืองมองใบหน้าของคนที่นั่งตรงข้าม
เป็นระยะ ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาปราศจากหนวดเครานั้นทำให้ชายหนุ่มดูดี ดูอ่อนโยนคลายความดุดันแบบมหาโจรไปสิ้น จนหญิงสาวต้องยอมรับกับ
ตัวเองว่าปกป้องจัดเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งทีเดียว
ความรู้สึกคุ้นเคย ทำให้เนตริยาพยายามนึกทบทวนว่าหล่อนเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน
“เราเคยเจอกันที่กรุงเทพฯ ใช่ไหม” ในที่สุด หล่อนก็หลุดคำถามออกมา
ปกป้องพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเคยเจอกันที่ไหน เขาจะคอยดูว่าหล่อนจะนึกออกไหม
ท่าทางเช่นนั้นยิ่งทำให้เนตริยามั่นใจและพยายามนึกให้ออก แล้วสักพักภาพของชายในชุดข้าราชการสีกากีลุกขึ้นยิงคำถามใส่หล่อนก็แจ่มชัดขึ้น
แต่คำถามพื้นๆ นั้นคงไม่สามารถทำให้เนตริยาจดจำใบหน้าชายหนุ่มคนนั้นไว้ได้ หากแต่ไม่เป็นเพราะรอยยิ้มเยาะพร้อมสายตาปรามาสของเขาที่ทำให้หล่อนจดจำใบหน้านั้นได้อย่างแม่นยำ
คิดมาถึงตรงนี้ เนตริยาถึงกับสะดุ้งในใจ ถามย้ำตัวเองว่าปกป้องคือข้าราชการผู้นั้นแน่หรือ ถ้าใช่ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ หรือนี่คือการกลั่นแกล้งหล่อน
ใช่หรือไม่ หญิงสาวมั่นใจว่าการตอบคำถามของหล่อนในครั้งนั้นไม่น่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามถึงกับผูกใจเจ็บอะไร แต่ทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ถึงเกิดขึ้น
กับหล่อนได้
เนตริยากำลังชั่งใจว่าจะถามออกไปดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าถามแล้วจะส่งผลในทางร้ายหรือไม่
หล่อนยังไม่ตัดสินใจ
“ผมเห็นคุณแอบมองหน้าผมหลายครั้ง สรุปแล้วนึกออกหรือยังว่าเราเคยเจอกันที่ไหน”
เนตริยาได้ยินดังนั้นจึงเริ่มสำรวจใบหน้าของปกป้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก่อนจะตัดสินใจบอกออกไปว่า
“เราเคยเจอกันที่งานบรรยายที่โรงพยาบาล นายคือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาร่วมฟังบรรยายครั้งนั้น นายลุกขึ้นถามคำถามฉัน”
ปกป้องชะงักไปเล็กน้อย ในที่สุดหล่อนก็จำเขาได้จริงๆ ส่วนลึกเขาค่อนข้างโล่งใจที่เธอจำเขาได้ เพราะอย่างน้อยหล่อนจะได้เข้าใจว่าคนอย่างเขา
มีพื้นเพมีการศึกษามาก่อน ไม่ใช่โจรป่าเถื่อนอย่างที่หล่อนเข้าใจแต่แรก
“ใช่ครับ ผมคือชายคนนั้น” ปกป้องยอมรับออกมาในที่สุด
“ถ้านายเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคนนั้น ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ แถมยังจับฉันมาอีก” เนตริยาถามพร้อมทั้งจ้องมองชายหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ
แล้วหล่อนก็นึกได้ว่า “อย่าบอกนะว่านี่คือการกลั่นแกล้ง ตอนนั้นฉันสังเกตว่านายไม่พอใจคำตอบฉัน แต่ไม่นึกเลยว่าเพราะเรื่องแค่นั้นทำให้นายถึงกับ
ผูกใจเจ็บ”
ปกป้องจ้องสบตาหญิงสาวก่อนจะอธิบายว่า
“ที่ผมพาคุณมาที่นี่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เราเคยเจอกันครั้งนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้ผูกใจเจ็บอะไรคุณ ส่วนที่ผมทำท่าใส่คุณวันนั้น ก็ต้องขอโทษด้วยเพราะว่าผมผิดหวังในคำตอบของคุณ คุณตอบตามทฤษฎีในตำราเป๊ะเลยซึ่งใครๆ ก็รู้ดีอยู่แล้ว ผมไปเข้าร่วมฟังบรรยายในวันนั้นเพราะผมอยากได้รับ
ความรู้จากคนที่มีประสบการณ์จริง ในเมื่อมันไม่ใช่ มันทำให้ผมรู้สึกเสียเวลา”
เนตริยาทำคอแข็งเมื่อถูกสบประมาทว่าหล่อนไม่มีประสบการณ์ที่จะให้ความรู้แก่เขาได้
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 13
วันนี้ทั้งสองใช้เวลาในการตรวจรับยาและเวชภัณฑ์ที่สั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นร้านที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ทั้งสองคงถูกสงสัยว่าจะซื้อยารักษาโรคไปทำไมมากมายเช่นนี้ แต่ที่ไม่สงสัยเพราะเจ้าของร้านคุ้นเคยกับนายแพทย์ปริญญ์มาแรมปี อีกทั้งเมื่อครั้งที่ปกป้องมาช่วยงานใหม่ๆ บิดาของเขาก็พามาแนะนำกับเจ้าของร้านขายยาและร้านค้าเจ้าประจำจนเป็นที่รู้จักว่าปกป้องคือบุตรชายที่จะมาสานต่องานของนายแพทย์ปริญญ์
นอกจากยาและเวชภัณฑ์แล้ว ยังต้องซื้อข้าวสาร อาหารแห้งและของใช้จำเป็นเข้าบ้านอีกมากมาย รวมทั้งของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิงให้เนตริยา
ซึ่งก่อนหน้านั้นปกป้องก็แวะไปธนาคารเพื่อถอนเงินและเช็กยอดการโอนเงินรายได้จากการทำสวนยางของเขาในแต่ละเดือน ซึ่งรายได้อาจจะมากบ้างน้อยบ้างเป็นเพราะราคายางมีการขึ้นลงไม่แน่นอน
ส่วนเงินเดือนทางทหารของเขานั้น เป็นบัญชีลับที่เขาเก็บสมุดเงินฝากไว้ในตู้เซฟของธนาคาร ปกป้องไม่เคยเก็บไว้กับตัวให้ใครก็ตามที่เห็น
สมุดบัญชีนี้จะสงสัยถึงแหล่งที่มาของเงินเดือนของเขา
วันนี้ชายหนุ่มจ่ายเงินไปหลายหมื่นทีเดียว รวมถึงข้าวของบางอย่างที่เขาไปพบเห็นที่ร้านค้า เป็นของสวยงามที่ทำให้เขานึกถึงเนตริยา ทั้งๆ ที่
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีสายตามองสินค้าเหล่านี้เลย เป็นเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองของหญิงสาวชาวใต้ ประกอบด้วยผ้าโสร่งปาเต๊ะ สีและลวดลายอ่อนหวาน
กับเสื้อผ้าลูกไม้แขนกระบอกเข้ารูปสีหวานเข้าชุดกับผ้านุ่ง มันชวนให้เขาจินตนาการไปว่าหากเนตริยาได้ใส่ชุดนี้ หล่อนคงดูงดงามบอบบาง
ปกป้องคิดและเผลอยิ้มกับตัวเอง
แต่พอซื้อเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็มานั่งกังวลต่อไปว่าหากเขานำเสื้อผ้าชุดนี้ไปมอบให้เนตริยา หล่อนคงทำหน้าตาประหลาดใจแล้วย้อนถามว่า
ซื้อให้หล่อนทำไม เขาคงไม่มีคำตอบ มันเป็นอารมณ์หวานๆ อุ่นๆ ที่เกิดขึ้นในใจยามนั้นที่ทำให้เขาตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าให้หล่อน อารมณ์ที่เขาอธิบาย
ไม่ได้ ปกป้องถอนหายใจมองถุงเสื้อผ้าในมือแล้วจับมันซุกลงที่เบาะหลังรวมกับข้าวของอื่นๆ ที่ขนซื้อมาวันนี้
ปกป้องยกข้อมือขึ้นดูเวลา อีกชั่วโมงหนึ่งก็จะค่ำแล้ว ในใจเป็นห่วงคนทางบ้าน เย็นนี้หล่อนจะประท้วงไม่ยอมกินข้าวอีกไหม เพราะที่เขาใช้อารมณ์รุนแรงกับหล่อนเมื่อคืน หล่อนคงยังโกรธเขาและคงไม่ยอมให้อภัยง่ายๆ แน่นอน เขารู้ตัวว่าเขาลุแก่โทสะ ทั้งๆ ที่ไม่ชอบความรุนแรง แต่เมื่อทำไปแล้ว
ก็หวังว่านั่นคือบทเรียนที่หล่อนจะไม่กล้าแข็งข้อกับเขาอีก
ไม่เพียงปัญหาเนตริยาที่ทำให้เขามานั่งคิดวิตกอยู่เช่นนี้ แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้จากวิษณุ ก็ทำให้เขาหนักใจไม่น้อย เพราะถ้าพลโทเนติศักดิ์เข้าแจ้งความแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบหาเนตริยา เขายังไม่หนักใจนักเพราะตำรวจท้องที่อาจจะมีศักยภาพก็จริง แต่ก็เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งเขาหลุดออกมาจากพื้นที่นั้นแล้ว จะไปสืบเสาะในจังหวัดไหนก็ยากยิ่งเพราะจังหวัดที่รายรอบสงขลามีหลายจังหวัด เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
ยิ่งเงียบหายไม่มีการติดต่อเรียกค่าไถ่จากเขา ยิ่งทำให้ไม่มีเบาะแสที่จะตามหาได้
แต่นี่ วิษณุยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและคงระดมกำลังสายสืบทุกคนในจังหวัดต่างๆ แถบนี้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา เพราะเห็นว่าผู้ที่ถูกลักพาตัวเป็นนายทหาร เช่นนี้แล้วเขายิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น ประสบการณ์การหาข่าวของทีมงานในสังกัดวิษณุไม่เป็นรองใคร เช่นนี้แล้วปฏิบัติการของเขา
เหมือนอยู่ใต้จมูกวิษณุแค่นี้เอง
วูบหนึ่งที่ปกป้องรู้สึกไม่มั่นใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป แต่ทิฐิมานะบอกเขาว่าทุกอย่างล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาถอยหลังไม่ได้แม้ก้าวเดียว
อาการทอดถอนใจ สีหน้าและแววตาของผู้เป็นนายที่ดูกังวลเป็นอย่างมากจนผู้ร่วมทางสังเกตได้นั้น แสวงไม่กล้าถามอะไร ในใจอยากจะคิดว่า
ปกป้องน่าจะเป็นห่วงคนทางบ้านที่จับหล่อนขังไว้เช่นนั้นทั้งวัน ทำให้แสวงทะยานเครื่องยนต์ออกไปด้วยความเร็วฝ่าความมืดมิดของผืนป่าที่ปกคลุม
อยู่ชั่วนาตาปี
กว่าที่ปกป้องและแสวงจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำมืดมากแล้ว นาดีร์ออกมาต้อนรับการกลับมาของทั้งคู่
“เป็นอย่างไรบ้าง คุณเนตรทานข้าวไหม” ชายหนุ่มยิงคำถามออกไปทันที
นาดีร์ทำท่าอึกอัก ชายหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ว่านาดีร์คงไม่รู้หรอก เพราะอาหารที่เตรียมไว้ให้เนตริยา ถูกจัดไว้ด้านในตัวบ้านที่ถูกล็อกกุญแจแน่นหนา
แต่นาดีร์อยู่ด้านนอก
ปกป้องก้าวพรวดๆ ขึ้นบันไดไปบนบ้าน จัดการไขกุญแจประตูทางเข้า เขาไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ จากคนที่อยู่ในนั้น เมื่อสำรวจประตูบ้านทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้ว ไม่มีร่องรอยการงัดแงะใดๆ ทำให้เขามั่นใจว่าเนตริยาคงไม่คิดทำเรื่องวุ่นวายอะไรอีก ขณะนี้หล่อนคงขังตัวเองอยู่ในห้องนอนเพราะไม่อยากออกมาเห็นหน้าเขา เขาเชื่อว่าหล่อนยังไม่นอนและต้องได้ยินเสียงรถของเขากลับมา
ปกป้องเดินไปหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของหญิงสาว ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากเห็นหน้า อยากจะมั่นใจว่าหล่อนสบายดี แต่เท่าที่ทำคือค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะบานประตูไม้ที่ปิดสนิทอย่างแผ่วเบา พร้อมกับส่งใจไปบอกให้หล่อนฝันดี
เสียงสายน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำเนิ่นนาน ปกป้องใช้เวลาอยู่ในนั้นมากกว่าปกติ เขาอยากจะใช้ช่วงเวลานี้ในการสยบความวุ่นวายมากมาย
ในหัวของเขา และในที่สุดแสงไฟทุกดวงในบ้านก็ดับลง แสงสว่างดวงเล็กกลางป่าใหญ่มอดดับไป ความเงียบสงบหวนกลับคืนสู่ป่าผืนนี้อีกครั้ง
รุ่งเช้าเนตริยาค่อยๆ เดินออกมาจากห้องด้วยความหวาดระแวง สีหน้าและท่าทางของปกป้องครั้งล่าสุด ทำให้หล่อนนึกขยาดและไม่อยากคิดเลยว่าหากหล่อนเจอกับอารมณ์ที่รุนแรงแบบนั้นอีก หล่อนจะทำอย่างไร ทันใดนั้นปกป้องก็เดินออกมาจากห้องนอนของเขา สายตาของเขาและเนตริยาสบกันเข้าอย่างจัง แล้วเป็นหญิงสาวที่หลบตาก่อน ปกป้องจึงรีบถามขึ้นว่า
“เป็นอย่างไรบ้าง”
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ในใจนึกอยากจะบอกว่า ไม่เห็นต้องถาม หล่อนก็ปกติดีอย่างที่เห็น
ปกป้องเตรียมใจไว้แล้วกับปฏิกิริยาเช่นนี้ เขาเดินตามหล่อนไปนั่งที่โต๊ะอาหารและเอ่ยขึ้นว่า
“ผมขอโทษ”
เนตริยาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้พูด
“ผมขอโทษเรื่องเมื่อคืนนั้น ที่เสียงดังใส่คุณและยังใช้กำลังกับคุณด้วย” ปกป้องพูดพร้อมแสดงสีหน้ารู้สึกผิด เนตริยาสัมผัสได้ถึงความจริงใจใน
ประโยคนั้น มันทำให้หล่อนคลายความหวาดกลัวและความกังวลลงไปได้มาก
“ผมไม่ได้ตั้งใจที่ใช้กำลังรุนแรงกับคุณ และผมก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ถ้าคุณจะยอมเชื่อฟังและทำตามที่ผมบอก”
แม้จะเป็นการขอโทษ แต่เสียงที่เข้มเน้นในประโยคท้ายก็ทำให้หญิงสาวต้องกลืนน้ำลายลงคอถามตัวเองว่าหล่อนมีทางเลือกอื่นอีกหรือ
“ทานข้าวนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แล้วเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาตักข้าวใส่จานให้หล่อนด้วยตัวเอง
เนตริยารู้สึกดีขึ้นกับท่าทางที่เขาพยายามเอาใจหล่อนแล้วจ้องมองใบหน้าของปกป้องอีกครั้งด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง
“นายโกนหนวด ?!” เนตริยาอุทานออกมา
ปกป้องยิ้มแล้วทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้าม
“ผมโกนหนวดแล้วเป็นไง หล่อขึ้นบ้างไหม” แกล้งถามออกไปแต่ในใจรู้สึกเขินอยู่บ้าง ปกป้องเริ่มไว้หนวดและเครามาตั้งแต่บิดาเขาเสียไป
เพราะนอกจากจะช่วยให้เขารู้สึกกลมกลืนกับชาวบ้านแถบนี้แล้วยังช่วยเสริมบุคลิกให้ดูเข้ม ดูน่าเกรงขาม เขาไม่อยากเป็นหมอหน้าอ่อนที่ใครจะ
ปรามาสหรือไม่เชื่อถือเขา
เนตริยาเผลอค้อนออกไป
ใบหน้าของปกป้องที่ไร้หนวดเคราทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าคุ้นเคย ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เนตริยาแอบชำเลืองมองใบหน้าของคนที่นั่งตรงข้าม
เป็นระยะ ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาปราศจากหนวดเครานั้นทำให้ชายหนุ่มดูดี ดูอ่อนโยนคลายความดุดันแบบมหาโจรไปสิ้น จนหญิงสาวต้องยอมรับกับ
ตัวเองว่าปกป้องจัดเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งทีเดียว
ความรู้สึกคุ้นเคย ทำให้เนตริยาพยายามนึกทบทวนว่าหล่อนเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน
“เราเคยเจอกันที่กรุงเทพฯ ใช่ไหม” ในที่สุด หล่อนก็หลุดคำถามออกมา
ปกป้องพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเคยเจอกันที่ไหน เขาจะคอยดูว่าหล่อนจะนึกออกไหม
ท่าทางเช่นนั้นยิ่งทำให้เนตริยามั่นใจและพยายามนึกให้ออก แล้วสักพักภาพของชายในชุดข้าราชการสีกากีลุกขึ้นยิงคำถามใส่หล่อนก็แจ่มชัดขึ้น
แต่คำถามพื้นๆ นั้นคงไม่สามารถทำให้เนตริยาจดจำใบหน้าชายหนุ่มคนนั้นไว้ได้ หากแต่ไม่เป็นเพราะรอยยิ้มเยาะพร้อมสายตาปรามาสของเขาที่ทำให้หล่อนจดจำใบหน้านั้นได้อย่างแม่นยำ
คิดมาถึงตรงนี้ เนตริยาถึงกับสะดุ้งในใจ ถามย้ำตัวเองว่าปกป้องคือข้าราชการผู้นั้นแน่หรือ ถ้าใช่ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ หรือนี่คือการกลั่นแกล้งหล่อน
ใช่หรือไม่ หญิงสาวมั่นใจว่าการตอบคำถามของหล่อนในครั้งนั้นไม่น่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามถึงกับผูกใจเจ็บอะไร แต่ทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ถึงเกิดขึ้น
กับหล่อนได้
เนตริยากำลังชั่งใจว่าจะถามออกไปดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากจะถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าถามแล้วจะส่งผลในทางร้ายหรือไม่
หล่อนยังไม่ตัดสินใจ
“ผมเห็นคุณแอบมองหน้าผมหลายครั้ง สรุปแล้วนึกออกหรือยังว่าเราเคยเจอกันที่ไหน”
เนตริยาได้ยินดังนั้นจึงเริ่มสำรวจใบหน้าของปกป้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจก่อนจะตัดสินใจบอกออกไปว่า
“เราเคยเจอกันที่งานบรรยายที่โรงพยาบาล นายคือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาร่วมฟังบรรยายครั้งนั้น นายลุกขึ้นถามคำถามฉัน”
ปกป้องชะงักไปเล็กน้อย ในที่สุดหล่อนก็จำเขาได้จริงๆ ส่วนลึกเขาค่อนข้างโล่งใจที่เธอจำเขาได้ เพราะอย่างน้อยหล่อนจะได้เข้าใจว่าคนอย่างเขา
มีพื้นเพมีการศึกษามาก่อน ไม่ใช่โจรป่าเถื่อนอย่างที่หล่อนเข้าใจแต่แรก
“ใช่ครับ ผมคือชายคนนั้น” ปกป้องยอมรับออกมาในที่สุด
“ถ้านายเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคนนั้น ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ แถมยังจับฉันมาอีก” เนตริยาถามพร้อมทั้งจ้องมองชายหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ
แล้วหล่อนก็นึกได้ว่า “อย่าบอกนะว่านี่คือการกลั่นแกล้ง ตอนนั้นฉันสังเกตว่านายไม่พอใจคำตอบฉัน แต่ไม่นึกเลยว่าเพราะเรื่องแค่นั้นทำให้นายถึงกับ
ผูกใจเจ็บ”
ปกป้องจ้องสบตาหญิงสาวก่อนจะอธิบายว่า
“ที่ผมพาคุณมาที่นี่ ไม่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เราเคยเจอกันครั้งนั้นหรอกครับ ผมไม่ได้ผูกใจเจ็บอะไรคุณ ส่วนที่ผมทำท่าใส่คุณวันนั้น ก็ต้องขอโทษด้วยเพราะว่าผมผิดหวังในคำตอบของคุณ คุณตอบตามทฤษฎีในตำราเป๊ะเลยซึ่งใครๆ ก็รู้ดีอยู่แล้ว ผมไปเข้าร่วมฟังบรรยายในวันนั้นเพราะผมอยากได้รับ
ความรู้จากคนที่มีประสบการณ์จริง ในเมื่อมันไม่ใช่ มันทำให้ผมรู้สึกเสียเวลา”
เนตริยาทำคอแข็งเมื่อถูกสบประมาทว่าหล่อนไม่มีประสบการณ์ที่จะให้ความรู้แก่เขาได้