วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 30

กระทู้คำถาม
วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์  และ  Q 


30

       ปกป้องมาถึงด่านชั้นแรกของค่ายสะมะแอ เขารู้ว่าหากไม่มีคำสั่งจากนายใหญ่ให้เขาเข้าไป ก็เป็นเรื่องยากที่จะฝ่าเข้าไปได้ ครั้นจะใช้ความรุนแรงก็จะทำให้เรื่องลุกลามไปกันใหญ่ เพราะหากเขาหักด่านแรกได้ ด่านต่อไปก็ต้องได้รับสัญญาณเตือนภัยที่ส่งต่อกันเป็นทอดๆ แล้วในที่สุดจะไปถึงหู
สะมะแอแน่นอน กว่าที่เขาจะเข้าไปถึงใจกลางค่าย ก็คงมีกระบอกปืนนับสิบเตรียมเล็งเขาอยู่แล้ว 

      รถจอดลงที่หน้าไม้กั้นด่าน ปกป้องยื่นหน้าออกไปทักทาย และแจ้งเหตุผลที่เขามาในครั้งนี้

      “จะมาดูอาการและรักษาคนในค่าย กรณีฉุกเฉินจริงๆ คงยังไม่มีใครแจ้งใช่ไหมว่าหมอจะมา” 

      ปกป้องคือหมอที่คนในด่านคุ้นเคย แม้ว่านานหลายเดือนกว่าเขาจะเข้ามาสักครั้ง แต่ก็เป็นการเข้ามาช่วยรักษาความเจ็บป่วยของพวกเขา ทำให้คนเหล่านั้นไม่รู้สึกเป็นปฏิปักษ์แต่อย่างใด คนในด่านหันไปปรึกษากันและลงความเห็นว่าไม่น่ามีอันตรายใดๆ จึงยอมให้ผ่านไปโดยไม่ซักถามอะไรอีกแต่ไม่วายที่จะวิทยุสื่อสารไปแจ้งยังคนสนิทของสะมะแอ

       ผ่านด่านแรกมาได้ ทั้งปกป้องและแสวงต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะด่านต่อไปนั้น หัวหน้าด่านเป็นคนที่เขาเคยให้การรักษาจนรอดชีวิตมาได้ บุญคุณครั้งนั้นปกป้องเชื่อว่า หัวหน้าด่านต้องยอมให้เขาผ่านไปได้แน่นอน
 

       ธเนศหลังจากที่แอบเอาเนตริยาเข้ามาในค่ายโดยไม่ให้สะมะแอรู้แล้ว เขาก็ทำทีเข้าไปคุยกับสะมะแอตามปกติ เขารู้ดีว่า ช่วงบ่ายสะมะแอจะไม่อยู่ เขาจะรอเวลาอีกพักใหญ่ ให้สะมะแอเข้าป่าลึกเพื่อไปควบคุมการฝึกอาวุธและยุทธวิธีการลอบโจมตีของลูกน้อง 

       การที่เขาต้องปกปิดเรื่องเนตริยานั้น เพราะเขารู้ดีว่าสะมะแอไม่ชอบเรื่องทำร้ายผู้หญิง ยิ่งครั้งก่อนที่ธเนศลากหญิงสาวชาวโรฮิงญาในค่ายมาข่มขืน เขาก็โดนสะมะแอเรียกไปต่อว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ และสะมะแอยังไล่ให้เขาไปทำพฤติกรรมแบบนี้ที่อื่น ไม่ใช่ในค่ายนี้ แต่ครั้งนี้ธเนศต้องพาเนตริยาหนีจากปกป้อง ไม่มีที่ไหนที่เขาจะปลอดภัยได้เท่าที่นี่อีกแล้ว เพราะปกป้องคงไม่สามารถตามเขาเข้ามาถึงในนี้ได้หากไม่ได้ขออนุญาตจากสะมะแอก่อน ธเนศมั่นใจเช่นนั้น

       ธเนศรอจนได้เวลาที่สะมะแอออกไปแล้ว เขาจึงย้อนกลับมาที่บ้านพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สาวสวยชาวกรุงอย่างเนตริยาเช่นนี้ เขาต้องการความละเมียดละไม เขาจะไม่บุ่มบ่าม แต่จะทำให้ผู้หญิงยินยอมเขาเอง ผู้หญิงกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ที่เขาเจอก็ใช่ว่าจะหวงเนื้อหวงตัวอะไรนัก เผลอๆ อาจจะสนุกกันสุดเหวี่ยงก็ได้ เขาคิด

      “ผมกลับมาแล้วคุณเนตร มีเครื่องดื่มมาฝากคุณด้วยนะครับเผื่อคุณคอแห้ง” ธเนศทักทายแล้วมองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาที่ก็ยังดูงดงาม อีกทั้งชุด
พื้นเมืองของสาวชาวใต้ที่หล่อนสวมใส่ก็ยิ่งทำให้ดูอ่อนหวานมีเสน่ห์ยิ่งนัก  ขวดเครื่องดื่มถูกวางไว้ที่โต๊ะ “คุณคงจะเมื่อยแล้ว ผมจะถอดกุญแจมือให้”

       ธเนศไขกุญแจมือให้เนตริยา จากนั้นเขาก็ปล่อยให้หล่อนแกะเชือกที่รัดข้อเท้าและดึงเทปกาวออกจากปากเอง เมื่อเครื่องพันธนาการถูกปลดออกหมดแล้ว เธอยังคงแค่ขยับแขนขยับขาคลายเมื่อยไม่ได้ทำท่าจะหนีแต่อย่างใดเพื่อให้ธเนศตายใจ แต่ทันทีที่ธเนศเผลอ เนตริยาพุ่งตัวเข้าหาและใช้
วิชายูโดที่เธอเคยเรียนมา กระชากคอเสื้อของธเนศและจับทุ่มลงไปกับพื้นไม้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยืนตั้งการ์ดเตรียมพร้อมต่อสู้

      ธเนศลงไปนอนกลิ้งกับพื้น สีหน้าแสดงอาการตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะมีวิชาป้องกันตัว เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองท่าตั้งการ์ดของคนที่มีวิชาต่อสู้นั้นแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ

     “ผมชอบจัง คุณมีอะไรให้ผมประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนะครับคุณเนตร” ธเนศค่อยๆ เดินตรงเข้ามาหาหญิงสาว “ดีเหมือนกันได้ออกแรงนิดหน่อยก่อนทำอะไรสนุกๆ” ขาดคำธเนศคว้าไปที่แขนของเนตริยา แต่หญิงสาวก็พลิกตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว ในสถานการณ์ที่เป็นพื้นที่โล่งคงจะทำให้เธอไม่เสียเปรียบเหมือนพื้นที่แคบๆ อย่างในรถยนต์ เธอมั่นใจแบบนั้น เพียงแต่ชุดพื้นเมืองที่หล่อนใส่เท่านั้นที่เป็นอุปสรรค ผ้าโสร่งผืนแคบและยาวกรอมเท้าเช่นนี้ ทำให้หล่อนออกอาวุธไม่ถนัด

      ท่าทางของหญิงสาวที่มีวิชายูโดป้องกันตัวเช่นนี้ทำให้ธเนศไม่อาจประมาทผู้หญิงคนนี้ได้อีก

      “เอาล่ะคุณเนตร ผมคงไม่มีเวลามาเล่นไล่จับกับคุณอีกแล้ว” ธเนศควักมีดสปริงออกมาจากปลอกที่เหน็บอยู่กับเข็มขัดด้านหลังของเขา “ผมคงต้องใช้ไม้แข็ง”

      เนตริยาชะงักหน้าซีดเมื่อเห็นธเนศกดสปริงให้มีดออกมาโชว์คมขาววาววับ แม้เธอจะเคยฝึกรับมือกับมีดด้วยมือเปล่ามาก่อน แต่เธอก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าจะปัดป้องมันได้พ้นหรือไม่  ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังจู่โจมจิตใจอีกครั้ง

         บางที...ถ้ามีดเล่มนี้ปักลงบนอกเธอซะ ทุกอย่างจะได้จบลงเร็วๆ เธอจะได้ไม่ต้องมารับรู้อีกต่อไปว่าคนชั่วคนนี้จะทำอะไรกับร่างกายของเธอ

     อาการที่เนตริยาจ้องมองมีดสั้นนั้นด้วยสายตาชนิดหนึ่ง ทำให้ธเนศต้องปลอบว่า

      “ถ้าว่ากันง่ายๆ สนุกด้วยกันก็จะไม่มีใครเจ็บตัว หรือเสียโฉม” เขารู้ดีว่าสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนกลัวคือการเสียโฉม แล้วเขาก็ค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้ในขณะที่เนตริยาอยู่ในท่าที่เตรียมพร้อม ไม่ได้มีท่าทีอ่อนยอมลงแม้แต่น้อย ครั้นธเนศขยับเข้ามาในรัศมี 

      เนตริยาตั้งใจจะสะบัดเท้าเตะไปที่ข้อมือที่ถือมีดของธเนศ แต่เจ้ากรรมที่โสร่งผืนแคบนั้นทำให้หล่อนเตะไม่ถึงแล้วพลาดท่าเสียหลัก เป็นโอกาสให้ธเนศเข้าประชิดตัวหญิงสาวทันที เขาจับแขนข้างหนึ่งของหล่อนบิดไพล่หลัง พร้อมกับมีดจ่อไปที่คอของหญิงสาว

      “โอ๊ย ! ” หญิงสาวหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เป็นเสียงที่ดังออกไปถึงข้างนอก 

      “เงียบ ! อย่าส่งเสียง” ธเนศกระซิบเสียงกร้าวข้างหู พร้อมทั้งกดคมมีดทาบลงกับลำคอขาวผ่อง

       “ฉันเจ็บ” เสียงนั้นเครือสะท้าน รวดร้าวไปทั้งแขนจนน้ำตาแทบร่วง คมมีดและเนื้อเหล็กเย็นๆ ที่ทาบอยู่กับลำคอทำให้เนตริยาไม่กล้ากระดิกตัวแม้แต่น้อย 

       “บอกแล้วไงว่าถ้าพูดง่ายๆ จะได้ไม่เจ็บตัว” ร่างที่ประชิดแนบกันอยู่เช่นนั้นทำให้ธเนศสัมผัสถึงกลิ่นหอมรวยรินมาจากร่างงามที่เขาหลงใหล 

       นับจากครั้งแรกที่เขาได้พบหล่อน ไม่มีคืนไหนที่เขาจะสามารถผลักหล่อนออกไปจากห่วงคำนึงได้ และวันนี้ ช่างเหมือนฝันที่เขาได้มีโอกาสใกล้ชิดสาวสวยอย่างเนตริยาเช่นนี้

      “หอมจัง” ธเนศก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมสลวย 

      ทันใดนั้นมีเสียงเอะอะโวยวายข้างนอก ทำให้ธเนศถึงกับสะดุ้งผวาเพราะตัวเองกำลังทำเรื่องที่แหกกฎของเจ้าของค่ายอยู่ 

       แต่นี่จะใช่สะมะแอกลับมาหรือ เพราะเสียงดังจากข้างนอกรวมถึงเสียงจอดรถยนต์ แสดงว่ากำลังมีใครสักคนที่เป็นคนนอกเข้ามายังค่าย   
 
       “ธเนศ !  อยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้ ! ” เสียงตะโกนท้าทายอยู่ที่ลานกว้างด้านนอกนั้น ธเนศจำได้ทันทีว่าคือ ปกป้อง

       ธเนศบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างแปลกใจว่า

      “ไอ้หมอ เข้ามาได้ยังไงวะ กล้าล้วงคองูเห่างั้นหรือ” 

       เนตริยาได้ยินเสียงปกป้อง หล่อนดีใจอย่างที่สุด ดีใจที่เขาปลอดภัยและเข้ามาช่วยหล่อนแล้ว หญิงสาวจึงพยายามดิ้นสะบัดตัวออกเพื่อจะวิ่งออกไปหาเขา แต่ติดที่มีดคมกริบนั้นยังคงทาบอยู่ที่ลำคอ และกดเน้นย้ำไม่ให้หล่อนส่งเสียงใดๆ ออกมา

       “ธเนศ ! ถ้าแกแน่จริงออกมา อย่ามัวแต่หดหัวอยู่ในกระดอง” คำพูดท้าทายลั่นๆ อยู่ข้างนอกนั้นยั่วยุอารมณ์ธเนศให้ฮึดฮัดอย่างยิ่ง

      เห็นอาการเช่นนี้ของธเนศ เนตริยาจึงรีบแกล้งพูดเพื่อกระพือแรงโกรธให้ธเนศยิ่งขึ้น

      “คนอย่างแกไม่กล้าออกไปเจอหมอป้องตัวต่อตัวหรอก”

      “หนอยแน่ะ เข้าข้างมันดีนัก รักมันมากหรือไง” ธเนศเค้นเสียงถามออกมาด้วยความหมั่นไส้ แล้วผลักเนตริยาอย่างแรงจนหญิงสาวเสียหลักล้มลงบนเตียง จังหวะนั้นธเนศดึงกุญแจมือที่ยังคล้องอยู่กับเสาหัวเตียงมาสับลงที่ข้อมือทั้งสองหญิงสาวพร้อมกับนำเทปกาวมาปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกไป แล้วสำทับว่า

      “อยู่ที่นี่ รอให้ฉันไปจัดการกับไอ้หมอป้องก่อน เดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการกับเธอ” ธเนศกล่าวทิ้งท้ายอย่างมั่นใจว่าถึงแม้ปกป้องจะตัวใหญ่กว่า แต่ในค่ายของสะมะแอเช่นนี้เต็มไปด้วยพรรคพวกของเขาทั้งนั้น ไม่มีทางที่ปกป้องจะรอดออกไปได้

      และงานนี้ ธเนศตั้งใจจะกำจัดเสี้ยนหนามชิ้นนี้ให้สิ้นซาก !

      ไม่นานประตูเรือนพักของธเนศก็เปิดออก

      “เข้ามาท้าทายกันถึงในนี้เลยหรือ อยากจะรู้นักว่าแกจะรอดพ้นออกจากค่ายแห่งนี้ไปได้อย่างไร” ธเนศหัวเราะดังลั่นหลังจากพูดจบ

      “ปล่อยคุณเนตรออกมา นายไม่มีสิทธิ์มาล่อลวงเธอแบบนี้” ปกป้องบอกเสียงกร้าวในใจหวั่นๆ เหลือเกินว่าหญิงสาวจะได้รับอันตรายหรือไม่ ตราบใดที่เขายังไม่เห็นหล่อน 

       “คุณเนตร ? เนตรไหน ? นายพูดเรื่องอะไร” ธเนศทำเป็นไขสือ  ตราบใดที่ปกป้องยังไม่เห็นเนตริยา 

       “อย่ามาโยกโย้เสียเวลาหน่อยเลย ฉันเจอหลินระหว่างทาง หลินเล่าให้ฟังหมดแล้วว่านายไปหลอกผู้หญิงสองคนนี่ว่าอย่างไร”

       “หลอกอะไรกัน ผู้หญิงเขายินยอมขึ้นรถมากับฉันเองนะ” ธเนศโกหกหน้าตาย “คุณเนตรอยากกลับกรุงเทพฯ เธอไม่ได้อยากจะมาอยู่บ้านป่ากับนาย”

       คำบอกเล่าของธเนศทำให้ปกป้องนึกสะดุ้งอยู่ในใจ แต่เขาก็รักษาสีหน้าเอาไว้พร้อมกับปลอบใจตัวเองว่าธเนศโกหก แต่กระนั้น ลึกๆ ในใจแล้วอดคิดโน้มเอียงไปในทางลบไม่ได้ว่าเนตริยาอาจจะเล่าความจริงทั้งหมดให้ธเนศฟังแล้วขอให้ธเนศพากลับกรุงเทพฯ จริงๆ

      “ฉันไม่อยากฟังคำโกหกของนาย ปล่อยคุณเนตรออกมาเดี๋ยวนี้” ปกป้องตัดบท เขาไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก เพราะตอนนี้สมาชิกในค่ายบางส่วนที่ไม่ได้ออกไปฝึกซ้อมการรบกับสะมะแอ กำลังล้อมวงเข้ามามุงดูเหตุการณ์

       “มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคุณหมอ...” ยังไม่ทันที่ธเนศจะพูดจบ เสียงรถของสะมะแอก็วิ่งเข้ามาพอดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่