วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
32
“เนตร” เขาเรียกเตือน “ผมรู้ว่าคุณอึดอัดที่จะต้องมานอนร่วมกับผม แต่ผมไม่อยากให้คุณคลาดสายตาผมไปอีกแล้ว” พูดจบปกป้องประสานสายตากับดวงตาคมคู่สวย เพื่อเน้นย้ำคำพูด “คุณนอนเถอะ ผมจะนั่งเฝ้าเอง”
เนตริยาก้มหน้า รู้สึกว่ากำลังทำตัวมีปัญหา หล่อนจึงยอมนั่งลงข้างๆ เขา พลางอุบอิบแก้ตัวออกไปว่า
“เดี๋ยวค่อยนอน ฉันยังไม่ง่วง”
ปกป้องไม่อยากดึงดันหากหล่อนยังไม่อยากนอนตอนนี้ แล้วเริ่มสังเกตเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองที่หล่อนใส่อยู่ มันเป็นชุดที่เขาซื้อให้ อดนึกถึงคำบอกเล่าของแสวงก่อนหน้านี้ไม่ได้ว่า
‘...เธอกระตือรือร้นอยากจะมารับนายมากนะครับ อุตส่าห์แต่งชุดสวยที่นายซื้อให้ คงอยากให้นายเห็นจะได้ดีใจ’
เขารู้สึกดีใจที่เธอมีใจจะมาต้อนรับเขากลับบ้านด้วยชุดพื้นเมืองที่เขาซื้อให้ ปกป้องยังไม่ได้บอกกับเนตริยาเลยว่าเขาซาบซึ้งใจเพียงใดที่เธอแต่งชุดนี้
“คุณใส่ชุดนี้ได้พอดีเลยนะ”
“เอ่อ ค่ะ” เนตริยาก้มลงมองตัวเอง
“ผมคิดไม่ผิดที่เลือกชุดนี้ให้คุณ คุณใส่แล้วสวยมาก” นอกจากจะสวยแล้ว ปกป้องยังคิดว่าการแต่งชุดพื้นเมืองเช่นนี้ได้ช่วยพรางให้สะมะแอคิดว่าหล่อนคงเป็นแค่สาวชาวบ้านธรรมดา หากสะมะแอรู้ความจริงว่าเนตริยาเป็นทหารเธอจะมีอันตรายถึงชีวิต
หญิงสาวยิ้มเขินกับคำชมนั้น
“แสวงบอกว่าคุณตั้งใจใส่ชุดนี้ไปรับผมที่ท่ารถ งั้นหรือ”
“ใครบอก เนตรไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย แสวงพูดเอาเองทั้งนั้น” หญิงสาวรีบแก้ตัวหน้าแดง แล้วทำท่าเหมือนจะค้อนคนปากดีที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“คุณจะพูดหรือไม่ก็ตาม แต่ผมจะดีใจมากถ้าเป็นแบบนั้น และขอบคุณมากที่คุณเป็นห่วงกลัวว่าผมจะเป็นอันตรายไปอย่างที่ธเนศมันมาโกหกคุณ”
คิดถึงตอนนั้นแล้ว เนตริยาอดสะท้อนใจขึ้นมาไม่ได้
“เนตรนี่โง่มากเลยนะคะ มีคนมาหลอกแค่นี้ก็เชื่อแล้ว”
“ถ้าไม่เป็นเพราะคุณเป็นห่วงผมมากมายขนาดนั้น คุณก็คงไม่เชื่อเขาหรอก”
เนตริยาก้มหน้าอย่างยอมรับ นึกถึงเวลานั้นที่หล่อนตกใจกลัวเมื่อรู้ข่าวว่าเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ทั้งกลัวทั้งร้อนรนอยากรู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“ถ้าคุณเป็นอะไรไป เนตรจะทำอย่างไร” เสียงกระซิบเริ่มสั่นเครือไปกับความรู้สึกโหวงเหวงใจหายหากหล่อนจะไม่ได้พบเห็นหน้าเขาอีก
“เนตรไม่ได้กลัวว่าจะกลับบ้านไม่ได้หรอกนะคะ แต่..” รีบแก้ตัวเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด แล้วน้อยใจเหมือนครั้งก่อน
“แต่อะไร” ปกป้องจ้องผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกรักท่วมท้น เขาเชื่อว่าเนตริยาเองก็คงมีความรู้สึกให้เขาเช่นเดียวกัน
“แต่...” หญิงสาวเริ่มอึกอัก ถามตัวเองว่านี่หล่อนกำลังจะเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อเขาอย่างนั้นหรือ
“เนตร” ปกป้องเรียกเตือนคนที่กำลังก้มหน้าคิดหาคำตอบมาตอบเขาด้วยความยุ่งยากใจ “ขอบคุณที่คุณห่วงใยผม แต่รู้ไหมว่าความห่วงใยที่คุณมีให้ผมยังไม่เท่าครึ่งหนึ่งที่ผมเป็นห่วงคุณ ทั้งห่วง ทั้งหวง ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดราวกับจะค้นหาความรู้สึกของเขาที่มีต่อหล่อน แววตาเป็นประกายกล้าที่จ้องตอบมานั้นบอกถึงความในใจของเขาจนหมดสิ้น และก่อนที่หญิงสาวจะรู้ตัว แขนแข็งแรงของปกป้องก็รั้งเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วริมฝีปากก็ทาบลงจุมพิตริมฝีปากบาง หวานเท่าหวาน แสนอ่อนโยนด้วยสัมผัสอันสนิทเสน่หาของชายผู้เข้ามาอยู่ในหัวใจเธอโดยไม่รู้ตัว
เนตริยาเหมือนตกอยู่ในความฝันอันแสนหวาน หัวใจของเธอร่ำร้องบอกเขาว่าเธอรักเขา เธอรักปกป้องยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด และชีวิตเธอคงไม่มี
ความหมายถ้าไม่มีเขา หญิงสาวอยากให้เวลาหยุดลงเพียงแค่นี้ เธอไม่อยากเป็นร้อยเอกหญิงเนตริยา และไม่อยากให้เขาเป็นโจรที่ลักพาตัวเธอมา
ปกป้องเลื่อนไล้ริมฝีปากประทับไปที่แก้ม เปลือกตาและหยุดลงที่หน้าผาก เนตริยายามนี้อบอุ่นไปทั้งหัวใจ หล่อนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่แม้เขาไม่ได้บอกออกมาเป็นคำพูดแต่หล่อนก็รับรู้ได้ หญิงสาวซุกหน้าลงแนบกับอกกว้าง แขนแข็งแรงที่โอบรัดหล่อนไว้นั้น ราวกับจะหวงแหนและทำให้หล่อนมั่นใจว่าจะไม่มีวันที่ภัยอันตรายใดจะมากล้ำกลายหล่อนได้อีก
ปกป้องลูบเรือนผมนุ่มสลวยนั้น แล้วก้มลงมากระซิบบอกว่า
“เนตร จากนี้จะไม่มีใครมาทำอันตรายคุณได้อีกแล้วนะ ผมสัญญา...” คำสัญญานั้นค่อยๆ แผ่วจางลง
“ค่ะ” เนตริยาผงกตัวขึ้นมองร่างที่อ่อนล้าใกล้จะหมดแรงนั้น “คุณเพลียมากแล้ว พักเถอะค่ะ” แล้วค่อยๆ พยุงตัวเขาให้นอนราบลง
ปกป้องหลับตาลง แต่คว้าข้อมือหญิงสาวไว้มั่น
“อยู่กับผม อย่าไปไหนนะ”
“ค่ะ เนตรไม่ไปไหน” หล่อนให้สัญญาแล้วค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างชายที่บัดนี้เขาทำให้เธอรู้แล้วว่าความรักก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขเพียงใด
เสียงกุกกักและแสงสลัวรางของลำแสงแรกที่ทาบท้องฟ้ายามเช้าทำให้ปกป้องรู้สึกตัวตื่นขึ้น ร่างอบอุ่นของใครคนหนึ่งอิงแอบซุกอยู่ใกล้ๆ เขาขยับตะแคงตัวหันมามองคนข้างๆ ยังไม่อยากให้ใครคนนี้ตื่นขึ้นมา เขายังอยากจะทอดเวลาแห่งความปิติสุขนี้ออกไปอีก
“เนตริยา” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง นี่เขาฝันไปหรืออย่างไร ที่มีนางฟ้ามานอนหลับอยู่เคียงข้างเขาทั้งคืน ปกป้องเอื้อมมือไปเสยปอยผมเล็กๆ
ที่ตกระข้างแก้มนวลเนียนนั้นออกอย่างแผ่วเบาเพื่อพิจารณาใบหน้าหวานที่อยู่ในห้วงคำนึงนั้นโดยใกล้ชิดอย่างที่เขาไม่เคยมีโอกาสมาก่อน
....และนี่คงเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายของเขา เพราะจากนี้อีกไม่นาน เวลาแห่งการจากพรากกำลังจะมาถึง เมื่อเขาต้องส่งเนตริยากลับบ้าน
ความรู้สึกสะเทือนใจเข้าจู่โจมจนปกป้องรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกระบอกตา อยากจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้ อยากจะทำทุกอย่างที่ไม่ให้เธอจากเขาไป อารมณ์รักหวงแหนที่พลุ่งขึ้นมานั้นทำให้ปกป้องดึงรั้งร่างบางเข้ามากอดรัดไว้แน่น
เนตริยาเริ่มรู้สึกตัว หล่อนตกใจทำตัวแข็งในวินาทีแรกที่รู้ตัวว่าถูกกอดรัด รอบตัวที่ยังไม่สว่างดีนักทำให้หล่อนมองเห็นหน้าคนที่อุกอาจนั้นไม่ถนัด
“เอ่อ อย่านะ ! ปล่อย ” อาการเสียขวัญจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้หล่อนเริ่มดิ้นรนด้วยความตระหนกตกใจ
“จุ๊ จุ๊ ไม่ต้องกลัว ผมเอง” เสียงนุ่มที่ปลอบโยนนั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก หล่อนเงยหน้าขึ้นสบตาปกป้อง ดวงตาคู่นั้นของเขาเปล่งประกายแห่งความสุขเจิดจ้ายิ่งนัก
“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ” แม้ชายหนุ่มจะกล่าวขอโทษ แต่ยังไม่ยอมคลายแขน
“ตื่นนานแล้วหรือคะ” เนตริยาถาม เก้อเขินที่หล่อนตื่นทีหลังเขา
“เพิ่งตื่นเหมือนกัน”
หญิงสาวพยายามขยับตัวออก เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวยามเมื่อถูกเขานอนกอดเช่นนี้ แต่ปกป้องไม่ปล่อย
“จะไปไหน”
“ตื่นแล้วก็ลุกซิคะ”
“มอร์นิ่ง คิสก่อน” พร้อมกับเอียงแก้มมารอ
“อื๊อ เรื่องอะไรจะคิส” รีบปฏิเสธพร้อมกับดันตัวออก แต่ปกป้องกลับรัดร่างนุ่มนั้นแน่นยิ่งขึ้นจนใบหน้างามซุกอยู่กับอก
“เนตร คงไม่มีเวลาไหนที่ผมจะมีความสุขมากเท่านี้อีกแล้ว ขอเวลาอีกนิดเถอะนะ” คำอ้อนขอให้หล่อนเห็นใจทำให้เนตริยาอ่อนยอมแต่โดยดี หล่อนเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกอบอุ่นเป็นสุขมากเท่านี้มาก่อน
ต่างคนต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ปล่อยให้หัวใจสองดวงได้บอกรักกันโดยไม่ต้องการคำพูดใดๆ
เสียงเปิดปิดประตูรถที่จอดอยู่ด้านนอก แสวงคงตื่นแล้ว เนตริยาขยับตัว ปกป้องคลายแขนปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
“แผลคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ”
ขณะนี้รอบตัวเริ่มสว่างพอที่ทั้งสองจะสังเกตเห็นว่าผ้าพันแผลไม่มีเลือดใหม่ไหลออกมาอีก นอกจากรอยเลือดเก่าสีแดงคล้ำที่ยังติดอยู่กับผ้าพันแผล
“เลือดหยุดไหลแล้ว แต่ตัวยังรุมๆ อยู่ เมื่อคืนคุณมีไข้นะคะ”
“งั้นหรือ ผมไม่รู้สึกตัวเลย”
“ค่ะคุณมีไข้” เนตริยาไม่อยากบอกว่า เมื่อคืนเขาตัวร้อนจัด จนหล่อนต้องไปหาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้เขาจนไข้เริ่มลดลง
“ยาแก้ไข้แค่สองเม็ดที่ทานไปคงเอาไม่อยู่”
“หิวไหมคะ เนตรจะออกไปช่วยเจ้าของบ้านเขาหุงข้าวนะคะ เผื่อจะมีน้ำข้าวร้อนๆ มาให้คุณดื่ม”
“ขอบคุณครับ”
ฟ้าหลังฝนกระจ่างใสปราศจากเมฆ และอากาศรอบตัวก็เย็นสดชื่น ทั้งสามขอไม่รบกวนอาหารเช้าที่เจ้าของบ้านคะยั้นคะยอให้อยู่ทานนอกจากน้ำข้าวร้อนๆ คนละถ้วย แถมปกป้องยังมอบสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้ไปอีกด้วย
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 32
“เนตร” เขาเรียกเตือน “ผมรู้ว่าคุณอึดอัดที่จะต้องมานอนร่วมกับผม แต่ผมไม่อยากให้คุณคลาดสายตาผมไปอีกแล้ว” พูดจบปกป้องประสานสายตากับดวงตาคมคู่สวย เพื่อเน้นย้ำคำพูด “คุณนอนเถอะ ผมจะนั่งเฝ้าเอง”
เนตริยาก้มหน้า รู้สึกว่ากำลังทำตัวมีปัญหา หล่อนจึงยอมนั่งลงข้างๆ เขา พลางอุบอิบแก้ตัวออกไปว่า
“เดี๋ยวค่อยนอน ฉันยังไม่ง่วง”
ปกป้องไม่อยากดึงดันหากหล่อนยังไม่อยากนอนตอนนี้ แล้วเริ่มสังเกตเสื้อผ้าชุดพื้นเมืองที่หล่อนใส่อยู่ มันเป็นชุดที่เขาซื้อให้ อดนึกถึงคำบอกเล่าของแสวงก่อนหน้านี้ไม่ได้ว่า
‘...เธอกระตือรือร้นอยากจะมารับนายมากนะครับ อุตส่าห์แต่งชุดสวยที่นายซื้อให้ คงอยากให้นายเห็นจะได้ดีใจ’
เขารู้สึกดีใจที่เธอมีใจจะมาต้อนรับเขากลับบ้านด้วยชุดพื้นเมืองที่เขาซื้อให้ ปกป้องยังไม่ได้บอกกับเนตริยาเลยว่าเขาซาบซึ้งใจเพียงใดที่เธอแต่งชุดนี้
“คุณใส่ชุดนี้ได้พอดีเลยนะ”
“เอ่อ ค่ะ” เนตริยาก้มลงมองตัวเอง
“ผมคิดไม่ผิดที่เลือกชุดนี้ให้คุณ คุณใส่แล้วสวยมาก” นอกจากจะสวยแล้ว ปกป้องยังคิดว่าการแต่งชุดพื้นเมืองเช่นนี้ได้ช่วยพรางให้สะมะแอคิดว่าหล่อนคงเป็นแค่สาวชาวบ้านธรรมดา หากสะมะแอรู้ความจริงว่าเนตริยาเป็นทหารเธอจะมีอันตรายถึงชีวิต
หญิงสาวยิ้มเขินกับคำชมนั้น
“แสวงบอกว่าคุณตั้งใจใส่ชุดนี้ไปรับผมที่ท่ารถ งั้นหรือ”
“ใครบอก เนตรไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย แสวงพูดเอาเองทั้งนั้น” หญิงสาวรีบแก้ตัวหน้าแดง แล้วทำท่าเหมือนจะค้อนคนปากดีที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“คุณจะพูดหรือไม่ก็ตาม แต่ผมจะดีใจมากถ้าเป็นแบบนั้น และขอบคุณมากที่คุณเป็นห่วงกลัวว่าผมจะเป็นอันตรายไปอย่างที่ธเนศมันมาโกหกคุณ”
คิดถึงตอนนั้นแล้ว เนตริยาอดสะท้อนใจขึ้นมาไม่ได้
“เนตรนี่โง่มากเลยนะคะ มีคนมาหลอกแค่นี้ก็เชื่อแล้ว”
“ถ้าไม่เป็นเพราะคุณเป็นห่วงผมมากมายขนาดนั้น คุณก็คงไม่เชื่อเขาหรอก”
เนตริยาก้มหน้าอย่างยอมรับ นึกถึงเวลานั้นที่หล่อนตกใจกลัวเมื่อรู้ข่าวว่าเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ทั้งกลัวทั้งร้อนรนอยากรู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
“ถ้าคุณเป็นอะไรไป เนตรจะทำอย่างไร” เสียงกระซิบเริ่มสั่นเครือไปกับความรู้สึกโหวงเหวงใจหายหากหล่อนจะไม่ได้พบเห็นหน้าเขาอีก
“เนตรไม่ได้กลัวว่าจะกลับบ้านไม่ได้หรอกนะคะ แต่..” รีบแก้ตัวเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด แล้วน้อยใจเหมือนครั้งก่อน
“แต่อะไร” ปกป้องจ้องผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกรักท่วมท้น เขาเชื่อว่าเนตริยาเองก็คงมีความรู้สึกให้เขาเช่นเดียวกัน
“แต่...” หญิงสาวเริ่มอึกอัก ถามตัวเองว่านี่หล่อนกำลังจะเปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อเขาอย่างนั้นหรือ
“เนตร” ปกป้องเรียกเตือนคนที่กำลังก้มหน้าคิดหาคำตอบมาตอบเขาด้วยความยุ่งยากใจ “ขอบคุณที่คุณห่วงใยผม แต่รู้ไหมว่าความห่วงใยที่คุณมีให้ผมยังไม่เท่าครึ่งหนึ่งที่ผมเป็นห่วงคุณ ทั้งห่วง ทั้งหวง ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดราวกับจะค้นหาความรู้สึกของเขาที่มีต่อหล่อน แววตาเป็นประกายกล้าที่จ้องตอบมานั้นบอกถึงความในใจของเขาจนหมดสิ้น และก่อนที่หญิงสาวจะรู้ตัว แขนแข็งแรงของปกป้องก็รั้งเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วริมฝีปากก็ทาบลงจุมพิตริมฝีปากบาง หวานเท่าหวาน แสนอ่อนโยนด้วยสัมผัสอันสนิทเสน่หาของชายผู้เข้ามาอยู่ในหัวใจเธอโดยไม่รู้ตัว
เนตริยาเหมือนตกอยู่ในความฝันอันแสนหวาน หัวใจของเธอร่ำร้องบอกเขาว่าเธอรักเขา เธอรักปกป้องยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด และชีวิตเธอคงไม่มี
ความหมายถ้าไม่มีเขา หญิงสาวอยากให้เวลาหยุดลงเพียงแค่นี้ เธอไม่อยากเป็นร้อยเอกหญิงเนตริยา และไม่อยากให้เขาเป็นโจรที่ลักพาตัวเธอมา
ปกป้องเลื่อนไล้ริมฝีปากประทับไปที่แก้ม เปลือกตาและหยุดลงที่หน้าผาก เนตริยายามนี้อบอุ่นไปทั้งหัวใจ หล่อนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกซึ้งที่แม้เขาไม่ได้บอกออกมาเป็นคำพูดแต่หล่อนก็รับรู้ได้ หญิงสาวซุกหน้าลงแนบกับอกกว้าง แขนแข็งแรงที่โอบรัดหล่อนไว้นั้น ราวกับจะหวงแหนและทำให้หล่อนมั่นใจว่าจะไม่มีวันที่ภัยอันตรายใดจะมากล้ำกลายหล่อนได้อีก
ปกป้องลูบเรือนผมนุ่มสลวยนั้น แล้วก้มลงมากระซิบบอกว่า
“เนตร จากนี้จะไม่มีใครมาทำอันตรายคุณได้อีกแล้วนะ ผมสัญญา...” คำสัญญานั้นค่อยๆ แผ่วจางลง
“ค่ะ” เนตริยาผงกตัวขึ้นมองร่างที่อ่อนล้าใกล้จะหมดแรงนั้น “คุณเพลียมากแล้ว พักเถอะค่ะ” แล้วค่อยๆ พยุงตัวเขาให้นอนราบลง
ปกป้องหลับตาลง แต่คว้าข้อมือหญิงสาวไว้มั่น
“อยู่กับผม อย่าไปไหนนะ”
“ค่ะ เนตรไม่ไปไหน” หล่อนให้สัญญาแล้วค่อยๆ เอนกายลงนอนเคียงข้างชายที่บัดนี้เขาทำให้เธอรู้แล้วว่าความรักก่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุขเพียงใด
เสียงกุกกักและแสงสลัวรางของลำแสงแรกที่ทาบท้องฟ้ายามเช้าทำให้ปกป้องรู้สึกตัวตื่นขึ้น ร่างอบอุ่นของใครคนหนึ่งอิงแอบซุกอยู่ใกล้ๆ เขาขยับตะแคงตัวหันมามองคนข้างๆ ยังไม่อยากให้ใครคนนี้ตื่นขึ้นมา เขายังอยากจะทอดเวลาแห่งความปิติสุขนี้ออกไปอีก
“เนตริยา” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง นี่เขาฝันไปหรืออย่างไร ที่มีนางฟ้ามานอนหลับอยู่เคียงข้างเขาทั้งคืน ปกป้องเอื้อมมือไปเสยปอยผมเล็กๆ
ที่ตกระข้างแก้มนวลเนียนนั้นออกอย่างแผ่วเบาเพื่อพิจารณาใบหน้าหวานที่อยู่ในห้วงคำนึงนั้นโดยใกล้ชิดอย่างที่เขาไม่เคยมีโอกาสมาก่อน
....และนี่คงเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายของเขา เพราะจากนี้อีกไม่นาน เวลาแห่งการจากพรากกำลังจะมาถึง เมื่อเขาต้องส่งเนตริยากลับบ้าน
ความรู้สึกสะเทือนใจเข้าจู่โจมจนปกป้องรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกระบอกตา อยากจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้ อยากจะทำทุกอย่างที่ไม่ให้เธอจากเขาไป อารมณ์รักหวงแหนที่พลุ่งขึ้นมานั้นทำให้ปกป้องดึงรั้งร่างบางเข้ามากอดรัดไว้แน่น
เนตริยาเริ่มรู้สึกตัว หล่อนตกใจทำตัวแข็งในวินาทีแรกที่รู้ตัวว่าถูกกอดรัด รอบตัวที่ยังไม่สว่างดีนักทำให้หล่อนมองเห็นหน้าคนที่อุกอาจนั้นไม่ถนัด
“เอ่อ อย่านะ ! ปล่อย ” อาการเสียขวัญจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้หล่อนเริ่มดิ้นรนด้วยความตระหนกตกใจ
“จุ๊ จุ๊ ไม่ต้องกลัว ผมเอง” เสียงนุ่มที่ปลอบโยนนั้นทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก หล่อนเงยหน้าขึ้นสบตาปกป้อง ดวงตาคู่นั้นของเขาเปล่งประกายแห่งความสุขเจิดจ้ายิ่งนัก
“ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ” แม้ชายหนุ่มจะกล่าวขอโทษ แต่ยังไม่ยอมคลายแขน
“ตื่นนานแล้วหรือคะ” เนตริยาถาม เก้อเขินที่หล่อนตื่นทีหลังเขา
“เพิ่งตื่นเหมือนกัน”
หญิงสาวพยายามขยับตัวออก เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวยามเมื่อถูกเขานอนกอดเช่นนี้ แต่ปกป้องไม่ปล่อย
“จะไปไหน”
“ตื่นแล้วก็ลุกซิคะ”
“มอร์นิ่ง คิสก่อน” พร้อมกับเอียงแก้มมารอ
“อื๊อ เรื่องอะไรจะคิส” รีบปฏิเสธพร้อมกับดันตัวออก แต่ปกป้องกลับรัดร่างนุ่มนั้นแน่นยิ่งขึ้นจนใบหน้างามซุกอยู่กับอก
“เนตร คงไม่มีเวลาไหนที่ผมจะมีความสุขมากเท่านี้อีกแล้ว ขอเวลาอีกนิดเถอะนะ” คำอ้อนขอให้หล่อนเห็นใจทำให้เนตริยาอ่อนยอมแต่โดยดี หล่อนเองก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกอบอุ่นเป็นสุขมากเท่านี้มาก่อน
ต่างคนต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ปล่อยให้หัวใจสองดวงได้บอกรักกันโดยไม่ต้องการคำพูดใดๆ
เสียงเปิดปิดประตูรถที่จอดอยู่ด้านนอก แสวงคงตื่นแล้ว เนตริยาขยับตัว ปกป้องคลายแขนปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ
“แผลคุณเป็นอย่างไรบ้างคะ”
ขณะนี้รอบตัวเริ่มสว่างพอที่ทั้งสองจะสังเกตเห็นว่าผ้าพันแผลไม่มีเลือดใหม่ไหลออกมาอีก นอกจากรอยเลือดเก่าสีแดงคล้ำที่ยังติดอยู่กับผ้าพันแผล
“เลือดหยุดไหลแล้ว แต่ตัวยังรุมๆ อยู่ เมื่อคืนคุณมีไข้นะคะ”
“งั้นหรือ ผมไม่รู้สึกตัวเลย”
“ค่ะคุณมีไข้” เนตริยาไม่อยากบอกว่า เมื่อคืนเขาตัวร้อนจัด จนหล่อนต้องไปหาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้เขาจนไข้เริ่มลดลง
“ยาแก้ไข้แค่สองเม็ดที่ทานไปคงเอาไม่อยู่”
“หิวไหมคะ เนตรจะออกไปช่วยเจ้าของบ้านเขาหุงข้าวนะคะ เผื่อจะมีน้ำข้าวร้อนๆ มาให้คุณดื่ม”
“ขอบคุณครับ”
ฟ้าหลังฝนกระจ่างใสปราศจากเมฆ และอากาศรอบตัวก็เย็นสดชื่น ทั้งสามขอไม่รบกวนอาหารเช้าที่เจ้าของบ้านคะยั้นคะยอให้อยู่ทานนอกจากน้ำข้าวร้อนๆ คนละถ้วย แถมปกป้องยังมอบสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้ไปอีกด้วย