นิยายรักท่ามกลางความรุนแรงของภัยก่อการร้ายในภาคใต้
นายทหารหนุ่มสาวที่แม้จะเป็นเพียงหมากตัวเล็กๆ ได้พยายามผลักดันให้เกิดสันติสุข
แม้เขาจะต้องเสี่ยงภัยร่วมกัน แต่ก็นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่สำคัญ ก่อให้เกิดแนวทางสันติภาพ
และความผูกพันระหว่างกัน
1
สนามบินหาดใหญ่ช่วงสายๆ วันเสาร์เช่นนี้ไม่คับคั่งแต่อย่างใด เนตริยามีภารกิจที่จะเข้าร่วมการประชุมในวันจันทร์และต่อเนื่องไปจนตลอดอาทิตย์ แต่หล่อนเลือกเดินทางมาก่อนล่วงหน้าเพราะอยากจะมีเวลาพักผ่อน เที่ยวช้อปปิ้งที่หาดใหญ่ และพบเพื่อนเก่าที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่นี่ เพื่อนนัดหมาย
จะพาหล่อนไปเที่ยวชมหาดสมิหราอันมีชื่อเสียงของจังหวัดสงขลา ซึ่งช่วงนี้อากาศดีไม่มีมรสุมเหมาะแก่การท่องเที่ยว
เนตริยาลากกระเป๋าเดินทางขนาดกลางออกมาจากห้องผู้โดยสารขาเข้า แล้วเริ่มมองหารถของโรงแรมที่ติดต่อไว้ว่าจะมารับ แต่รอเป็นนานสองนาน
ก็ไม่เห็นคนของโรงแรมมายกป้ายรับแขกแต่อย่างใด อดรนทนไม่ได้หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.ติดต่อโรงแรม
คำตอบที่ได้รับทำให้หญิงสาวต้องอุทานออกมา
“อะไรนะคะ รถรับแขกคนอื่นออกไปแล้วไม่ได้รอดิฉัน แล้วเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องรถรับส่งแขก เขาไม่แจ้งหรือคะว่าฉันจองรถโรงแรมไว้ให้มารับ”
เนตริยาต่อว่าอย่างหงุดหงิด
“ทางโรงแรมต้องขอโทษที่มีเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ เดี๋ยวเราจะส่งรถอีกคันไปรับค่ะ”
“ฉันจะต้องรอประมาณกี่นาทีคะ”
“ไม่นานค่ะ จะส่งออกไปตอนนี้เลยค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ”
เนตริยาวางหูไปได้ไม่ถึง 10 นาที ก็มีชายร่างสันทัด ผิวคล้ำท่าทางเป็นคนพื้นที่ เดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับถามขึ้นว่า
“คุณเนตริยาหรือเปล่าครับ รถโรงแรมมารับแล้วครับ”
“ใช่ค่ะ แหม เร็วดีจริง” เนตริยายิ้มออกมาอย่างโล่งอก หล่อนอยากเข้าที่พักเร็วๆ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดแพนต์สูทเป็นชุดไปเที่ยวทะเล
ชายผู้นั้นเอื้อมมือมารับกระเป๋าเดินทางแล้วเดินนำออกไปที่ประตูด้านหน้าที่มีรถเก๋งโตโยต้าแคมรี่คันใหญ่สีดำจอดอยู่ ดูเผินๆ ก็คล้ายรถโรงแรมทั่วไป แต่ไม่มีตราโลโก้ของโรงแรม ซึ่งเนตริยาสังเกตเห็นและตั้งคำถามขึ้นว่า
“อ้าว ไม่ใช่รถของโรงแรมหรอกหรือ ไม่เห็นมีโลโก้โรงแรมเลย”
คนขับยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถแล้วหันมาตอบว่า
“โรงแรมเหมาเช่ารถบริษัทเราครับ บางคันมีโลโก้ บางคันไม่มี”
เนตริยาพยักหน้าเข้าใจแล้วก้าวเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
รถโรงแรมขับออกไปจากสนามบินไปบนเส้นทางที่สองข้างทางเป็นสวนยางร่มครึ้ม จนเมื่อเกือบถึงถนนใหญ่ จู่ๆ รถก็จอดลง แล้วทันใดนั้นประตูหลัง
ก็ถูกเปิดออก ชายในชุดดำก้าวพรวดเข้ามานั่งประชิด จังหวะที่เนตริยาเกือบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ สิ่งหนึ่งก็ถูกโปะที่จมูก
กลิ่นฉุนๆ นั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่หล่อนจำได้
รถกระบะโฟร์วีลแบบสองตอนห้อตะบึงไปบนถนนหลวงสายหลักจากหาดใหญ่ที่จะพาทั้งสามมุ่งหน้าไปยังจังหวัดสตูล
เกือบชั่วโมงของการเดินทางหลังจากมีการเปลี่ยนจากรถเก๋งมาเป็นรถกระบะคันนี้ ชายชุดดำที่นั่งตอนหน้าคู่คนขับคอยหันมามองเบาะหลัง
ที่ร่างบอบบางของหญิงสาวนอนไร้สติอยู่ ร่างนั้นถูกจับให้นอนยาวไปตามความยาวของเบาะ
คนขับเหลือบตามองปฏิกิริยาของคนข้างๆ ที่คอยหันไปมองเบาะหลังอย่างเป็นห่วงตลอดเวลา
“เดี๋ยวช่วงที่ขึ้นเขา ผมว่านายย้ายไปนั่งประคองเธอหน่อยก็ดีนะครับ เพราะโค้งหักศอกหลายโค้ง รถเหวี่ยงแรงๆ แบบนั้น ผมเกรงว่าหัวเธอ
จะกระแทก”
ปกป้องถอนหายใจ ยอมรับอยู่ในใจว่าเป็นห่วง แต่เขาตัดสินใจแล้วที่จะทำภารกิจนี้ ถึงแม้มันจะเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง แต่เขาต้องทำให้สำเร็จ
และความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้คือมาตรการสูงสุด
แสวงเลี้ยวรถจากทางหลวงหมายเลข 4 ที่อำเภอรัตภูมิ แยกเข้าถนนสาย 406 ที่จะพาพวกเขามุ่งสู่อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล อำเภอทางด้านเหนือ
ของจังหวัดที่เป็นแนวต่อเขตระหว่างจังหวัดตรัง พัทลุงและสงขลา
แล่นมาตามถนนสายดังกล่าวได้ไม่นาน รถก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนที่เงียบสงัด นานๆ จึงจะมีรถผ่านมาสักคัน เป็นจังหวะดีที่แสวงจะจอดรถเพื่อให้
เจ้านายของเขาย้ายไปนั่งเบาะหลัง
ปกป้องค่อยๆ รั้งร่างบางที่นอนหมดสติอยู่ที่เบาะหลังดึงให้ลุกขึ้นนั่งพิงอกเขาแล้วโอบแขนแข็งแรงประคองไปรอบเอว เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้
เพราะแม้จะมีเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลังแต่ก็ไม่สามารถป้องกันศีรษะไม่ให้กระแทกได้ยามที่รถเหวี่ยงแรงๆ
แสวงหันมามองให้แน่ใจว่าทั้งสองอยู่ในท่าที่มั่นคงก่อนจะออกรถตลุยไปบนเส้นทางไต่เขาที่ทั้งขรุขระและสูงชัน เส้นทางนี้เป็นทางลัดและ
สงัดเงียบกว่าทางตรงที่ทั้งอ้อมและต้องผ่านตลาดและชุมชนที่พลุกพล่าน ซึ่งปกป้องไม่ต้องการให้มีคนรู้เห็นสิ่งที่เขากำลังทำ
แว่บหนึ่งของแววตาลูกน้องที่มองสบตาเขาตอนนั้น ทำให้ปกป้องอดรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าไม่ได้ ยอมรับว่าเขินไม่น้อยที่ต้องมานั่งกอดร่าง
หญิงสาวไว้เช่นนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาส แต่หากเขาไม่ทำเช่นนี้หล่อนต้องเป็นอันตรายแน่นอน
โค้งหักศอกซ้ายแล้วดำดิ่งสู่โค้งหักศอกขวา เป็นอะไรที่ทำให้ร่างทั้งสองสะบัดโยนไปมา ปกป้องกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า พร้อมทั้งใช้ฝ่ามือ
ข้างหนึ่งป้องศีรษะหญิงสาวไว้กันกระแทก กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินมาจากร่างนุ่มนวลในอ้อมกอดนั้นทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงผิดปกติ
แรงกระแทกจนรถกระดอนขึ้นเพราะสะดุดหินก้อนใหญ่ข้างหน้าทำให้ปกป้องต้องอุทานเสียงดัง
“ระวังหน่อย แสวง ! ”
“ขอโทษครับนาย” คนขับรีบขอโทษ เหลือบตามองหน้าบึ้งๆ ของเจ้านายจากกระจกส่องหลัง
ผ่านเส้นทางมหาโหดมาได้สักพัก ถนนลูกรังเริ่มทอดตรงผ่านสวนยางแน่นทึบสลับกับแนวป่าไม้ร่มครึ้มชั่วนาตาปี ปกป้องค่อยๆ คลายแขนออก
เขาประคองร่างนั้นไว้เพียงหลวมๆ อดที่จะก้มลงมองแก้มเนียนและดวงตาที่หลับสนิทคู่นั้นไม่ได้ แพขนตาหนางอนช้อย ส่งให้ดวงตาคมหวาน
ปานจะหยดหากหล่อนได้ลืมตาขึ้น
ใบหน้านี้เขาจำได้แม่นยำตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยเห็นหล่อนเข้าร่วมการบรรยายทางวิชาการที่โรงพยาบาลที่เขาเคยไปฝึกงาน
ร้อยเอกหญิงเนตริยา วิสุทธิภา หล่อนมาในชุดนายทหารสังกัดสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงแห่งกองทัพไทย
ใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั้นดูไม่ต่างจากเด็กที่เพิ่งจบใหม่ ในขณะที่นักวิชาการที่ร่วมบรรยายคนอื่นๆ ต่างมีตำแหน่งรองศาสตราจารย์เป็นอย่างน้อย
เขาไม่แน่ใจว่าเด็กจบใหม่อย่างสาวน้อยผู้นี้จะมีประสบการณ์มากมายอะไร อย่างดีก็แค่หยิบกระดาษที่เตรียมออกมาแล้วอ่านตามนั้น
แต่พอหญิงสาวเริ่มบรรยาย หล่อนก็ทำให้เขาทึ่งกับวิธีการพูดที่ทอดน้ำเสียงอ่อนโยนมีจังหวะจะโคนไม่น่าเบื่อ ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงนั้นดูคล้ายแย้มยิ้มตลอดเวลาที่เวลาพูด ช่างมีเสน่ห์จนเขาไม่อาจไถ่ถอนสายตาจากไปได้ง่ายๆ อีกทั้งเนื้อหาวิชาการที่เขาเคยนึกปรามาสก่อนหน้านี้ หล่อนกลับสามารถบรรยายได้อย่างคล่องแคล่วจนทำให้เขาแน่ใจว่าความรู้ของหล่อนแน่นปึกจริงๆ
ในที่ประชุมนั้นส่วนใหญ่เป็นแพทย์และนักศึกษาแพทย์ ส่วนเขาเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากต่างจังหวัดที่เข้ามาฝึกงานเพิ่มเติม
ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เช่นนี้แล้ว เขาน่าจะนั่งเงียบๆ เป็นผู้สังเกตการณ์อยู่หลังห้องมากกว่า แต่ไม่ใช่คนอย่างเขา
เพราะเมื่อผู้ดำเนินรายการเปิดเวทีให้มีการซักถาม เขายกมือขึ้น แล้วเดินออกมาที่หน้าไมโครโฟนใกล้กับเวที พร้อมทั้งยิงคำถามตรงไปยัง
ร้อยเอกหญิงเนตริยา
‘ผมมีคำถามเกี่ยวกับจิตวิทยาความมั่นคงของภาคใต้’
‘กรุณาแนะนำตัวด้วยครับ’ พิธีกรผู้ดำเนินรายการติงขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนที่ออกมาตั้งคำถามจะต้องแนะนำตัวก่อน
‘ผมชื่อปกป้อง เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากจังหวัดยะลา ผมมีคำถามสำหรับผู้กองเนตริยาครับ’
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประสานสายตากับหญิงสาว หล่อนตั้งอกตั้งใจฟังคำถามเขาเต็มที่
‘คือปัญหาภาคใต้ที่มีมานานมาก ส่งผลกระทบถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม โดยเฉพาะประชากรที่บาดเจ็บล้มตายทำให้ภาครัฐต้องหมดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลไปมากมายแบบนี้ ทางกองทัพใช้หลักจิตวิทยาอย่างไรในการแก้ปัญหาครับ’
ปกป้องจำได้ว่าคำตอบที่ได้รับ เต็มไปด้วยการอ้างอิงทฤษฎีและศัพท์แสงทางวิชาการ ไม่มีอะไรที่มาจากประสบการณ์
พอหญิงสาวตอบคำถามเสร็จ หล่อนขมวดท้ายลงที่ข้อสรุปว่าการดำเนินงานทางจิตวิทยานั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องอาศัยเวลา
ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะออกมา มันชวนให้เขามั่นใจว่าหล่อนคือเด็กจบใหม่ที่มีแต่คำพูดสวยงามเท่านั้น
รอยยิ้มและแววตาของเขาคงสะท้อนความรู้สึกสบประมาทที่มีในใจ เนตริยาจึงถามขึ้นว่า
‘ไม่ทราบว่าดิฉันตอบคำถามคุณปกป้องแล้วหรือยัง’
ป่วยการที่ปกป้องจะถามต่อ กินเวลาคนอื่นเปล่าๆ
‘คงไม่ถามแล้วครับ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาอย่างที่ท่านวิทยากรพูดนั่นแหละครับ’ เขาตอบแล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม
โดยมีสายตาของหล่อนจับจ้องเขาเขม็ง
ตอนที่งานสัมนาเลิก เขาเห็นหญิงสาวก้าวขึ้นรถที่แล่นเข้ามาเทียบพร้อมพลขับที่เป็นทหาร ใครคนหนึ่งพูดมาเข้าหูเขาว่า ‘ลูกสาวเจ้ากรมฯ’
และตอนนี้
‘ลูกสาวเจ้ากรมฯ’ ตกมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
อาการขยับคล้ายจะรู้สึกตัว ทำให้ปกป้องคลายแขนออก แล้วจับตัวหญิงสาวให้นั่งพิงพนักชิดไปทางประตูด้านซ้าย ส่วนเขาถอยออกมานั่งห่างๆ
รอให้หล่อนรู้สึกตัว ยาสลบที่เขาใช้นั้นไม่มากมายอะไร มีผลให้หล่อนหมดสติไปเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น
“อือม” เสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกมจากริมฝีปากบาง แล้วตามมาด้วยดวงตาที่พยายามจะลืมขึ้นจากอาการง่วงงุน
เมื่อหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัวเต็มที่ หล่อนขยับตัวมองไปรอบๆ อย่างพยายามจะนึกให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
ภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้น ใบหน้าของคนแปลกหน้าที่หล่อนมองเห็นนั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือก นี่หล่อนอยู่ที่ไหน กับใคร
“นายเป็นใคร ! ” แล้วรีบมองไปรอบตัว รถกำลังแล่นไปข้างหน้าที่สองข้างทางเป็นป่ามืดทึบ ใจหายวาบพยายามกระถดถอยหนีไปชิดประตู
แต่หล่อนก็ไม่อาจหนีไปไหนพ้นจนมุมอยู่ตรงนั้น
“จะพาฉันไปไหน”
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 1 โดย ดรัสวันต์ และ Q
จะพาหล่อนไปเที่ยวชมหาดสมิหราอันมีชื่อเสียงของจังหวัดสงขลา ซึ่งช่วงนี้อากาศดีไม่มีมรสุมเหมาะแก่การท่องเที่ยว
เนตริยาลากกระเป๋าเดินทางขนาดกลางออกมาจากห้องผู้โดยสารขาเข้า แล้วเริ่มมองหารถของโรงแรมที่ติดต่อไว้ว่าจะมารับ แต่รอเป็นนานสองนาน
ก็ไม่เห็นคนของโรงแรมมายกป้ายรับแขกแต่อย่างใด อดรนทนไม่ได้หญิงสาวจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.ติดต่อโรงแรม
คำตอบที่ได้รับทำให้หญิงสาวต้องอุทานออกมา
“อะไรนะคะ รถรับแขกคนอื่นออกไปแล้วไม่ได้รอดิฉัน แล้วเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องรถรับส่งแขก เขาไม่แจ้งหรือคะว่าฉันจองรถโรงแรมไว้ให้มารับ”
เนตริยาต่อว่าอย่างหงุดหงิด
“ทางโรงแรมต้องขอโทษที่มีเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ เดี๋ยวเราจะส่งรถอีกคันไปรับค่ะ”
“ฉันจะต้องรอประมาณกี่นาทีคะ”
“ไม่นานค่ะ จะส่งออกไปตอนนี้เลยค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ”
เนตริยาวางหูไปได้ไม่ถึง 10 นาที ก็มีชายร่างสันทัด ผิวคล้ำท่าทางเป็นคนพื้นที่ เดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับถามขึ้นว่า
“คุณเนตริยาหรือเปล่าครับ รถโรงแรมมารับแล้วครับ”
“ใช่ค่ะ แหม เร็วดีจริง” เนตริยายิ้มออกมาอย่างโล่งอก หล่อนอยากเข้าที่พักเร็วๆ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดแพนต์สูทเป็นชุดไปเที่ยวทะเล
ชายผู้นั้นเอื้อมมือมารับกระเป๋าเดินทางแล้วเดินนำออกไปที่ประตูด้านหน้าที่มีรถเก๋งโตโยต้าแคมรี่คันใหญ่สีดำจอดอยู่ ดูเผินๆ ก็คล้ายรถโรงแรมทั่วไป แต่ไม่มีตราโลโก้ของโรงแรม ซึ่งเนตริยาสังเกตเห็นและตั้งคำถามขึ้นว่า
“อ้าว ไม่ใช่รถของโรงแรมหรอกหรือ ไม่เห็นมีโลโก้โรงแรมเลย”
คนขับยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถแล้วหันมาตอบว่า
“โรงแรมเหมาเช่ารถบริษัทเราครับ บางคันมีโลโก้ บางคันไม่มี”
เนตริยาพยักหน้าเข้าใจแล้วก้าวเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
รถโรงแรมขับออกไปจากสนามบินไปบนเส้นทางที่สองข้างทางเป็นสวนยางร่มครึ้ม จนเมื่อเกือบถึงถนนใหญ่ จู่ๆ รถก็จอดลง แล้วทันใดนั้นประตูหลัง
ก็ถูกเปิดออก ชายในชุดดำก้าวพรวดเข้ามานั่งประชิด จังหวะที่เนตริยาเกือบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ สิ่งหนึ่งก็ถูกโปะที่จมูก
กลิ่นฉุนๆ นั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่หล่อนจำได้
รถกระบะโฟร์วีลแบบสองตอนห้อตะบึงไปบนถนนหลวงสายหลักจากหาดใหญ่ที่จะพาทั้งสามมุ่งหน้าไปยังจังหวัดสตูล
เกือบชั่วโมงของการเดินทางหลังจากมีการเปลี่ยนจากรถเก๋งมาเป็นรถกระบะคันนี้ ชายชุดดำที่นั่งตอนหน้าคู่คนขับคอยหันมามองเบาะหลัง
ที่ร่างบอบบางของหญิงสาวนอนไร้สติอยู่ ร่างนั้นถูกจับให้นอนยาวไปตามความยาวของเบาะ
คนขับเหลือบตามองปฏิกิริยาของคนข้างๆ ที่คอยหันไปมองเบาะหลังอย่างเป็นห่วงตลอดเวลา
“เดี๋ยวช่วงที่ขึ้นเขา ผมว่านายย้ายไปนั่งประคองเธอหน่อยก็ดีนะครับ เพราะโค้งหักศอกหลายโค้ง รถเหวี่ยงแรงๆ แบบนั้น ผมเกรงว่าหัวเธอ
จะกระแทก”
ปกป้องถอนหายใจ ยอมรับอยู่ในใจว่าเป็นห่วง แต่เขาตัดสินใจแล้วที่จะทำภารกิจนี้ ถึงแม้มันจะเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง แต่เขาต้องทำให้สำเร็จ
และความปลอดภัยของผู้หญิงคนนี้คือมาตรการสูงสุด
แสวงเลี้ยวรถจากทางหลวงหมายเลข 4 ที่อำเภอรัตภูมิ แยกเข้าถนนสาย 406 ที่จะพาพวกเขามุ่งสู่อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล อำเภอทางด้านเหนือ
ของจังหวัดที่เป็นแนวต่อเขตระหว่างจังหวัดตรัง พัทลุงและสงขลา
แล่นมาตามถนนสายดังกล่าวได้ไม่นาน รถก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนที่เงียบสงัด นานๆ จึงจะมีรถผ่านมาสักคัน เป็นจังหวะดีที่แสวงจะจอดรถเพื่อให้
เจ้านายของเขาย้ายไปนั่งเบาะหลัง
ปกป้องค่อยๆ รั้งร่างบางที่นอนหมดสติอยู่ที่เบาะหลังดึงให้ลุกขึ้นนั่งพิงอกเขาแล้วโอบแขนแข็งแรงประคองไปรอบเอว เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้
เพราะแม้จะมีเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลังแต่ก็ไม่สามารถป้องกันศีรษะไม่ให้กระแทกได้ยามที่รถเหวี่ยงแรงๆ
แสวงหันมามองให้แน่ใจว่าทั้งสองอยู่ในท่าที่มั่นคงก่อนจะออกรถตลุยไปบนเส้นทางไต่เขาที่ทั้งขรุขระและสูงชัน เส้นทางนี้เป็นทางลัดและ
สงัดเงียบกว่าทางตรงที่ทั้งอ้อมและต้องผ่านตลาดและชุมชนที่พลุกพล่าน ซึ่งปกป้องไม่ต้องการให้มีคนรู้เห็นสิ่งที่เขากำลังทำ
แว่บหนึ่งของแววตาลูกน้องที่มองสบตาเขาตอนนั้น ทำให้ปกป้องอดรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าไม่ได้ ยอมรับว่าเขินไม่น้อยที่ต้องมานั่งกอดร่าง
หญิงสาวไว้เช่นนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะฉวยโอกาส แต่หากเขาไม่ทำเช่นนี้หล่อนต้องเป็นอันตรายแน่นอน
โค้งหักศอกซ้ายแล้วดำดิ่งสู่โค้งหักศอกขวา เป็นอะไรที่ทำให้ร่างทั้งสองสะบัดโยนไปมา ปกป้องกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า พร้อมทั้งใช้ฝ่ามือ
ข้างหนึ่งป้องศีรษะหญิงสาวไว้กันกระแทก กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่รวยรินมาจากร่างนุ่มนวลในอ้อมกอดนั้นทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นแรงผิดปกติ
แรงกระแทกจนรถกระดอนขึ้นเพราะสะดุดหินก้อนใหญ่ข้างหน้าทำให้ปกป้องต้องอุทานเสียงดัง
“ระวังหน่อย แสวง ! ”
“ขอโทษครับนาย” คนขับรีบขอโทษ เหลือบตามองหน้าบึ้งๆ ของเจ้านายจากกระจกส่องหลัง
ผ่านเส้นทางมหาโหดมาได้สักพัก ถนนลูกรังเริ่มทอดตรงผ่านสวนยางแน่นทึบสลับกับแนวป่าไม้ร่มครึ้มชั่วนาตาปี ปกป้องค่อยๆ คลายแขนออก
เขาประคองร่างนั้นไว้เพียงหลวมๆ อดที่จะก้มลงมองแก้มเนียนและดวงตาที่หลับสนิทคู่นั้นไม่ได้ แพขนตาหนางอนช้อย ส่งให้ดวงตาคมหวาน
ปานจะหยดหากหล่อนได้ลืมตาขึ้น
ใบหน้านี้เขาจำได้แม่นยำตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยเห็นหล่อนเข้าร่วมการบรรยายทางวิชาการที่โรงพยาบาลที่เขาเคยไปฝึกงาน
ร้อยเอกหญิงเนตริยา วิสุทธิภา หล่อนมาในชุดนายทหารสังกัดสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงแห่งกองทัพไทย
ใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั้นดูไม่ต่างจากเด็กที่เพิ่งจบใหม่ ในขณะที่นักวิชาการที่ร่วมบรรยายคนอื่นๆ ต่างมีตำแหน่งรองศาสตราจารย์เป็นอย่างน้อย
เขาไม่แน่ใจว่าเด็กจบใหม่อย่างสาวน้อยผู้นี้จะมีประสบการณ์มากมายอะไร อย่างดีก็แค่หยิบกระดาษที่เตรียมออกมาแล้วอ่านตามนั้น
แต่พอหญิงสาวเริ่มบรรยาย หล่อนก็ทำให้เขาทึ่งกับวิธีการพูดที่ทอดน้ำเสียงอ่อนโยนมีจังหวะจะโคนไม่น่าเบื่อ ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงนั้นดูคล้ายแย้มยิ้มตลอดเวลาที่เวลาพูด ช่างมีเสน่ห์จนเขาไม่อาจไถ่ถอนสายตาจากไปได้ง่ายๆ อีกทั้งเนื้อหาวิชาการที่เขาเคยนึกปรามาสก่อนหน้านี้ หล่อนกลับสามารถบรรยายได้อย่างคล่องแคล่วจนทำให้เขาแน่ใจว่าความรู้ของหล่อนแน่นปึกจริงๆ
ในที่ประชุมนั้นส่วนใหญ่เป็นแพทย์และนักศึกษาแพทย์ ส่วนเขาเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากต่างจังหวัดที่เข้ามาฝึกงานเพิ่มเติม
ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เช่นนี้แล้ว เขาน่าจะนั่งเงียบๆ เป็นผู้สังเกตการณ์อยู่หลังห้องมากกว่า แต่ไม่ใช่คนอย่างเขา
เพราะเมื่อผู้ดำเนินรายการเปิดเวทีให้มีการซักถาม เขายกมือขึ้น แล้วเดินออกมาที่หน้าไมโครโฟนใกล้กับเวที พร้อมทั้งยิงคำถามตรงไปยัง
ร้อยเอกหญิงเนตริยา
‘ผมมีคำถามเกี่ยวกับจิตวิทยาความมั่นคงของภาคใต้’
‘กรุณาแนะนำตัวด้วยครับ’ พิธีกรผู้ดำเนินรายการติงขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนที่ออกมาตั้งคำถามจะต้องแนะนำตัวก่อน
‘ผมชื่อปกป้อง เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากจังหวัดยะลา ผมมีคำถามสำหรับผู้กองเนตริยาครับ’
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ประสานสายตากับหญิงสาว หล่อนตั้งอกตั้งใจฟังคำถามเขาเต็มที่
‘คือปัญหาภาคใต้ที่มีมานานมาก ส่งผลกระทบถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม โดยเฉพาะประชากรที่บาดเจ็บล้มตายทำให้ภาครัฐต้องหมดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลไปมากมายแบบนี้ ทางกองทัพใช้หลักจิตวิทยาอย่างไรในการแก้ปัญหาครับ’
ปกป้องจำได้ว่าคำตอบที่ได้รับ เต็มไปด้วยการอ้างอิงทฤษฎีและศัพท์แสงทางวิชาการ ไม่มีอะไรที่มาจากประสบการณ์
พอหญิงสาวตอบคำถามเสร็จ หล่อนขมวดท้ายลงที่ข้อสรุปว่าการดำเนินงานทางจิตวิทยานั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องอาศัยเวลา
ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะออกมา มันชวนให้เขามั่นใจว่าหล่อนคือเด็กจบใหม่ที่มีแต่คำพูดสวยงามเท่านั้น
รอยยิ้มและแววตาของเขาคงสะท้อนความรู้สึกสบประมาทที่มีในใจ เนตริยาจึงถามขึ้นว่า
‘ไม่ทราบว่าดิฉันตอบคำถามคุณปกป้องแล้วหรือยัง’
ป่วยการที่ปกป้องจะถามต่อ กินเวลาคนอื่นเปล่าๆ
‘คงไม่ถามแล้วครับ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาอย่างที่ท่านวิทยากรพูดนั่นแหละครับ’ เขาตอบแล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เดิม
โดยมีสายตาของหล่อนจับจ้องเขาเขม็ง
ตอนที่งานสัมนาเลิก เขาเห็นหญิงสาวก้าวขึ้นรถที่แล่นเข้ามาเทียบพร้อมพลขับที่เป็นทหาร ใครคนหนึ่งพูดมาเข้าหูเขาว่า ‘ลูกสาวเจ้ากรมฯ’
และตอนนี้ ‘ลูกสาวเจ้ากรมฯ’ ตกมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
อาการขยับคล้ายจะรู้สึกตัว ทำให้ปกป้องคลายแขนออก แล้วจับตัวหญิงสาวให้นั่งพิงพนักชิดไปทางประตูด้านซ้าย ส่วนเขาถอยออกมานั่งห่างๆ
รอให้หล่อนรู้สึกตัว ยาสลบที่เขาใช้นั้นไม่มากมายอะไร มีผลให้หล่อนหมดสติไปเพียงแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น
“อือม” เสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกมจากริมฝีปากบาง แล้วตามมาด้วยดวงตาที่พยายามจะลืมขึ้นจากอาการง่วงงุน
เมื่อหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัวเต็มที่ หล่อนขยับตัวมองไปรอบๆ อย่างพยายามจะนึกให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
ภาพตรงหน้าเริ่มชัดขึ้น ใบหน้าของคนแปลกหน้าที่หล่อนมองเห็นนั้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือก นี่หล่อนอยู่ที่ไหน กับใคร
“นายเป็นใคร ! ” แล้วรีบมองไปรอบตัว รถกำลังแล่นไปข้างหน้าที่สองข้างทางเป็นป่ามืดทึบ ใจหายวาบพยายามกระถดถอยหนีไปชิดประตู
แต่หล่อนก็ไม่อาจหนีไปไหนพ้นจนมุมอยู่ตรงนั้น
“จะพาฉันไปไหน”