วันที่ฟ้าเปิด
ดรัสวันต์ และ Q
28
วันรุ่งขึ้นปกป้องได้บอกเนตริยาไว้แล้วว่ามีงานที่จะออกไปเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านนาพญา ทั้งสองรวมทั้งแสวงออกเดินทางหลังจากอาหารมื้อเช้า
“ผู้ป่วยคนนี้เป็นพี่ชายยูโซฟ คุณจำยูโซฟได้ใช่ไหม”
“ค่ะ จำได้ ที่พบที่สภากาแฟใช่ไหมคะ”
“ครับ พี่ชายยูโซฟปอดไม่แข็งแรง สูบบุหรี่จัดด้วย เขามีอาการปอดติดเชื้อ ผมให้ยาปฏิชีวนะเขาไป ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว เขาน่าจะทานยาครบตามที่สั่ง ผมอยากไปเยี่ยมดูอาการเขาหน่อย” ปกป้องอธิบายเมื่อนั่งในรถยนต์ที่กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า “ครั้งนี้ถ้าหากเขาทานยาครบแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้นหรือทรุดหนักลงไปอีกผมคงต้องพาเขาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล”
เนตริยามองสีหน้าเป็นกังวลของชายหนุ่มด้วยความเห็นใจ
เมื่อแสวงขับรถไปถึงหมู่บ้านนาพญาและพบกับยูโซฟที่รออยู่แล้ว เขาเข้ามาบอกอาการคนป่วยด้วยท่าทางร้อนรน
“อาการไม่ดีขึ้นเลยหมอ ยาซเซอร์หายใจลำบาก ไอ แน่นหน้าอก บางครั้งไอจนอ้วกออกมา” ยูโซฟอธิบายสีหน้าแสดงอาการเป็นห่วงอย่างมาก
“เอ ไม่น่าเป็นไปได้นะ ถ้ากินยาที่ให้ครบแล้วก็น่าจะดีขึ้น” ปกป้องให้เหตุผลแล้วรีบขึ้นบ้านไปดูอาการคนป่วยทันที สิ่งที่เขาเห็นคือคนป่วยนอนหายใจลำบากและมีท่าทางหอบเหนื่อย เขารู้ทันทีว่าหากปล่อยให้คนป่วยนอนหอบไปแบบนี้ อาจจะทำให้เขาขาดออกซิเจนได้
ปกป้องหันไปสั่งแสวงให้ไปหยิบหน้ากากออกซิเจนช่วยหายใจในรถมา ส่วนเขาเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากคนป่วยเพื่อดูไข้ ปรากฏว่าตัวร้อนจี๋
“ทานยาครบตามที่สั่งหรือเปล่า ยาซเซอร์” ปกป้องถาม
คนป่วยได้แต่กรอกตาไปมา ส่วนยูโซฟเข้ามาค้นที่โต๊ะหัวเตียง
“นี่ไงยา ยังเหลืออยู่เลย ไม่ได้กินตามหมอสั่งใช่ไหม แกนี่มันหาเรื่อง แบบนี้อาการถึงได้ทรุด ไม่อยากหายป่วยหรือยังไง” ยูโซฟบ่นพี่ชายเป็นชุด
แสวงนำหน้ากากมายื่นให้ ปกป้องสวมหน้ากากให้คนไข้และใช้มือบีบที่ปั๊มลมช่วยให้คนป่วยได้รับออกซิเจนได้ง่ายขึ้น
ปกป้องทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 2-3 นาที แล้วเขาขอร้องให้ยูโซฟมาช่วยปั๊มลมจากหน้ากากช่วยหายใจแทน
“บีบเป็นจังหวะแบบนี้นะยูโซฟ เดี๋ยวผมจะต้องฉีดยาลดไข้ให้เขา” ปกป้องเปิดกระเป๋ายาแล้วหยิบเข็มและขวดยาออกมาจัดการดึงยาจากขวดเข้าในหลอดไซริงค์แล้วฉีดให้คนไข้ เนตริยาที่นั่งดูอยู่ห่างๆ หล่อนอยากจะเข้าไปช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
ปกป้องเฝ้ามองอาการที่น่าวิตกนั่น แล้วตัดสินใจหันไปบอกยูโซฟและญาติคนอื่นๆ ที่มาออกันอยู่รอบบริเวณนั้นว่า
“หมอไม่ไว้ใจอาการ คนป่วยกินยาไม่ต่อเนื่องแบบนี้ อาการทรุดหนักลง ผมคงต้องพาเขาไปส่งโรงพยาบาลตอนนี้” ปกป้องพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เราให้ยาที่นี่ไม่ได้หรือครับหมอ” ญาติคนหนึ่งพูดขึ้น เพราะรู้ว่าการเดินทางไปโรงพยาบาลในตัวเมืองเป็นเรื่องที่ลำบาก
“ไม่ได้ครับ ต้องให้โรงพยาบาลวินิจฉัยให้ได้ก่อนว่าเป็นเชื้อตัวไหนแล้วจ่ายยาที่จะฆ่าเชื้อตัวนั้น นอกจากยาแล้วจะต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจของ
โรงพยาบาลตลอดเวลา”
พวกญาติๆ ต่างมองหน้ากันเพื่อหาข้อสรุป
“ครับ หมอว่าอย่างไรก็ตามนั้น เดี๋ยวผมจะไปหารถ” ญาติผู้ป่วยหันไปปรึกษากันเรื่องรถที่จะพาผู้ป่วยเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง ตกลงกันได้แล้วก็ไปจัดการเรื่องรถทันที
ปกป้องหันมาหาเนตริยาที่นั่งรออยู่ที่มุมห้อง ใบหน้าตื่นๆ ของหญิงสาวนั้น ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าหล่อนคงไม่คุ้นชินกับเรื่องฉุกเฉินแบบนี้ เขาขยับตัวเข้าไปพูดใกล้ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมต้องพาคนป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลสตูล”
“แล้วฉันล่ะคะ”
“แสวงจะพาคุณกลับบ้าน คุณรออยู่ที่บ้านนะ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ขังคุณไว้อย่างครั้งก่อน คุณสัญญาได้ไหมว่าจะไม่หนีออกไปไหน” เขาขอร้องเสียงเบา ไม่อยากให้ใครได้ยิน
“ค่ะ ฉันสัญญา คุณไปทำงานเถอะ” เธอตอบรับคำมั่นสัญญานั้นอย่างง่ายดาย เพราะเธอเห็นและรับรู้ได้ถึงความห่วงใยอาทรของเขา และในเวลาที่เขาต้องอยู่ระหว่างความเป็นความตายที่เขาต้องช่วยชีวิตคน หล่อนไม่อยากทำให้เขาละล้าละลังห่วงหน้าพะวงหลัง
“ได้รถแล้วหมอ” ญาติอีกคนหนึ่งส่งเสียงมาบอก ปกป้องหันไปพยักหน้าให้สัญญาณยูโซฟกับเพื่อนบ้านอีกคนช่วยกันอุ้มร่างคนป่วยลงไปที่รถกระบะที่ต่อหลังคาท้าย มีเสื่อและฟูกบางๆ วางเตรียมไว้ให้คนป่วยได้นอนเหยียดยาว ปกป้องและเนตริยาเดินตามร่างคนป่วยลงมาจากตัวบ้าน
ที่ลานหน้าบ้านแสวงยืนรออยู่ ปกป้องหันไปสั่งคนสนิทว่า
“พาคุณเนตรกลับบ้านนะ ฉันยังไม่รู้ว่าเย็นนี้จะกลับมาทันไหม แต่ยังไงพรุ่งนี้ฉันต้องกลับแน่ อาจจะกลับรถตู้โดยสาร แสวงช่วยมารับที่ท่ารถที่ตลาดด้วยนะ”
“ครับนายน้อย”
“ฝากบ้านด้วย” ที่จริงเขาอยากจะฝากใครอีกคนมากกว่า แต่ไม่ได้เอ่ยออกมา
“ครับ ผมจะดูแลอย่างดี ไม่ต้องห่วง” พร้อมกับเหลือบตามองไปที่เนตริยาที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ปกป้องเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว
“เนตร” เขาทอดเสียงอ่อนโยนแล้วเอื้อมมือไปกุมมือบอบบางนั้นไว้ ทั้งสองสบตากันนิ่ง แววตาห่วงใยอาทรของชายหนุ่มนั้นฉายชัด “ดูแลตัวเองดีๆ นะ ผมเป็นห่วง แล้วจะรีบกลับมา”
“ค่ะ” หล่อนตอบรับหนักแน่น อย่างจะให้เขาเชื่อใจว่าหล่อนจะไม่หนี จะไม่ทำให้เขาต้องห่วงกังวล “เดินทางปลอดภัยนะคะ”
การจากกันครั้งนี้ปกป้องรู้สึกใจหายบอกไม่ถูก เหมือนสังหรณ์ถึงลางร้ายบางอย่าง แต่ปัญหาเฉพาะหน้ากำลังรอเขาอยู่ เขามีคนป่วยที่เขาต้องช่วยชีวิต มันทำให้ปกป้องตัดอกตัดใจ ชายหนุ่มหันหลังให้เนตริยาแล้วก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนป่วยที่ท้ายกระบะ
เนตริยามองตาม รู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ปกป้องพาผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดสตูล เขาแจ้งที่แผนกฉุกเฉินถึงอาการของผู้ป่วยและขอส่งตัวผู้ป่วยให้แก่แพทย์เฉพาะทางโรคทางเดินหายใจ รอเพียงไม่นานเขาก็ได้พบแพทย์ที่ต้องการ เขาให้รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับอาการผู้ป่วย ประวัติการให้ยาปฏิชีวนะที่เขาเคยให้ ปัญหาการสูบบุหรี่และปอดที่ไม่แข็งแรงของคนไข้ รวมถึงอาการล่าสุดที่คนป่วยหายใจไม่สะดวกจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังจากนั้น แพทย์ก็รับคนป่วยเข้าไว้เป็นคนไข้ในเพื่อตรวจเชื้อ เพาะเชื้อและให้การรักษาอีกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 วันที่คนไข้จะต้องอยู่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้แสดงความชื่นชมปกป้องที่เขาตัดสินใจถูก นำคนไข้ส่งโรงพยาบาลก่อนที่อาการจะทรุดหนักมากกว่านี้
เมื่อคนป่วยได้รับการส่งต่อไปอยู่ในมือแพทย์ที่เชี่ยวชาญแล้ว ปกป้องก็โล่งใจ ส่วนลึกเขาอดนึกถึงบิดาไม่ได้ หากตอนนั้นเขารู้มาก่อนว่านายแพทย์
ปริญญ์ป่วยด้วยโรคเดียวกันนี้ เขาคงยื้อชีวิตท่านไว้ได้ ไม่ปล่อยให้สายเกินแก้
ดูเหมือนภาระรับผิดชอบต่อคนไข้เสร็จสิ้นลงแล้ว ปกป้องเกิดอาการอยากกลับบ้านขึ้นมาทันทีเพราะเป็นห่วงเนตริยามากมาย แต่ญาติคนไข้ทั้งหมดที่มาพร้อมกับรถยังอยากอยู่เฝ้าอาการที่โรงพยาบาล ทำให้ปกป้องไม่มีรถกลับ อีกทั้งเป็นเวลาเย็นแล้ว ไม่มีรถโดยสารออกในช่วงนี้เขาจำเป็นต้องค้างในเมืองอย่างที่เกรงไว้ตอนแรก และคิดว่าวันรุ่งขึ้นเขาคงต้องอาศัยรถตู้โดยสารที่มีเพียงเที่ยวเดียวกลับบ้าน อย่างที่บอกไว้กับแสวง
คืนนั้นปกป้องไปค้างโรงแรมในเมือง เขาไม่ได้เตรียมตัวมาค้างเลยต้องไปหาซื้อเสื้อยืดมาตัวหนึ่งเพื่อเปลี่ยนใส่กลับบ้าน
ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแต่ปกป้องก็ข่มตาให้หลับได้ยากยิ่ง ใบหน้าเนตริยามาอยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลา รอยยิ้มถูกใจยามที่เห็นชุดเสื้อผ้าที่เขาซื้อให้นั้น ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดดูรูปที่ถ่ายร่วมกันที่ไร่กาแฟ
ยามนี้ ปกป้องต้องยอมรับกับตัวเองแล้วว่า ไม่เพียงแต่ความห่วงใยที่เขามีต่อเนตริยา แต่ความคิดถึงหล่อนทุกลมหายใจเข้าออกนั้นคืออะไร หัวใจที่ร่ำร้องไม่อยากจากเธอไปไหน อยากแต่จะเห็นใบหน้าและดวงตางดงามคู่นั้นตลอดเวลา
มันคืออะไร ถ้าไม่ใช่
รัก
ปกป้องสะดุ้งกับความคิดนั้น นี่เราหลงรักเนตริยาอย่างนั้นหรือ ปกป้องถามตัวเองพร้อมกับรู้สึกแปลบๆ วูบไหวอยู่ในใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง นึกตำหนิตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้ปล่อยใจให้ผู้หญิงคนนี้ได้มากมายขนาดนี้ เป็นเพราะเขาเหงาหรือเช่นไร หรือเพราะเขาไม่เคยมีโอกาสใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนมากมายขนาดนี้
แล้วต่อจากนี้ไป เมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องพาหล่อนกลับไปส่งบ้าน เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายปลายทางของความผิดที่เขาก่อขึ้นมานี้ เขาคงไม่พ้นเข้าไปนอนอยู่ในคุก แถมอกหักอีกต่างหาก !
ดูเหมือนปกป้องต้องทำใจให้ยอมรับชะตากรรมนี้ตั้งแต่ต้นมือเสียแล้ว
วันที่ฟ้าเปิด บทที่ 28
“ผู้ป่วยคนนี้เป็นพี่ชายยูโซฟ คุณจำยูโซฟได้ใช่ไหม”
“ค่ะ จำได้ ที่พบที่สภากาแฟใช่ไหมคะ”
“ครับ พี่ชายยูโซฟปอดไม่แข็งแรง สูบบุหรี่จัดด้วย เขามีอาการปอดติดเชื้อ ผมให้ยาปฏิชีวนะเขาไป ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว เขาน่าจะทานยาครบตามที่สั่ง ผมอยากไปเยี่ยมดูอาการเขาหน่อย” ปกป้องอธิบายเมื่อนั่งในรถยนต์ที่กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า “ครั้งนี้ถ้าหากเขาทานยาครบแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้นหรือทรุดหนักลงไปอีกผมคงต้องพาเขาไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล”
เนตริยามองสีหน้าเป็นกังวลของชายหนุ่มด้วยความเห็นใจ
เมื่อแสวงขับรถไปถึงหมู่บ้านนาพญาและพบกับยูโซฟที่รออยู่แล้ว เขาเข้ามาบอกอาการคนป่วยด้วยท่าทางร้อนรน
“อาการไม่ดีขึ้นเลยหมอ ยาซเซอร์หายใจลำบาก ไอ แน่นหน้าอก บางครั้งไอจนอ้วกออกมา” ยูโซฟอธิบายสีหน้าแสดงอาการเป็นห่วงอย่างมาก
“เอ ไม่น่าเป็นไปได้นะ ถ้ากินยาที่ให้ครบแล้วก็น่าจะดีขึ้น” ปกป้องให้เหตุผลแล้วรีบขึ้นบ้านไปดูอาการคนป่วยทันที สิ่งที่เขาเห็นคือคนป่วยนอนหายใจลำบากและมีท่าทางหอบเหนื่อย เขารู้ทันทีว่าหากปล่อยให้คนป่วยนอนหอบไปแบบนี้ อาจจะทำให้เขาขาดออกซิเจนได้
ปกป้องหันไปสั่งแสวงให้ไปหยิบหน้ากากออกซิเจนช่วยหายใจในรถมา ส่วนเขาเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากคนป่วยเพื่อดูไข้ ปรากฏว่าตัวร้อนจี๋
“ทานยาครบตามที่สั่งหรือเปล่า ยาซเซอร์” ปกป้องถาม
คนป่วยได้แต่กรอกตาไปมา ส่วนยูโซฟเข้ามาค้นที่โต๊ะหัวเตียง
“นี่ไงยา ยังเหลืออยู่เลย ไม่ได้กินตามหมอสั่งใช่ไหม แกนี่มันหาเรื่อง แบบนี้อาการถึงได้ทรุด ไม่อยากหายป่วยหรือยังไง” ยูโซฟบ่นพี่ชายเป็นชุด
แสวงนำหน้ากากมายื่นให้ ปกป้องสวมหน้ากากให้คนไข้และใช้มือบีบที่ปั๊มลมช่วยให้คนป่วยได้รับออกซิเจนได้ง่ายขึ้น
ปกป้องทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 2-3 นาที แล้วเขาขอร้องให้ยูโซฟมาช่วยปั๊มลมจากหน้ากากช่วยหายใจแทน
“บีบเป็นจังหวะแบบนี้นะยูโซฟ เดี๋ยวผมจะต้องฉีดยาลดไข้ให้เขา” ปกป้องเปิดกระเป๋ายาแล้วหยิบเข็มและขวดยาออกมาจัดการดึงยาจากขวดเข้าในหลอดไซริงค์แล้วฉีดให้คนไข้ เนตริยาที่นั่งดูอยู่ห่างๆ หล่อนอยากจะเข้าไปช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
ปกป้องเฝ้ามองอาการที่น่าวิตกนั่น แล้วตัดสินใจหันไปบอกยูโซฟและญาติคนอื่นๆ ที่มาออกันอยู่รอบบริเวณนั้นว่า
“หมอไม่ไว้ใจอาการ คนป่วยกินยาไม่ต่อเนื่องแบบนี้ อาการทรุดหนักลง ผมคงต้องพาเขาไปส่งโรงพยาบาลตอนนี้” ปกป้องพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เราให้ยาที่นี่ไม่ได้หรือครับหมอ” ญาติคนหนึ่งพูดขึ้น เพราะรู้ว่าการเดินทางไปโรงพยาบาลในตัวเมืองเป็นเรื่องที่ลำบาก
“ไม่ได้ครับ ต้องให้โรงพยาบาลวินิจฉัยให้ได้ก่อนว่าเป็นเชื้อตัวไหนแล้วจ่ายยาที่จะฆ่าเชื้อตัวนั้น นอกจากยาแล้วจะต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจของ
โรงพยาบาลตลอดเวลา”
พวกญาติๆ ต่างมองหน้ากันเพื่อหาข้อสรุป
“ครับ หมอว่าอย่างไรก็ตามนั้น เดี๋ยวผมจะไปหารถ” ญาติผู้ป่วยหันไปปรึกษากันเรื่องรถที่จะพาผู้ป่วยเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง ตกลงกันได้แล้วก็ไปจัดการเรื่องรถทันที
ปกป้องหันมาหาเนตริยาที่นั่งรออยู่ที่มุมห้อง ใบหน้าตื่นๆ ของหญิงสาวนั้น ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าหล่อนคงไม่คุ้นชินกับเรื่องฉุกเฉินแบบนี้ เขาขยับตัวเข้าไปพูดใกล้ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมต้องพาคนป่วยไปส่งที่โรงพยาบาลสตูล”
“แล้วฉันล่ะคะ”
“แสวงจะพาคุณกลับบ้าน คุณรออยู่ที่บ้านนะ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ขังคุณไว้อย่างครั้งก่อน คุณสัญญาได้ไหมว่าจะไม่หนีออกไปไหน” เขาขอร้องเสียงเบา ไม่อยากให้ใครได้ยิน
“ค่ะ ฉันสัญญา คุณไปทำงานเถอะ” เธอตอบรับคำมั่นสัญญานั้นอย่างง่ายดาย เพราะเธอเห็นและรับรู้ได้ถึงความห่วงใยอาทรของเขา และในเวลาที่เขาต้องอยู่ระหว่างความเป็นความตายที่เขาต้องช่วยชีวิตคน หล่อนไม่อยากทำให้เขาละล้าละลังห่วงหน้าพะวงหลัง
“ได้รถแล้วหมอ” ญาติอีกคนหนึ่งส่งเสียงมาบอก ปกป้องหันไปพยักหน้าให้สัญญาณยูโซฟกับเพื่อนบ้านอีกคนช่วยกันอุ้มร่างคนป่วยลงไปที่รถกระบะที่ต่อหลังคาท้าย มีเสื่อและฟูกบางๆ วางเตรียมไว้ให้คนป่วยได้นอนเหยียดยาว ปกป้องและเนตริยาเดินตามร่างคนป่วยลงมาจากตัวบ้าน
ที่ลานหน้าบ้านแสวงยืนรออยู่ ปกป้องหันไปสั่งคนสนิทว่า
“พาคุณเนตรกลับบ้านนะ ฉันยังไม่รู้ว่าเย็นนี้จะกลับมาทันไหม แต่ยังไงพรุ่งนี้ฉันต้องกลับแน่ อาจจะกลับรถตู้โดยสาร แสวงช่วยมารับที่ท่ารถที่ตลาดด้วยนะ”
“ครับนายน้อย”
“ฝากบ้านด้วย” ที่จริงเขาอยากจะฝากใครอีกคนมากกว่า แต่ไม่ได้เอ่ยออกมา
“ครับ ผมจะดูแลอย่างดี ไม่ต้องห่วง” พร้อมกับเหลือบตามองไปที่เนตริยาที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ปกป้องเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว
“เนตร” เขาทอดเสียงอ่อนโยนแล้วเอื้อมมือไปกุมมือบอบบางนั้นไว้ ทั้งสองสบตากันนิ่ง แววตาห่วงใยอาทรของชายหนุ่มนั้นฉายชัด “ดูแลตัวเองดีๆ นะ ผมเป็นห่วง แล้วจะรีบกลับมา”
“ค่ะ” หล่อนตอบรับหนักแน่น อย่างจะให้เขาเชื่อใจว่าหล่อนจะไม่หนี จะไม่ทำให้เขาต้องห่วงกังวล “เดินทางปลอดภัยนะคะ”
การจากกันครั้งนี้ปกป้องรู้สึกใจหายบอกไม่ถูก เหมือนสังหรณ์ถึงลางร้ายบางอย่าง แต่ปัญหาเฉพาะหน้ากำลังรอเขาอยู่ เขามีคนป่วยที่เขาต้องช่วยชีวิต มันทำให้ปกป้องตัดอกตัดใจ ชายหนุ่มหันหลังให้เนตริยาแล้วก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนป่วยที่ท้ายกระบะ
เนตริยามองตาม รู้สึกใจหายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ปกป้องพาผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดสตูล เขาแจ้งที่แผนกฉุกเฉินถึงอาการของผู้ป่วยและขอส่งตัวผู้ป่วยให้แก่แพทย์เฉพาะทางโรคทางเดินหายใจ รอเพียงไม่นานเขาก็ได้พบแพทย์ที่ต้องการ เขาให้รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับอาการผู้ป่วย ประวัติการให้ยาปฏิชีวนะที่เขาเคยให้ ปัญหาการสูบบุหรี่และปอดที่ไม่แข็งแรงของคนไข้ รวมถึงอาการล่าสุดที่คนป่วยหายใจไม่สะดวกจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังจากนั้น แพทย์ก็รับคนป่วยเข้าไว้เป็นคนไข้ในเพื่อตรวจเชื้อ เพาะเชื้อและให้การรักษาอีกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 วันที่คนไข้จะต้องอยู่โรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้แสดงความชื่นชมปกป้องที่เขาตัดสินใจถูก นำคนไข้ส่งโรงพยาบาลก่อนที่อาการจะทรุดหนักมากกว่านี้
เมื่อคนป่วยได้รับการส่งต่อไปอยู่ในมือแพทย์ที่เชี่ยวชาญแล้ว ปกป้องก็โล่งใจ ส่วนลึกเขาอดนึกถึงบิดาไม่ได้ หากตอนนั้นเขารู้มาก่อนว่านายแพทย์
ปริญญ์ป่วยด้วยโรคเดียวกันนี้ เขาคงยื้อชีวิตท่านไว้ได้ ไม่ปล่อยให้สายเกินแก้
ดูเหมือนภาระรับผิดชอบต่อคนไข้เสร็จสิ้นลงแล้ว ปกป้องเกิดอาการอยากกลับบ้านขึ้นมาทันทีเพราะเป็นห่วงเนตริยามากมาย แต่ญาติคนไข้ทั้งหมดที่มาพร้อมกับรถยังอยากอยู่เฝ้าอาการที่โรงพยาบาล ทำให้ปกป้องไม่มีรถกลับ อีกทั้งเป็นเวลาเย็นแล้ว ไม่มีรถโดยสารออกในช่วงนี้เขาจำเป็นต้องค้างในเมืองอย่างที่เกรงไว้ตอนแรก และคิดว่าวันรุ่งขึ้นเขาคงต้องอาศัยรถตู้โดยสารที่มีเพียงเที่ยวเดียวกลับบ้าน อย่างที่บอกไว้กับแสวง
คืนนั้นปกป้องไปค้างโรงแรมในเมือง เขาไม่ได้เตรียมตัวมาค้างเลยต้องไปหาซื้อเสื้อยืดมาตัวหนึ่งเพื่อเปลี่ยนใส่กลับบ้าน
ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแต่ปกป้องก็ข่มตาให้หลับได้ยากยิ่ง ใบหน้าเนตริยามาอยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลา รอยยิ้มถูกใจยามที่เห็นชุดเสื้อผ้าที่เขาซื้อให้นั้น ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมา เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดดูรูปที่ถ่ายร่วมกันที่ไร่กาแฟ
ยามนี้ ปกป้องต้องยอมรับกับตัวเองแล้วว่า ไม่เพียงแต่ความห่วงใยที่เขามีต่อเนตริยา แต่ความคิดถึงหล่อนทุกลมหายใจเข้าออกนั้นคืออะไร หัวใจที่ร่ำร้องไม่อยากจากเธอไปไหน อยากแต่จะเห็นใบหน้าและดวงตางดงามคู่นั้นตลอดเวลา
มันคืออะไร ถ้าไม่ใช่ รัก
ปกป้องสะดุ้งกับความคิดนั้น นี่เราหลงรักเนตริยาอย่างนั้นหรือ ปกป้องถามตัวเองพร้อมกับรู้สึกแปลบๆ วูบไหวอยู่ในใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง นึกตำหนิตัวเองว่าทำไมเขาถึงได้ปล่อยใจให้ผู้หญิงคนนี้ได้มากมายขนาดนี้ เป็นเพราะเขาเหงาหรือเช่นไร หรือเพราะเขาไม่เคยมีโอกาสใกล้ชิดผู้หญิงคนไหนมากมายขนาดนี้
แล้วต่อจากนี้ไป เมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องพาหล่อนกลับไปส่งบ้าน เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายปลายทางของความผิดที่เขาก่อขึ้นมานี้ เขาคงไม่พ้นเข้าไปนอนอยู่ในคุก แถมอกหักอีกต่างหาก !
ดูเหมือนปกป้องต้องทำใจให้ยอมรับชะตากรรมนี้ตั้งแต่ต้นมือเสียแล้ว