สิ่งที่ควรทำไม่ทำ ! เพื่อไทย ซัดหนัก แจกเงินปิดปากปชช. -ไม่ช่วย น.ศ. ติดหนี้ กยศ
https://www.matichon.co.th/clips/news_3477542
‘ครูติ๋ว’ อนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ฉะ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ช่วย น.ศ. ติดหนี้ กยศ. ชี้ 2 ล้านคนจะถูกฟ้อง เสี่ยงถูกยึดทรัพย์เป็นแสน อัด ‘ประยุทธ์’ ไร้น้ำยาแก้ปัญหา ศก. แจกเงินคนละครึ่งปิดปาก ปชช.หมดความเชื่อมั่น ชมคลิปด้านล่าง
เลื่อนปรับขึ้นดอกเบี้ย ผลกระทบแบงก์ไทย
https://tna.mcot.net/business-987630
กรุงเทพฯ 28 ก.ค.- เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด 0.75% คาด กนง.ปรับขึ้นตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุหากแบงก์เลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะมีผลกระทบต่อระบบแบงก์ไทย
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุสัญญาณจากผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา สะท้อนว่า ไทยคงเข้าใกล้จังหวะการเริ่มปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว และจากแรงกดดันเงินเฟ้อของไทยที่อยู่ในระดับสูงทำให้น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้และเพิ่มเติมอีกในช่วงต้นปี 2566
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงดังเช่นปัจจุบัน ทำให้คาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำก่อน (หรือปรับขึ้นภายหลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่นาน) ขณะที่การปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานมีโอกาสเลื่อนจังหวะเวลาออกไปเพื่อช่วยเหลือลูกค้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานออกไป 3-6 เดือน จะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ประมาณ 0.04-0.06% และกระทบปี 2566 ประมาณ 0.08-0.18% เมื่อเทียบกับกรณีที่กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินกู้ปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายในภาวะปกติ
ก่อนหน้านี้นาย
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ระบุว่าหาก กนง. ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดใช้เวลาส่งผ่านไปถึงดอกเบี้ยของสถาบันการเงินในอีกประมาณ 3-6 เดือนข้างหน้า จะกระทบต่อต้นทุนของผู้กู้เงินอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือสถาบันการเงินให้พิจารณาผลกระทบที่จะมีต่อลูกค้า อย่าให้เกิดผลกระทบมากจนเกินไปจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด (27 ก.ค.) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% เพื่อหวังสกัดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง เป็นผลสืบเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านราคาที่ขยายกว้างขึ้น
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.25% -2.5% ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนถึง 3.4% ภายในสิ้นปีนี้ นาย
เจอโรม พาวเวลประธานเฟด ไม่คิดว่าสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะถดถอย เนื่องจากบริษัทในสหรัฐยังคงมีการจ้างงานเพิ่มเติม 350,000 ตำแหน่งในแต่ละเดือน
นาย
พาวเวล ส่งสัญญาณด้วยว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน ก.ย. แล้วเฟดก็อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดได้รับ โดยอัตราดอกเบี้ยในกรอบ 2.25-2.50% ถือเป็นกรอบที่คณะกรรมการเฟดมองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง ซึ่งหมายความว่านโยบายการเงินของเฟดไม่ได้อยู่ในลักษณะผ่อนคลายและไม่ได้อยู่ในลักษณะคุมเข้ม .-สำนักข่าวไทย
"ชูศักดิ์" ยัน สูตร หาร 500 ยังไงก็ขัด รธน.-ไม่ขอประเมิน สู่ ยึดอำนาจ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2458301
นายชูศักดิ์ ศิรินิล กมธ.ร่างพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ยัน สูตรหา ส.ส.หาร 500 ยังไงก็ขัด รธน. พร้อมสู้ยื่นศาลรธน.แน่นอน ซัด ถ้ารัฐบาลคิดแต่ได้ ประเทศจะวิบัติ ไม่อยากประเมิน จะนำไปสู่การยึดอำนาจ หรือไม่
ส.ส. กล่าวถึงกรณีรัฐสภา ให้กรรมาธิการพิจารณากฎหมายลูก มาเพิ่มเติมร่างกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 500 ว่า เสียงรัฐบาล ร่วมถึง ส.ว. ในคณะกรรมาธิการ เอียงไปทางหาร 500 เสียง การประชุมที่ผ่านมา ดำเนินการไปตามมติรัฐสภา มีการเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อแก้ให้สอดคล้องกับการหาร 500 เพื่อให้จบสิ้นกระบวนความ ส่วนกลุ่มที่เห็นด้วยกับหาร 100 ก็สงวนคำแปรญัตติไว้พูดในรัฐสภา แต่ที่สุดก็ขึ้นอยู่กับรัฐสภาว่า จะเห็นอย่างไร แต่พวกตนกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เห็นด้วยกับการหาร 100 จะไปอภิปรายในรัฐสภา ว่า ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มเติมบทบัญญัติในร่างกฎหมาย
โดยเหตุผลสำคัญ คือ การเพิ่มคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 23 เพื่อให้หาร 500 นั้นมันขัดรัฐธรรมนูญ จะเพิ่มอย่างไรก็ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 อยู่ดี แม้ว่าแนวโน้มการหาร 500 จะผ่านรัฐสภาแต่คิดว่า ยังไม่ยุติ เมื่อส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถ้า กกต.ตอบมาบอกไม่ขัด หรือสามารถปฏิบัติได้ พวกตนก็จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ต่อไป ยืนยันว่า กรรมาธิการในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าการหาร 500 ขัดมาตรา 91 จะขอยืนยันต่อสู้ต่อไปจนถึงที่สุด
นาย
ชูศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่า รัฐบาลจะพลิกเกม โดยให้กฎหมายตกไปแล้วกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแปลว่า รัฐบาลคิดอย่างเดียวว่า ใช้สูตรไหนจะได้เปรียบแล้วนำไปสู่สูตรนั้น การคิดเช่นนี้ไม่ได้คิดโดยปรัชญาการสร้างกฎหมาย เพราะปรัชญาของการสร้างกฎหมายต้องสร้างเพื่อเป็นธรรมเสมอภาคกันของทุกฝ่าย ไม่ใช่คิดจะเอาเปรียบว่า รัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา ถ้าประเทศเป็นเช่นนั้นก็ถึงการวิบัติ เพราะเพิ่งแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อปี 64 กฎหมายประกอบที่สร้างมาแล้วไม่พอใจก็ล้มเสีย คำถามคือพรรคที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญมา เห็นดีกับวิธีแบบนี้หรือ เพราะขาดความชอบธรรม เสียเวลาประเทศ และแสดงให้เห็นว่า ประเทศขาดไร้ซึ่งนิติรัฐนิติธรรมแบบสุดๆ
เมื่อถามว่า กังวลว่า จะนำไปสู่การยึดอำนาจหรือไม่ นาย
ชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็ไม่อยากประเมินไปถึงขนาดนั้น เพราะขณะนี้ประชาชนก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว ว่า ผลพวงการรัฐประหารเป็นอย่างไร เข้าใจว่า คงจะเกิดความวุ่นวายโกลาหล แน่นอน.
ก้าวไกลชวนจับตา จุดจบ ‘กม.ลูก’ แก้กติกาเพื่อใคร โวยซีก รบ.โดดประชุมร่วมจนเคยตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3478032
‘ณัฐวุฒิ’ ชวนจับตา ‘จุดจบ กม.ลูก’ 2-3 ส.ค.นี้ แก้กติกาเพื่อใคร โวยฝ่ายรัฐบาลโดดประชุมร่วมจนเคยตัว
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่…) พ.ศ. … ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว ว่าในขณะนี้กระบวนการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.ยังอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภา และ กมธ.ก็มีการแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 23 ที่มีการเปลี่ยนมาเป็นสูตรหาร 500 เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คงเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะมีการประชุม ซึ่งอาจจะเป็นวันที่ 2 หรือ 3 สิงหาคมอย่างน้อยที่สุดก็จะได้คำตอบว่ารัฐสภาจะมีทิศทางต่อการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.ทั้งหมดอย่างไร หากรัฐสภาผ่านให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และวาระ 3 ก็จะเป็นขั้นตอนที่จะต้องส่งให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องพิจารณาอีกรอบหนึ่ง
“แต่ถ้ารัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบ โดยเงื่อนไขของเวลาก็จะมีความยาก คงดูว่าสามารถยื่นกฎหมายลูกฉบับใหม่เข้ามาทันหรือไม่ หรือจะต้องกลับไปใช้ฉบับที่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) มา ที่ให้หาร 100 ส่วนประเด็นเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญยังไม่เห็นมีใครพูดกัน มีแต่พูดแค่เพียงว่า ในท้ายที่สุดกฎหมายลูกจะไปจบอย่างไรเสียมากกว่า ข่าวลือก็คงเป็นข่าวลือ”
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสที่จะกลับมาใช้บัตรใบเดียวหรือไม่ นาย
ณัฐวุฒิกล่าวว่า โดยกติกาของรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไข และเส้นทางของกฎหมายลูกถึงแม้จะผ่านหรือไม่ หรือแม้กระทั่งไม่สามารถทำตามกรอบเวลา 180 วัน ก็คือภายในวันที่ 15 สิงหาคม อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถเดินหน้าไปสู่การใช้บัตรใบเดียวได้ การใช้บัตรใบเดียวได้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นโดยกรอบเวลาของสภาชุดนี้ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก ทั้งทางฝ่ายค้านเองก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าเราเคารพเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขมาแล้ว และไม่ว่าจะเป็นเสียงเรียกร้องของประชาชนที่รู้สึกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งไม่ได้แก้ปัญหาตรงผลกระทบของประชาชน แต่เป็นเรื่องของการเมือง โอกาสที่จะย้อนกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่เฉพาะประเด็นนี้ตนคิดว่าแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก
เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรที่อาจจะมีการยื้อเวลาเพื่อให้กลับมาใช้หาร 100 นาย
ณัฐวุฒิกล่าวว่า ยังมีเวลาที่สามารถพิจารณาได้ทัน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้ง 2 สภา เพราะเป็นการใช้ที่ประชุมของรัฐสภา ซึ่งขณะนี้มีการเปิดพิจารณากฎหมายว่าด้วยโทษปรับทางพินัยไปจนถึงมาตราที่ 2 ซึ่งตนเป็นผู้อภิปรายคนสุดท้าย ซึ่งยังไม่มีการลงมติกันในเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. … มีทั้งหมด 45 มาตรา ในวันที่ 2 สิงหาคม หากการประชุมเดินหน้าไปตามกรอบที่ควรจะเป็นและสมาชิกอยู่กันครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งตนก็อยากเรียกร้องไปยัง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลด้วย เพราะสังเกตมาหลายครั้งในการประชุมร่วมรัฐสภามีแต่ฝ่ายค้านที่เป็นองค์ประชุมตลอด แต่ไม่ค่อยเห็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสักเท่าไหร่
JJNY : 5in1 เพื่อไทยซัดหนัก│เลื่อนขึ้นดอกเบี้ยกระทบแบงก์ไทย│ยันหาร500ขัดรธน.│กก.ชวนจับตา‘กม.ลูก’│ทหารปูตินยิงฮ.รัสเซียตก
https://www.matichon.co.th/clips/news_3477542
‘ครูติ๋ว’ อนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ฉะ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ช่วย น.ศ. ติดหนี้ กยศ. ชี้ 2 ล้านคนจะถูกฟ้อง เสี่ยงถูกยึดทรัพย์เป็นแสน อัด ‘ประยุทธ์’ ไร้น้ำยาแก้ปัญหา ศก. แจกเงินคนละครึ่งปิดปาก ปชช.หมดความเชื่อมั่น ชมคลิปด้านล่าง
เลื่อนปรับขึ้นดอกเบี้ย ผลกระทบแบงก์ไทย
https://tna.mcot.net/business-987630
กรุงเทพฯ 28 ก.ค.- เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด 0.75% คาด กนง.ปรับขึ้นตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุหากแบงก์เลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะมีผลกระทบต่อระบบแบงก์ไทย
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุสัญญาณจากผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา สะท้อนว่า ไทยคงเข้าใกล้จังหวะการเริ่มปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว และจากแรงกดดันเงินเฟ้อของไทยที่อยู่ในระดับสูงทำให้น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้และเพิ่มเติมอีกในช่วงต้นปี 2566
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงดังเช่นปัจจุบัน ทำให้คาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำก่อน (หรือปรับขึ้นภายหลังจากที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่นาน) ขณะที่การปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานมีโอกาสเลื่อนจังหวะเวลาออกไปเพื่อช่วยเหลือลูกค้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานออกไป 3-6 เดือน จะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ประมาณ 0.04-0.06% และกระทบปี 2566 ประมาณ 0.08-0.18% เมื่อเทียบกับกรณีที่กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและเงินกู้ปรับขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายในภาวะปกติ
ก่อนหน้านี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ระบุว่าหาก กนง. ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คาดใช้เวลาส่งผ่านไปถึงดอกเบี้ยของสถาบันการเงินในอีกประมาณ 3-6 เดือนข้างหน้า จะกระทบต่อต้นทุนของผู้กู้เงินอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือสถาบันการเงินให้พิจารณาผลกระทบที่จะมีต่อลูกค้า อย่าให้เกิดผลกระทบมากจนเกินไปจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด (27 ก.ค.) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% เพื่อหวังสกัดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง เป็นผลสืบเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น และแรงกดดันด้านราคาที่ขยายกว้างขึ้น
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.25% -2.5% ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนถึง 3.4% ภายในสิ้นปีนี้ นายเจอโรม พาวเวลประธานเฟด ไม่คิดว่าสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะถดถอย เนื่องจากบริษัทในสหรัฐยังคงมีการจ้างงานเพิ่มเติม 350,000 ตำแหน่งในแต่ละเดือน
นายพาวเวล ส่งสัญญาณด้วยว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน ก.ย. แล้วเฟดก็อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดได้รับ โดยอัตราดอกเบี้ยในกรอบ 2.25-2.50% ถือเป็นกรอบที่คณะกรรมการเฟดมองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง ซึ่งหมายความว่านโยบายการเงินของเฟดไม่ได้อยู่ในลักษณะผ่อนคลายและไม่ได้อยู่ในลักษณะคุมเข้ม .-สำนักข่าวไทย
"ชูศักดิ์" ยัน สูตร หาร 500 ยังไงก็ขัด รธน.-ไม่ขอประเมิน สู่ ยึดอำนาจ
https://www.thairath.co.th/news/politic/2458301
นายชูศักดิ์ ศิรินิล กมธ.ร่างพ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ยัน สูตรหา ส.ส.หาร 500 ยังไงก็ขัด รธน. พร้อมสู้ยื่นศาลรธน.แน่นอน ซัด ถ้ารัฐบาลคิดแต่ได้ ประเทศจะวิบัติ ไม่อยากประเมิน จะนำไปสู่การยึดอำนาจ หรือไม่
ส.ส. กล่าวถึงกรณีรัฐสภา ให้กรรมาธิการพิจารณากฎหมายลูก มาเพิ่มเติมร่างกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยการหาร 500 ว่า เสียงรัฐบาล ร่วมถึง ส.ว. ในคณะกรรมาธิการ เอียงไปทางหาร 500 เสียง การประชุมที่ผ่านมา ดำเนินการไปตามมติรัฐสภา มีการเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อแก้ให้สอดคล้องกับการหาร 500 เพื่อให้จบสิ้นกระบวนความ ส่วนกลุ่มที่เห็นด้วยกับหาร 100 ก็สงวนคำแปรญัตติไว้พูดในรัฐสภา แต่ที่สุดก็ขึ้นอยู่กับรัฐสภาว่า จะเห็นอย่างไร แต่พวกตนกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เห็นด้วยกับการหาร 100 จะไปอภิปรายในรัฐสภา ว่า ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มเติมบทบัญญัติในร่างกฎหมาย
โดยเหตุผลสำคัญ คือ การเพิ่มคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 23 เพื่อให้หาร 500 นั้นมันขัดรัฐธรรมนูญ จะเพิ่มอย่างไรก็ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 อยู่ดี แม้ว่าแนวโน้มการหาร 500 จะผ่านรัฐสภาแต่คิดว่า ยังไม่ยุติ เมื่อส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถ้า กกต.ตอบมาบอกไม่ขัด หรือสามารถปฏิบัติได้ พวกตนก็จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ต่อไป ยืนยันว่า กรรมาธิการในส่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าการหาร 500 ขัดมาตรา 91 จะขอยืนยันต่อสู้ต่อไปจนถึงที่สุด
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่า รัฐบาลจะพลิกเกม โดยให้กฎหมายตกไปแล้วกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแปลว่า รัฐบาลคิดอย่างเดียวว่า ใช้สูตรไหนจะได้เปรียบแล้วนำไปสู่สูตรนั้น การคิดเช่นนี้ไม่ได้คิดโดยปรัชญาการสร้างกฎหมาย เพราะปรัชญาของการสร้างกฎหมายต้องสร้างเพื่อเป็นธรรมเสมอภาคกันของทุกฝ่าย ไม่ใช่คิดจะเอาเปรียบว่า รัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา ถ้าประเทศเป็นเช่นนั้นก็ถึงการวิบัติ เพราะเพิ่งแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อปี 64 กฎหมายประกอบที่สร้างมาแล้วไม่พอใจก็ล้มเสีย คำถามคือพรรคที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญมา เห็นดีกับวิธีแบบนี้หรือ เพราะขาดความชอบธรรม เสียเวลาประเทศ และแสดงให้เห็นว่า ประเทศขาดไร้ซึ่งนิติรัฐนิติธรรมแบบสุดๆ
เมื่อถามว่า กังวลว่า จะนำไปสู่การยึดอำนาจหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็ไม่อยากประเมินไปถึงขนาดนั้น เพราะขณะนี้ประชาชนก็เห็นๆ กันอยู่แล้ว ว่า ผลพวงการรัฐประหารเป็นอย่างไร เข้าใจว่า คงจะเกิดความวุ่นวายโกลาหล แน่นอน.
ก้าวไกลชวนจับตา จุดจบ ‘กม.ลูก’ แก้กติกาเพื่อใคร โวยซีก รบ.โดดประชุมร่วมจนเคยตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3478032
‘ณัฐวุฒิ’ ชวนจับตา ‘จุดจบ กม.ลูก’ 2-3 ส.ค.นี้ แก้กติกาเพื่อใคร โวยฝ่ายรัฐบาลโดดประชุมร่วมจนเคยตัว
เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่…) พ.ศ. … ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งแบบใบเดียว ว่าในขณะนี้กระบวนการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.ยังอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภา และ กมธ.ก็มีการแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 23 ที่มีการเปลี่ยนมาเป็นสูตรหาร 500 เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็คงเป็นหน้าที่ของรัฐสภาที่จะมีการประชุม ซึ่งอาจจะเป็นวันที่ 2 หรือ 3 สิงหาคมอย่างน้อยที่สุดก็จะได้คำตอบว่ารัฐสภาจะมีทิศทางต่อการแก้ไขร่าง พ.ร.ป.ทั้งหมดอย่างไร หากรัฐสภาผ่านให้ความเห็นชอบในวาระ 2 และวาระ 3 ก็จะเป็นขั้นตอนที่จะต้องส่งให้องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องพิจารณาอีกรอบหนึ่ง
“แต่ถ้ารัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบ โดยเงื่อนไขของเวลาก็จะมีความยาก คงดูว่าสามารถยื่นกฎหมายลูกฉบับใหม่เข้ามาทันหรือไม่ หรือจะต้องกลับไปใช้ฉบับที่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) มา ที่ให้หาร 100 ส่วนประเด็นเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญยังไม่เห็นมีใครพูดกัน มีแต่พูดแค่เพียงว่า ในท้ายที่สุดกฎหมายลูกจะไปจบอย่างไรเสียมากกว่า ข่าวลือก็คงเป็นข่าวลือ”
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสที่จะกลับมาใช้บัตรใบเดียวหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า โดยกติกาของรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไข และเส้นทางของกฎหมายลูกถึงแม้จะผ่านหรือไม่ หรือแม้กระทั่งไม่สามารถทำตามกรอบเวลา 180 วัน ก็คือภายในวันที่ 15 สิงหาคม อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถเดินหน้าไปสู่การใช้บัตรใบเดียวได้ การใช้บัตรใบเดียวได้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นโดยกรอบเวลาของสภาชุดนี้ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก ทั้งทางฝ่ายค้านเองก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าเราเคารพเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขมาแล้ว และไม่ว่าจะเป็นเสียงเรียกร้องของประชาชนที่รู้สึกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งไม่ได้แก้ปัญหาตรงผลกระทบของประชาชน แต่เป็นเรื่องของการเมือง โอกาสที่จะย้อนกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่เฉพาะประเด็นนี้ตนคิดว่าแทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก
เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรที่อาจจะมีการยื้อเวลาเพื่อให้กลับมาใช้หาร 100 นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ยังมีเวลาที่สามารถพิจารณาได้ทัน ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้ง 2 สภา เพราะเป็นการใช้ที่ประชุมของรัฐสภา ซึ่งขณะนี้มีการเปิดพิจารณากฎหมายว่าด้วยโทษปรับทางพินัยไปจนถึงมาตราที่ 2 ซึ่งตนเป็นผู้อภิปรายคนสุดท้าย ซึ่งยังไม่มีการลงมติกันในเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. … มีทั้งหมด 45 มาตรา ในวันที่ 2 สิงหาคม หากการประชุมเดินหน้าไปตามกรอบที่ควรจะเป็นและสมาชิกอยู่กันครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งตนก็อยากเรียกร้องไปยัง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลด้วย เพราะสังเกตมาหลายครั้งในการประชุมร่วมรัฐสภามีแต่ฝ่ายค้านที่เป็นองค์ประชุมตลอด แต่ไม่ค่อยเห็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสักเท่าไหร่