JJNY : 5in1 เท้งขอโอกาสคนเชียงใหม่│ไอติมแจงยิบ ไม่ขัดรธน.│กองทัพมีไว้ทำไม?│ทองขึ้นฉ่ำๆ แรงมาก│สหราชอาณาจักรเผชิญหิมะ

เท้ง ขอโอกาสคนเชียงใหม่ ให้ ‘พันธุ์อาจ’ บริหาร อบจ. ย้ำอย่าเสียสมาธิ ปมแชตหลุดปลัดอำเภอ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4985244

 
หัวหน้าพรรคประชาชน ลงพื้นที่ตลาดประตูเชียงใหม่ ช่วยผู้สมัครนายก อบจ.หาเสียง ชูนโยบาย ‘4 อยู่’ อ้อนขอคะแนนเสียง ย้ำผู้สมัครอย่าเสียสมาธิ หลังแชตหลุดปลัดอำเภอสั่งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจับตาพรรคลงพื้นที่หาเสียง
 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 มกราคม ที่ตลาดประตูเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อม นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ และ นายภาคภูมิ กาญจน์วัฒนานนท์ ผู้สมัคร ส.อบจ. อ.เชียงใหม่ เขต 2 หาเสียงกับพ่อค้าแม่ค้า และประชาชน โดยระหว่างเดินหาเสียงได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี หลายคนขอถ่ายภาพกับนายณัฐพงษ์และนายพันธุ์อาจ รวมทั้งมอบพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้เป็นกำลังใจ และอวยพรให้ชนะการเลือกตั้ง อบจ.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
 
หลังนายณัฐพงษ์และทีมงานใช้เวลาเดินหาเสียงประมาณ 1 ชั่วโมง ได้เดินทางขึ้นรถสี่ล้อแดง เพื่อไปร่วมวงเสวนากับผู้ประกอบการ และนักธุรกิจสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี ที่ร้าน The Brick start up space ย่านถนนศิริมังคราจารย์ อ.เมือง ส่วนช่วงบ่ายจะเดินทางไปหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ. และ ส.อบจ.ที่ จ.ลำพูน
 
นายณัฐพงษ์เปิดเผยว่า หลังวันหยุดยาวปีใหม่ในฐานะหัวหน้าพรรคได้ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.และ ส.อบจ.เชียงใหม่ เป็นที่แรก เพราะเป็นพื้นที่สำคัญของพรรค ในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาก็ได้มาถึง 7 เขต จาก 10 เขต และคะแนนบัญชีรายชื่อก็ได้มาเป็นอันดับ 1 ฉะนั้น พ่อแม่พี่น้องชาวเชียงใหม่เคยไว้วางใจพรรคก้าวไกลอย่างไร ก็อยากให้ทุกคนมอบความไว้วางใจให้กับพรรคประชาชนอีกครั้ง เพราะเราสามารถสร้างความเปลี่ยนเปลงได้จริง ซึ่งผู้สมัครนายก อบจ.ก็มีประวัติที่ดี พร้อมอาสามารับใช้ชาวเชียงใหม่ ด้วยนโยบาย 4 อยู่ คืออยู่ดี คุณภาพชีวิตดี, อยู่ได้ ปากท้องเศรษฐกิจดี, อยู่อย่างยั่งยืน เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาพีเอ็ม2.5 และอยู่เย็น นโยบาย อบจ.โปร่งใส รับใช้ประชาชน
 
การลงพื้นที่หาเสียงครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าเป็นหลายอย่างดี หลายๆ คนบอกว่าครั้งที่แล้วเสียดายเลือกพรรคก้าวไกล แต่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เป็นนายก แต่ครั้งนี้เลือกนายก อบจ.ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะเป็นการเลือกนายกโดยตรง ถ้าเลือกนายพันธุ์อาจแล้ว ได้เป็นนายกแน่นอน” นายณัฐพงษ์ระบุ
 
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า ทุกสนามเลือกตั้งมีแพ้มีชนะอยู่แล้ว ยิ่งมีคู่แข่งขันมาก หรือมีคนเข้ามาช่วยหาเสียงมากก็เป็นสีสันในการเลือกตั้ง และประโยชน์ก็จะตกกับชาวเชียงใหม่ทุกคน พรรคประชาชนมีความมุ่งมั่นตั้งใจกับนโยบายทุกด้าน เรามั่นใจว่าถ้าได้เข้าไปบริหารงบประมาณของ อบจ.ปีละกว่าพันล้านบาท กับนโยบาย 4 อยู่ จะทำให้พี่น้องชาวเชียงใหม่มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่และปากท้องที่ดีขึ้น
 
ส่วนกรณีที่มีแชตปลัดอำเภอสั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ติดตามการหาเสียงของพรรคประชาชนในพื้นที่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า หากมีการดำเนินการเช่นนั้นก็ไม่ควรเกิดขึ้นกับฝ่ายบริหารที่ควบคุมส่วนราชการ ไม่ควรมีการสั่งการที่ใช้กลไกของรัฐ เพื่อจับตาผู้สมัครของพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ทราบว่าล่าสุดมีการตรวจสอบและสั่งย้ายแล้ว จึงขอส่งเสียงไปยังฝั่งรัฐบาลให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจริง และดำเนินการอย่างตรงเป็นตรงไป ด้วยความยุติธรรมให้ผู้สมัครแต่ละฝ่าย

นอกจากกรณีที่พบใน อ.ป่าซาง จ.ลำพูน แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีข่าวมาเพิ่มเติม แต่ถ้าทราบก็จะรีบส่งข้อมูลให้ทันที และคาดหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา ประเด็นที่เกิดขึ้นได้เน้นย้ำให้ทุกคนอย่าเสียสมาธิ ซึ่งปัจจัยภายนอกทั้งกลไกของรัฐ หรือกลไกอื่นๆ เช่น ฝั่งการเมืองท้องถิ่นที่เคยได้ยินว่ารุนแรงก็อย่าเสียสมาธิ เพราะเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ สิ่งที่สามารถควบคุมได้คือการเดินรณรงค์หาเสียงอย่างจริงจัง ตรงไปตรงมา เชื่อว่าจะทำให้เราได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนกลับคืนมา” นายณัฐพงษ์กล่าว
 
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากมีกลไกของรัฐ หรือกลไกอย่างใดอย่างหนึ่งที่สร้างความกดดันให้กับการหาเสียงของพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง หรือพรรคประชาชน เรามีหน้าที่จะส่งเสียงสะท้อนไปยังรัฐบาล พี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นในพื้นที่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีความบริสุทธิ์ โปร่งใส และตรงไปตรงมามากที่สุด ส่วนกรณีที่ผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงใหม่ ของพรรครายหนึ่งถูกตัดสิทธิอยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ แต่ผู้สมัครรายอื่นไม่มีปัญหาและพร้อมเดินหน้าหาเสียงเต็มที่ โดยช่วงโค้งสุดท้ายทางพรรคมีแผนจะเปิดเวทีปราศัยใหญ่ด้วย



ไอติม แจงยิบ ไม่ขัดรธน. หลังส.ว.สีน้ำเงินฮือค้าน ร่างแก้ไขฉบับปชน. บี้ครม.เสนอประกบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4985409

“ไอติม” แจงยิบ หลังส.ว.ค้านร่างแก้ 256 ของพรรค “ปชน.” ยืนยัน ไม่ขัดรธน.แน่ ยินดีพูดคุยรวมเสียงหนุน จี้ “ครม.” ทําตามนโยบาย เสนอร่างประกบด้วย

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาตรา 256 ของพรรค ปชน. ว่าเป็นการตัดอํานาจ ส.ว. และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะเปิดช่องแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 โดยไม่ต้องทำประชามติ ว่า ข้อทักท้วงเรื่องการตัดอํานาจ ส.ว.นั้น ในรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่าการแก้ไขมาตราใด ต้องผ่าน 3 เกณฑ์ ได้แก่

1. เสียงเกินครึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา
2. ได้เสียง 1 ใน 3 ของ ส.ว.
3. เสียง 20% ของฝ่ายค้าน ซึ่งพรรค ปชน.ต้องการให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านได้ง่ายขึ้น หากเป็นฉันทามติของผู้แทนจากการเลือกตั้ง จึงเสนอปรับให้เหลือ 2 เกณฑ์ ตัดการใช้เสียง 1 ใน 3 ของ ส.ว. ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขธรรมนูญมาโดยตลอด

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า แนวทางนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ฝ่ายการเมืองอื่นเคยเสนอ แม้กระทั่งในรายงานของกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ในสภาชุดที่แล้ว ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน รวมถึงร่างของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เคยเสนอตอนปี’67 แต่ไม่ได้บรรจุ ก็เสนอให้ใช้แค่เกณฑ์เสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ทั้งนี้ ร่างของพรรค ปชน. เข้มงวดกว่าแนวทางอื่นด้วยซ้ำ
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนข้อทักท้วงเรื่องการแก้ไข (8) นั้น รัฐธรรมนูญ 2560 กําหนดไว้ว่า การแก้ไขรายมาตราทั้ง 5 เรื่อง ได้แก่ 1.หมวด 1 2.หมวด 2
3.หมวด 15 4.คุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5.อำนาจองค์กรอิสระ จะใช้แค่ความเห็นชอบจากรัฐสภาไม่ได้ แต่ต้องทำประชามติปิดท้ายด้วย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเยอะเกินไป ต้องลดลง แต่ยังมีความเห็นต่างในรายละเอียด
 
นายพริษฐ์กล่าวว่า ยํ้าว่าข้อเสนอของพรรค ปชน. เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายเคยเสนอมาตลอด และไม่แตกต่างกับแนวทางของรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 และยืนยันว่าการแก้ไขมาตรา 256 (8) ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน
 
เมื่อถามว่า จะต้องพูดคุยทําความเข้าใจกับ ส.ว. เพื่อรวมเสียงสนับสนุนหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนยินดี และจะพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภาให้ได้กว้างขวางที่สุด เพื่อให้ร่างดังกล่าวได้รับความเห็นชอบในวาระ 1 ริเริ่มกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้สอดคล้องกับนโยบายพรรค ปชน. และรัฐบาล และหวังว่านายกรัฐมนตรี รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีบทบาทไปพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภา เพื่อให้เกิดความเห็นชอบ
 
เมื่อถามถึงการประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 8 มกราคมนี้ จะพูดคุยเรื่องวาระร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรบ้าง นายพริษฐ์กล่าวว่า คาดว่าทุกฝ่ายจะเห็นตรงกันตามที่เคยตกลงกันไว้ โดยร่างที่จะพิจารณาในวันที่ 14 มกราคม คือร่างแก้ไขมาตรา 256 ของพรรค ปชน. รวมถึงร่างของพรรคอื่นที่เสนอประกบเข้ามาทีหลัง ทั้งนี้ ตนขอถามว่า ครม.จะเสนอร่างของตัวเองเข้ามาด้วยหรือไม่ เพราะเป็นนโยบายที่เคยประกาศต่อรัฐสภา ดังนั้นควรจะมีร่าง ครม.มาประกบด้วยเช่นกัน
 

 
นิพิฏฐ์ เดือดถาม รบ.-กองทัพมีไว้ทำไม? ข้องใจเงียบกริบ กรณีช่วย 4 ลูกเรือประมง เหมือนกลัวพม่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4985682

นิพิฏฐ์ เดือดถาม รบ.-กองทัพมีไว้ทำไม? ข้องใจเงียบกริบ กรณีช่วย 4 คนไทย เหมือนกลัวพม่า
 
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุงหลายสมัย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถาม “เรามีรัฐบาล และ กองทัพไว้ทำไม” แสดงความคิดเห็นกรณีที่ 4 ลูกเรือประมงไทยถูกจับที่ประเทศพม่าว่า
 
ผมเสียใจที่พม่าไม่ปล่อยคนไทย ตามที่รัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูดไว้ มิใช่ผมจะเข้าข้างคนไทยโดยไร้เหตุผล หากคนไทยรุกล้ำเข้าไปในน่านน้ำเขา ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย -แต่ผมแปลกใจที่รัฐบาลและกองทัพเงียบเป็นเป่าสาก เหมือนกลัวพม่าจนไม่กล้าพูดอะไรเลย
ผมจำได้ว่า หลักการรบ ทหารไม่จำเป็นต้องฟังพลเรือน หลักการนี้ ทหารใช้มาตั้งแต่สมัยโรมันแล้ว กล่าวคือ เมื่อทหารเริ่มชักกระบี่ทำการรบแล้ว แม้แต่จักรพรรดิก็ห้ามไม่ได้ ทหารได้รับอาญาสิทธิ์เต็มที่ในการรบ เพราะทหารรู้เรื่องการรบมากกว่าพลเรือน
 
น่าเสียดาย เมื่อนักการเมืองยอมให้กองทัพเพื่อนบ้านฆ่าพลเรือนสัญชาติของตนเอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและกองทัพ กลับเงียบกริบ มิได้ปกป้องพลเรือน
 
ผมมิได้นับศพคนไทยว่า ตายมากน้อยเท่าไหร่ สำหรับผมแล้วพลเรือนไทยตายด้วยเรือรบต่างชาติ 1 คน ก็เสียศักดิ์ศรีเท่ากับตาย 1,000 คน
นอกจาก พลเรือนตายแล้ว ผู้ที่ถูกจับกุมก็ยังมิได้ถูกปล่อย ตามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูดไว้
 
วันนี้ ผมเลยมีคำถาม ว่า
 
1. กองทัพมีไว้ทำไม กองทัพช่วยน้ำท่วมก็ดีอยู่หรอก แต่นั่นเป็นงานเสริม งานหลักของกองทัพ คือป้องกันประเทศและป้องกันพลเมืองไทยจากคมกระสุนปืนของทหารต่างชาติมิใช่หรือ?
 
2. รัฐบาลมีไว้ทำไม ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย คนไทยรวบรวมเงินคนละ 10 บาท 20 บาท ไถ่คนไทยกลับมาตุภูมิดีกว่า
 
3. สุดท้ายใครรู้ช่วยตอบทีว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ เรือดำน้ำ จะซื้อไปทำอะไร?

https://www.facebook.com/nipit.in/posts/pfbid02ojyT7YjNtgM8sGUEwH2j5Y3go1pod3c2FG2qQD5XqLCNT5qeAPntWNrJzRtHu41cl
 

 
ทองขึ้นฉ่ำๆ แรงมาก
https://www.innnews.co.th/video/hot-clips/news_824658/
 
ร้อนแรงซะเหลือเกินสำหรับราคาทองต้นปี 2568 ที่พุ่งทะยานขึ้น เพราะเพียงแค่ 3 วันระหว่างวันที่ 1-3 มกราคม ราคาทองในประเทศปรับขึ้นแล้ว 900 บาทต่อบาททองคำ ก่อนที่จะปรับลง 150 บาทต่อบาททองคำในเช้าวันเสาร์ที่ 4 มกราคม 2568
 
โดยล่าสุด ราคาทองคำแท่ง 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ รับซื้อบาทละ 43,050 บาท ขายออก 43,150 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 42,281 บาท 24 สต. ขายออก 43,650 บาท ส่วนภาพรวมปี 2567 ราคาทองปรับขึ้น 8,750 บาทต่อบาททองคำ
 
ทั้งนี้ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ได้คุยกับ “นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด ถึงแนวโน้มทิศทางราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot และราคาทองในประเทศปี 2568 โดย “นพ.กฤชรัตน์” กล่าวว่า ในไตรมาส 1 เชื่อว่าราคาทองจะไม่ไปไหนไกล เพราะรอดูนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่