‘พรรคประชาชน’เปิดศักราชใหม่ 2568 ลุยศึก อบจ.จันทบุรี.
https://www.dailynews.co.th/news/4248116/
‘พรรคประชาชน’ เปิดศักราชใหม่ 2568 ลุยศึก อบจ.จันทบุรี ‘ศิริกัญญา-อมรัตน์-วิโรจน์’ จ่อคาราวาน 3 สาย ‘มานะ...มาแน่’ สีส้มพร้อมเปลี่ยนประเทศไทย.
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชน (ปชน.) เกี่ยวกับการปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้ง อบจ.จันทบุรี ว่า เดิมพรรคประชาชนส่งขุนพลอย่าง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ตั้งเเต่เดือน พ.ย. เพื่อช่วยผลักดัน นาย
มานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.จันทบุรี หมายเลข 1 ลุยหาเสียงตั้งแต่โค้งแรก จนถึงโค้งสุดท้าย วันเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ. นั้น
ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม โดยในปีนี้พรรคประชาชนจะเปิดศักราชใหม่ 2568 ด้วยการจัดคาราวานใหญ่ 3 สาย ”
มานะ…มาแน่“ ระดมทีมงานและผู้นำพรรคลงพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ในวันที่ 4 ม.ค. สายที่ 1 นำโดย อาทิ น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ อ.สอยดาว สายที่ 2 นำโดย นาง
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไปตลาดพลอย อ.เมือง สายที่ 3 นาย
วิโรจน์ นำขบวนคาราวานไป อ.ท่าใหม่ สำหรับนโยบายที่นายมานะ พร้อมเร่งทำทันที คือการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรจันทบุรี นโยบายนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำดิบสำหรับสวนผลไม้ น้ำประปาที่มีคุณภาพ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวโฮมสเตย์ ส่วนนโยบาย อื่นๆ อาทิ การจัดหาโดรนและติดตั้งกล้อง AI สำหรับเฝ้าระวังช้างป่า การสนับสนุนงบประมาณฟื้นฟูอาชีพประมง รองรับ พ.ร.บ.ประมงฉบับใหม่ การพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และการใช้ระบบแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล เป็นต้น
ด้านนายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์ ว่า สนามเลือกตั้งนายก อบจ.จันทบุรี คือโอกาสทองที่พรรคประชาชน ตั้งใจใช้เป็นเวทีแสดงความสามารถในการบริหารที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เป้าหมายคือการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่าพรรคพร้อมจะก้าวสู่การเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 พรรคประชาชนมุ่งมั่นจะเปลี่ยนอนาคตของจันทบุรี ให้เป็นต้นแบบการพัฒนาที่จับต้องได้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า สีส้มพร้อมเปลี่ยนแปลงประเทศไทย.
สลด! วันเดียวดับ 50ราย เกิดอุบัติเหตุ339ครั้ง ขับรถเร็วสาเหตุอันดับหนึ่ง ปภ.สั่งทุกจว.เข้ม
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9573393
ปภ. สรุปยอดอุบัติเหตุ 1 ม.ค. เกิด 339 ครั้ง ดับ 50 ราย ขับรถเร็ว ครองสาเหตุอันดับหนึ่ง สั่งทุกจังหวัดคุมเข้ม ประชาชนเดินทางกลับ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ม.ค.2568 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดทำงานหลังจากเทศกาลปีใหม่ ซึ่งประชาชนบางส่วนได้เดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่างๆ แล้ว
ขณะเดียวกันยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางสายหลัก เส้นทางสายรอง รวมถึงถนนในชุมชนหมู่บ้าน ยังคงมีปริมาณรถหนาแน่น และเมื่อคืน( 1 ม.ค.) ที่ผ่านมาหลังการเฉลิมฉลองปีใหม่ ประชาชนบางส่วนได้เดินทางกลับทันทีทำให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะเกิดความเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้น
จึงได้ประสานทุกจังหวัดให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยให้เข้มข้นการตั้งด่านตรวจจุดตรวจ จุดสกัด บนถนนสายหลักเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง เพื่อกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับรถเร็ว การดื่มแล้วขับ การไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่คาดเข้มขัดนิรภัย หากพบผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว
นอกจากนี้ ให้ขนส่งจังหวัดดูแลความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ใช้รถโดยสารสาธารณะในการเดินทาง ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมรถบริการรับ – ส่งผู้โดยสารจากสถานีขนส่งต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว และตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถและรถขนส่งสินค้า
โดยจะต้องเปลี่ยนคนขับให้ปฏิบัติงานติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง หยุดพักขับรถไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนขับรถต่อได้อีกไม่เกิน 4 ชั่วโมง หรือมีพนักงานขับรถอย่างน้อย 2 คน เพื่อผลัดกันทำหน้าที่ และให้มีการตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพปลอดภัยก่อนเดินทาง
ศปถ. ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถเร็วซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 6 โดยเน้นย้ำให้ใช้กลไกพื้นที่ โดยเฉพาะการตั้งด่านชุมชนหรือด่านครอบครัว เพื่อป้องปรามผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง
ทั้งนี้ ขอฝากให้ประชาชนขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด สวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทั้งหมวกนิรภัยและเข็มขัดนิรภัย และมีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง ตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะ เส้นทางการเดินทาง รวมถึงสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง หากขับรถเป็นเวลานาน รู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลีย ให้จอดพัก ณ จุดบริการประชาชน หรือจุดพักรถที่ทางราชการจัดสรรไว้ให้ตลอดเส้นทางการเดินทาง
สำหรับประชาชนที่พบเห็นหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อนผ่าน Line@1784DDPM เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ด้านนาง
ยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า สำหรับประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ได้เดินทางกลับกรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจนั้น คาดว่าประชาชนกลุ่มนี้จะยังอยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องไปจนถึงวันเสาร์และวันอาทิตย์ และอาจเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรและเสริมสิริมงคลรับปีใหม่
กระทรวงวัฒนธรรมได้ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนำแนวทางการขับขี่ปลอดภัย แนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ไปติดตั้งประชาสัมพันธ์ตามศาสนสถานต่าง ๆ เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมค่านิยมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยและสร้างการตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนให้แก่ประชาชน ซึ่งจะช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ลดจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 1 ม.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ “
ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. 2568 เกิดอุบัติเหตุ 339 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 346 คน ผู้เสียชีวิต 50 ราย
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.94 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 31.56 ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 16.81 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.42 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 81.12 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.71 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.09
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 00.01 – 01.00 น. เวลา 01.01-02.00 น. และเวลา 18.01-19.00 น.ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี ร้อยละ 24.49 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,774 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,744 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
สุราษฎร์ธานี (24 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (36 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (7 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,739 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,694 คน ผู้เสียชีวิต รวม 272 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 8 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (63 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (73 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (จังหวัดละ 12 ราย)
ค่าฝุ่นขอนแก่นพุ่งสูงปี๊ด เตือนสวมใส่หน้ากากอนามัย
https://www.innnews.co.th/news/news_823748/
ค่าฝุ่นขอนแก่นพุ่งสูงปี๊ด วัดระดับเช้านี้ 162 AQI เตือนสวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะออกพื้นที่โล่ง
สภาพอากาศโดยทั่วไป โดยเฉพาะในเขต จ.ขอนแก่น วันนี้ปกคลุมไปด้วยฝุ่นะลอองขนาดเล็ก ซึ่งจากการตรวจสอบค่าระดับฝุ่นล่าสุดพบว่าภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 วัดระดับได้ที่ 162 AQI จัดอยู่ในระดับสีแดง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคารเป็นเวลานาน ขณะที่กลุ่มคนที่มีปัญหาหรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะออกนอกอาคารเนื่องจากอาจจะได้รับผลกระทบรุนแรงทำให้ประชาชนชาวขอนแก่นที่ติดตามสถานการณ์ต่างพากันสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะออกพื้นที่โล่งอย่างเข้มงวด
นาย
ธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายก ทน.ขอนแก่น กล่าวว่า เทศบาลฯได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นในเขตเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้จัดอยู่ในระดับสีแดง จึงได้มีการประสานการแจ้งเตือนชุมชนให้การให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะออกพื้นที่โล่ง หรือการทำกิจกรรมในพื้นที่โล่งหรือนอกอาคารเป็นเวลานานเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังคงมอบหมายให้งานป้องกันฯเร่งทำการพ่นละอองน้ำเพื่อสลายฝุ่นในเขตชุมชนอย่างเข้มงวด
“
เรามีการติดตามสถานการณืฝุ่นอย่างต่อเนื่องทุกวัน เพื่อแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้กับชุมชนได้รับทราบ รวมทั้งการจัดกำลังฝ่ายป้องกันฯประสานงานร่วมกับฝ่ายสาธารณสุขฯ ในการเร่งชำระล้างสิ่งปฎิกูล บนท้องถนน รวมทั้งการส่งรถน้ำไปประจำในพื้นที่ชุมชนที่มีคนหนาแน่นเพื่อทำการพ่นละอองน้ำสลายฝุ่น อย่างไรก็ตามยังคงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ในการงดเผาในรูปแบบต่างๆอย่างเข้มงวดด้วย”
JJNY : ‘พรรคปชน.’เปิดศักราชใหม่ 2568│สลด! วันเดียวดับ 50 ราย│ค่าฝุ่นขอนแก่นพุ่งสูงปี๊ด│จีนปี 67 ร้อนสุดเป็นประวัติการณ์
https://www.dailynews.co.th/news/4248116/
‘พรรคประชาชน’ เปิดศักราชใหม่ 2568 ลุยศึก อบจ.จันทบุรี ‘ศิริกัญญา-อมรัตน์-วิโรจน์’ จ่อคาราวาน 3 สาย ‘มานะ...มาแน่’ สีส้มพร้อมเปลี่ยนประเทศไทย.
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชน (ปชน.) เกี่ยวกับการปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้ง อบจ.จันทบุรี ว่า เดิมพรรคประชาชนส่งขุนพลอย่าง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ตั้งเเต่เดือน พ.ย. เพื่อช่วยผลักดัน นายมานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.จันทบุรี หมายเลข 1 ลุยหาเสียงตั้งแต่โค้งแรก จนถึงโค้งสุดท้าย วันเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ. นั้น
ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม โดยในปีนี้พรรคประชาชนจะเปิดศักราชใหม่ 2568 ด้วยการจัดคาราวานใหญ่ 3 สาย ”มานะ…มาแน่“ ระดมทีมงานและผู้นำพรรคลงพื้นที่ทั่วทั้งจังหวัด ในวันที่ 4 ม.ค. สายที่ 1 นำโดย อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ อ.สอยดาว สายที่ 2 นำโดย นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ไปตลาดพลอย อ.เมือง สายที่ 3 นายวิโรจน์ นำขบวนคาราวานไป อ.ท่าใหม่ สำหรับนโยบายที่นายมานะ พร้อมเร่งทำทันที คือการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรจันทบุรี นโยบายนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำดิบสำหรับสวนผลไม้ น้ำประปาที่มีคุณภาพ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวโฮมสเตย์ ส่วนนโยบาย อื่นๆ อาทิ การจัดหาโดรนและติดตั้งกล้อง AI สำหรับเฝ้าระวังช้างป่า การสนับสนุนงบประมาณฟื้นฟูอาชีพประมง รองรับ พ.ร.บ.ประมงฉบับใหม่ การพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และการใช้ระบบแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล เป็นต้น
ด้านนายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์ ว่า สนามเลือกตั้งนายก อบจ.จันทบุรี คือโอกาสทองที่พรรคประชาชน ตั้งใจใช้เป็นเวทีแสดงความสามารถในการบริหารที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เป้าหมายคือการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่าพรรคพร้อมจะก้าวสู่การเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 พรรคประชาชนมุ่งมั่นจะเปลี่ยนอนาคตของจันทบุรี ให้เป็นต้นแบบการพัฒนาที่จับต้องได้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า สีส้มพร้อมเปลี่ยนแปลงประเทศไทย.
สลด! วันเดียวดับ 50ราย เกิดอุบัติเหตุ339ครั้ง ขับรถเร็วสาเหตุอันดับหนึ่ง ปภ.สั่งทุกจว.เข้ม
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9573393
ปภ. สรุปยอดอุบัติเหตุ 1 ม.ค. เกิด 339 ครั้ง ดับ 50 ราย ขับรถเร็ว ครองสาเหตุอันดับหนึ่ง สั่งทุกจังหวัดคุมเข้ม ประชาชนเดินทางกลับ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ม.ค.2568 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดทำงานหลังจากเทศกาลปีใหม่ ซึ่งประชาชนบางส่วนได้เดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่างๆ แล้ว
ขณะเดียวกันยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางสายหลัก เส้นทางสายรอง รวมถึงถนนในชุมชนหมู่บ้าน ยังคงมีปริมาณรถหนาแน่น และเมื่อคืน( 1 ม.ค.) ที่ผ่านมาหลังการเฉลิมฉลองปีใหม่ ประชาชนบางส่วนได้เดินทางกลับทันทีทำให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะเกิดความเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มสูงขึ้น
จึงได้ประสานทุกจังหวัดให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเข้มข้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยให้เข้มข้นการตั้งด่านตรวจจุดตรวจ จุดสกัด บนถนนสายหลักเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง เพื่อกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับรถเร็ว การดื่มแล้วขับ การไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่คาดเข้มขัดนิรภัย หากพบผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว
นอกจากนี้ ให้ขนส่งจังหวัดดูแลความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ใช้รถโดยสารสาธารณะในการเดินทาง ขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมรถบริการรับ – ส่งผู้โดยสารจากสถานีขนส่งต่าง ๆ ให้เพียงพอต่อการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว และตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถและรถขนส่งสินค้า
โดยจะต้องเปลี่ยนคนขับให้ปฏิบัติงานติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง หยุดพักขับรถไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนขับรถต่อได้อีกไม่เกิน 4 ชั่วโมง หรือมีพนักงานขับรถอย่างน้อย 2 คน เพื่อผลัดกันทำหน้าที่ และให้มีการตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพปลอดภัยก่อนเดินทาง
ศปถ. ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถเร็วซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 6 โดยเน้นย้ำให้ใช้กลไกพื้นที่ โดยเฉพาะการตั้งด่านชุมชนหรือด่านครอบครัว เพื่อป้องปรามผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง
ทั้งนี้ ขอฝากให้ประชาชนขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด สวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทั้งหมวกนิรภัยและเข็มขัดนิรภัย และมีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง ตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะ เส้นทางการเดินทาง รวมถึงสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง หากขับรถเป็นเวลานาน รู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลีย ให้จอดพัก ณ จุดบริการประชาชน หรือจุดพักรถที่ทางราชการจัดสรรไว้ให้ตลอดเส้นทางการเดินทาง
สำหรับประชาชนที่พบเห็นหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อนผ่าน Line@1784DDPM เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ด้านนางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า สำหรับประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ได้เดินทางกลับกรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจนั้น คาดว่าประชาชนกลุ่มนี้จะยังอยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องไปจนถึงวันเสาร์และวันอาทิตย์ และอาจเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรและเสริมสิริมงคลรับปีใหม่
กระทรวงวัฒนธรรมได้ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนำแนวทางการขับขี่ปลอดภัย แนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ไปติดตั้งประชาสัมพันธ์ตามศาสนสถานต่าง ๆ เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมค่านิยมเรื่องการขับขี่ปลอดภัยและสร้างการตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนให้แก่ประชาชน ซึ่งจะช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ ลดจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตได้อีกทางหนึ่ง
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 1 ม.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. 2568 เกิดอุบัติเหตุ 339 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 346 คน ผู้เสียชีวิต 50 ราย
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.94 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 31.56 ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 16.81 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.42 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 81.12 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.71 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.09
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 00.01 – 01.00 น. เวลา 01.01-02.00 น. และเวลา 18.01-19.00 น.ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี ร้อยละ 24.49 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,774 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,744 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
สุราษฎร์ธานี (24 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (36 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (7 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 6 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,739 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,694 คน ผู้เสียชีวิต รวม 272 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 8 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (63 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (73 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี (จังหวัดละ 12 ราย)
ค่าฝุ่นขอนแก่นพุ่งสูงปี๊ด เตือนสวมใส่หน้ากากอนามัย
https://www.innnews.co.th/news/news_823748/
ค่าฝุ่นขอนแก่นพุ่งสูงปี๊ด วัดระดับเช้านี้ 162 AQI เตือนสวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะออกพื้นที่โล่ง
สภาพอากาศโดยทั่วไป โดยเฉพาะในเขต จ.ขอนแก่น วันนี้ปกคลุมไปด้วยฝุ่นะลอองขนาดเล็ก ซึ่งจากการตรวจสอบค่าระดับฝุ่นล่าสุดพบว่าภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 วัดระดับได้ที่ 162 AQI จัดอยู่ในระดับสีแดง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคารเป็นเวลานาน ขณะที่กลุ่มคนที่มีปัญหาหรือโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะออกนอกอาคารเนื่องจากอาจจะได้รับผลกระทบรุนแรงทำให้ประชาชนชาวขอนแก่นที่ติดตามสถานการณ์ต่างพากันสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะออกพื้นที่โล่งอย่างเข้มงวด
นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายก ทน.ขอนแก่น กล่าวว่า เทศบาลฯได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นในเขตเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันนี้จัดอยู่ในระดับสีแดง จึงได้มีการประสานการแจ้งเตือนชุมชนให้การให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะออกพื้นที่โล่ง หรือการทำกิจกรรมในพื้นที่โล่งหรือนอกอาคารเป็นเวลานานเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังคงมอบหมายให้งานป้องกันฯเร่งทำการพ่นละอองน้ำเพื่อสลายฝุ่นในเขตชุมชนอย่างเข้มงวด
“เรามีการติดตามสถานการณืฝุ่นอย่างต่อเนื่องทุกวัน เพื่อแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้กับชุมชนได้รับทราบ รวมทั้งการจัดกำลังฝ่ายป้องกันฯประสานงานร่วมกับฝ่ายสาธารณสุขฯ ในการเร่งชำระล้างสิ่งปฎิกูล บนท้องถนน รวมทั้งการส่งรถน้ำไปประจำในพื้นที่ชุมชนที่มีคนหนาแน่นเพื่อทำการพ่นละอองน้ำสลายฝุ่น อย่างไรก็ตามยังคงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ในการงดเผาในรูปแบบต่างๆอย่างเข้มงวดด้วย”