ณัฐพงษ์ขอคนไทยอย่าทิ้งความหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงในปีใหม่ ชวนติดตามรอยร้าวพรรคร่วมรัฐบาล
https://thestandard.co/nattapong-urges-hope-change-2025-coalition-cracks/
วันนี้ (1 มกราคม) ที่อาคารรัฐสภา
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอวยพรประชาชนเนื่องในโอกาสปีใหม่ 2568 โดยระบุว่า อยากให้ทุกคนมองปี 2568 เป็นปีแห่งความหวัง ถึงประเทศไทยจะมีความท้าทายทั้งจากบริบทโลกและจากระบบการเมืองในประเทศก็ตาม แต่เมื่อไรก็ตามที่เราทิ้งความหวัง เราจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
ณัฐพงษ์กล่าวด้วยว่า เรื่องการเมืองท้องถิ่น อยากให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิใช้เสียงกันมากๆ เพื่อให้ได้ตัวแทนในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาล ที่จะเลือกตั้งในปีนี้ให้มาทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ
ณัฐพงษ์ระบุต่อไปว่า อยากให้ประชาชนช่วยกันผลักดันวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้สามารถปลดล็อกด่านแรกได้แล้วคือเรื่องการทำประชามติ สามารถทำเพียงแค่ 2 ครั้งได้ ประธานรัฐสภายอมบรรจุในระเบียบวาระ อยู่ที่ฝ่ายการเมืองว่าจะเอาอย่างไร มีเพียงเสียงของประชาชนเท่านั้นที่จะกดดันฝ่ายการเมืองได้
นอกจากนี้ยังอยากให้ร่วมกันผลักดันปณิธานประชาชน 2568 ไปด้วยกัน ช่วยกันส่งเสียงสนับสนุนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศทั้ง 6 ชุดของพรรคประชาชน และจะมีชุดกฎหมายที่มากกว่านี้ในอนาคต
สำหรับการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านในปี 2567
ณัฐพงษ์ระบุว่า เดินหน้าทำงานเต็มที่เหมือนเดิม สม่ำเสมอ ตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล เช่น การเสนอกฎหมายในสภา ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่การยุบพรรคก้าวไกลในเดือนสิงหาคม จนถึงสิ้นปี เรายังไม่ได้มีโอกาสหรือมีเวทีแสดงพลังในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น แต่ยืนยันว่าเราทำหน้าที่อย่างคงเส้นคงวาและตรงไปตรงมาเหมือนเดิม
สำหรับรายละเอียดการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในต้นปี 2568
ณัฐพงษ์เปิดเผยว่า ตามที่หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรอบเวลาจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมแน่นอน เรื่องการจัดสรรโควตาอภิปรายก็จะหารือต่อไป แต่รายละเอียดของเนื้อหาอภิปรายยังไม่ได้หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และแนวปฏิบัติที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะไม่ได้แบ่งปันข้อมูลกัน เพราะการทำงานก็จะต่างจากรัฐบาล แต่ละฝ่ายจะมีข้อมูลของตนเอง
เมื่อถามว่า สำหรับอุดมการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้านที่แตกต่างกันนั้นจะแก้ไขอย่างไร
ณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่น่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลเองก็อาจแสดงออกว่าไม่ได้เกิดเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมยกกรณีล่าสุดเป็นตัวอย่างว่า เรื่องการชะลอซื้อพลังของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานแทน จะเห็นว่าจุดยืนที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงออกมาตลอด แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกลับแสดงออกอย่างชัดเจน ตามที่เคยส่งหนังสือมาก่อนหน้านี้ และสามารถสั่งชะลอการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าได้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเสนอกฎหมายจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนจะผลักดัน แต่สุดท้ายก็ถูกแตะเบรก เพราะมีรอยร้าวของความเห็นไม่ตรงกันในพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนตัวมองว่าสิ่งเหล่านี้น่าติดตามต่อไปในปีหน้า
10 วันอันตรายช่วงปีใหม่! 5 วันดับ 215 "ศปถ." กำชับเข้มรองรับช่วงทยอยเดินทางกลับ
https://siamrath.co.th/n/591329
วันที่ 1ม.ค.2568 เวลา 10.30 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นาย
สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่พ.ศ.2568 ประจำวันที่ 1ม.ค.2568 เปิดเผยว่า ในวันนี้ประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่าง ๆ ทำให้เส้นทางหลักและเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด มีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบกับเมื่อคืนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ อาจทำให้ผู้ขับรถที่จะเดินทางกลับในวันนี้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการง่วงแล้วขับได้ นอกจากนี้ยังมีประชาชนบางส่วนยังคงเฉลิมฉลองเทศกาลต้อนรับปีใหม่ต่อในพื้นที่ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) จึงได้ประสานให้จังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมของด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด จุดบริการ เพื่อรองรับการเดินทางสัญจรของประชาชนในการเดินทางกลับ รวมถึงบริหารจัดการการจราจร ทั้งสายหลักและสายรองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดคับคั่ง อีกทั้งเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายตาม “
มาตรการ 10 ข้อหาหลัก” กับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเข้มข้น จริงจัง และต่อเนื่อง ทั้งการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ตลอดจนอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยของประชาชน ตรวจสอบประชาชนและนักท่องเที่ยวในสถานีขนส่งต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะและรถขนส่งสินค้าให้ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจสอบสภาพรถให้มีความพร้อมในการเดินทาง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร
รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อมบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับผู้ประสบเหตุ ช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนการดำเนินงานและลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยประสานขอความร่วมมือหน่วยปฏิบัติการแพทย์ทางบก น้ำ อากาศ กับหน่วยปฏิบัติการอำนวยการในทุกเขตสุขภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกปฏิบัติการฉุกเฉิน ส่วนศูนย์นเรนทร ได้เตรียมความพร้อมกำลังคนเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการอำนวยการ และศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิตามนโยบาย “
เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ สาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนตั้งแต่ต้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ด้านนาย
สหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 กล่าวว่า ศปถ. ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็วและดื่มแล้วขับบนเส้นทางสายหลักและสายรองในช่วงเวลามีสถิติอุบัติเหตุสูง และเน้นย้ำให้ด่านชุมชนปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่และไม่ขับขี่ด้วยความคึกคะนองและเสี่ยงอันตราย รวมถึงเตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอฝากประชาชนให้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ด้วยความไม่ประมาทและเพิ่มความระมัดระวังอุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงดูแลสภาพร่างกายให้พร้อมขับขี่ และตรวจเช็คสภาพรถให้ปลอดภัยก่อนออกเดินทางกลับ เพื่อให้การเริ่มต้นปีใหม่ 2568 เป็นไปด้วยความสุขและความปลอดภัย สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784
ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 31ธ.ค.2567 ซึ่งเป็นวันที่5ของการรณรงค์ “
ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31ธ.ค. เกิดอุบัติเหตุ 262 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 245 คน ผู้เสียชีวิต 36 รายสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 42.75 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.43 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ21.37 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 89.93 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ76.72 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.84 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.92
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 00.01 - 01.00 น. เวลา 17.01 – 18.00 น. และเวลา 18.01 – 19.00 น. ร้อยละ 8.02 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 18.51 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,781 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,639 คน
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (12 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (จังหวัดละ 11 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (5 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (27 – 31ธ.ค.2567) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,398 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,354 คน ผู้เสียชีวิต รวม 215 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 11 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา (44 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ภูเก็ต (43 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และนนทบุรี (จังหวัดละ 10 ราย)
กูรู มองข้อดี-ข้อเสียรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ400บาท รับปีใหม่ 1 ม.ค68
https://www.thansettakij.com/real-estate/615954
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 กระทรวงแรงงาน ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ครั้งที่ 11/2567 ที่มีนาย
บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และประธานบอร์ดค่าจ้าง เป็นประธานพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำปี2568 เพิ่มขึ้นวันละ 7–55 บาท หรือเฉลี่ยร้อยละ 2.9 โดยแบ่งออกเป็น 17 ระดับ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ดังนี้
ขึ้นค่าแรง 400 บาท 4 จังหวัด 1 อำเภอ มีผล1ม.ค.68
1. ปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 2568 ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท สำหรับ 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง และ 1 อำเภอ คือ อ.เกาะสมุย
จ.สุราษฎร์ธานี
2. ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 380 บาท สำหรับ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
3. ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 372 บาท สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด
และ4. ค่าแรงขั้นต่ำใน ปี2567 จังหวัดที่เหลือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 นั้นทั้งนี้ ผลกระทบต่อแรงงานหลังปรับค่าแรงขั้นต่ำ
นาย
บุญสงค์ สะท้อนว่า การปรับค่าแรงครั้งนี้จะช่วยแรงงาน 3,760,697 คน ให้มีค่าครองชีพที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยคณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้พิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1. ความจำเป็นด้านค่าครองชีพของลูกจ้าง
2. ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง
และ 3. สภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายประเมินว่าจะส่งผลกระทบเฉพาะจังหวัดที่ได้รับการพิจารณาปรับค่าแรงขึ้น และเกิดการเดินทางไปยังจังหวัดที่ปรับค่าแรง 400 บาท ของขวัญปีใหม่ 2568 เพียงไม่กี่จังหวัด ส่วนในมุมของผู้ประกอบการยอมรับว่ามีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแต่เมื่อพิจารณาแล้วค่าครองชีพปรับสูงขึ้นไปก่อนหน้า
ส่วนในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลไม่ได้รับผลกระทบ เพราะต้นทุนเท่าเดิมหรืออาจปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ในมุมคนงานลูกจ้างในจังหวัดที่ไม่ได้รับการพิจารราปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ400บาท รู้สึกผิดหวัง
JJNY : ณัฐพงษ์ขออย่าทิ้งความหวัง│5 วันดับ 215│กูรูมองข้อดี-ข้อเสียขึ้นค่าแรง│เซเลนสกีมั่นใจสหรัฐเคียงข้างจนวินาทีสุดท้าย
https://thestandard.co/nattapong-urges-hope-change-2025-coalition-cracks/
วันนี้ (1 มกราคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอวยพรประชาชนเนื่องในโอกาสปีใหม่ 2568 โดยระบุว่า อยากให้ทุกคนมองปี 2568 เป็นปีแห่งความหวัง ถึงประเทศไทยจะมีความท้าทายทั้งจากบริบทโลกและจากระบบการเมืองในประเทศก็ตาม แต่เมื่อไรก็ตามที่เราทิ้งความหวัง เราจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
ณัฐพงษ์กล่าวด้วยว่า เรื่องการเมืองท้องถิ่น อยากให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิใช้เสียงกันมากๆ เพื่อให้ได้ตัวแทนในระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาล ที่จะเลือกตั้งในปีนี้ให้มาทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ
ณัฐพงษ์ระบุต่อไปว่า อยากให้ประชาชนช่วยกันผลักดันวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้สามารถปลดล็อกด่านแรกได้แล้วคือเรื่องการทำประชามติ สามารถทำเพียงแค่ 2 ครั้งได้ ประธานรัฐสภายอมบรรจุในระเบียบวาระ อยู่ที่ฝ่ายการเมืองว่าจะเอาอย่างไร มีเพียงเสียงของประชาชนเท่านั้นที่จะกดดันฝ่ายการเมืองได้
นอกจากนี้ยังอยากให้ร่วมกันผลักดันปณิธานประชาชน 2568 ไปด้วยกัน ช่วยกันส่งเสียงสนับสนุนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศทั้ง 6 ชุดของพรรคประชาชน และจะมีชุดกฎหมายที่มากกว่านี้ในอนาคต
สำหรับการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านในปี 2567 ณัฐพงษ์ระบุว่า เดินหน้าทำงานเต็มที่เหมือนเดิม สม่ำเสมอ ตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกล เช่น การเสนอกฎหมายในสภา ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่การยุบพรรคก้าวไกลในเดือนสิงหาคม จนถึงสิ้นปี เรายังไม่ได้มีโอกาสหรือมีเวทีแสดงพลังในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น แต่ยืนยันว่าเราทำหน้าที่อย่างคงเส้นคงวาและตรงไปตรงมาเหมือนเดิม
สำหรับรายละเอียดการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในต้นปี 2568 ณัฐพงษ์เปิดเผยว่า ตามที่หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรอบเวลาจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมแน่นอน เรื่องการจัดสรรโควตาอภิปรายก็จะหารือต่อไป แต่รายละเอียดของเนื้อหาอภิปรายยังไม่ได้หารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และแนวปฏิบัติที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะไม่ได้แบ่งปันข้อมูลกัน เพราะการทำงานก็จะต่างจากรัฐบาล แต่ละฝ่ายจะมีข้อมูลของตนเอง
เมื่อถามว่า สำหรับอุดมการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้านที่แตกต่างกันนั้นจะแก้ไขอย่างไร ณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่น่ามีปัญหาหรืออุปสรรคอะไร ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลเองก็อาจแสดงออกว่าไม่ได้เกิดเอกภาพในพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมยกกรณีล่าสุดเป็นตัวอย่างว่า เรื่องการชะลอซื้อพลังของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานแทน จะเห็นว่าจุดยืนที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยแสดงออกมาตลอด แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกลับแสดงออกอย่างชัดเจน ตามที่เคยส่งหนังสือมาก่อนหน้านี้ และสามารถสั่งชะลอการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าได้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการเสนอกฎหมายจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลมีจุดยืนจะผลักดัน แต่สุดท้ายก็ถูกแตะเบรก เพราะมีรอยร้าวของความเห็นไม่ตรงกันในพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนตัวมองว่าสิ่งเหล่านี้น่าติดตามต่อไปในปีหน้า
10 วันอันตรายช่วงปีใหม่! 5 วันดับ 215 "ศปถ." กำชับเข้มรองรับช่วงทยอยเดินทางกลับ
https://siamrath.co.th/n/591329
วันที่ 1ม.ค.2568 เวลา 10.30 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่พ.ศ.2568 ประจำวันที่ 1ม.ค.2568 เปิดเผยว่า ในวันนี้ประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่าง ๆ ทำให้เส้นทางหลักและเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด มีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบกับเมื่อคืนนี้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ อาจทำให้ผู้ขับรถที่จะเดินทางกลับในวันนี้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการง่วงแล้วขับได้ นอกจากนี้ยังมีประชาชนบางส่วนยังคงเฉลิมฉลองเทศกาลต้อนรับปีใหม่ต่อในพื้นที่ ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) จึงได้ประสานให้จังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมของด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด จุดบริการ เพื่อรองรับการเดินทางสัญจรของประชาชนในการเดินทางกลับ รวมถึงบริหารจัดการการจราจร ทั้งสายหลักและสายรองเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดคับคั่ง อีกทั้งเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายตาม “มาตรการ 10 ข้อหาหลัก” กับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างเข้มข้น จริงจัง และต่อเนื่อง ทั้งการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย และการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ตลอดจนอำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยของประชาชน ตรวจสอบประชาชนและนักท่องเที่ยวในสถานีขนส่งต่าง ๆ ให้เกิดความเรียบร้อย พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะและรถขนส่งสินค้าให้ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจสอบสภาพรถให้มีความพร้อมในการเดินทาง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร
รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อมบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับผู้ประสบเหตุ ช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้บูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนการดำเนินงานและลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยประสานขอความร่วมมือหน่วยปฏิบัติการแพทย์ทางบก น้ำ อากาศ กับหน่วยปฏิบัติการอำนวยการในทุกเขตสุขภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกปฏิบัติการฉุกเฉิน ส่วนศูนย์นเรนทร ได้เตรียมความพร้อมกำลังคนเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการอำนวยการ และศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ สาเหตุและพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนตั้งแต่ต้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ด้านนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เพื่อรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 กล่าวว่า ศปถ. ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็วและดื่มแล้วขับบนเส้นทางสายหลักและสายรองในช่วงเวลามีสถิติอุบัติเหตุสูง และเน้นย้ำให้ด่านชุมชนปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่และไม่ขับขี่ด้วยความคึกคะนองและเสี่ยงอันตราย รวมถึงเตรียมความพร้อมการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงจุดเกิดเหตุและรับส่งผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอฝากประชาชนให้เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ด้วยความไม่ประมาทและเพิ่มความระมัดระวังอุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงดูแลสภาพร่างกายให้พร้อมขับขี่ และตรวจเช็คสภาพรถให้ปลอดภัยก่อนออกเดินทางกลับ เพื่อให้การเริ่มต้นปีใหม่ 2568 เป็นไปด้วยความสุขและความปลอดภัย สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1784
ตลอด 24 ชั่วโมง และไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
สำหรับข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 31ธ.ค.2567 ซึ่งเป็นวันที่5ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 31ธ.ค. เกิดอุบัติเหตุ 262 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 245 คน ผู้เสียชีวิต 36 รายสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 42.75 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.43 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ21.37 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 89.93 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ76.72 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 40.84 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.92
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 00.01 - 01.00 น. เวลา 17.01 – 18.00 น. และเวลา 18.01 – 19.00 น. ร้อยละ 8.02 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20 - 29 ปี ร้อยละ 18.51 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,781 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,639 คน
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (12 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (จังหวัดละ 11 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (5 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (27 – 31ธ.ค.2567) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,398 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,354 คน ผู้เสียชีวิต รวม 215 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 11 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา (44 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ภูเก็ต (43 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และนนทบุรี (จังหวัดละ 10 ราย)
กูรู มองข้อดี-ข้อเสียรัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ400บาท รับปีใหม่ 1 ม.ค68
https://www.thansettakij.com/real-estate/615954
มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 กระทรวงแรงงาน ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ครั้งที่ 11/2567 ที่มีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน และประธานบอร์ดค่าจ้าง เป็นประธานพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำปี2568 เพิ่มขึ้นวันละ 7–55 บาท หรือเฉลี่ยร้อยละ 2.9 โดยแบ่งออกเป็น 17 ระดับ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ดังนี้
ขึ้นค่าแรง 400 บาท 4 จังหวัด 1 อำเภอ มีผล1ม.ค.68
1. ปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 2568 ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาท สำหรับ 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง และ 1 อำเภอ คือ อ.เกาะสมุย
จ.สุราษฎร์ธานี
2. ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 380 บาท สำหรับ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
3. ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 372 บาท สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 6 จังหวัด
และ4. ค่าแรงขั้นต่ำใน ปี2567 จังหวัดที่เหลือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 นั้นทั้งนี้ ผลกระทบต่อแรงงานหลังปรับค่าแรงขั้นต่ำ
นายบุญสงค์ สะท้อนว่า การปรับค่าแรงครั้งนี้จะช่วยแรงงาน 3,760,697 คน ให้มีค่าครองชีพที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน โดยคณะกรรมการค่าจ้างฯ ได้พิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1. ความจำเป็นด้านค่าครองชีพของลูกจ้าง
2. ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง
และ 3. สภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายประเมินว่าจะส่งผลกระทบเฉพาะจังหวัดที่ได้รับการพิจารณาปรับค่าแรงขึ้น และเกิดการเดินทางไปยังจังหวัดที่ปรับค่าแรง 400 บาท ของขวัญปีใหม่ 2568 เพียงไม่กี่จังหวัด ส่วนในมุมของผู้ประกอบการยอมรับว่ามีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแต่เมื่อพิจารณาแล้วค่าครองชีพปรับสูงขึ้นไปก่อนหน้า
ส่วนในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลไม่ได้รับผลกระทบ เพราะต้นทุนเท่าเดิมหรืออาจปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ในมุมคนงานลูกจ้างในจังหวัดที่ไม่ได้รับการพิจารราปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ400บาท รู้สึกผิดหวัง