JJNY : ชัยธวัชช่วย ‘นิรันดร์’ โกยคะแนน│รวมพลคนอกหักแห่งปี│8 วัน ยอดดับพุ่ง 363 ราย│อินโดนีเซียเผย ปี 67 ร้อนที่สุดในปวศ.

ชัยธวัช เดินตลาดในหาดใหญ่ ช่วย ‘นิรันดร์’ โกยคะแนนนายก อบจ.สงขลา ชาวบ้านรับปากหนุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4983748

 
เริ่มต้นปีลุยทันที ‘ชัยธวัช’ ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรค ท่ามกลางการตอบรับอย่างดี ฝากเลือก ‘นิรันดร์’ ทำทันที
 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 มกราคม ที่ตลาดนัดเกาะหมี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางลงพื้นที่พบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่ออกมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าที่ตลาดแห่งนี้ เพื่อช่วยหาเสียงให้กับ นายนิรันดร์ จินดานาค ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา ของพรรคประชาชน
 
โดยมีผู้สมัคร ส.อบจ.สงขลา ของพรรคร่วมหาเสียง พร้อมแนะนำตัวกับประชาชน ซึ่งพบว่าได้รับการตอบรับอย่างดี มีแฟนคลับของพรรคประชาชนเข้ามาทักทาย ยืนยันพร้อมให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรค ทั้งนี้ ได้มีการแจกแผ่นพับที่เป็นนโยบายของพรรคประชาชน ครอบคลุมทั้งการพัฒนาเมือง เศรษฐกิจ สาธารณสุข สาธารณูปโภค
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิรันดร์ จินดานาค เป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวที่ลงสมัครในนามพรรคการเมืองระดับชาติ จากผู้สมัครนายก อบจ.
ทั้ง 9 คนใน จ.สงขลา แม้จะมีผู้สมัครบางคนที่มีความใกล้ชิดกับบ้านใหญ่ ทั้งค่ายสีฟ้า และค่ายสีน้ำเงิน แต่ก็ลงสมัครในนามทีมการเมืองท้องถิ่นของตัวเอง ซึ่งขณะนี้พบว่ามีแผ่นป้ายหาเสียงติดตามตามจุดที่กำหนดให้ติดป้ายหาเสียง แต่ก็พบเฉพาะป้ายของพรรคประชาชน ทีมสงขลาพลังใหม่ของ 
นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ทีมสงขลาเข้มแข็ง ของ นายประสงค์ บริรักษ์ รวมถึงผู้สมัครอิสระอย่าง น.ส.ชนัญชิดา พรหมราช
 
ส่วนทีมสงขลา พอกันที ของ นายสงขลา พอกันที ที่ชื่อผู้สมัคร เป็นชื่อเดียวกับชื่อทีมนั้น เน้นการสื่อสารแนวคิดล้างระบบการเมืองรูปแบบเก่ากับประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และรถเครื่องขยายเสียง เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้จำนวนมาก
 
ขณะที่เฟซบุ๊กของนายประสงค์ได้ระบุข้อความว่า “อาทิตย์ที่ 5 ม.ค.นี้ ประเดิมเวทีแรก ขอเชิญรับฟังการปราศรัย ทีมสงขลาเข้มแข็ง โดย น้ำ วาริน ชิณวงศ์ นายก อบจ.นครศรีธรรมราช ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา นายประสงค์ บริรักษ์ (นายกแบน) เบอร์ 3 วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568 ณ ลานจอดรถสถานีรถไฟหาดใหญ่ (หน้าห้างโรบินสัน) ปลุกพลัง เปลี่ยน สงขลา เลือกเบอร์ 3 และ ส.อบจ.ทีมสงขลาเข้มแข็ง
 
ด้าน ร.ต.อ.สมนึก กุลมณี ผอ.กกต.สงขลา กล่าวว่า วันที่ 7 มกราคม สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลาเชิญผู้สมัครนายกและ ส.อบจ.สงขลา เข้าร่วมในเวทีเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องข้อกฎหมาย รวมถึงสร้างความสมานฉันท์ ลดความรุนแรงในการหาเสียง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อร้องเรียนในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง



รวมพลคนอกหักแห่งปี “บิ๊กป้อม-สุทิน-ชลน่าน”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_824423/
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 
ปี พ.ศ.2567 ที่เพิ่มผ่านพ้นไป มีหลากหลายเรื่องราว หลากหลายเหตุการณ์ ที่น่าจดจำ สำหรับแวดวงการเมือง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย
ทั้ง ยุบพรรค เปลี่ยนนายกฯ สลับขั้ว พรรคแตก และอื่นๆ อีกมากมาย และในบรรดาหลายเหตุการณ์ ก็มีบุคคลที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จะว่าไป ก็เหมือนเป็นคนอกหัก คนแรกไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่ง 3 ป. ที่ต้องบอกว่าเป็นคนอกหักคนแรก เพราะตั้งแต่ตั้งรัฐบาล “เศรษฐา” “ลุงป้อม” ก็วืด ไม่ได้ตำแหน่งใดๆ เพราะมีกระแสต่อต้านมาจากภายในของพรรคแกนนำ จนต้องเอา น้องชาย “พล.ต.อ.พัชรวาท” มารับตำแหน่งแทน แต่ก็ต้องอกหักซ้ำ เมื่อมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ พรรคพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” กลับแตกเป็น 2 ฝ่าย
 
กลุ่มหนึ่งไปกับ “ผู้กองธรรมนัส” ได้ร่วมรัฐบาลต่อ แต่อีกฝ่ายอยู่กับ”ลุงป้อม” ต้องอกหักซ้ำๆ ถูกเขี่ยไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน ต้องไปทำงานร่วมกับ พรรคประชาชน หรือก้าวไกลเดิม ที่เคยมีสโลแกน “มีลุง ไม่มีเรา” 
 
คนอกหักแห่งปี คนที่ 2 “ชลน่าน ศรีแก้ว” อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ยอมกลืนเลือด เสียสัตย์ จับมือ 2 ลุงเพื่อตั้งรัฐบาล “เศรษฐา” และตัวเองได้รับตำแหน่งคุมกระทรวงหมอ เป็นรางวัล แต่ทำงานได้แป๊บเดียว ก็ถูกปรับออก เหลือเพียงการเป็น ส.ส.กลับไปทำงานสภาอีกครั้ง กระทั่งเปลี่ยนนายกฯ มีชื่อกลับมาลุ้น ได้เป็นเสนาบดีอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็วืดอยู่ดี จนปัจจุบัน ทำงานเงียบๆ อยู่ในสภา และแทบไม่มีบทบาทอะไรเลย หลังเกิดวิวาทะกับ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” ไป 1 ครั้ง
 
คนที่ 3 ที่ได้ชื่อว่าอกหัก คงหนีไม่พ้น “สุทิน คลังแสง” อดีตรัฐมนตรีกลาโหม สมัย “เศรษฐา” ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ ในช่วงกว่า 8 เดือนของการดำรงตำแหน่ง แต่นั่นแหละเขาว่าสมบัติผลัดกันชม “สุทิน” ถูกเขี่ยออก เมื่อเปลี่ยนนายกฯ จะด้วยเหตุผล หรือเทคนิค ในการวางกลเกมของเพื่อไทย แต่”สุทิน” ก็กลายเป็นคนอกหัก และต้องกลับไปรักษาแผลใจอยู่ในสภา เหมือนกับ”ชลน่าน” ด้วยเช่นกัน นั่นคือกลุ่มอกหัก เคยได้ตำแหน่งแล้ว ถูกเขี่ยทิ้ง ส่วนอีกประเภทของคนอกหัก คงหนีไม่พ้น 3 ผู้อาวุโส ของพรรคประชาธิปัตย์ “ชวน-บัญญัติ-จุรินทร์” ที่ไม่สามารถรักษาจุดยิน อุดมการณ์เดิมของพรรคเอาไว้ได้ เพราะลูกพรรคคนรุ่นใหม่ ลืมอดีตไปหมดแล้ว พาพรรคสีฟ้า
 
ไปร่วมรัฐบาล กับเพื่อไทย แบบหน้าตาเฉย แม้ 3 ผู้เฒ่าจะทัดทาน แต่ก็ต้องจำยอมเพราะข้อบังคับพรรคเปิดทางให้ผู้บริหารใหม่ สามารถดำเนินการได้ พรรคประชาธิปัตย์ จึงเข้าร่วมรัฐบาล “แพทองธาร” มี “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” เป็นผู้สมหวังได้ตำแหน่งเสนาบดี ส่วนคนผิดหวัง นอกจาก 3 ผู้เฒ่า แล้วก็คงเป็นผู้สนับสนุนอีกบางส่วน ซึ่งหลังจากนี้คงต้องดูกันว่า ประชาธิปัตย์ กับ เพื่อไทย จะจับมือทอดสะพานกันไปได้ไกลแค่ไหน ปิดท้ายคนอกหัก ที่รอวันสมหวังอยู่อีก 1 คน “ไผ่ ลิค์ก” คนสนิทของผู้กอง”ธรรมนัส”
 
เคยมีชื่อลุ้นตำแหน่งรัฐมนตรี มาตั้งแต่”เศรษฐา 1″ แต่ก็พลาดเพราะมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ พอเปลี่ยนนายกฯ แล้ว พรรคก็แบ่งเป็น 2 ขั้ว ทำให้คนที่เป็น ส.ส.อยู่ วืดตำแหน่งไปหมด ดังนั้น หลังจากถูกขับออกจากพลังประชารัฐ สังกัด “กล้าธรรม” เต็มตัวแล้ว ปีใหม่นี้ หากมีการปรับ ครม. ก็คาดว่า ชื่อของ “ไผ่” อาจกลับมามีลุ้นได้สมหวังกับเข้าบ้างเช่นกัน



8 วัน ยอดดับพุ่ง 363 ราย อุบัติเหตุปีใหม่ กทม.เสียชีวิตสูงสุด เหตุขับรถเร็ว-ตัดหน้า
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9575519

ปภ.สรุปยอด 10 วันอันตรายปีใหม่ รวม 8 วัน เสียชีวิตแล้ว 363 ราย บาดเจ็บ 2,090 คน สาเหตุอันดับ 1 ขับรถเร็ว ด้าน กทม.ครองแชมป์ เสียชีวิตสูงสุด
 
เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2568 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดี ปภ. แถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 ประจำวันที่ 3 ม.ค. 2568 ในช่วง 10 วันอันตรายต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 โดยสถิติของวันที่ 3 ม.ค. 2568 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 205 ครั้ง บาดเจ็บ 199 คน เสียชีวิต 32 ราย
 
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 32.2 รองลงมาคือ ขับรถเร็ว และทัศนวิสัยไม่ดี ขณะที่ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 90.04 รองลงมาคือ รถกระบะ และรถยนต์ส่วนบุคคล
 
โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 10 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 11 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก 3 ราย
 
ทั้งนี้ สถิติสะสมรวม 8 วัน ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2567-3 ม.ค.2568 เกิดอุบัติเหตุ 2,149 ครั้ง บาดเจ็บ 2,090 คน เสียชีวิต 363 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือ สุราษฎร์ธานี 78 ครั้ง กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 21 ราย
 
สาเหตุหลัก ยังมาจากขับรถเร็ว และตัดหน้ากระชั้นชิด ดื่มแล้วขับ ส่วนยานพาหนะสูงสุด คือ จักรยานยนต์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่