เจาะสนาม ‘อบจ.’ เปิดโผ 5 เต็งแชมป์ ‘สีส้ม’
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1160619


สนาม อบจ.ปี 2568 มีการประเมินกันว่า พรรคสีส้มจะได้เก้าอี้ “นายก อบจ.” 5 จังหวัดคือ สมุทรปราการ สมุทรสาคร ระยอง ตราด และนครนายก 
ก่อนวันสิ้นปี 2567 พรรคประชาชน ประกาศ New Year's Resolutions ปณิธานพรรคประชาชน ปี 2568 จำนวน 9 ข้อ 
 
1 ใน 9 ข้อ พรรคสีส้มตั้งใจจะปักธงท้องถิ่นให้ได้ ต้นปี 2568 จึงขอทุ่มเทให้กับสนามเลือกตั้งนายก อบจ. 
 
การเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ 47 จังหวัด ที่ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งคือ 1 ก.พ.2568 พรรคประชาชน ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เพียง 17 จังหวัด
 
แกนนำพรรคประชาชน สรุปบทเรียนจากคณะก้าวหน้า จึงส่งผู้สมัครนายก อบจ.ในสนามที่มีความพร้อมเท่านั้น ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด นครนายกนนทบุรี ปราจีนบุรี พังงา ภูเก็ต
 
มุกดาหาร ระยอง ลำพูน สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่
 
เดิมทีพรรคประชาชนแถลงข่าวไปแล้วว่าจะส่งผู้สมัครนายก อบจ. 18 จังหวัด เนื่องจาก อุรุยศ เอียสกุล นายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย ถอนตัว จึงเหลือ 17 จังหวัด
 
นัยว่า อุรุยศ หลานชายเสี่ยกิมก่าย บ้านใหญ่เมืองหนองคาย เป็นเครือข่ายเดียวกันกับยุทธนา ศรีตะบุตร อดีตนายก อบจ.หนองคาย และพรรคพลังประชารัฐ คงมี “ผู้ใหญ่” ร้องขอให้ถอนตัว
 
เมื่อรวมกับการเลือกตั้งนายก อบจ.ก่อนหน้านี้ ที่มีนายก อบจ.ลาออกก่อนครบวาระ พรรคประชาชน ส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการ 3 จังหวัดคือ ราชบุรี อุดรธานี และอุบลราชธานี 
 
สรุปแล้ว สมรภูมินายก อบจ.สมัยนี้ พรรคสีส้มส่งผู้กล้าลุยสนามท้องถิ่น 20 จังหวัด (3 จังหวัดที่มีการเลือกตั้งไปแล้ว)
 
ต่างจากปี 2563 คณะก้าวหน้า ส่งผู้สมัครนายก อบจ. 42 จังหวัด โดยก่อนหน้าวันเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ แกนนำคณะก้าวหน้า ประเมินว่าจะได้รับเลือกเป็นนายก อบจ. 5 จังหวัด
 
การเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คณะก้าวหน้าพ่ายแพ้ทั้ง 42 จังหวัด สะท้อนว่า “กระแส” ใช้ไม่ได้กับการเมืองท้องถิ่น 
 
เหนืออื่นใด ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. ปี 2563 สะท้อนชัยชนะของวัฒนธรรมการเมืองบ้านใหญ่ จึงได้เห็น วิทยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่ชลบุรี จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ บ้านใหญ่นครปฐม อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ บ้านใหญ่มหาชัย ปิยะ ปิตุเตชะ บ้านใหญ่ระยอง ฯลฯ นั่งเก้าอี้อีกสมัย
 
ตัดกลับมาที่สนาม อบจ.ปี 2568 มีการประเมินกันว่า พรรคสีส้มจะได้เก้าอี้ “นายก อบจ.” 5 จังหวัดคือ สมุทรปราการ สมุทรสาคร ระยอง ตราด และนครนายก 
 
อบจ.สมุทรปราการ :  บ้านใหญ่ม้าทองคำ เลือก สุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรฯ ลงสนามแทนนันทิดา แก้วบัวสาย อดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ ในนามกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า 
 
ค่ายสีส้มเลือก “หมอเอ๊กซ์” นพดล สมยานนทนากุล อดีตผู้บริหารบริษัท ดิ ยูนิค แลปโบราทอรี่ จำกัด โดยมี “เอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นพี่เลี้ยง
จะว่าไปแล้ว สุนทร ปานแสงทอง พ่อบ้านตระกูลอัศวเหม ภาพลักษณ์ไม่เด่น ไม่มีจุดขาย เมื่อเปรียบเทียบกรณีชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม เลือกนันทิดา แก้วบัวสาย ลงสนามเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
 
โอกาสที่ “หมอเอ๊กซ์” จะคว้าชัยก็มีสูง ประกอบกับสมุทรปราการเป็นฐานการผลิตของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ  
 
อบจ.สมุทรสาคร : “ปลัดแต” อุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายก อบจ.สมุทรสาคร ทายาท “เฮียม้อ” มณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ ฝ่าด่านพลังสีส้มเมืองมหาชัยมาได้สมัยที่แล้ว 
 
พักหลัง “ปลัดแต” ปรับตัวเยอะ ลดภาพบ้านใหญ่ เสริมทีมงานคนรุ่นใหม่ เพราะรู้ตัวดีว่า คนสมุทรสาครเปลี่ยน ดูจากผลเลือกตั้ง สส.ปี 2462 ,2567 ก็ให้คำตอบชัดถึงพลานุภาพสีส้ม
 
4 ปีที่แล้ว เชาวริน ชาญสายชล ผู้สมัครพรรคประชาชน ลงสมัครนายก อบจ.ในนามเพื่อไทย มีคะแนนนิยมส่วนตัวดีระดับหนึ่ง
 
ส่วน “ปลัดแต” ยังได้เปรียบในสนามการเมืองท้องถิ่น เพราะคนมหาชัยยังเลือกตัวบุคคลมากกว่าพรรค
 
อบจ.ระยอง : “อาช้าง” ปิยะ ปิตุเตชะ อดีตนายก อบจ.ระยอง 5 สมัย ได้ปรับตัวมาตลอด เนื่องจากกระแสสีส้มเบ่งบาน มาแต่ยุคพรรคอนาคตใหม่ จนมาถึงพรรคก้าวไกล
 
ค่ายสีส้มส่ง “ดร.ถัง” ทรงธรรม สุขสว่าง อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด สู้บ้านใหญ่ “ปิตุเตชะ” 
 
“อาช้าง” พี่ใหญ่ตระกูลปิตุเตชะ เจอศึกหนักที่สุดในชีวิต เพราะพลังบ้านใหญ่ อ.บ้านค่าย ถูกลดทอนโดยกระแสสีส้ม หาก “อาช้าง” พ่ายก็คงปิดฉากบ้านใหญ่เมืองระยอง
 
อบจ.ตราด : วิเชียร ทรัพย์เจริญ อดีตนายก อบจ.ตราด 6 สมัย และหัวหน้ากลุ่มลูกเมืองตราด อาจจะลุยสนามเป็นครั้งสุดท้าย
 
ปู่วิเชียร วัย 77 ปี ยืนยงอยู่ในการเมืองท้องถิ่น จากนายกเทศมนตรีเมืองตราด จนมาถึงนายก อบจ.ตราด รวมแล้วกว่า 40 ปี
 
ผู้ท้าชิงค่ายสีส้มคือ “มือปราบทุเรียนอ่อน” ชลธี นุ่มหนู น้องชาย ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด 2 สมัย พรรคประชาชน 
 
หากปู่วิเชียร จะพลาดท่าปราชัย เพราะเจริญ ชลาลัย บ้านใหญ่ อ.คลองใหญ่ ฐานเสียงสำคัญของกลุ่มลูกเมืองตราด มาตลอด 20 ปี ได้แยกตัวมาลงสนามนายก อบจ.ตราด ในนามกลุ่มตราดต้องเจริญ
 
อบจ.นครนายก :  “นายกจิม” จักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ อดีตนายก อบจ.นครนายก ตัดสินใจไปต่อสมัยที่ 2 กับพรรคประชาชน
 
“นายกจิม” มาจากตระกูล “กิตติธเนศวร” บ้านใหญ่นครนายก สมัยที่แล้ว ลงสมัครในนามกลุ่มอิสระ และได้รับการสนับสนุนจาก “เสี่ยอ๋า” วุฒิชัย กิตติธเนศวร อดีต สส.นครนายก 
 
ส่วนคู่แข่งคือ “สจ.ปาล์ม” นิดา ขยายงาม อดีต สจ.นครนายก และอดีตรองประธานสภา อบจ.นครนายก อยู่ใต้ร่มเงา “เสี่ยจ้อน” สัญญา บุญหลง อดีตนายก อบจ.นครนายก 2 สมัย
 
“นายกจิม” รู้มานานแล้วว่า เสี่ยจ้อน จะส่ง สจ.ปาล์ม ลงแข่ง จึงตัดสินสวมเสื้อส้มลงสนาม และมีโอกาสรักษาเก้าอี้ไว้ได้อีกสมัย
 
มีข้อน่าสังเกตว่า 5 ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เต็งแชมป์ค่ายสีส้ม จะเป็นสมรภูมิจังหวัดขนาดกลางและเล็ก ยกเว้นสนามปากน้ำ
 
เนื่องจากสนามใหญ่ ผู้สมัครค่ายสีส้มสู้ “บ้านใหญ่” หรือพรรคใหญ่ได้ยาก จึงต้องหวังพึ่งชัยชนะสนามเล็กโซนบูรพา ที่มีพลังสีส้มเข้มข้น

---

ปีนี้รู้! รัฐบาลจะอยู่หรือไป อดีตสว. ชี้ถ้า6เดือนยังไร้ผลงาน ในสภาระอุ นอกสภาระเบิด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9576544
 
อดีตสว.วันชัย ชี้ รัฐบาลจะอยู่หรือไปก็ภายในปีนี้ ถ้า 3 เดือน 6 เดือนยังไม่มีผลงาน ในสภาระอุ นอกสภาระเบิด บอกแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จยาก
 
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2568 นายวันชัย สอนศิริ อดีตสว. โพสต์ข้อความเรื่อง “ปีนี้..ชี้ชะตาเพื่อไทย” ว่า ปีใหม่นี้เห็นมีอยู่ 2 เรื่อง ที่รัฐบาลและฝ่ายค้านกำลังทำ คือ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
 
เฉพาะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ดูแล้วทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลยังเห็นไม่ตรงกัน ฝ่ายค้านต้องการแก้ทั้งหมดทั้งฉบับ เห็นว่าเป็นซากเดนของเผด็จการไม่ควรที่จะให้มีอยู่อีกต่อไป เอาของใหม่ที่มาจากประชาชนจะดีกว่า แต่ฝ่ายรัฐบาลเห็นว่าไม่ควรไปรื้อหมดทั้งฉบับ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง และในที่สุดก็ไม่อาจจะแก้ได้ ควรเดินสายกลางอะไรทำได้ก็ทำ อะไรที่ทำแล้วจะก่อให้เกิดความขัดแย้งก็อย่าไปทำ
 
“ดูแล้วทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลอาจจะมีแนวทางไปคนละทิศคนละมุม ไม่แน่ใจว่าหมดวาระของสภาชุดนี้แล้วจะได้เริ่มแก้กันหรือยัง” นายวันชัย ระบุ
 
นายวันชัย ระบุอีกว่า เรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านน่าจะเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งเครื่องอย่างเต็มที่เต็มกำลัง เป็นรัฐบาลมาเกือบ 2 ปี มีแต่นโยบายแผนงานและราคาคุย เนื้องานที่ออกมาแล้วทำให้ลืมตาอ้าปากได้จริงๆ ยังไม่เห็น ทั้งฝ่ายค้านและประชาชนก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่
 
“ดังนั้น ภายใน 3 เดือน 6 เดือนนี้ ถ้ายังไม่มีอะไร ในสภาก็คงระอุ นอกสภาก็คงจะระเบิด พรรคเพื่อไทยจะชนะพรรคประชาชนได้หรือไม่ ก็วัดกันที่ผลงานในเรื่องนี้นี่แหละ เพราะประชาชนเขาให้โอกาสรัฐบาลมานานแล้ว ต่อแต่นี้เป็นการชี้ชะตาและเป็นความเป็นความตายของรัฐบาลและฝ่ายค้านว่าใครจะอยู่ยงคงกระพันกว่ากัน” นายวันชัย ระบุ
 
นายวันชัย ระบุว่า เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะสาละวันรำวงไปอย่างไรก็ได้ แต่เรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องการกินดีอยู่ดี การทำมาค้าขาย เงินทองคล่องมือเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตประชาชน พรรคเพื่อไทยจะอยู่หรือไปก็ในปีนี้แหละ

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02trb5NkxAWFVq4wHrmKVRqAh5Q4tnGiZXbf6jBFQHckhECsN43sZb7ELkyNejxH3yl&id=100064799223736
 

---

10 วันอันตราย รวม 9 วัน ตายดุ 393 ราย เจ็บ 2,251 คน ‘กทม.-สุราษฎร์ธานี’ นำโด่งสูญเสียสะสม
https://siamrath.co.th/n/591901
 
9 วันผ่านช่วงปีใหม่! ตายดุ 393 ราย เจ็บ 2,251 คน ‘กทม.-สุราษฎร์’ ยังยึดนำโด่งสูญเสียสะสม ด้าน ‘ศปถ.’ ย้ำจังหวัดเข้มจุดพักรถ-จุดบริการประชาชน กำชับดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกประชาชนห้วงเดินทางวันสุดท้ายเต็มที่
 
เมื่อวันที่ 5 ม.ค.68 เมื่อเวลา10.30น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 ประจำวันที่ 4ม.ค.68 เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันหยุดวันสุดท้ายก่อนเปิดทำงานในวันจันทร์ ประชาชนที่หยุดยาวต่อเนื่องและนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ จึงเดินทางกลับในวันนี้ทำให้จำนวนรถบนท้องถนนกลับมามีปริมาณหนาแน่นอีกครั้ง ศปถ. จึงประสานให้จังหวัดเพิ่มการจัดจุดพักรถและจุดบริการประชาชน เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน เพื่อลดความเสี่ยงจากความเหนื่อยล้าของร่างกายและการหลับในของผู้ขับขี่ ตรวจสอบประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ยังคงติดค้างในสถานีขนส่งและจัดเตรียมรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ให้ทุกคนสามารถเดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยและทันเวลา โดยไม่ทิ้งการกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้รถใช้ถนนและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยหากพบผู้ขับขี่มีพฤติกรรมเสี่ยงให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที นอกจากนี้ ยังขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในประเด็นเกี่ยวกับมาตรการหรือข้อควรปฏิบัติในการขับขี่ยานพาหนะ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีวินัยในการเดินทาง
 
“ศปถ. ขอให้จังหวัดดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในการเดินทางอย่างต่อเนื่องและเต็มความสามารถตามมาตรการเน้นย้ำในวันนี้ โดยขอให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ทราบถึงแนวทางการขับขี่อย่างปลอดภัยในพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยต่ำจากหมอกลงจัด สภาพอากาศที่มีความชื้นสูงและควันไฟ เนื่องจากช่วงนี้หลายพื้นที่มีอุณหภูมิลดลงและมีหมอกปกคลุมในช่วงเช้า และมีการเผาไร่ข้างทาง ซึ่งอาจส่งผลต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ได้ และขอให้เน้นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุและทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและเยาวชน เช่น การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด การดื่มแล้วขับ การตัดหน้ากระชั้นชิด การไม่สวมหมวกนิรภัย และจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ไม่ทำพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว” นายดนุชา กล่าว