ปธ.สภาองค์การลูกจ้างฯ แจงแรงงานไทย ไม่ได้ตอบรับค่าจ้าง400 บ. มุ่งหวังสวัสดิการเพิ่ม
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9572760
ปธ.สภาองค์การลูกจ้างฯ แจ้ง แรงงานไทย ไม่มีใคร เซย์เยส-เซย์โน ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท มุ่งหวัง โบนัส-สวัสดิการเพิ่ม จากนายจ้าง
1 ม.ค. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ และขึ้นค่าแรง 400 บาท ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ภูเก็ต จ.ระยอง และ จ.สุราษฎร์ธานี เฉพาะ อ.เกาะสมุย
โดยเป็นการปรับอัตราค่าจ้างใหม่ทั่วประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 หลังจากคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 มีการประชุมศึกษา และพิจารณาเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 และมีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อใช้บังคับแก่นายจ้าง และลูกจ้างทุกคนนั้น
นาย
พนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าว่า ทุกวันนี้สถานประกอบการส่วนใหญ่ ซึ่งประมาณ 90% มักจะจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำเกินกว่าวันละ 400 บาทอยู่แล้ว ทำให้ผลตอบรับจากทางลูกจ้างยังไม่มีอะไรคืบหน้า เป็นในลักษณะเฉยๆ และไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก อย่างในจังหวัดระยองที่มีการปรับเป็น 400 บาท แต่ลูกจ้างได้รับเงินเดือนมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทอยู่แล้ว
ขณะที่ปัจจุบัน ทางผู้ใช้แรงงานไม่ได้หวังการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่เป็นแรงจูงใจและสิ่งที่คาดหวังคือ สวัสดิการจากนายจ้าง เมื่อทำงานในสถานประกอบการ อาทิ โบนัส, เบี้ยขยัน, ค่าอาหารกลางวัน ฯลฯ
“
ตอนนี้ยังไม่มีกระแสอะไรมากนัก ไม่มีใครเซย์เยส และไม่มีใครเซย์โน เพราะพนักงานไม่ได้มุ่งหวังเรื่องการปรับค่าจ้างที่สูงขึ้น เหมือนกับว่าไม่มีแรงจูงใจมากพอ ประกอบกับสถานประกอบการไหนที่จ่ายให้พนักงานสูงเกินอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้วก็ไม่ได้มีการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น
แต่สิ่งที่พนักงานมุ่งหวังคือการได้สวัสดิการจากนายจ้างเพิ่มขึ้น เช่น หวังให้นายจ้างจ่ายค่าอาหารกลางวันเพิ่มขึ้น จากวันละ 30 บาท อาจปรับเป็น 40 บาท หรือการที่ค่าครองชีพ ข้าวของเครื่องใช้อย่าปรับขึ้นราคา ส่วนฝ่ายนายจ้างเอง ก็ไม่ได้อยากให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การจ่ายโบนัสเพิ่มขึ้น ตามอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างที่สูงขึ้น” นาย
พนัส กล่าว
นาย
พนัส กล่าวต่อว่า หากผู้ใช้แรงงานยอมได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท คงไม่มีคนอยากทำงาน คิดเป็นเงินรายเดือนราว 12,000 บาท แล้วจะอยู่ไหวไหม
ผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย พรรคประชาชน เสียชีวิต หลังรถเสียหลักลงข้างทาง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4980526
ผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย พรรคประชาชน รถเสียหลักลงข้างทาง เสียชีวิต
เมื่อวันที่ 1 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุส่งท้ายปีเก่า ผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย ของพรรคประชาชน ขับรถเสียหลักลงข้างทางเสียชีวิต คาดเกิดจากความอ่อนเพลียพักผ่อนไม่เพียงพอ แกนนำพรรคเผยเป็น 1 ใน 10 ตัวเต็งของพรรค ที่คาดว่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.อบจ.หนองคาย จากผู้สมัครของพรรค จำนวน 17 คน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.40 น. วันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา ร.ต.ท.เอก
พร พูลบุญ รองสารวัตร (สอบสวน) พนักงานสอบสวนเวร ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เสียหลักลงข้างทาง ที่ถนนสาย 212 อ.ปากคาด- อ.โพนพิสัย บริเวณ ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบรถกระบะเสียหลักลงข้างทางได้รับความเสียหายอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย ในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลัง คือ นาย
อาทิตย์ บุญทัน อายุ 40 ปี อยู่ที่หมู่ 15 ต.พระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย เป็นผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย อ.รัตนวาปี เขตเลือกตั้งที่ 2 เบอร์ 2 สังกัดพรรคประชาชน
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าผู้เสียชีวิตอาจจะขับขี่รถมาด้วยความเร็ว ประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งและค่อนข้างมืด จึงทำให้รถเสียหลักลงข้างทาง หรืออาจจะเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้เสียชีวิตได้ออกหาเสียงอย่างต่อเนื่อง จึงอาจจะทำให้เหนื่อยล้าได้
ทางด้านนาย
แสวง ราชพลแสน อดีตผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 2 สังกัดพรรคก้าวไกล แกนนำพรรคประชาชน จังหวัดหนองคาย ปิดเผยว่า นาย
อาทิตย์ บุญทัน ที่เสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เคยเป็นผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย ของคณะก้าวหน้า พรรคอนาคตใหม่ เมื่อการเลือกตั้ง
ส.อบจ.หนองคาย ครั้งก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง หลังสอบตกก็ยังได้มุ่งมั่นทำเพื่อสังคมมาโดยตลอด จนทำให้เป็นที่รู้จักของชาวอำเภอรัตนวาปี ครั้งนี้จึงได้ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.อบจ.หนองคาย ในเขต อ.รัตนวาปี เขตเลือกตั้งที่ 2 ได้เบอร์ 2 สังกัดพรรคประชาชน
หลังได้หมายเลขผู้สมัครแล้ว ก็ได้ออกหาเสียงอย่างต่อเนื่อง มีกระแสดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็น 1 ใน 10 คน ที่พรรคตั้งเป้าว่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.อบจ.หนองคาย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ล่าสุด ตนพร้อมแกนนำพรรค และผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย สังกัดพรรคประชาชน ได้เดินทางไปให้กำลังใจครอบครัวและญาติของนาย
อาทิตย์แล้ว
‘ปริญญา’ชี้ศึกเลือกตั้งอบจ.วัดบารมี‘ทักษิณ’ เชื่อส่งผลการเมืองระดับชาติ
https://www.dailynews.co.th/news/4246811/
‘ปริญญา’ ชี้ศึกเลือกตั้ง อบจ. วัดบารมี ‘ทักษิณ’ เชื่อส่งผลการแข่งขันสะเทือนถึงการเมืองระดับชาติ
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. นาย
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า เป็นการสะท้อนการเมืองระดับประเทศ แน่นอนว่าแนวโน้มของผู้เลือกตั้ง จะเลือกผู้ที่มาแก้ปัญหาในท้องถิ่น ทำให้การเมืองบ้านใหญ่ที่ส่งคนลงสมัครจะมีแนวโน้มได้เปรียบมากกว่า และมีหลายจังหวัดที่บ้านใหญ่อย่างเพื่อไทยจะแพ้ไม่ได้ เช่น ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคประชาชนก็มีโอกาส ดังนั้น การแข่งขันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ใน จ.เชียงใหม่ จึงจะดุเดือด ส่วนพื้นที่อื่นก็เป็นการแข่งขันกับพรรคอื่น อยู่ที่ว่าบ้านใหญ่จะหลีกทางให้ส่งแค่บ้านใหญ่บ้านเดียวหรือไม่
“
ที่เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยก็หวังชนะ ซึ่งจะเป็นการวัดบารมีคุณทักษิณ หากแพ้พรรคประชาชน จะส่งผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติครั้งหน้า เพราะบรรดา สส. ที่มีแผนจะย้ายค่ายมาเพื่อไทย อาจจะเปลี่ยนใจไปภูมิใจไทยได้ เพื่อไทยจึงต้องชนะ เพื่อทำให้คนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมา และทำให้ถนนทุกสายมุ่งมาที่พรรคเพื่อไทย การเลือกตั้ง อบจ. คราวนี้ จึงมีผลต่อการเมืองระดับชาติมากๆ” นาย
ปริญญา กล่าว
นาย
ปริญญา กล่าวอีกว่า โอกาสของพรรคประชาชน ตรงที่การเลือกตั้ง อบจ. ที่เหลืออีก 40 กว่าจังหวัด ที่จะเลือกพร้อมกันในเดือน ก.พ. 2568 โอกาสที่บ้านใหญ่จะจับมือกันก็มีน้อยกว่า ประการที่สอง ในการเลือกตั้งระดับชาติ พรรคประชาชนยังมีไพ่หลายใบ โดยมีว่าที่นายกฯ ที่เขามั่นใจว่าจะได้คะแนนนิยม เพื่อรักษาแชมป์ และหวังว่าจะได้ สส. มากกว่าเดิม ขณะที่พรรคเพื่อไทยดูเหมือนว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นไพ่ใบสุดท้ายแล้ว หรือยังไงก็ต้องรอดูไพ่ใบใหม่ของนายทักษิณ ว่าจะมีอีกหรือไม่
นาย
ปริญญา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งของพรรคประชาชน คือคำร้องกรณี สส.อดีตพรรคก้าวไกล 44 คน ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมในเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งตนเชื่อว่าไม่โดนทั้งหมด เพราะการลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ สส. ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าจะโดน ก็ต้องเป็นการกระทำอื่น ซึ่งต้องว่าเป็นรายคน และต้องดูว่า ป.ป.ช. มีมติส่งศาลฎีกากี่คน แล้วศาลฎีการับคำร้องกี่คน ซึ่งถ้าศาลฎีการับคำร้อง ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้พรรคประชาชนจะมี สส.น้อยลง และกลายเป็นพรรคอันดับ 2 ได้.
กองทัพพม่าโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนีเสียชีวิต 3 ราย
https://siamrath.co.th/n/591384
กองทัพอากาศเมียนมาโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนีในเมือง ลอยก่อว์ เมืองหลวงรัฐคาเรนนี ห้วงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนี เสียชีวิตจากการโจมตี 3 ราย และหลังจากนั้นทางกองทัพอากาศเมียนมายังได้ส่งเครื่องบินมาโจมตีราษฎรที่เมืองดีมอโซว์ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
วันที่ 1 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สำนักข่าว Ayeyarwaddy รายงานคำกล่าวของนาย U Banyar ผู้อํานวยการองค์การสิทธิมนุษยชนคาเรนนี ระบุว่า มีเด็กจำนวน 3 คน ถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศเมียนมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เวลา 16.00 น. ที่ได้โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนี มีชื่อว่าค่ายช้าง ตั้งอยู่ทาง ด้านทิศตะวันออกของเมืองลอยก่อว์ เมืองหลวงของรัฐคาเรนนี
จากการโจมตีทางอากาศส่งผลให้มี หญิงผู้ลี้ภัยสงครามวัย 38 ปี เสียชีวิตคาที่ และเด็กอายุสามขวบ ได้รับบาดเจ็บมีแผลในช่องท้อง หญิงวัย 52 ปี ขาหัก บาดเจ็บบริเวณเอวและท้อง นักเรียนอายุ 19 ปีได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และคนบาดเจ็บสาหัสสองคน ทั้งหมดถูกส่งไปรักษตัวที่โรงพยาบาล หลังจากนั้น หญิงวัย 52 ปี เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา และเด็ก 3 ขวบ เสียชีวิตอีกครั้งเมื่อเช้านี้ ( 1 มกราคม 2568 )
ในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน ในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 กองทัพอากาศเมียนมา ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ มาทิ้งระเบิดในเมือง ดีมอโซว์ ในห้วงเวลาเที่ยงคืน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
JJNY : 5in1 แจงแรงงานไทย│ผู้สมัคร ส.อบจ.พรรคปชน.เสียชีวิต│ชี้ศึกเลือกตั้งอบจ.│ทัพพม่าโจมตีค่ายผู้ลี้ภัย│เตรียมส่งกล่องดำ
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9572760
ปธ.สภาองค์การลูกจ้างฯ แจ้ง แรงงานไทย ไม่มีใคร เซย์เยส-เซย์โน ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท มุ่งหวัง โบนัส-สวัสดิการเพิ่ม จากนายจ้าง
1 ม.ค. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ และขึ้นค่าแรง 400 บาท ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ภูเก็ต จ.ระยอง และ จ.สุราษฎร์ธานี เฉพาะ อ.เกาะสมุย
โดยเป็นการปรับอัตราค่าจ้างใหม่ทั่วประเทศ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 หลังจากคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 มีการประชุมศึกษา และพิจารณาเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 และมีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อใช้บังคับแก่นายจ้าง และลูกจ้างทุกคนนั้น
นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าว่า ทุกวันนี้สถานประกอบการส่วนใหญ่ ซึ่งประมาณ 90% มักจะจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำเกินกว่าวันละ 400 บาทอยู่แล้ว ทำให้ผลตอบรับจากทางลูกจ้างยังไม่มีอะไรคืบหน้า เป็นในลักษณะเฉยๆ และไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก อย่างในจังหวัดระยองที่มีการปรับเป็น 400 บาท แต่ลูกจ้างได้รับเงินเดือนมากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาทอยู่แล้ว
ขณะที่ปัจจุบัน ทางผู้ใช้แรงงานไม่ได้หวังการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่เป็นแรงจูงใจและสิ่งที่คาดหวังคือ สวัสดิการจากนายจ้าง เมื่อทำงานในสถานประกอบการ อาทิ โบนัส, เบี้ยขยัน, ค่าอาหารกลางวัน ฯลฯ
“ตอนนี้ยังไม่มีกระแสอะไรมากนัก ไม่มีใครเซย์เยส และไม่มีใครเซย์โน เพราะพนักงานไม่ได้มุ่งหวังเรื่องการปรับค่าจ้างที่สูงขึ้น เหมือนกับว่าไม่มีแรงจูงใจมากพอ ประกอบกับสถานประกอบการไหนที่จ่ายให้พนักงานสูงเกินอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้วก็ไม่ได้มีการปรับค่าจ้างเพิ่มขึ้น
แต่สิ่งที่พนักงานมุ่งหวังคือการได้สวัสดิการจากนายจ้างเพิ่มขึ้น เช่น หวังให้นายจ้างจ่ายค่าอาหารกลางวันเพิ่มขึ้น จากวันละ 30 บาท อาจปรับเป็น 40 บาท หรือการที่ค่าครองชีพ ข้าวของเครื่องใช้อย่าปรับขึ้นราคา ส่วนฝ่ายนายจ้างเอง ก็ไม่ได้อยากให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การจ่ายโบนัสเพิ่มขึ้น ตามอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างที่สูงขึ้น” นายพนัส กล่าว
นายพนัส กล่าวต่อว่า หากผู้ใช้แรงงานยอมได้รับค่าจ้างวันละ 400 บาท คงไม่มีคนอยากทำงาน คิดเป็นเงินรายเดือนราว 12,000 บาท แล้วจะอยู่ไหวไหม
ผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย พรรคประชาชน เสียชีวิต หลังรถเสียหลักลงข้างทาง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4980526
ผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย พรรคประชาชน รถเสียหลักลงข้างทาง เสียชีวิต
เมื่อวันที่ 1 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุส่งท้ายปีเก่า ผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย ของพรรคประชาชน ขับรถเสียหลักลงข้างทางเสียชีวิต คาดเกิดจากความอ่อนเพลียพักผ่อนไม่เพียงพอ แกนนำพรรคเผยเป็น 1 ใน 10 ตัวเต็งของพรรค ที่คาดว่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.อบจ.หนองคาย จากผู้สมัครของพรรค จำนวน 17 คน
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.40 น. วันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา ร.ต.ท.เอกพร พูลบุญ รองสารวัตร (สอบสวน) พนักงานสอบสวนเวร ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เสียหลักลงข้างทาง ที่ถนนสาย 212 อ.ปากคาด- อ.โพนพิสัย บริเวณ ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบรถกระบะเสียหลักลงข้างทางได้รับความเสียหายอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ และพบผู้บาดเจ็บ 1 ราย และผู้เสียชีวิต 1 ราย ในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลัง คือ นายอาทิตย์ บุญทัน อายุ 40 ปี อยู่ที่หมู่ 15 ต.พระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย เป็นผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย อ.รัตนวาปี เขตเลือกตั้งที่ 2 เบอร์ 2 สังกัดพรรคประชาชน
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าผู้เสียชีวิตอาจจะขับขี่รถมาด้วยความเร็ว ประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งและค่อนข้างมืด จึงทำให้รถเสียหลักลงข้างทาง หรืออาจจะเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้เสียชีวิตได้ออกหาเสียงอย่างต่อเนื่อง จึงอาจจะทำให้เหนื่อยล้าได้
ทางด้านนายแสวง ราชพลแสน อดีตผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 2 สังกัดพรรคก้าวไกล แกนนำพรรคประชาชน จังหวัดหนองคาย ปิดเผยว่า นายอาทิตย์ บุญทัน ที่เสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เคยเป็นผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย ของคณะก้าวหน้า พรรคอนาคตใหม่ เมื่อการเลือกตั้ง
ส.อบจ.หนองคาย ครั้งก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง หลังสอบตกก็ยังได้มุ่งมั่นทำเพื่อสังคมมาโดยตลอด จนทำให้เป็นที่รู้จักของชาวอำเภอรัตนวาปี ครั้งนี้จึงได้ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.อบจ.หนองคาย ในเขต อ.รัตนวาปี เขตเลือกตั้งที่ 2 ได้เบอร์ 2 สังกัดพรรคประชาชน
หลังได้หมายเลขผู้สมัครแล้ว ก็ได้ออกหาเสียงอย่างต่อเนื่อง มีกระแสดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็น 1 ใน 10 คน ที่พรรคตั้งเป้าว่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.อบจ.หนองคาย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ล่าสุด ตนพร้อมแกนนำพรรค และผู้สมัคร ส.อบจ.หนองคาย สังกัดพรรคประชาชน ได้เดินทางไปให้กำลังใจครอบครัวและญาติของนายอาทิตย์แล้ว
‘ปริญญา’ชี้ศึกเลือกตั้งอบจ.วัดบารมี‘ทักษิณ’ เชื่อส่งผลการเมืองระดับชาติ
https://www.dailynews.co.th/news/4246811/
‘ปริญญา’ ชี้ศึกเลือกตั้ง อบจ. วัดบารมี ‘ทักษิณ’ เชื่อส่งผลการแข่งขันสะเทือนถึงการเมืองระดับชาติ
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า เป็นการสะท้อนการเมืองระดับประเทศ แน่นอนว่าแนวโน้มของผู้เลือกตั้ง จะเลือกผู้ที่มาแก้ปัญหาในท้องถิ่น ทำให้การเมืองบ้านใหญ่ที่ส่งคนลงสมัครจะมีแนวโน้มได้เปรียบมากกว่า และมีหลายจังหวัดที่บ้านใหญ่อย่างเพื่อไทยจะแพ้ไม่ได้ เช่น ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคประชาชนก็มีโอกาส ดังนั้น การแข่งขันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ใน จ.เชียงใหม่ จึงจะดุเดือด ส่วนพื้นที่อื่นก็เป็นการแข่งขันกับพรรคอื่น อยู่ที่ว่าบ้านใหญ่จะหลีกทางให้ส่งแค่บ้านใหญ่บ้านเดียวหรือไม่
“ที่เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยก็หวังชนะ ซึ่งจะเป็นการวัดบารมีคุณทักษิณ หากแพ้พรรคประชาชน จะส่งผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติครั้งหน้า เพราะบรรดา สส. ที่มีแผนจะย้ายค่ายมาเพื่อไทย อาจจะเปลี่ยนใจไปภูมิใจไทยได้ เพื่อไทยจึงต้องชนะ เพื่อทำให้คนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมา และทำให้ถนนทุกสายมุ่งมาที่พรรคเพื่อไทย การเลือกตั้ง อบจ. คราวนี้ จึงมีผลต่อการเมืองระดับชาติมากๆ” นายปริญญา กล่าว
นายปริญญา กล่าวอีกว่า โอกาสของพรรคประชาชน ตรงที่การเลือกตั้ง อบจ. ที่เหลืออีก 40 กว่าจังหวัด ที่จะเลือกพร้อมกันในเดือน ก.พ. 2568 โอกาสที่บ้านใหญ่จะจับมือกันก็มีน้อยกว่า ประการที่สอง ในการเลือกตั้งระดับชาติ พรรคประชาชนยังมีไพ่หลายใบ โดยมีว่าที่นายกฯ ที่เขามั่นใจว่าจะได้คะแนนนิยม เพื่อรักษาแชมป์ และหวังว่าจะได้ สส. มากกว่าเดิม ขณะที่พรรคเพื่อไทยดูเหมือนว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นไพ่ใบสุดท้ายแล้ว หรือยังไงก็ต้องรอดูไพ่ใบใหม่ของนายทักษิณ ว่าจะมีอีกหรือไม่
นายปริญญา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งของพรรคประชาชน คือคำร้องกรณี สส.อดีตพรรคก้าวไกล 44 คน ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมในเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งตนเชื่อว่าไม่โดนทั้งหมด เพราะการลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ สส. ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าจะโดน ก็ต้องเป็นการกระทำอื่น ซึ่งต้องว่าเป็นรายคน และต้องดูว่า ป.ป.ช. มีมติส่งศาลฎีกากี่คน แล้วศาลฎีการับคำร้องกี่คน ซึ่งถ้าศาลฎีการับคำร้อง ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้พรรคประชาชนจะมี สส.น้อยลง และกลายเป็นพรรคอันดับ 2 ได้.
กองทัพพม่าโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนีเสียชีวิต 3 ราย
https://siamrath.co.th/n/591384
กองทัพอากาศเมียนมาโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนีในเมือง ลอยก่อว์ เมืองหลวงรัฐคาเรนนี ห้วงการเฉลิมฉลองปีใหม่ ส่งผลให้มีผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนี เสียชีวิตจากการโจมตี 3 ราย และหลังจากนั้นทางกองทัพอากาศเมียนมายังได้ส่งเครื่องบินมาโจมตีราษฎรที่เมืองดีมอโซว์ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
วันที่ 1 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า สำนักข่าว Ayeyarwaddy รายงานคำกล่าวของนาย U Banyar ผู้อํานวยการองค์การสิทธิมนุษยชนคาเรนนี ระบุว่า มีเด็กจำนวน 3 คน ถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศเมียนมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เวลา 16.00 น. ที่ได้โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยชาวคาเรนนี มีชื่อว่าค่ายช้าง ตั้งอยู่ทาง ด้านทิศตะวันออกของเมืองลอยก่อว์ เมืองหลวงของรัฐคาเรนนี
จากการโจมตีทางอากาศส่งผลให้มี หญิงผู้ลี้ภัยสงครามวัย 38 ปี เสียชีวิตคาที่ และเด็กอายุสามขวบ ได้รับบาดเจ็บมีแผลในช่องท้อง หญิงวัย 52 ปี ขาหัก บาดเจ็บบริเวณเอวและท้อง นักเรียนอายุ 19 ปีได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และคนบาดเจ็บสาหัสสองคน ทั้งหมดถูกส่งไปรักษตัวที่โรงพยาบาล หลังจากนั้น หญิงวัย 52 ปี เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา และเด็ก 3 ขวบ เสียชีวิตอีกครั้งเมื่อเช้านี้ ( 1 มกราคม 2568 )
ในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน ในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 กองทัพอากาศเมียนมา ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ มาทิ้งระเบิดในเมือง ดีมอโซว์ ในห้วงเวลาเที่ยงคืน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด