JJNY : พริษฐ์ชี้ยังแก้ค่าไฟ-ค่าแรงไม่ได้│พริษฐ์ลุ้นบรรจุวาระร่างแก้รธน.│“สว.นันทนา”รับหนังสือ│เกาหลีเหนือจะส่งทหารเพิ่ม

พริษฐ์ สวน ทักษิณ ก่อนว่า ปชน.ไปดู ฝ่ายรบ.ก่อน ชี้ 1 เดือนผ่านมา ยังแก้ค่าไฟ-ค่าแรงไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4969186
 
 
 
‘พริษฐ์’ สวน ‘ทักษิณ’ ก่อนว่า ปชน.ไปดู ‘รบ.แพทองธาร’ ก่อน แค่ 1เดือนที่ผ่านมา ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งค่าแรง ค่าไฟ กม.กลาโหม อย่าอ้างเป็นรัฐบาลผสม เพราะรู้ข้อกำจัดนี้อยู่แล้ว เผยเตรียมเก็บบทเรียนแพ้ลต.ท้องถิ่นไปปรับปรุงในทุกสนาม
 
เวลา 10.00 น. วันที่ 24 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวบนเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกนายก อบจ.ที่จังหวัดเชียงใหม่ พาดพิงการทำงานของพรรคประชาชนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้เห็นบุคลากรทางการเมืองระดับประเทศหลายคนมีส่วนร่วมกับกระบวนการท้องถิ่นหวังว่าจะทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลมีทางเลือกที่แตกต่างหลากหลาย และออกมาใช้สิทธิ์มากขึ้น
 
เข้าใจว่าสิ่งที่นายทักษิณพูดถึงพรรคประชาชนที่ตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นพรรคที่พูดเก่ง แต่ทำไม่เป็นสิทธิ์ของนายทักษิณที่จะมีความเห็นได้ แต่ขอตั้งข้อสังเกตุกลับไปกลับว่านายทักษิณได้ตั้งข้อสังเกตุกับรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือไม่หากย้อนดูผลงานรัฐบาลที่ผ่านมายังมีหลายอย่างที่การกระทำไม่สอดคล้องกับคำพูด โดยมีตัวอย่างที่เกิดไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา และมีความสำคัญกับพี่น้องประชาชนคือ ค่าแรง ค่าไฟ และกฎหมายปฏิรูปกลาโหม
 
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เรื่องค่าแรงตอนกลางปีพยายามสื่อสารว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท ต่อวันในทุกจังหวัดทุกอาชีพทั่วประเทศ แต่เมื่อวาน ( 23 ธ.ค.) มติของคณะกรรมการค่าจ้าง หรือ (บอร์ดค่าจ้าง) มีการปรับขึ้นค่าแรงไม่ถึง 400 บาท ต่อวันสำหรับทุกจังหวัดเพราะมีเพียง 4 จังหวัด และ 1 อำเภอคือเกาะสมุยเท่านั้น
 
ส่วนเรื่องค่าไฟเมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้พูดว่าอยากให้ทุกส่วนมาดูแลเรื่องราคาพลังงานและค่าไฟ เพราะกระทบต่อค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนท แต่สิ่งที่นายกฯ กระทำหรือไม่ได้ประทำคือ ปล่อยปะละเลย คือไม่พยายามให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติออกมาเพื่อเป็นแนวทางให้ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ระงับสัญญารับซื้อไฟฟ้า 3,600 เมกะวัตต์ได้
 
ทั้งที่ทราบดีว่าสัญญาดังกล่าว เป็นกระบวนการที่หลายคนตั้งคำถามเรื่องการกีดกันการแข่งขันทางการค้า รวมถึงความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับนโยบสาย PPA ซึ่งนายกฯทราบดีว่าการปล่อยให้สัญญาดังกล่าวเดินหน้าต่อไปได้จะทำให้ค่าไฟแพงกว่าที่ควรจะเป็น
 
ถ้านายกฯ จะบอกว่าในฐานะประธาน กพช. ไม่มีอำนาจเพราะมีแต่ 1 เสียง ผมก็ต้องชวนพี่น้องประชาชนไปดูว่ารายชื่อของคณะกรรมการ กพช. ประมาณ 2 ใน 3 เป็นรัฐมนตรี ดังนั้นถ้าจะบอกว่านายกฯ ไม่มีอำนาจกำหนดทิศทางของ กพช. แสดงว่าเรากำลังบอกเหมือนกันว่านายกไม่มีอำนาจดำหนเทิศทางของ ครม.” นายพริษฐ์ กล่าว
 
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่าอีกส่วนคือกฎหมายกลาโหมที่ทุกคนทราบดีว่าในช่วง 1 เดือนทีผ่านมา ที่รัฐบาลประกาศว่าจะเดินหน้าแก้กฎหมายแต่ก็มีการถอนร่างนั้นออกไปทั้งๆที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งหมดเป็นเพียง3 ตัวอย่าง จาก 1 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าการกระทำขงรัฐบาลชุดนี้ได้สอดรับคำพูด คำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนถ้าจะอ้างว่า เป็นรัฐบาลผสมก็เลยผลักดันทุกอย่างที่พรรคเพื่อไทยต้องการไม่ได้ ก็ต้องเรียนตามตรงว่า ทั้ง 3 ตัวอย่างที่ตนพูดมาเป็นสัญญาที่ให้ไว้หลังจากมีรัฐบาลผสมแล้ว และรู้ข้อจำกัดนี้แล้ว
 
ผมไม่ติดใจสิ่งที่นายทักษิณพูดเพราะทุกคนก็มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาชนอยู่แล้ว ผมคิดว่าวันหนึ่งเราเป็นรัฐบาล เราสามารถทำตามนโยบายที่ให้ไว้หรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ในอนาคต และผมคิดว่า 1 ปี 3 เดือนที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถผลักดันนโยบายหลายอย่างได้สำเร็จ” นายพริษฐ์ กล่าว
 
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการหาเสียงในระดับท้องถิ่นอย่างไรเนื่องจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาผู้สมัครของพรรคยังไม่ได้ชัยชนะ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาโดยเฉพาะพื้นที่ ที่พรรคส่งอย่างเป็นทางการเป็นประสบการณ์ที่สำคัญที่พรรคจะเป็นต้องถอดบทเรียนและนำมาปรับปรุงการทำงานว่าจะสามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง เพื่อทำให้เราเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่น
 
ตนยืนยันว่าที่ผ่านมาแม้เราไม่ประสบชัยชนะได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ถ้าดูจากคะแนนเราเห็นถึงพัฒนการหลายอย่างในหลายสนามดีขึ้น แม้จะไม่ประสบชัยชนะก็ไม่ทำให้เราหมดกำลังใจและคิดว่าเราพยายามที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า
 
ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งระดับชาติ และท้องถิ่นก็อาจจะมีปัจจัยบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน ผมยืนยันว่าพรรคไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกประสบการณ์ทุกสนามที่เราได้มาประสบการณ์เราจะนำมาปรับปรุงการทำงานต่อไป และผมหวังว่าแม้การเลือกตั้งในรอบนี้จะเป็นเสาร์ก็อยากเชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิ์กันอเยอะๆ ช่วงนี้หลายคนอาจกลับบ้านในช่วงปีใหม่ก็อย่าลืมพูดคุยและลงตรางไว้ว่ามีการเลือกตั้งท้องถิ่นในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ เลือกตั้ง อบจ.และไม่ว่าจะเลือกใครก็ตามผมอยากเห็นประชาชนมาใช้สิทธิ์เยอะๆ ยิ่งการแข่งขันเข้มข้น และประชาชออกมาใช้สิทธิ์กันจำนวนมากเราก็จะได้ผู้นำท้องถิ่นที่ผลักดันนโยนบายที่เป็นประโยชน์กับพื้นที่มากที่สุด” นายพริษฐ์ กล่าว



พริษฐ์ ลุ้นบรรจุวาระร่างแก้รธน. 14-15 ม.ค.ถกสภาร่วม รับกังวลเสียงส.ว. โหวตไม่ถึง 1 ใน 3
https://www.matichon.co.th/politics/news_4969218

‘พริษฐ์’ เผยรอ ‘วันนอร์’ เซนบรรจุวาระแก้รธน. คาดเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภา 14-15 ม.ค.68 เชื่อ เสียงส.ส.ไม่มีปัญหาเพราะเป็นนโยบายรบ. กังวลแค่เสียงส.ว. 1 ใน 3 แนะ ‘นายกฯอิ๊งค์’ โน้มน้ามพรรคร่วมที่มีอิทธิพลต่อวุฒิสภา
 
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า จากการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาที่ประชุมมีมติว่าสามารถบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาได้และเป็นการเปิดทางไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้ง ตอนนี้รอเพียงประธานรัฐสภาเซ็นให้บรรจุระเบียบวาระการประชุม ซึ่งคาดว่าร่างดังกล่าวน่าจะถูกพิจารณาในวาระที่ 1 ของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้ในวันที่ 14-15 มกราคม 2568 ดังนั้นถ้ารัฐสภาเห็นชอบก็จะทำให้เราสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกระบวนจัดทำประมติ 2 ครั้งจะประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณกว่า 3 พันล้านบาท และจะทำให้เป้าหมายของรัฐบาลในการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 มีความเป็นไปได้
 
เมื่อวาน (23 ธ.ค.) ผมเห็น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ออกมาบอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรก็ไม่ทันปี 2570 แน่ ผมอยากเชิญชวนว่าอย่างเพิ่งยอมแพ้ ผมก็พยามยามอยู่ จึงอยากให้ท่านมาช่วยอีกแรง” นายพริษฐ์​กล่าว
 
เมื่อถามว่าเชื่อมั่นว่าจะผ่านหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ถ้าบรรจุก็ถือว่าผ่านด่านแรก ด่านที่สองคือจะได้เสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภาพอหรือไม่ซึ่งในฝั่งของ ส.ส.ตนหวังว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องกังวล เพราะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นคำสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้กับประชาชน ดังนั้น ก็จะเป็นสิ่งผูกมัด และผูกพันกับ ส.ส.รัฐบาลทุกคน เพราะไม่ได้เป็นนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่สิ่งที่เราคงต้องจับตาดูคือ ส.ว.จะเห็นชอบ 1 ใน 3 หรือไม่ ซึ่งถ้าคิดว่า ส.ส. กับ ส.ว.ต่างมีความคิดที่แยกจากกันชัดเจน เราก็คงต้องโน้มน้าว ส.ว.แต่ละคนให้มากที่สุด แต่ถ้าเชื่อว่าความจริง ความเห็นต่างระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. คือความเห็นต่างเดียวกัน ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล คนที่จะมีบทบาทสำคัญในการโน้มน้าวพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจมีอิทธิพลทางความคิดกับ ส.ว. คือ นายกรัฐมนตรี
 

 
“สว.นันทนา” รับหนังสือกลุ่มผู้เสียหายแชร์ AIMC Global
https://tna.mcot.net/politics-1465284

รัฐสภา 24 ธ.ค.-“สว.นันทนา” รับหนังสือกลุ่มผู้เสียหายแชร์ AIMC Global มูลค่ากว่า 241 ล้านบาท หลังยื่นเรื่องต่อดีเอสไอเงียบเกือบ 3 ปี คดีไม่คืบหน้า
 
กลุ่มผู้เสียหายแชร์ AIMC Global เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ขอให้ติดตามทวงถามคดี กรณีกลุ่มผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอลไอ) ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อให้ดำเนินคดี บริษัท AIMC Global หลังถูกหลอกชักชวนร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ แต่ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ตามที่โฆษณาไว้ ทำให้สมาชิกได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และปัจจุบันยังมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเรียกร้องเงินเยียวยาเงินคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป โดยขอให้ช่วยตรวจสอบ ติดตามการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อบริษัทดังกล่าว ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาสามารถใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 150 ร่วมตรวจสอบในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติอีกทางหนึ่งด้วย

สว.นันทนา กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจาก SCG CORPORATION หรือ AIMC GLOBAL หรือ MAXNA INFINITY ชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทนในสกุลเงินดิจิตอลเหรียญคริปโต (USDT) ผ่านเอ็กเช้น โดยโฆษณาจูงใจด้วยผลตอบแทนสูงอ้างว่าจะนำไปลงทุนในธุรกิจที่มีกำไรดี แต่สุดท้ายเราไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้ตามที่โฆษณาไว้ ทำให้สมาชิกได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 12 ม.ค.65 กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันไปร้องเรียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นครั้งแรก ต่อมาในวันที่ 17 ม.ค. 65 ทางดีเอสไอ มีหนังสืบแจ้งกลับว่า แจ้งรับเรื่องไว้แล้วอยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเบื้องต้น ในวันที่ 26 ม.ค.65 ทางดีเอสไอ มีหนังสือแจ้งกลับตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้พิจารณากรณีดังกล่าว และมอบหมายให้กองบริหารคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยในระหว่างนี้ทางแอดมินได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอตลอด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ เช่น การรวบรวมหลักฐาน และสรุปความเสียหายให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของดีเอสไอ คือ 100 ล้านบาท หรือ ผู้เสียหายเกิน 300 คน จนกระทั่งในวันที่ 18 มี.ค.65 ทางดีเอสไอมีหนังสือแจ้งกลับว่า กรณีดังกล่าวไม่เข้าข่ายความผิดแต่เพื่อเป็นยุติธรรรมทางดีเอสไอจะส่งเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนผู้เสียหายทั้งหมดไปที่ 3 หน่วยงาน คือ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสรรพากร โดยในระหว่างที่เรื่องถูกส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทางแอดมินยังคงติดต่อกับทางตำรวจสอบสวนกลางอยู่ และส่งข้อมูลพร้อมทั้งติดต่อประสานงานกันกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอย่างต่อเนื่อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่